ให้การชูใจแก่บรรดาผู้โศกเศร้า
ให้การชูใจแก่บรรดาผู้โศกเศร้า
“พระยะโฮวาได้ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ . . . เพื่อเล้าโลมบรรดาคนโศกเศร้า.”—ยะซายา 61:1, 2.
1, 2. เราควรให้การชูใจแก่ใคร และเพราะเหตุใด?
พระยะโฮวา พระเจ้าแห่งการชูใจที่แท้จริงทุกอย่าง ทรงสอนเราให้ห่วงใยผู้ที่ประสบความทุกข์ลำบาก. พระองค์สอนเราให้ “พูดปลอบโยนจิตวิญญาณที่หดหู่ใจ” และพูดชูใจบรรดาผู้โศกเศร้า. (1 เธซะโลนิเก 5:14, ล.ม.) เมื่อใดที่จำเป็น เราให้การช่วยเหลือดังกล่าวแก่เพื่อนร่วมนมัสการ. เรายังแสดงความรักต่อคนนอกประชาคมด้วย แม้แต่กับคนที่อาจไม่เคยแสดงความรักใด ๆ กับเรามาก่อน.—มัดธาย 5:43-48; ฆะลาเตีย 6:10.
2 พระเยซูคริสต์อ่านคำพยากรณ์เกี่ยวกับงานมอบหมายและใช้ข้อนั้นกับพระองค์เองดังนี้: “พระวิญญาณแห่งพระยะโฮวาเจ้าองค์บรมมหิศรสถิตบนข้าพเจ้า เพราะเหตุที่พระยะโฮวาได้เจิมข้าพเจ้าให้ประกาศข่าวดีแก่คนถ่อม. พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้สมานหัวใจที่ชอกช้ำ . . . ให้เล้าโลมบรรดาผู้เศร้าโศก.” (ยะซายา 61:1, 2, ล.ม.; ลูกา 4:16-19) คริสเตียนผู้ถูกเจิมในสมัยปัจจุบันเข้าใจมานานแล้วว่านี่เป็นงานมอบหมายสำหรับพวกเขาด้วย และ “แกะอื่น” ก็ร่วมทำงานนี้กับพวกเขาด้วยความยินดี.—โยฮัน 10:16.
3. ถ้าผู้คนถามว่า “ทำไมพระเจ้ายอมให้เกิดความทุกข์ลำบาก?” เราอาจช่วยพวกเขาอย่างไร?
* อย่างไรก็ตาม ในตอนเริ่มแรก สำหรับบางคน แค่ได้ดูบางข้อจากคัมภีร์ไบเบิลเช่นที่ยะซายา 61:1, 2 ก็ปรากฏว่าเป็นการชูใจแก่พวกเขาแล้ว เนื่องจากข้อนั้นแสดงว่าพระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์ได้รับการชูใจ.
3 เมื่อเกิดความหายนะที่ทำให้ผู้คนหัวใจสลาย บ่อยครั้งพวกเขาถามว่า “ทำไมพระเจ้าทรงยอมให้เกิดความทุกข์ลำบาก?” คัมภีร์ไบเบิลให้คำตอบที่กระจ่างชัดสำหรับคำถามนี้. อย่างไรก็ตาม บางคนที่ไม่ใช่นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลมาก่อนอาจต้องใช้เวลาเพื่อจะเข้าใจคำตอบได้อย่างเต็มที่. สรรพหนังสือของพยานพระยะโฮวาช่วยได้มากในเรื่องนี้.4. พยานฯ คนหนึ่งในโปแลนด์สามารถช่วยเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่หดหู่ใจได้อย่างไร และประสบการณ์นี้ช่วยคุณอย่างไรในการช่วยคนอื่น ๆ?
4 ทั้งผู้เยาว์และผู้สูงอายุต่างต้องการการชูใจ. วัยรุ่นที่หดหู่ใจคนหนึ่งในโปแลนด์ขอคำแนะนำจากคนที่รู้จักกัน. โดยใช้คำถามอย่างกรุณา เพื่อนของเธอ ซึ่งเป็นพยานพระยะโฮวา จึงรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ท่วมท้นไปด้วยคำถามและข้อสงสัยที่ว่า “ทำไมจึงมีความชั่วมากมายเหลือเกิน? ทำไมผู้คนต้องทนทุกข์? ทำไมน้องสาวของฉันต้องมาเป็นอัมพาต? ทำไมฉันถึงเป็นโรคหัวใจ? ที่โบสถ์สอนว่าพระเจ้าประสงค์จะให้เป็นไปอย่างนั้น. ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น ฉันจะเลิกเชื่อถือในพระองค์!” พยานฯ คนนี้อธิษฐานในใจถึงพระยะโฮวาแล้วพูดกับเธอว่า “ฉันดีใจที่เธอถามฉันเรื่องนี้. ฉันจะพยายามช่วยเธอ.” เธอเล่าว่าเธอเองก็เคยสงสัยตอนที่เป็นเด็ก ๆ และพยานพระยะโฮวาได้ช่วยไขข้อข้องใจให้เธอ. เธออธิบายว่า “ฉันได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นเหตุให้ผู้คนประสบความทุกข์. พระองค์รักพวกเขา, ประสงค์สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา, และในอีกไม่ช้า พระองค์จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่บนแผ่นดินโลก. ความเจ็บป่วย, ปัญหาเนื่องจากวัยชรา, และความตายจะไม่มีอีกต่อไป และคนที่เชื่อฟังพระเจ้าจะมีชีวิตตลอดไป—บนลูกโลกนี้แหละ.” เธอเปิดข้อคัมภีร์ให้เพื่อนดูที่วิวรณ์ 21:3, 4; โยบ 33:25; ยะซายา 35:5-7 และ 65:21-25. หลังจากได้คุยกันอยู่นาน หญิงสาวคนนี้กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่า “ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าฉันมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร. ฉันจะมาหาเธออีกได้ไหม?” มีการจัดการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับเธอสัปดาห์ละสองครั้ง.
ด้วยการชูใจที่มาจากพระเจ้า
5. เมื่อเราแสดงความเห็นอกเห็นใจ อะไรจะเป็นสิ่งที่ให้การชูใจที่แท้จริง?
5 เมื่อเราพยายามชูใจคนอื่น ย่อมเหมาะสมที่จะใช้ถ้อยคำที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ. เราพยายามพูดกับผู้โศกเศร้าโดยใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงที่ถ่ายทอดความห่วงใยจากใจจริงเกี่ยวกับสภาพการณ์ของเขา. คำพูดปลอบโยนทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีความหมายอะไรอย่างแท้จริงคงไม่ได้ช่วยให้การชูใจบรรลุผล. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “โดยการอดทนของเราและโดยการชูใจจากพระคัมภีร์ เราจะมีความหวัง.” (โรม 15:4, ล.ม.) โดยคำนึงถึงเรื่องนี้ เราอาจอธิบายในโอกาสที่เหมาะสมว่า ราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร และเราอาจแสดงให้เห็นจากคัมภีร์ไบเบิลว่า ราชอาณาจักรจะแก้ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างไร. จากนั้น เราอาจหาเหตุผลว่าทำไมความหวังดังกล่าวจึงวางใจได้. โดยวิธีนี้ เราจึงจะให้การชูใจ.
6. เราควรช่วยผู้คนให้เข้าใจในเรื่องอะไรบ้างเพื่อพวกเขาจะได้ประโยชน์เต็มที่จากการชูใจที่มาจากพระคัมภีร์?
6 เพื่อผู้คนจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการชูใจของ
เรา เขาต้องรู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้, รู้ว่าพระองค์เป็นบุคคลชนิดใด, และรู้ว่าคำสัญญาต่าง ๆ ของพระองค์เชื่อถือได้. เมื่อเราพยายามช่วยคนที่ยังไม่ได้เป็นผู้นมัสการพระยะโฮวานับว่าดีที่จะอธิบายจุดต่อไปนี้. (1) คำชูใจที่พบในคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระยะโฮวา พระเจ้าองค์เที่ยงแท้. (2) พระยะโฮวาเป็นองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ เป็นพระผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก. พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความรัก บริบูรณ์ด้วยความกรุณารักใคร่และความจริง. (3) เราจะได้รับการเสริมกำลังเพื่อทนต่อสภาพการณ์ต่าง ๆ ได้ หากเราเข้าใกล้พระเจ้าโดยรับเอาความรู้ถ่องแท้จากพระคำของพระองค์. (4) คัมภีร์ไบเบิลมีข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับความยากลำบากเฉพาะอย่างที่เราแต่ละคนประสบ.7. (ก) การเน้นว่าความชูใจที่พระเจ้าให้ “เนื่องจากพระคริสต์ก็มาก” อาจบรรลุผลอะไร? (ข) คุณอาจให้การชูใจอย่างไรแก่บางคนที่สำนึกถึงความประพฤติที่ไม่ดีของตน?
7 บางคนได้ให้การชูใจฝ่ายวิญญาณแก่ผู้โศกเศร้าซึ่งคุ้นเคยกับคัมภีร์ไบเบิลโดยอ่าน 2 โกรินโธ 1:3-7. เมื่ออ่านข้อเหล่านี้ พวกเขาได้เน้นข้อความที่ว่า “ความชูใจของเราเนื่องจากพระคริสต์ก็มาก.” ข้อพระคัมภีร์นี้อาจช่วยผู้คนให้ตระหนักว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นแหล่งแห่งการชูใจที่เขาน่าจะให้ความสนใจมากขึ้น. ข้อนี้ยังอาจใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการสนทนากันในโอกาสต่อไป. หากผู้คนรู้สึกว่าปัญหาของเขาเป็นผลจากสิ่งไม่ดีที่เขาได้ทำไป ในกรณีนั้น โดยไม่ตัดสินสิ่งที่เขาได้ทำไป เราอาจบอกเขาว่าข้อความใน 1 โยฮัน 2:1, 2 และบทเพลงสรรเสริญ 103:11-14 จะให้การชูใจเขา. ด้วยวิธีเหล่านี้ เราชูใจผู้อื่นด้วยการชูใจที่มาจากพระเจ้าอย่างแท้จริง.
เมื่อชีวิตได้รับผลเสียหายจากความรุนแรงหรือความยากลำบากทางเศรษฐกิจ
8, 9. จะให้การชูใจที่เหมาะสมได้อย่างไรแก่คนที่ประสบความรุนแรง?
8 ชีวิตของผู้คนนับไม่ถ้วนได้รับความเสียหายเนื่องจากความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงจากอาชญากรรมในชุมชนหรือความรุนแรงจากสงคราม. เราจะชูใจพวกเขาได้อย่างไร?
9 คริสเตียนแท้ระวังทั้งคำพูดและการกระทำที่จะไม่แสดงว่าพวกเขาเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ต่อสู้กันในโลกนี้. (โยฮัน 17:16) แต่พวกเขาเลือกใช้ข้อพระคัมภีร์ที่เหมาะเพื่อแสดงให้เห็นว่าสภาพการณ์ที่รุนแรงในปัจจุบันจะไม่เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป. พวกเขาอาจอ่านบทเพลงสรรเสริญ 11:5 เพื่อแสดงว่าพระยะโฮวารู้สึกอย่างไรต่อผู้ที่ชอบความรุนแรง หรืออ่านบทเพลงสรรเสริญ 37:1-4 เพื่อชี้ว่าพระเจ้าไม่สนับสนุนให้เราตอบโต้แบบเดียวกันนั้นด้วยตัวเราเอง แต่ให้เราวางใจในพระเจ้า. ถ้อยคำในบทเพลงสรรเสริญ 72:12-14 แสดงว่าพระเยซูคริสต์ ซะโลโมผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งกำลังปกครองเป็นกษัตริย์ในสวรรค์ ทรงรู้สึกเช่นไรต่อผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง.
10. หากคุณมีชีวิตอยู่ในช่วงสงครามมานานหลายปี ข้อคัมภีร์ที่มีการอ้างถึงจะให้การชูใจคุณได้อย่างไร?
10 บางคนมีชีวิตท่ามกลางสภาพการณ์ที่มีการสู้รบกันครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ฝ่ายต่าง ๆ ต่อสู้กันเพื่อช่วงชิงอำนาจ. พวกเขาถือว่าสงครามและผลพวงที่ตามมาเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต. ทางออกที่เป็นความหวังอย่างเดียวที่พวกเขามองเห็นก็คือสิ่งต่าง ๆ อาจดีขึ้นถ้าพวกเขาสามารถหนีไปยังดินแดนอื่น. แต่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ และหลายคนเสียชีวิตขณะพยายามหลบหนี. คนเหล่านั้นที่หนีไปอยู่ในอีกดินแดนหนึ่งได้สำเร็จ บ่อยครั้งก็พบว่าพวกเขาเพียงแต่หนีจากปัญหาหนึ่งไปเจออีกปัญหาหนึ่ง. เราอาจใช้บทเพลงสรรเสริญ 146:3-6 เพื่อช่วยคนเหล่านั้นให้ฝากความหวังไว้กับบางสิ่งที่ไว้วางใจได้มากกว่าการย้ายถิ่นฐาน. คำพยากรณ์ที่มัดธาย 24:3, 7, 14 หรือ 2 ติโมเธียว 3:1-5 อาจช่วยพวกเขาให้เห็นภาพรวมและความหมายของสภาพการณ์ต่าง ๆ ที่พวกเขาประสบได้ดีขึ้น นั่นคือ เรากำลังมีชีวิตอยู่ช่วงปลายของสมัยสุดท้ายแห่งระบบเก่านี้. ข้อคัมภีร์อย่างเช่นบทเพลงสรรเสริญ 46:1-3, 8, 9 และ ยะซายา 2:2-4 อาจช่วยพวกเขาให้ตระหนักว่ามีความหวังจริง ๆ สำหรับอนาคตที่มีสันติสุข.
11. พระคัมภีร์ข้อใดบ้างที่ให้การชูใจแก่สตรีผู้หนึ่งในแอฟริกาตะวันตก และเพราะเหตุใด?
11 ระหว่างที่สงครามกำลังดำเนินอยู่ในแอฟริกาตะวันตก สตรีคนหนึ่งหนีออกจากบ้านท่ามกลางห่ากระสุน. ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยความกลัว, ความทุกข์โศก, และความผิดหวังที่ปวดร้าวใจ. ต่อมา ขณะที่ครอบครัวนี้อาศัยฟิลิปปอย 4:6, 7 และบทเพลงสรรเสริญ 55:22 พร้อมกับบทความที่อาศัยพระคัมภีร์จากหอสังเกตการณ์ และตื่นเถิด! เธอจึงพบการชูใจและจุดมุ่งหมายของชีวิตในที่สุด.
อยู่ในอีกประเทศหนึ่ง สามีของเธอได้ตัดสินใจเผาใบสำคัญการสมรส แล้วไล่ภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์กับลูกชายอายุสิบขวบออกจากบ้าน เพื่อตัวเองจะเป็นบาทหลวง. เมื่อได้ให้สตรีคนนี้อ่าน12. (ก) พระคัมภีร์ให้การบรรเทาเช่นไรแก่ผู้คนที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ? (ข) พยานฯ คนหนึ่งในเอเชียสามารถช่วยลูกค้าได้โดยวิธีใด?
12 ความหายนะทางเศรษฐกิจได้ก่อผลเสียหายแก่ชีวิตของหลายล้านคน. บางครั้ง สิ่งนี้เป็นผลมาจากสงครามและผลพวงของสงครามเช่นกัน. บางครั้ง นโยบายที่ไม่สุขุมของรัฐบาลประกอบกับความโลภและความไม่ซื่อสัตย์ของผู้มีอำนาจทำให้ประชาชนสูญเสียเงินออมและต้องสูญเสียกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตน. ส่วนอีกหลายคนไม่เคยมีทรัพย์สิ่งของมากมายหลายอย่างในโลกนี้. คนเหล่านี้ทั้งสิ้นสามารถได้รับการชูใจเมื่อรู้ว่าพระเจ้าทรงรับรองว่าผู้ที่วางใจพระองค์จะได้รับการบรรเทาและทรงรับประกันว่าจะมีโลกอันชอบธรรมที่ผู้คนจะชื่นชมกับการงานโดยน้ำมือของเขา. (บทเพลงสรรเสริญ 146:6, 7; ยะซายา 65:17, 21-23; 2 เปโตร 3:13) เมื่อพยานฯ คนหนึ่งในประเทศแถบเอเชียได้ยินลูกค้าในร้านแสดงความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศนั้น เธอจึงอธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้าย ๆ กันทั่วโลก. มีการพิจารณามัดธาย 24:3-14 และบทเพลงสรรเสริญ 37:9-11 ซึ่งนำไปสู่การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกันเป็นประจำ.
13. (ก) เมื่อผู้คนผิดหวังกับคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ มากมาย เราอาจใช้คัมภีร์ไบเบิลเพื่อช่วยพวกเขาอย่างไร? (ข) ถ้าผู้คนรู้สึกว่าสภาพการณ์ย่ำแย่เป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีพระเจ้า คุณอาจพยายามหาเหตุผลกับพวกเขาอย่างไร?
13 เมื่อผู้คนทนทุกข์เป็นเวลาหลายปีหรือผิดหวังกับคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ มากมาย พวกเขาอาจเป็นเหมือนชาวอิสราเอลในอียิปต์ซึ่ง “ระอาใจ” ไม่ฟัง. (เอ็กโซโด 6:9) ในกรณีเช่นนั้น อาจเป็นประโยชน์ที่จะเน้นวิธีต่าง ๆ ที่คัมภีร์ไบเบิลสามารถช่วยพวกเขาให้รับมือกับปัญหาในปัจจุบันอย่างประสบผลสำเร็จและหลีกเลี่ยงหลุมพรางที่ก่อผลเสียหายแก่ชีวิตของหลายคนโดยไม่จำเป็น. (1 ติโมเธียว 4:8ข) บางคนอาจถือว่าสภาพการณ์ย่ำแย่ที่พวกเขาประสบเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระเจ้าไม่มีหรือพระองค์ไม่ใฝ่พระทัยพวกเขา. คุณอาจหาเหตุผลโดยอาศัยข้อคัมภีร์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยพวกเขาให้ตระหนักว่าพระเจ้าได้เสนอความช่วยเหลือแล้ว แต่หลายคนไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากพระองค์.—ยะซายา 48:17, 18.
เมื่อประสบภัยจากพายุหรือแผ่นดินไหว
14, 15. ขณะที่ความหายนะอย่างหนึ่งทำให้หลายคนอยู่ในภาวะตกตะลึง พยานพระยะโฮวาแสดงความห่วงใยอย่างไร?
14 ความหายนะอาจเกิดขึ้นเนื่องจากพายุ, แผ่นดินไหว, ไฟไหม้, หรือการระเบิด. ความทุกข์ระทมอาจมีไปทั่ว. เราอาจทำอะไรได้บ้างเพื่อนำการชูใจมาสู่ผู้รอดชีวิต?
15 ผู้คนจำเป็นต้องได้รู้ว่ามีใครสักคนที่ห่วงใยเขา. หลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในประเทศหนึ่ง ผู้คนมากมายอยู่ในภาวะตกตะลึง. หลายคนท่ามกลางพวกเขาสูญเสียสมาชิกครอบครัว, ผู้หาเลี้ยงครอบครัว, เพื่อน, งาน, หรือความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยไม่ว่าในด้านใดที่พวกเขาเคยคิดว่าตนมี. พยานพระยะโฮวาให้ความช่วยเหลือแก่คนเหล่านั้นในชุมชนของตน โดยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของพวกเขา และให้คำชูใจจากคัมภีร์ไบเบิล. หลายคนหยั่งรู้ค่ามากต่อความห่วงใยของเรา.
16. เมื่อเกิดภัยพิบัติในภูมิภาคหนึ่งของเอลซัลวาดอร์ ทำไมการเผยแพร่ของพยานฯ ท้องถิ่นจึงบังเกิดผลอย่างมาก?
16 ในปี 2001 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในเอลซัลวาดอร์ตามมาด้วยการถล่มของโคลนจำนวนมหาศาลที่ไหล่บ่าคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก. ลูกชายวัย 25 ปีของพยานฯ คนหนึ่งพร้อมกับน้องสาวสองคนของคู่หมั้นของลูกชายเสียชีวิต. แม่ของชายหนุ่มคนนี้และคู่หมั้นของเขาเริ่มออกไปในงานเผยแพร่โดยไม่ชักช้า. หลายคนบอกเธอสองคนว่าพระเจ้านั่นเองที่เอาตัวผู้เสียชีวิตเหล่านี้ไป หรือบอกว่านั่นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า. พยานฯ ทั้งสองนี้อ้างถึงสุภาษิต 10:22 เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราประสบความทุกข์ปวดร้าว. พวกเธออ่านโรม 5:12 เพื่อแสดงว่าความตายเกิดขึ้นเนื่องจากบาปของมนุษย์ ไม่ใช่เพราะเป็น พระประสงค์ของพระเจ้า. พวกเธอยังได้ชี้ถึงข่าวสารที่ให้การชูใจซึ่งพบในบทเพลงสรรเสริญ 34:18, บทเพลงสรรเสริญ 37:29, ยะซายา 25:8, และ วิวรณ์ 21:3, 4. ผู้คนพร้อมจะฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากหญิงสองคนนี้สูญเสียสมาชิกครอบครัวในภัยพิบัตินั้น และทั้งสองสามารถเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลหลายราย.
17. ในยามที่เกิดภัยพิบัติ เราอาจให้การช่วยเหลืออะไรได้บ้าง?
17 เมื่อเกิดภัยพิบัติ คุณอาจพบใครบางคนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือโดยด่วน. นี่อาจหมายรวมถึงการช่วยตามหมอ, ช่วยพาไปหาหมอ, หรือทำอะไรก็ตามที่ทำได้เพื่อจัดหาอาหารและที่พัก. ในปี 1998 ช่วงที่เกิดภัยพิบัติอย่างหนึ่งในอิตาลี นักหนังสือพิมพ์คนหนึ่งได้สังเกตว่าพยานพระยะโฮวา “ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยโดยไม่คำนึงว่าคนเหล่านั้นจะเป็นสมาชิกของศาสนาใด.” ในบางแห่ง เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีการพยากรณ์ไว้เกี่ยวกับสมัยสุดท้ายก่อความทุกข์ลำบากอย่างหนัก. ในที่เหล่านั้น พยานพระยะโฮวาได้ชี้ให้เห็นคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล และให้การชูใจแก่ผู้คนด้วยคำรับรองจากคัมภีร์ไบเบิลว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะนำความปลอดภัยที่แท้จริงมาสู่มนุษยชาติ.—สุภาษิต 1:33; มีคา 4:4.
เมื่อสมาชิกครอบครัวเสียชีวิต
18-20. เมื่อมีใครในครอบครัวหนึ่งเสียชีวิต คุณอาจพูดหรือทำอะไรได้เพื่อชูใจพวกเขา?
18 ทุก ๆ วัน ผู้คนจำนวนมากมายโศกเศร้าเนื่องด้วยการตายของผู้เป็นที่รัก. คุณอาจพบกับผู้คนที่โศกเศร้าขณะทำงานเผยแพร่ของคริสเตียนหรือขณะทำภารกิจในชีวิตประจำวัน. คุณจะพูดหรือทำอะไรได้บ้างเพื่อชูใจพวกเขา?
19 คนนั้นอยู่ในสภาพปั่นป่วนทางอารมณ์ไหม? บ้านของเขาเต็มไปด้วยญาติ ๆ ที่โศกเศร้าไหม? คุณอาจมีหลายสิ่งที่อยากพูด แต่จำต้องใช้ดุลพินิจที่ดี. (ท่านผู้ประกาศ 3:1, 7) บางที สิ่งที่เหมาะสมคือการแสดงความเห็นใจ และให้สิ่งพิมพ์ที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลที่เหมาะสมสักอย่างหนึ่ง (จุลสาร, วารสาร, หรือแผ่นพับ) และหลังจากนั้นสองสามวัน ก็กลับไปเยี่ยมเพื่อดูว่าจะให้ความช่วยเหลืออะไรได้อีกหรือไม่. ถ้า สบโอกาสที่เหมาะ เสนอที่จะแบ่งปันข้อคิดที่หนุนใจบางอย่างจากคัมภีร์ไบเบิล. การทำเช่นนี้อาจยังผลให้มีใจสงบลงและเป็นการเยียวยา. (สุภาษิต 16:24; 25:11) คุณไม่สามารถปลุกคนตายอย่างที่พระเยซูได้ทำ. แต่คุณสามารถบอกถึงสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับสภาพของคนตายได้ แม้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะพยายามหักล้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง. (บทเพลงสรรเสริญ 146:4; ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10; ยะเอศเคล 18:4) คุณอาจอ่านคำสัญญาในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายด้วยกันกับเขา. (โยฮัน 5:28, 29; กิจการ 24:15) คุณอาจพิจารณาว่าคำสัญญาดังกล่าวหมายความอย่างไร โดยอาจใช้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการกลับเป็นขึ้นจากตายในคัมภีร์ไบเบิล. (ลูกา 8:49-56; โยฮัน 11:39-44) นอกจากนั้น นำความสนใจของเขาไปสู่คุณลักษณะต่าง ๆ ของพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรัก ผู้ประทานความหวังเช่นนั้นให้แก่เรา. (โยบ 14:14, 15; โยฮัน 3:16) อธิบายว่าตัวคุณเองได้รับประโยชน์เช่นไรจากคำสอนเหล่านี้ และทำไมคุณจึงมั่นใจในคำสัญญาดังกล่าว.
20 การเชิญผู้โศกเศร้าไปที่หอประชุมราชอาณาจักรอาจช่วยเขาให้รู้จักกับผู้คนที่มีความรักแท้ต่อเพื่อนบ้านและที่รู้วิธีเสริมสร้างกันและกัน. สตรีผู้หนึ่งในสวีเดนพบว่าผู้คนเช่นนี้แหละที่เธอได้ค้นหามาตลอดชีวิต.—โยฮัน 13:35; 1 เธซะโลนิเก 5:11.
21, 22. (ก) เราต้องทำอะไรเพื่อจะให้การชูใจ? (ข) คุณจะให้การชูใจแก่ผู้ที่รู้พระคัมภีร์ดีอยู่แล้วได้อย่างไร?
21 เมื่อคุณรู้ว่ามีใครสักคนกำลังโศกเศร้า ไม่ว่าเขาจะเป็นคนภายในหรือภายนอกประชาคมคริสเตียน บางครั้งคุณรู้สึกไม่แน่ใจไหมว่าจะพูดหรือทำอะไรดี? คำในภาษากรีกที่มักมีการแปลว่า “การชูใจ” ในคัมภีร์ไบเบิล ตามตัวอักษรหมายถึง “การเรียกให้มาอยู่ข้าง ๆ.” การเป็นผู้ชูใจที่แท้จริงหมายถึงการพร้อมจะช่วยเหลือหรืออยู่เคียงข้างผู้ที่กำลังโศกเศร้า.—สุภาษิต 17:17.
22 แต่จะว่าอย่างไรหากผู้ที่คุณต้องการจะชูใจนั้นรู้สิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับความตาย, ค่าไถ่, และการกลับเป็นขึ้นจากตายอยู่แล้ว? การมีเพื่อนผู้มีความเชื่ออย่างเดียวกันอยู่ด้วยก็เป็นการชูใจอยู่แล้ว. ถ้าเขาอยากพูด จงเป็นผู้ฟังที่ดี. อย่าคิดว่าคุณต้องสอนอะไรเขา. ถ้ามีการอ่านข้อพระคัมภีร์ ให้ถือว่าข้อเหล่านั้นเป็นถ้อยคำของพระเจ้าที่ให้กำลังใจแก่ทั้งเขาและคุณ. จงแสดงออกถึงความเชื่อมั่นอย่างไม่สั่นคลอนที่ทั้งคุณและเขามีในความแน่นอนของสิ่งที่สัญญาไว้ในพระคัมภีร์. โดยการสะท้อนความเมตตาสงสารอย่างพระเจ้าและโดยการแบ่งปันความจริงอันล้ำค่าจากพระคำของพระเจ้า คุณสามารถช่วยผู้โศกเศร้าให้ได้รับการชูใจและกำลังจากพระยะโฮวา “พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง.”—2 โกรินโธ 1:3, ล.ม.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 3 ดูหนังสือความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ บท 8; การหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) หน้า 393-400, 427-431; พระผู้สร้างผู้ใฝ่พระทัยในตัวคุณมีไหม? บท 10; และจุลสารพระเจ้าทรงใฝ่พระทัยในพวกเราจริง ๆ หรือ?
คุณจะตอบอย่างไร?
• หลายคนโทษใครเมื่อเกิดความทุกข์ลำบาก และเราจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร?
• เราอาจทำอะไรเพื่อช่วยคนอื่น ๆ ให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากการชูใจที่มีในคัมภีร์ไบเบิล?
• มีสถานการณ์อะไรบ้างที่ก่อความโศกเศร้าแก่หลายคนในท้องถิ่นของคุณ และคุณจะชูใจพวกเขาได้อย่างไร?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 23]
การแบ่งปันข่าวสารที่ให้การชูใจที่แท้จริงในยามทุกข์ยาก
[ที่มาของภาพ]
Refugee camp: UN PHOTO 186811/J. Isaac
[ภาพหน้า 24]
การมีเพื่อนอยู่ด้วยก็เป็นการชูใจอยู่แล้ว