ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เหตุผลที่เราไม่อาจอยู่โดยลำพังอย่างสิ้นเชิงได้

เหตุผลที่เราไม่อาจอยู่โดยลำพังอย่างสิ้นเชิงได้

เหตุ​ผล​ที่​เรา​ไม่​อาจ​อยู่​โดย​ลำพัง​อย่าง​สิ้นเชิง​ได้

“สอง​คน​ก็​ดี​กว่า​คน​เดียว . . . ถ้า​คน​หนึ่ง​ล้ม​ลง, อีก​คน​หนึ่ง​จะ​ได้​พยุง​ยก​เพื่อน​ของ​ตน​ให้​ลุก​ขึ้น.”—กษัตริย์​ซะโลโม

กษัตริย์​ซะโลโม​แห่ง​อิสราเอล​โบราณ​ทรง​ประกาศ​ว่า “สอง​คน​ก็​ดี​กว่า​คน​เดียว, เพราะ​ว่า​เขา​ทั้ง​สอง​ได้​รับ​ผล​ของ​งาน​ดี​กว่า. ด้วย​ว่า​ถ้า​คน​หนึ่ง​ล้ม​ลง, อีก​คน​หนึ่ง​จะ​ได้​พยุง​ยก​เพื่อน​ของ​ตน​ให้​ลุก​ขึ้น; แต่​วิบัติ​แก่​ผู้​นั้น​ที่​อยู่​ผู้​เดียว​เมื่อ​ล้ม​ลง, และ​ไม่​มี​ผู้​อื่น​พยุง​ยก​ตน​ให้​ลุก​ขึ้น.” (ท่าน​ผู้​ประกาศ 4:9, 10) โดย​กล่าว​เช่น​นั้น นัก​สังเกตการณ์​ที่​ชาญ​ฉลาด​เกี่ยว​กับ​พฤติกรรม​ของ​มนุษย์​ผู้​นี้​ได้​เน้น​ความ​จำเป็น​ที่​เรา​ต้อง​มี​เพื่อน​และ​เน้น​ความ​สำคัญ​ของ​การ​ไม่​แยก​ตัว​อยู่​โดด​เดี่ยว. อย่าง​ไร​ก็​ดี นี่​ไม่​ใช่​เป็น​เพียง​ความ​คิด​เห็น​ของ​มนุษย์. ถ้อย​คำ​ของ​ซะโลโม​เป็น​ผล​มา​จาก​สติ​ปัญญา​ของ​พระเจ้า​และ​การ​ดล​ใจ​จาก​พระองค์.

การ​แยก​ตัว​อยู่​โดด​เดี่ยว​นับ​ว่า​ไม่​ฉลาด. คน​เรา​จำเป็น​ต้อง​ติด​ต่อ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​คน​อื่น. เรา​ทุก​คน​จำเป็น​ต้อง​มี​กำลัง​และ​ความ​ช่วยเหลือ​ซึ่ง​เรา​จะ​ได้​จาก​คน​อื่น. สุภาษิต​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ข้อ​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “คน​ที่​ปลีก​ตัว​ออก​ไป​จาก​ผู้​อื่น​จงใจ​จะ​ทำ​ตาม​ตน​เอง, และ​ค้าน​คติ​แห่ง​ปัญญา​อัน​ถูก​ต้อง​ทั้ง​หลาย.” (สุภาษิต 18:1) ดัง​นั้น ไม่​แปลก​ที่​นัก​สังคมศาสตร์​สนับสนุน​คน​เรา​ให้​เข้า​ร่วม​กลุ่ม​และ​สนใจ​คน​อื่น ๆ.

ใน​บรรดา​ข้อ​เสนอ​แนะ​สำหรับ​การ​ฟื้นฟู​ชีวิต​ใน​ชุมชน ศาสตราจารย์​โรเบิร์ต พุตแนม​กล่าว​ถึง “การ​เสริม​พลัง​ชักจูง​ของ​ความ​เชื่อ​ทาง​ศาสนา​ให้​เข้มแข็ง.” พยาน​พระ​ยะโฮวา​นับ​ว่า​เด่น​ใน​เรื่อง​นี้ เนื่อง​จาก​พวก​เขา​ได้​รับ​การ​ปก​ป้อง​ใน​ประชาคม​ที่​เป็น​ดุจ​ครอบครัว​ซึ่ง​มี​อยู่​ทั่ว​แผ่นดิน​โลก. สอดคล้อง​กับ​ถ้อย​คำ​ของ​อัครสาวก​เปโตร พวก​เขา “มี​ความ​รัก​ต่อ​สังคม​พี่​น้อง​ทั้ง​สิ้น” ผู้​ซึ่ง​มี​ความ​เคารพ “เกรง​กลัว​พระเจ้า.” (1 เปโตร 2:17, ล.ม.) พวก​พยาน​ฯ ยัง​หลีก​เลี่ยง​การ​แยก​ตัว​อยู่​โดด​เดี่ยว​และ​ผล​เสียหาย​จาก​การ​ทำ​เช่น​นั้น เพราะ​กิจกรรม​ใน​เชิง​สร้าง​สรรค์​หลาย​อย่าง​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​นมัสการ​แท้​ทำ​ให้​พวก​เขา​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​การ​ช่วยเหลือ​เพื่อน​บ้าน​ให้​เรียน​รู้​ความ​จริง​ที่​พบ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล พระ​คำ​ของ​พระเจ้า.—2 ติโมเธียว 2:15.

ความ​รัก​และ​มิตรภาพ​ได้​เปลี่ยน​ชีวิต​พวก​เขา

พยาน​พระ​ยะโฮวา​ประกอบ​กัน​เป็น​ชุมชน​ที่​เป็น​เอกภาพ​ซึ่ง​สมาชิก​ทุก​คน​มี​บทบาท​สำคัญ. ตัว​อย่าง​เช่น ขอ​พิจารณา​กรณี​ของ​มีเกล, ฟรอยลัน, และ​แอล​มา รูท สมาชิก​สาม​คน​ของ​ครอบครัว​เดียว​กัน​ใน​ลาติน​อเมริกา. พวก​เขา​เกิด​มา​พร้อม​กับ​ความ​ผิด​ปกติ​ของ​กระดูก​ซึ่ง​ทำ​ให้​ร่าง​กาย​แคระ​แกร็น. ทั้ง​สาม​คน​ต้อง​นั่ง​เก้าอี้​ล้อ. การ​คบหา​สมาคม​กับ​พวก​พยาน​ฯ มี​ผล​อย่าง​ไร​ต่อ​ชีวิต​ของ​พวก​เขา?

มีเกล​ออก​ความ​เห็น​ว่า “ผม​ได้​ผ่าน​ช่วง​วิกฤติ​มา​หลาย​ครั้ง แต่​เมื่อ​ผม​เริ่ม​คบหา​กับ​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา ชีวิต​ผม​ได้​เปลี่ยน​ไป. การ​แยก​ตัว​อยู่​โดด​เดี่ยว​เป็น​อันตรายมาก. การ​คบหา​สมาคม​กับ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ ณ การ​ประชุม​คริสเตียน อยู่​ร่วม​กับ​พวก​เขา​ทุก​สัปดาห์ ช่วย​ผม​มาก​ที​เดียว​ให้​ประสบ​ความ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ.”

แอล​มา รูท​กล่าว​เสริม​ว่า “ดิฉัน​เคย​ประสบ​ช่วง​เวลา​ที่​สลด​หดหู่​ใจ​อย่าง​รุนแรง; ดิฉัน​เคย​รู้สึก​เศร้า​ใจ​มาก ๆ. แต่​เมื่อ​ได้​เรียน​รู้​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​สามารถ​มี​สัมพันธภาพ​ใกล้​ชิด​กับ​พระองค์​ได้. นั่น​เป็น​สิ่ง​ที่​ล้ำ​ค่า​มาก​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​สำหรับ​ดิฉัน. ครอบครัว​ของ​ดิฉัน​ได้​เกื้อ​หนุน​เรา​มาก​มาย และ​นั่น​ทำ​ให้​เรา​เป็น​เอกภาพ​มาก​ขึ้น.”

คุณ​พ่อ​ของ​มีเกล​ได้​สอน​มีเกล​ด้วย​ความ​รัก​ให้​อ่าน​ออก​เขียน​ได้. ครั้น​แล้ว มีเกล​ได้​ช่วย​ฟรอยลัน​กับ​แอล​มา รูท​ให้​อ่าน​ออก​เขียน​ได้​เช่น​กัน. นี่​เป็น​ส่วน​สำคัญ​สำหรับ​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​พวก​เขา. แอล​มา รูท​กล่าว​ว่า “การ​เรียน​ที่​จะ​อ่าน​หนังสือ​ออก​เป็น​ประโยชน์​แก่​เรา​มาก เพราะ​ต่อ​มา​หลัง​จาก​นั้น​เรา​สามารถ​ได้​รับ​การ​บำรุง​เลี้ยง​ฝ่าย​วิญญาณ​โดย​การ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​สรรพหนังสือ​ที่​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก.”

ปัจจุบัน มีเกล​รับใช้​ฐานะ​คริสเตียน​ผู้​ปกครอง. ฟรอยลัน​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​จบ​ไป​แล้ว​เก้า​ครั้ง. แอล​มา รูท​ได้​ขยาย​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ออก​ไป​โดย​การ​เป็น​ผู้​เผยแพร่​ประเภท​ไพโอเนียร์ หรือ​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​เต็ม​เวลา ตั้ง​แต่​ปี 1996. เธอ​ออก​ความ​เห็น​ว่า “ด้วย​พระ​พร​จาก​พระ​ยะโฮวา ดิฉัน​ได้​บรรลุ​เป้า​นี้ ขณะ​ที่​ดิฉัน​ได้​รับ​การ​เกื้อ​หนุน​จาก​พี่​น้อง​หญิง​ที่​รัก​ของ​ดิฉัน​ซึ่ง​ไม่​เพียง​แต่​ช่วย​ดิฉัน​ใน​การ​ประกาศ​เท่า​นั้น แต่​ยัง​ช่วย​ดิฉัน​ให้​สอน เพื่อ​ดิฉัน​จะ​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล 11 ราย​ที่​ตัว​เอง​ได้​เริ่ม​ไว้​แล้ว.”

อีก​ตัว​อย่าง​หนึ่ง​ที่​ดี​คือ​เอ​มิ​เลีย​ซึ่ง​ได้​ประสบ​อุบัติเหตุ​ที่​ทำ​ให้​เธอ​ต้อง​ใช้​เก้าอี้​ล้อ​เนื่อง​จาก​การ​บาดเจ็บ​ที่​ขา​และ​กระดูก​สัน​หลัง. พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เม็กซิโก​ซิตี​ได้​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เธอ และ​เธอ​ได้​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี 1996. เอ​มิ​เลีย​กล่าว​ว่า “ก่อน​รู้​จัก​ความ​จริง ดิฉัน​ต้องการ​ฆ่า​ตัว​ตาย; ดิฉัน​ไม่​อยาก​มี​ชีวิต​อยู่​อีก​ต่อ​ไป. ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ช่าง​ไร้​ค่า​เหลือ​เกิน และ​ร้องไห้​ทั้ง​กลางวัน​และ​กลางคืน. แต่​เมื่อ​ได้​คบหา​กับ​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา ดิฉัน​รู้สึก​ถึง​ความ​รัก​ของ​สังคม​พี่​น้อง. ความ​สนใจ​เป็น​ส่วน​ตัว​ที่​พวก​เขา​แสดง​ต่อ​ดิฉัน​ทำ​ให้​มี​กำลังใจ. ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​เป็น​เหมือน​พี่​ชาย​หรือ​พ่อ​สำหรับ​ดิฉัน. เขา​และ​ผู้​ช่วย​งาน​รับใช้​บาง​คน​พา​ดิฉัน​ไป​ยัง​การ​ประชุม​และ​ใน​งาน​เผยแพร่​โดย​ที่​ดิฉัน​นั่ง​เก้าอี้​ล้อ.”

โฮเซ​ซึ่ง​ได้​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปี 1992 อยู่​คน​เดียว. เขา​อายุ 70 ปี ปลด​เกษียณ​ใน​ปี 1990. โฮเซ​เคย​รู้สึก​ซึมเศร้า แต่​หลัง​จาก​ที่​พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​ได้​ประกาศ​เผยแพร่​แก่​เขา​แล้ว เขา​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียนทันที. เขา​ชอบ​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​และ​เห็น​ที่​นั่น. ตัว​อย่าง​เช่น เขา​ได้​สังเกต​เห็น​ความ​เป็น​มิตร​ของ​พวก​พี่​น้อง​และ​รู้สึก​ถึง​ความ​ห่วงใย​ที่​พี่​น้อง​มี​ให้​เขา​เป็น​ส่วน​ตัว. ตอน​นี้​ผู้​ปกครอง​และ​ผู้​ช่วย​งาน​รับใช้​ใน​ประชาคม​ดู​แล​เอา​ใจ​ใส่​เขา. (ฟิลิปปอย 1:1; 1 เปโตร 5:2) เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ดัง​กล่าว​เป็น “ผู้​ช่วย​เสริม​กำลัง” เขา. (โกโลซาย 4:11, ล.ม.) คน​เหล่า​นี้​พา​เขา​ไป​หา​หมอ, มา​เยี่ยม​ที่​บ้าน, และ​ได้​ให้​กำลังใจ​เขา​ระหว่าง​รับ​การ​ผ่าตัด​สี่​ครั้ง. เขา​กล่าว​ว่า “พวก​เขา​แสดง​ความ​ห่วงใย​ผม. พวก​เขา​เป็น​ครอบครัว​ของ​ผม​อย่าง​แท้​จริง. ผม​ชอบ​ความ​เป็น​เพื่อน​ของ​พวก​เขา.”

การ​ให้​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​แท้

เมื่อ​กษัตริย์​ซะโลโม​ตรัส​ว่า “สอง​คน​ก็​ดี​กว่า​คน​เดียว” ท่าน​เพิ่ง​กล่าว​ถึง​ความ​ไร้​ประโยชน์​ของ​การ​ทุ่มเท​พลัง​ทั้ง​สิ้น​ของ​คน​เรา​เพื่อ​ได้​มา​ซึ่ง​ความ​มั่งคั่ง​ทาง​วัตถุ. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 4:7-9) นั่น​แหละ​เป็น​สิ่ง​ที่​หลาย​คน​มุ่ง​ติด​ตาม​ด้วย​ใจ​จดจ่อ​ใน​ทุก​วัน​นี้ ถึง​แม้​นี่​หมาย​ถึง​การ​สละ​ความ​สัมพันธ์​ทั้ง​ภาย​ใน​และ​ภาย​นอก​ครอบครัว.

น้ำใจ​ของ​ความ​โลภ​และ​ความ​เห็น​แก่​ตัว​เช่น​นั้น​ได้​ชัก​นำ​ให้​หลาย​คน​แยก​ตัว​อยู่​ต่าง​หาก​จาก​คน​อื่น. การ​ทำ​เช่น​นี้​ไม่​ได้​ก่อ​ความ​สุข​หรือ​ความ​พอ​ใจ​ใน​ชีวิต เพราะ​ความ​ข้องขัดใจ​และ​ความ​สิ้น​หวัง​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา​ใน​ท่ามกลาง​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ยอม​จำนน​ต่อ​น้ำใจ​ดัง​กล่าว. ตรง​กัน​ข้าม เรื่อง​ราว​ที่​เพิ่ง​เล่า​ไป​แสดง​ให้​เห็น​ผล​ดี​จาก​การ​คบหา​สมาคม​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​และ​ผู้​ซึ่ง​ได้​รับ​แรง​จูง​ใจ​จาก​ความ​รัก​ที่​มี​ต่อ​พระองค์​และ​ต่อ​เพื่อน​บ้าน. การ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​เป็น​ประจำ, การ​เกื้อ​หนุน​และ​ความ​ห่วงใย​ของ​เพื่อน​คริสเตียน, และ​กิจการ​งาน​ที่​ทำ​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​ใน​งาน​เผยแพร่​เป็น​ปัจจัย​สำคัญ​ใน​การ​ช่วย​บุคคล​เหล่า​นี้​ให้​เอา​ชนะ​ความ​รู้สึก​ใน​แง่​ลบ​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​แยก​ตัว​อยู่​ต่าง​หาก​จาก​คน​อื่น.—สุภาษิต 17:17; เฮ็บราย 10:24, 25.

เนื่อง​จาก​เรา​พึ่ง​พา​อาศัย​กัน​และ​กัน จึง​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา​ที่​การ​ทำ​สิ่ง​ต่าง ๆ เพื่อ​คน​อื่น​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​พอ​ใจ. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์​ซึ่ง​งาน​ของ​เขา​เป็น​ประโยชน์​แก่​ผู้​อื่น​ได้​กล่าว​ว่า “คุณค่า​ของ​คน . . . น่า​จะ​ปรากฏ​ให้​เห็น​ใน​สิ่ง​ที่​เขา​ให้ ไม่​ใช่​ใน​สิ่ง​ที่​เขา​สามารถ​รับ​ได้.” คำ​พูด​นี้​สอดคล้อง​กับ​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้าของ​เรา​ที่​ว่า “การ​ให้​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​ยิ่ง​กว่า​การ​รับ.” (กิจการ 20:35, ล.ม.) เพราะ​ฉะนั้น ขณะ​ที่​การ​ได้​รับ​ความ​รัก​เป็น​สิ่ง​ที่​ดี การ​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​คน​อื่น​ก็​ส่ง​เสริม​ให้​มี​สุขภาพ​ทาง​อารมณ์​และ​ทาง​กาย​ดี​ด้วย.

ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ได้​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ เป็น​เวลา​หลาย​ปี​เพื่อ​ให้​การ​ช่วยเหลือ​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​เป็น​ผู้​ที่​ได้​ช่วย​ใน​การ​สร้าง​สถาน​ที่​ประชุม​สำหรับ​คริสเตียน​ซึ่ง​มี​ทุน​ทรัพย์​น้อย​ได้​แสดง​ความ​รู้สึก​ออก​มา​ทำนอง​นี้: “ความ​ยินดี​ที่​ได้​รับใช้​พี่​น้อง​ของ​ผม​และ​เห็น​ใบ​หน้า​พวก​เขา​เปี่ยม​ด้วย​ความ​หยั่ง​รู้​คุณค่า​กระตุ้น​ผม​ให้​หา​โอกาส​ที่​จะ​ช่วยเหลือ​ต่อ​ไป. ผม​มี​ประสบการณ์​แล้ว​ว่า​การ​แสดง​ความ​สนใจ​เป็น​ส่วน​ตัว​ต่อ​คน​อื่น​เป็น​ปัจจัย​สำคัญ​นำ​ไป​สู่​ความ​สุข. และ​ผม​รู้​ว่า​ใน​ฐานะ​เป็น​ผู้​ปกครอง เรา​ควร​เป็น ‘เหมือน​ที่​หลบ​ซ่อน​ให้​พ้น​ลม . . . เหมือน​สาย​ธาร​ใน​ประเทศ​ที่​แล้ง​น้ำ เหมือน​ร่ม​เงา​แห่ง​หิน​ผา​ใหญ่​ใน​แดน​กันดาร.’”—ยะซายา 32:2, ล.ม.

น่า​ชื่นชม​สัก​เพียง​ไร​ที่​อยู่​ร่วม​กัน​เป็น​เอกภาพ!

แน่นอน มี​ผล​ประโยชน์​มาก​มาย​และ​ความ​สุข​แท้​ใน​การ​ช่วยเหลือ​คน​อื่น​และ​แสวง​หา​มิตรภาพ​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ได้​เปล่ง​เสียง​ร้อง​ว่า “ดู​เถิด! นับ​ว่า​ดี​และ​น่า​ชื่นชม​สัก​เพียง​ไร​ที่​พวก​พี่​น้อง​อยู่ร่วม​กัน​เป็น​เอกภาพ!” (บทเพลง​สรรเสริญ 133:1, ล.ม.) เอกภาพ​ของ​ครอบครัว​เป็น​ปัจจัย​สำคัญ​ใน​การ​เกื้อ​หนุน​กัน​และ​กัน ดัง​ที่​กรณี​ของ​มีเกล, ฟรอยลัน, และ​แอล​มา รูท​แสดง​ให้​เห็น​นั้น. และ​นับ​ว่า​เป็น​พระ​พร​อะไร​เช่น​นี้​ที่​จะ​เป็น​อัน​หนึ่ง​อัน​เดียว​กัน​ใน​การ​นมัสการ​แท้! หลัง​จาก​ให้​คำ​แนะ​นำ​แก่​สามี​และ​ภรรยา​ที่​เป็น​คริสเตียน​แล้ว อัครสาวก​เปโตร​เขียน​ว่า “ใน​ที่​สุด ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทุก​คน จง​มี​ความ​คิด​จิตใจ​อย่าง​เดียว​กัน, แสดง​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ, มี​ความ​รักใคร่​ฉัน​พี่​น้อง, ความ​เมตตา​สงสาร​อัน​อ่อน​ละมุน, จิตใจ​ถ่อม.”—1 เปโตร 3:8, ล.ม.

มิตรภาพ​แท้​ก่อ​ผล​ประโยชน์​มาก​มาย ทั้ง​ทาง​ด้าน​อารมณ์​และ​ด้าน​วิญญาณ. เมื่อ​กล่าว​ต่อ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ อัครสาวก​เปาโล​กระตุ้น​เตือน​ว่า “[จง] พูด​ปลอบโยน​จิตวิญญาณ​ที่​หดหู่​ใจ เกื้อ​หนุน​คน​ที่​อ่อนแอ อด​กลั้น​ไว้​นาน​ต่อ​คน​ทั้ง​ปวง. . . . จง​มุ่ง​ทำ​สิ่ง​ดี​ต่อ​กัน​และ​ต่อ​คน​อื่น​ทุก​คน​เสมอ.”—1 เธซะโลนิเก 5:14, 15, ล.ม.

เพราะ​ฉะนั้น จง​มอง​หา​วิธี​ที่​ใช้​ได้​จริง​ใน​การ​ทำ​ดี​ต่อ​คน​อื่น. “ให้ . . . ทำ​การ​ดี​ต่อ​คน​ทั้ง​ปวง แต่​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ต่อ​ผู้​ที่​สัมพันธ์​กับ [คุณ] ใน​ความ​เชื่อ” เพราะ​การ​ทำ​เช่น​นี้​จะ​ทำ​ให้​ชีวิต​คุณ​มี​ความหมาย​แท้​มาก​ขึ้น​และ​จะ​ส่ง​เสริม​ความ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ. (ฆะลาเตีย 6:9, 10, ล.ม.) ยาโกโบ​สาวก​ของ​พระ​เยซู​เขียน​ว่า “ถ้า​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ใด ๆ ไม่​มี​เสื้อ​ผ้า​และ​ขัดสน​อาหาร​ประจำ​วัน, และ​ใน​พวก​ท่าน​มี​คน​ใด​ว่า​แก่​เขา​ว่า, ‘เชิญ​ให้​ไป​เป็น​สุข​เถิด ขอ​ให้​อบอุ่น​และ​อิ่ม​เถิด’ และ​ท่าน​ไม่​ได้​ให้​อะไร ๆ ที่​เขา​ต้องการ​สำหรับ​ตัว​นั้น, จะ​เป็น​ประโยชน์​อะไร?” (ยาโกโบ 2:15, 16) คำ​ตอบ​สำหรับ​คำ​ถาม​นั้น​เห็น​ได้​ชัด. เรา​ต้อง “คอย​ดู​ด้วย​ความ​สนใจ​เป็น​ส่วน​ตัว​ไม่​เพียง​เรื่อง​ของ​เรา​เอง​เท่า​นั้น แต่​สนใจ​เป็น​ส่วน​ตัว​ใน​เรื่อง​ของ​คน​อื่น ๆ ด้วย.”—ฟิลิปปอย 2:4, ล.ม.

นอก​จาก​การ​ช่วย​คน​อื่น​ทาง​ด้าน​วัตถุ​เมื่อ​มี​ความ​จำเป็น​พิเศษ​หรือ​เมื่อ​เกิด​ภัย​พิบัติ​บาง​อย่าง​แล้ว พยาน​พระ​ยะโฮวา​หมกมุ่น​ใน​การ​อำนวย​ประโยชน์​แก่​เพื่อน​มนุษย์​ใน​วิธี​ที่​สำคัญ​ยิ่ง คือ​โดย​การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. (มัดธาย 24:14) การ​ที่​พยาน​ฯ มาก​กว่า 6,000,000 คน​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​การ​ประกาศ​ข่าวสาร​เกี่ยว​กับ​ความ​หวัง​และ​การ​ปลอบโยน​นี้​เป็น​หลักฐาน​แสดง​ว่า​พวก​เขา​มี​ความ​สนใจ​ด้วย​ความ​รัก​อย่าง​จริง​ใจ​ต่อ​คน​อื่น. แต่​การ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​ยัง​ช่วย​สนอง​ความ​จำเป็น​ของ​มนุษย์​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ด้วย. ความ​จำเป็น​นั้น​คือ​อะไร?

การ​สนอง​ความ​จำเป็น​ที่​สำคัญ​ยิ่ง

เพื่อ​ประสบ​ความ​สุข​แท้ เรา​ต้อง​มี​สัมพันธภาพ​ที่​เหมาะ​สม​กับ​พระเจ้า. มี​การ​กล่าว​ไว้​ว่า “ความ​เป็น​จริง​ที่​ว่า ตลอด​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย ตั้ง​แต่​ตอน​เริ่ม​ต้น​จน​ถึง​ปัจจุบัน มนุษย์​ทุก​แห่ง​หน​รู้สึก​ถึง​แรง​กระตุ้น​ที่​จะ​ร้อง​เรียก​สิ่ง​ที่​เขา​เชื่อ​ว่า​สูง​กว่า​และ​มี​อำนาจ​มาก​กว่า​ตน​เอง แสดง​ว่า​ศาสนา​มี​ติด​ตัว​มนุษย์​มา​แต่​กำเนิด​และ​ควร​ยอม​รับ​ว่า​มี​หลัก​เกณฑ์. . . . เรา​ควร​ยอม​รับ​ด้วย​ความ​เกรง​ขาม, ความ​ประหลาด​ใจ, และ​ความ​เคารพ​ที่​เห็น​มนุษย์​ทุก​หน​ทุก​แห่ง​แสวง​หา และ​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ผู้​ใหญ่​ยิ่ง​สูง​สุด.”—มนุษย์​ไม่​ได้​อยู่​โดย​ลำพัง (ภาษา​อังกฤษ) โดย เอ. เค​รส​ซี มอร์ริสัน.

พระ​เยซู​คริสต์​ตรัส​ว่า “ความ​สุข​มี​แก่​ผู้​ที่​รู้​สำนึก​ถึง​ความ​จำเป็น​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ตน.” (มัดธาย 5:3, ล.ม.) ผู้​คน​ไม่​อาจ​จะ​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ราบรื่น​เมื่อ​แยก​ตัว​อยู่​โดด​เดี่ยว​จาก​คน​อื่น​เป็น​เวลา​นาน. แต่​การ​ที่​เรา​แยก​ตัว​จาก​พระ​ผู้​สร้าง​ของ​เรา​เป็น​เรื่อง​ร้ายแรง​มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น​อีก. (วิวรณ์ 4:11) การ​ได้​มา​ซึ่ง “ความ​รู้​ของ​พระเจ้า” แล้ว​นำ​ไป​ใช้​ควร​เป็น​ส่วน​สำคัญ​ใน​ชีวิต​เรา. (สุภาษิต 2:1-5) ที่​จริง เรา​ควร​ตั้งใจ​ที่​จะ​สนอง​ความ​จำเป็น​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา เพราะ​เรา​ไม่​อาจ​อยู่​โดย​ลำพัง​และ​แยก​ต่าง​หาก​จาก​พระเจ้า​ได้. ชีวิต​ที่​มี​ความ​สุข​และ​ให้​ผล​ตอบ​แทน​อย่าง​แท้​จริง​ขึ้น​อยู่​กับ​การ​มี​สัมพันธภาพ​ที่​ดี​กับ​พระ​ยะโฮวา “ผู้​สูง​สุด​เหนือ​แผ่นดิน​โลก​ทั้ง​สิ้น.”—บทเพลง​สรรเสริญ 83:18, ฉบับ​แปล​ใหม่.

[ภาพ​หน้า 5]

มีเกล: “ผม​ได้​ผ่าน​ช่วง​วิกฤติ​มา​หลาย​ครั้ง แต่​เมื่อ​ผม​เริ่ม​คบหา​กับ​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา ชีวิต​ผม​ได้​เปลี่ยน​ไป”

[ภาพ​หน้า 5]

แอล​มา รูท: “เมื่อ​ได้​เรียน​รู้​เรื่อง​พระ​ยะโฮวา ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​สามารถ​มี​สัมพันธภาพ​ใกล้​ชิด​กับ​พระองค์​ได้”

[ภาพ​หน้า 6]

เอ​มิ​เลีย: “ก่อน​รู้​จัก​ความ​จริง . . . ดิฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ช่าง​ไร้​ค่า​เหลือ​เกิน”

[ภาพ​หน้า 7]

การ​คบหา​สมาคม​กับ​ผู้​นมัสการ​แท้​ช่วย​สนอง​ความ​จำเป็น​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา