ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรียนรู้ศิลปะของการผ่อนหนักผ่อนเบา

เรียนรู้ศิลปะของการผ่อนหนักผ่อนเบา

เรียน​รู้​ศิลปะ​ของ​การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา

เพกกี​สังเกต​เห็น​ลูก​ชาย​เกรี้ยวกราด​น้อง​ชาย​ของ​เขา. เธอ​ถาม​ว่า “ลูก​คิด​ว่า​นี่​เป็น​วิธี​ที่​ดี​ที่​สุด​แล้ว​หรือ​ที่​จะ​พูด​กับ​น้อง? ดู​สิ น้อง​อารมณ์​เสีย​แค่​ไหน!” ทำไม​เธอ​พูด​อย่าง​นั้น? เธอ​พยายาม​สอน​ลูก​ชาย​ให้​รู้​ศิลปะ​ของ​การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​และ​คำนึง​ถึง​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​อื่น.

อัครสาวก​เปาโล​ได้​กระตุ้น​เตือน​ติโมเธียว​เพื่อน​ร่วม​เดิน​ทาง​อายุ​น้อย​กว่า​ให้ “อ่อน​สุภาพ [หรือ “ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา”] ต่อ​คน​ทั้ง​ปวง.” เมื่อ​ทำ​เช่น​นั้น ติโมเธียว​คง​จะ​ไม่​ทำ​ให้​ผู้​อื่น​เสีย​ความ​รู้สึก. (2 ติโมเธียว 2:24) การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​คือ​อะไร? คุณ​จะ​ปรับ​ปรุง​ตัว​ใน​เรื่อง​นี้​ได้​อย่าง​ไร? และ​คุณ​จะ​ช่วย​คน​อื่น​ให้​พัฒนา​ศิลปะ​ด้าน​นี้​ได้​อย่าง​ไร?

การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​คือ​อะไร?

พจนานุกรม​ฉบับ​หนึ่ง​นิยาม​การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​ว่า​เป็น “ความ​สามารถ​สังเกต​เข้าใจ​ความ​เปราะ​บาง​ของ​สถานการณ์ และ​ทำ​หรือ​พูด​อย่าง​กรุณา​ให้​เหมาะ​กับ​สภาพการณ์​มาก​ที่​สุด.” คน​ที่​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​สามารถ​รับ​รู้​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​อื่น​และ​สามารถ​สังเกต​เข้าใจ​ได้​ว่า​คำ​พูด​หรือ​การ​กระทำ​ของ​ตน​กระทบ​คน​อื่น​อย่าง​ไร. แต่​การ​ทำ​เช่น​นี้​หา​ใช่​เป็น​เพียง​ทักษะ​ไม่ ทว่า​เป็น​ความ​ต้องการ​อย่าง​แท้​จริง​ที่​จะ​ไม่​ทำ​ให้​คน​อื่น​เจ็บ​ช้ำ​น้ำใจ.

บันทึก​เรื่อง​ราว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า​ด้วย​เฆฮะซี​คน​รับใช้​ของ​อะลีซา​นั้น เรา​ได้​พบ​ตัว​อย่าง​ของ​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ไม่​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา. หญิง​ชาว​ซุเนม​ซึ่ง​ลูก​ชาย​เพิ่ง​สิ้น​ใจ​ใน​วง​แขน นาง​ได้​เดิน​ทาง​มา​พบ​อะลีซา​โดย​หวัง​จะ​รับ​การ​ปลอบโยน. เมื่อ​ได้​ไต่ถาม​ทุกข์​สุข​ของ​นาง​แล้ว นาง​ตอบ​ว่า “สบาย​ดี.” แต่​ขณะ​ที่​นาง​เข้า​มา​ใกล้​ผู้​พยากรณ์ “เฆฮะซี​จึง​เข้า​มา​จะ​ผลัก​ให้​นาง​ออก​ไป.” ใน​ทาง​กลับ​กัน อะลีซา​บอก​ว่า “ให้​นาง​อยู่​เถิด; เพราะ​จิตต์​ใจ​ของ​นาง​มี​ความ​เดือดร้อน.”—2 กษัตริย์ 4:17-20, 25-27.

เฆฮะซี​ทำ​โดย​ไม่​ไตร่ตรอง​และ​ขาด​การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​ได้​อย่าง​ไร​กัน? เป็น​ความ​จริง​ที่​หญิง​นั้น​ไม่​แสดง​ความ​รู้สึก​ให้​เห็น​เมื่อ​ถูก​ถาม. แต่​ก็​อย่าง​ที่​คน​ส่วน​มาก​มัก​จะ​ไม่​สุ่ม​สี่​สุ่ม​ห้า​เผย​ความ​รู้สึก​ของ​ตน​ให้​ใคร​ต่อ​ใคร​รู้. กระนั้น​ก็​ดี อารมณ์​ความ​รู้สึก​ของ​นาง​น่า​จะ​ปรากฏ​ให้​เห็น​ไม่​ทาง​ใด​ก็​ทาง​หนึ่ง. ดู​เหมือน​ว่า​อะลีซา​สังเกต​เข้าใจ​ความ​รู้สึก​ของ​นาง แต่​เฆฮะซี​ไม่​ได้​สังเกต หรือ​อาจ​จงใจ​ทำ​เป็น​ไม่​รู้. เรื่อง​นี้​เป็น​อุทาหรณ์​แสดง​ถึง​สาเหตุ​ทั่ว​ไป​ของ​การ​ปฏิบัติ​ตน​อย่าง​ขาด​การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา. เมื่อ​คน​เรา​พะวง​เกิน​ไป​กับ​ความ​สำคัญ​ของ​งาน​ที่​ตัว​เอง​ต้อง​ทำ เขา​อาจ​ไม่​รับ​รู้​หรือ​ขาด​การ​เอา​ใจ​ใส่​ต่อ​ความ​จำเป็น​ของ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ตน​เกี่ยว​ข้อง​ได้​ง่าย ๆ. เขา​คง​เป็น​เช่น​เดียว​กับ​คน​ขับ​รถ​ประจำ​ทาง​ที่​กังวล​มาก​ใน​เรื่อง​การ​ไป​ให้​ถึง​ที่​หมาย​ปลาย​ทาง​ตรง​กำหนด​เวลา จน​ไม่​ได้​จอด​รับ​ผู้​โดยสาร.

ที่​จะ​หลีก​เลี่ยง​การ​ไม่​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​อย่าง​เฆฮะซี เรา​พึง​พยายาม​แสดง​ความ​กรุณา​ต่อ​ผู้​คน เพราะ​เรา​ไม่​รู้​ว่า​เขา​รู้สึก​อย่าง​ไร​จริง ๆ. เรา​ควร​ตื่น​ตัว​อยู่​เสมอ​ต่อ​อาการ​ซึ่ง​เผย​ให้​เห็น​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​คน​และ​ตอบ​สนอง​ด้วย​วาจา​หรือ​การ​กระทำ​อย่าง​กรุณา. คุณ​จะ​ปรับ​ปรุง​ทักษะ​ด้าน​นี้​ให้​ดี​ขึ้น​ได้​โดย​วิธี​ใด?

เข้าใจ​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​อื่น

พระ​เยซู​ทรง​โดด​เด่น​ใน​เรื่อง​การ​เข้าใจ​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​คน ทั้ง​ทรง​คำนึง​ถึง​วิธี​ที่​จะ​ปฏิบัติ​กับ​พวก​เขา​อย่าง​กรุณา​และ​ให้​ดี​ที่​สุด​อย่าง​ไร. คราว​หนึ่ง​ขณะ​ที่​พระองค์​รับประทาน​อาหาร​ใน​บ้าน​ของ​ซีโมน​ชาว​ฟาริซาย มี​หญิง​คน​หนึ่ง ‘ซึ่ง​ใน​เมือง​นั้น​รู้​กัน​ว่า​เป็น​หญิง​ชั่ว’ ได้​เข้า​มา​หา​พระองค์. ราย​นี้​ก็​เช่น​กัน ไม่​มี​การ​กล่าว​ถ้อย​คำ​ใด ๆ แต่​ก็​มี​หลาย​สิ่ง​ซึ่ง​พอ​จะ​สังเกต​เห็น​ได้. “เขา . . . ถือ​ผอบ​ศิลา​มี​น้ำมัน​หอม​มา​ยืน​อยู่ข้าง​หลัง​ใกล้​พระ​บาท​ของ [พระ​เยซู], ร้องไห้​น้ำตา​ไหล​ชำระ​พระ​บาท, เอา​ผม​เช็ด, จูบ​พระ​บาท​ของ​พระองค์​มาก, และ​เอา​น้ำมัน​นั้น​ชโลม.” พระ​เยซู​ทรง​เข้าใจ​ว่า​ทั้ง​หมด​นี้​หมายความ​อย่าง​ไร. และ​ถึง​แม้​ซีโมน​เอง​ไม่​ได้​พูด​อะไร พระ​เยซู​สามารถ​หยั่ง​รู้​สิ่ง​ที่​เขา​พูด​ใน​ใจ​ว่า “ถ้า​ท่าน​นี้​เป็น​ศาสดา​พยากรณ์​ก็​คง​จะ​รู้​ว่า​หญิง​ผู้​นี้​ที่​ถูก​ต้อง​กาย​ของ​ท่าน​เป็น​ผู้​ใด​และ​เป็น​คน​อย่าง​ไร, เพราะ​เขา​เป็น​คน​ชั่ว.”—ลูกา 7:37-39.

คุณ​สามารถ​นึก​ภาพ​ความ​เสียหาย​ที่​อาจ​เกิด​ขึ้น​ได้​ไหม​ถ้า​พระ​เยซู​ผลัก​ไส​หญิง​นั้น​ออก​ไป หรือ​หาก​พระองค์​ตรัส​แก่​ซีโมน​ทำนอง​นี้: “เจ้า​คน​เซ่อ! เจ้า​ไม่​เห็น​หรือ​ว่า​เธอ​ได้​สำนึก​ผิด​กลับ​ใจ​แล้ว?” แทน​ที่​จะ​พูด​อย่าง​นั้น พระ​เยซู​ตรัส​แก่​ซีโมน​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​โดย​ได้​ยก​อุทาหรณ์​ว่า​ด้วย​ชาย​ที่​ยก​หนี้​ก้อน​ใหญ่​ให้​คน​หนึ่ง และ​ยก​หนี้​จำนวน​น้อย​ให้​อีก​คน​หนึ่ง. พระ​เยซู​ทรง​ถาม​ว่า “ใน​สอง​คน​นั้น​คน​ไหน​จะ​รัก​นาย​มาก​กว่า?” ด้วย​วิธี​นี้ แทน​การ​กล่าว​ตำหนิ พระ​เยซู​สามารถ​ตรัส​ชม​เมื่อ​ซีโมน​ให้​คำ​ตอบ​ที่​ถูก​ต้อง. ต่อ​จาก​นั้น​พระองค์​ได้​ช่วย​ซีโมน​อย่าง​กรุณา​ให้​มอง​เห็น​สิ่ง​บ่ง​ชี้​ความ​รู้สึก​ที่​แท้​จริง​หลาย​ประการ​ของ​หญิง​คน​นั้น และ​อากัปกิริยา​ของ​เธอ​ซึ่ง​บ่ง​บอก​ถึง​การ​กลับ​ใจ. พระ​เยซู​หัน​ไป​ตรัส​แก่​หญิง​นั้น​อย่าง​กรุณา​ว่า​พระองค์​เข้าใจ​ความ​รู้สึก​ของ​เธอ. พระองค์​บอก​ว่า​เธอ​ได้​รับ​การ​ยก​โทษ​แล้ว และ​ต่อ​จาก​นั้น​ได้​ตรัส​ดัง​นี้: “ความ​เชื่อ​ของ​เจ้า​ได้​ทำ​ให้​เจ้า​รอด. จง​ไป​เป็น​สุข​เถิด.” ถ้อย​คำ​ที่​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​เช่น​นั้น​คง​ได้​เสริม​กำลังใจ​เธอ​สัก​เพียง​ใด​ที่​จะ​มุ่ง​มั่น​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก! (ลูกา 7:40-50) พระ​เยซู​สามารถ​ปฏิบัติ​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​เพราะ​พระองค์​ทรง​สังเกต​ว่า​ผู้​คน​รู้สึก​อย่าง​ไร​และ​ตอบ​สนอง​ด้วย​ความ​เมตตา​สงสาร.

พระ​เยซู​ทรง​ช่วย​ซีโมน​ฉัน​ใด เรา​ก็​สามารถ​เรียน​รู้​แล้ว​ช่วย​คน​อื่น​ให้​เข้าใจ​ภาษา​แสดง​อารมณ์​ความ​รู้สึก​ที่​ไม่​ได้​เอ่ย​วาจา​ฉัน​นั้น. บาง​ครั้ง​ผู้​ทำ​งาน​เผยแพร่​ที่​มี​ประสบการณ์​ก็​สามารถ​สอน​ศิลปะ​ด้าน​นี้​แก่​คน​ใหม่ ๆ ใน​งาน​รับใช้​ของ​คริสเตียน​ได้. หลัง​การ​เยี่ยม​แบ่ง​ปัน​ข่าว​ดี พวก​เขา​อาจ​วิเคราะห์​ท่าที​ที่​บ่ง​บอก​ความ​รู้สึก​ของ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ได้​พบ​ปะ. คน​นั้น​รู้สึก​ประหม่า, เคลือบ​แคลง, รำคาญ, หรือ​มี​ธุระ​ยุ่ง​ไหม? จะ​ช่วย​เขา​วิธี​ไหน​ซึ่ง​เป็น​วิธี​ที่​กรุณา​ที่​สุด? นอก​จาก​นั้น พวก​ผู้​ปกครอง​สามารถ​ช่วย​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ซึ่ง​อาจ​ไม่​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​จน​ทำ​ให้​กัน​และ​กัน​ขัด​เคือง​ใจ. จง​ช่วย​แต่​ละ​คน​ให้​เข้าใจ​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​อื่น. เขา​รู้สึก​ว่า​ตัว​เอง​ถูก​รังเกียจ​เหยียด​หยาม, ถูก​ละเลย, หรือ​มี​ใคร​เข้าใจ​เขา​ผิด​ไป​ไหม? ความ​กรุณา​จะ​ช่วย​เขา​ให้​รู้สึก​สบาย​ใจ​ขึ้น​ได้​อย่าง​ไร?

บิดา​มารดา​ควร​ช่วย​บุตร​ปลูกฝัง​ความ​เมตตา​สงสาร เพราะ​คุณลักษณะ​นี้​จะ​เป็น​แรง​กระตุ้น​พวก​เขา​ให้​ปฏิบัติ​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา. ลูก​ชาย​เพกกี​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​ตอน​ต้น ได้​สังเกต​เห็น​น้อง​ชาย​หน้า​แดง, เม้ม​ปาก, และ​น้ำตา​คลอ เขา​จึง​รู้​ว่า​น้อง​ชาย​กำลัง​เจ็บ​ปวด. สม​ดัง​ที่​แม่​ของ​เขา​หวัง​ไว้ เขา​รู้สึก​เสียใจ​และ​ตั้งใจ​เปลี่ยน​แปลง. ลูก​ชาย​ทั้ง​สอง​คน​ของ​เพกกี​จึง​ได้​ประโยชน์​จาก​การ​ใช้​ทักษะ​เหล่า​นั้น​ตาม​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึก​สอน​ใน​ปฐม​วัย และ​หลาย​ปี​ต่อ​มา​กลาย​เป็น​ผู้​ที่​เกิด​ผล​ใน​งาน​สอน​คน​ให้​เป็น​สาวก​และ​เป็น​ผู้​บำรุง​เลี้ยง​ใน​ประชาคม​คริสเตียน.

จง​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​คุณ​เข้าใจ

การ​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​สำคัญ​เป็น​พิเศษ​เมื่อ​คุณ​มี​มูล​เหตุ​จะ​บ่น​ว่า​ใคร​บาง​คน. คุณ​อาจ​ทำ​ให้​เขา​น้อย​เนื้อ​ต่ำ​ใจ​ได้​ง่าย ๆ. การ​กล่าว​ชม​จุด​ใด​จุด​หนึ่ง​เป็น​พิเศษ​เป็น​สิ่ง​เหมาะ​สม​เสมอ​ใน​อันดับ​แรก. แทน​ที่​จะ​ติเตียน​เขา จง​เพ่งเล็ง​ไป​ที่​การ​แก้​ปัญหา. อธิบาย​ว่า​การ​กระทำ​ของ​เขา​มี​ผล​กระทบ​อย่าง​ไร​ต่อ​คุณ และ​จริง ๆ แล้ว​คุณ​อยาก​เห็น​การ​แก้ไข​ใน​จุด​ใด. แล้ว​เตรียม​ตัว​เตรียม​ใจ​ฟัง. บาง​ที​คุณ​อาจ​เข้าใจ​เขา​ผิด​ไป​ก็​ได้.

ผู้​คน​อยาก​จะ​มี​ความ​รู้สึก​ที่​ว่า​คุณ​เข้าใจ​ทัศนะ​ของ​เขา​แม้​คุณ​ไม่​เห็น​ด้วย​ก็​ตาม. พระ​เยซู​ตรัส​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อนเบา แสดง​ว่า​พระองค์​เข้าใจ​ภาวะ​ทุกข์​ร้อน​ของ​มาร์ทา. พระองค์​ตรัส​ดัง​นี้: “มาร์ทา มาร์ทา เจ้า​กระวนกระวาย​และ​พะวง​กับ​หลาย​สิ่ง.” (ลูกา 10:41, ล.ม.) ทำนอง​เดียว​กัน เมื่อ​คน​หนึ่ง​พูด​ถึง​ปัญหา​บาง​อย่าง แทน​ที่​จะ​เสนอ​ทาง​แก้​ก่อน​ได้​ยิน​ได้​ฟัง​การ​ชี้​แจง​เรื่อง​นั้น​ให้​จบ การ​กระทำ​ที่​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​วิธี​หนึ่ง​ซึ่ง​แสดง​ว่า​คุณ​มี​ความ​เข้าใจ​คือ พูด​ทวน​ปัญหา​หรือ​ข้อ​ข้อง​ใจ​นั้น​ด้วย​คำ​พูด​ของ​คุณ​เอง. นี่​คือ​แนว​ทาง​ที่​กรุณา​เมื่อ​คุณ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​คุณ​เข้าใจ.

รู้​ว่า​อะไร​ที่​ไม่​ควร​พูด

เมื่อ​ราชินี​เอศเธระ​ต้องการ​ทูล​ขอ​พระ​สวามี​ให้​ล้ม​เลิก​แผน​อุบาทว์​ของ​ฮามาน​ที่​จะ​ทำลาย​พวก​ยิว พระ​นาง​เตรียม​การ​อย่าง​สุขุม​มี​ไหว​พริบ​เพื่อ​ว่า​พระ​สวามี​จะ​มี​อารมณ์​ชื่น​บาน. และ​ตอน​นั้น​แหละ​ที่​พระ​นาง​ทูล​เสนอ​เรื่อง​ที่​ต้อง​ใช้​ความ​ระมัดระวัง​อย่าง​ยิ่ง. แต่​เรา​ก็​เรียน​รู้​อะไร​บาง​อย่าง​เช่น​กัน​จาก​การ​สังเกต​สิ่ง​ที่​พระ​นาง​ไม่​ได้​พูด. พระ​นาง​แสดง​ปฏิภาณ​โดย​ไม่​กล่าว​พาด​พิง​ถึง​พระ​สวามี​ว่า​มี​ส่วน​ร่วม​รับผิดชอบ​ใน​แผน​ชั่ว​ร้าย​นั้น.—เอศเธระ 5:1-8; 7:1, 2; 8:5.

ทำนอง​เดียว​กัน เมื่อ​เยี่ยม​สามี​ที่​ไม่​เชื่อถือ​ของ​พี่​น้อง​คริสเตียน แทน​ที่​จะ​ชี้​จาก​พระ​คัมภีร์​ทันที​ทันใด ควร​เริ่ม​ถาม​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​เขา​สนใจ. เมื่อ​คน​แปลก​หน้า​แต่ง​กาย​ลำลอง​มา​ที่​หอ​ประชุม หรือ​บาง​คน​กลับ​มา​หลัง​จาก​หาย​หน้า​ไป​นาน ก็​จง​ต้อนรับ​อย่าง​อบอุ่น​แทน​ที่​จะ​วิจารณ์​การ​แต่ง​ตัว​หรือ​การ​ที่​เขา​หาย​หน้า​ไป. และ​เมื่อ​คุณ​สังเกต​เห็น​ผู้​สนใจ​ใหม่​มี​แง่​คิด​ไม่​ถูก อาจ​ดี​กว่า​ที่​จะ​ไม่​แก้ไข​เขา​ทันที. (โยฮัน 16:12) การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​หมาย​รวม​ถึง​การ​แสดง​ความ​กรุณา​โดย​รู้​ว่า​อะไร​ที่​ไม่​ควร​พูด.

คำ​พูด​ที่​เยียว​ยา

การ​ได้​เรียน​รู้​ศิลปะ​การ​พูด​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​จะ​ช่วย​คุณ​ให้​มี​ความ​สัมพันธ์​ที่​ราบรื่น​กับ​คน​อื่น แม้​ใน​ยาม​ที่​ใคร​คน​หนึ่ง​เข้าใจ​เจตนารมณ์​ของ​คุณ​อย่าง​ผิด ๆ และ​รู้สึก​ขมขื่น​และ​ขัด​เคือง​ใจ. ตัว​อย่าง​เช่น เมื่อ​ฝูง​ชน​ใน​ตระกูล​เอ็ฟรายิม ‘โมโห​พยายาม​ก่อ​เหตุ​วิวาท’ กับ​ฆิดโอน คำ​ตอบ​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​ของ​ท่าน​ประกอบ​กับ​คำ​ชี้​แจง​ชัดเจน​ใน​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​จริง ๆ รวม​ทั้ง​การ​ประเมิน​ค่า​ด้วย​ความ​จริง​ใจ​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ชาว​เอ็ฟรายิม​ได้​กระทำ. นี่​แหละ​คือ​การ​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​เพราะ​ท่าน​ได้​รับ​รู้​สาเหตุ​ที่​ทำ​ให้​คน​เหล่า​นั้น​ไม่​พอ​ใจ และ​ความ​เจียม​ตัว​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​พวก​เขา​หาย​โกรธ.—วินิจฉัย 8:1-3; สุภาษิต 16:24.

จง​พยายาม​คำนึง​อยู่​เสมอ​ว่า​คำ​พูด​ของ​คุณ​จะ​กระทบ​กระเทือน​คน​อื่น​อย่าง​ไร. ความ​ตั้งใจ​พยายาม​เป็น​คน​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​จะ​ช่วย​คุณ​ประสบ​ความ​ยินดี​ดัง​พรรณนา​ไว้​ใน​สุภาษิต 15:23 ที่​ว่า “คำ​ตอบ​ที่​เหมาะ​สม​ย่อม​นำ​ความ​ยินดี​มา​สู่​ผู้​กล่าว; และ​ถ้อย​คำ​ที่​กล่าว​เหมาะ​กับ​กาลเทศะ​ก็​ประเสริฐ​นัก!”

[ภาพ​หน้า 31]

บิดา​มารดา​สามารถ​สอน​บุตร​ของ​ตน​ให้​คำนึง​ถึง​ความ​รู้สึก​ของ​ผู้​อื่น

[ภาพ​หน้า 31]

คริสเตียน​ผู้​รับใช้​ที่​มี​ประสบการณ์​สามารถ​สอน​คน​ใหม่​ให้​รู้​จัก​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา