ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

‘ข้าพเจ้าจะตอบแทนคุณแก่พระยะโฮวาอย่างไร?’

‘ข้าพเจ้าจะตอบแทนคุณแก่พระยะโฮวาอย่างไร?’

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

‘ข้าพเจ้า​จะ​ตอบ​แทน​คุณ​แก่​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ไร?’

เล่า​โดย​มารีอา เคราซินิส

เมื่อ​อายุ 18 พ่อ​แม่​ผิด​หวัง​ใน​ตัว​ฉัน​มาก ญาติ​พี่​น้อง​ต่าง​ก็​รังเกียจ​ฉัน​และ​คน​ใน​หมู่​บ้าน​ก็​หัวเราะ​เยาะ. เขา​ใช้​วิธี​การ​ต่าง ๆ ทั้ง​ขอร้อง, บังคับ, และ​ขู่เข็ญ​เพื่อ​หวัง​จะ​ทำลาย​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​ฉัน​ต่อ​พระเจ้า แต่​ไม่​สำเร็จ. ฉัน​เชื่อ​มั่น​ว่า​การ​ยึด​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ภักดี​ย่อม​นำ​มา​ซึ่ง​บำเหน็จ​ฝ่าย​วิญญาณ. เมื่อ​มอง​ย้อน​ไป 50 กว่า​ปี​ที่​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เรื่อย​มา ฉัน​เห็น​พ้อง​กับ​ถ้อย​คำ​ของ​ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ที่​ว่า “ข้าพเจ้า​จะ​สนอง​พระเดช​พระคุณ​แก่​พระ​ยะโฮวา ตอบ​แทน​คุณ​ที่​ทรง​ประทาน​แก่​ข้าพเจ้า​นั้น​อย่าง​ไร​ได้?”—บทเพลง​สรรเสริญ 116:12.

ฉัน​เกิด​ปี 1930 ณ หมู่​บ้าน​อักกีโลคัสโตร ห่าง​จาก​เมือง​ท่า​เคนเครีย ด้าน​ตะวัน​ออก​ของ​คอ​คอด​โครินท์​ประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่ง​ประชาคม​คริสเตียน​แท้​ได้​ตั้ง​ขึ้น​ที่​นี่​ใน​ศตวรรษ​แรก.—กิจการ 18:18; โรม 16:1.

ครอบครัว​ของ​ฉัน​ดำเนิน​ชีวิต​อย่าง​ร่ม​เย็น​เป็น​สุข. คุณ​พ่อ​เป็น​ประธาน​ของ​ชุมชน​และ​เป็น​ที่​นับถือ. พ่อ​แม่​มี​ลูก​ห้า​คน ฉัน​เป็น​ลูก​คน​ที่​สาม. ท่าน​ได้​อบรม​เลี้ยง​ดู​พวก​เรา​อย่าง​สมาชิก​ที่​มี​ใจ​ศรัทธา​แห่ง​คริสตจักร​กรีก​ออร์โทด็อกซ์. ฉัน​เข้า​โบสถ์​ร่วม​พิธี​มิสซา​ทุก​วัน​อาทิตย์. ฉัน​บำเพ็ญ​ทุกรกิริยา​เพื่อ​ไถ่​บาป​ต่อ​หน้า​รูป​บูชา, จุด​เทียน​ตาม​โรง​สวด​ใน​ชนบท, และ​ถือ​ศีล​อด​อาหาร​ใน​วาระ​ต่าง ๆ. บ่อย​ครั้ง​ฉัน​เคย​คิด​จะ​บวช​เป็น​ชี. ใน​ที่​สุด ฉัน​กลาย​เป็น​คน​แรก​ใน​ครอบครัว​ที่​ทำ​ให้​พ่อ​แม่​ผิด​หวัง.

ตื่นเต้น​ดีใจ​เนื่อง​ด้วย​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล

ตอน​อายุ 18 ปี ฉัน​รู้​มา​ว่า​คา​ที​นา น้อง​ของ​พี่​เขย​ฉัน​ที่​อยู่​หมู่​บ้าน​ใกล้ ๆ ได้​อ่าน​สิ่ง​พิมพ์​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​และเธอ​ไม่​ไป​โบสถ์​อีก​เลย. เรื่อง​นี้​รบกวน​ใจ​ฉัน​มาก ฉัน​จึง​ตั้งใจ​จะ​พา​เธอ​กลับ​สู่​แนว​ทาง​ที่​ฉัน​คิด​ว่า​ถูก​ต้อง. ดัง​นั้น เมื่อ​เธอ​แวะ​มา​หา ฉัน​เตรียม​การ​ไว้​ว่า​เรา​สอง​คน​จะ​ออก​ไป​เดิน​เล่น โดย​ตั้งใจ​แวะ​ไป​ที่​เรือน​พำนัก​สำหรับ​บาทหลวง. บาทหลวง​เริ่ม​สนทนา​ด้วย​การ​ระดม​ยิง​ถ้อย​คำ​ถากถาง​พยาน​พระ​ยะโฮวา กล่าวหา​พยาน​ฯ เป็น​พวก​นอก​รีต​ซึ่ง​ชัก​นำ​คา​ที​นา​ให้​หลง​ผิด. การ​ถกเถียง​ดำเนิน​ติด​ต่อ​กัน​ถึง​สาม​คืน. คา​ที​นา​แก้​ข้อ​กล่าวหา​ทุก​ข้อ​ของ​เขา​ด้วย​การ​อ้าง​เหตุ​ผล​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​ที่​เตรียม​ไว้​เป็น​อย่าง​ดี. ใน​ที่​สุด บาทหลวง​พูด​ว่า เนื่อง​จาก​เธอ​เป็น​คน​สวย​มี​เสน่ห์, พูด​จา​คมคาย, เป็น​เด็ก​ฉลาด เธอ​ควร​จะ​ชื่นชม​กับ​วัย​สาว​ให้​เต็ม​ที่ แล้ว​ค่อย​มา​สนใจ​เรื่อง​พระเจ้า​เมื่อ​แก่​แล้ว.

ฉัน​ไม่​ได้​ให้​พ่อ​แม่​รู้​เรื่อง​การ​สนทนา​โต้​ตอบ​ครั้ง​นั้น แต่​วัน​อาทิตย์​ถัด​ไป ฉัน​ไม่​ไป​โบสถ์. พอ​เที่ยง​วัน บาทหลวง​ตรง​มา​ที่​ร้าน​ของ​เรา. ฉัน​แก้​ตัว​ว่า​ฉัน​ต้อง​อยู่​เฝ้า​ร้าน​ช่วย​พ่อ.

“นั่น​เป็น​สาเหตุ​แท้​จริง​ไหม หรือ​เป็น​เพราะ​ถูก​เด็ก​สาว​คน​นั้น​โน้ม​น้าว​ใจ?” บาทหลวง​ถาม.

“คน​เหล่า​นี้​มี​ความ​เชื่อ​ดี​กว่า​พวก​เรา​เสีย​อีก” ฉัน​พูด​ตรง ๆ.

แล้ว​บาทหลวง​หัน​ไป​พูด​กับ​พ่อ​ดัง​นี้: “คุณ​อี​โค​โน​มอส ไล่​ญาติ​ของ​คุณ​ออก​ไป​ให้​พ้น หล่อน​จะ​ทำ​ให้​ครอบครัว​คุณ​เดือดร้อน.”

ครอบครัว​หัน​มา​ต่อ​ต้าน​ฉัน

ช่วง​นั้น​เป็น​ปลาย​ทศวรรษ 1940 เมื่อ​มี​สงคราม​กลาง​เมือง​อย่าง​รุนแรง​ใน​ประเทศ​กรีซ. พ่อ​กลัว​ว่า​ทหาร​กองโจร​อาจ​จับ​เอา​ตัว​ฉัน​ไป พ่อ​จึง​จัด​การ​ให้​ฉัน​ออก​จาก​บ้าน​ไป​อยู่​กับ​พี่​สาว​ใน​หมู่​บ้าน​ที่​คา​ที​นา​อยู่. ช่วง​สอง​เดือน​ที่​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น ฉัน​ได้​รับ​การ​ช่วย​ให้​เรียน​รู้​เข้าใจ​สิ่ง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​หลาย​ประเด็น. ฉัน​รู้สึก​ผิด​หวัง​เมื่อ​รู้​ว่า​หลัก​คำ​สอน​หลาย​ข้อ​ของ​คริสตจักร​ออร์โทด็อกซ์​ไม่​ถูก​ต้อง​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์. ฉัน​ได้​มา​รู้​ว่า​พระเจ้า​ไม่​ทรง​ยอม​รับ​การ​นมัสการ​โดย​การ​ใช้​รูป​บูชา และ​กิจ​ปฏิบัติ​หลาก​หลาย​ทาง​ศาสนา เช่น การ​เคารพ​ไม้กางเขน​ก็​ไม่​ใช่​หลัก​ปฏิบัติ​ของ​คริสเตียน​แต่​เดิม​ที และ​เพื่อ​จะ​เป็น​ที่​ชอบ​พระทัย​พระเจ้า คน​เรา​ต้อง​นมัสการ​พระเจ้า “ด้วย​วิญญาณ​และ​ความ​จริง.” (โยฮัน 4:23, ล.ม.; เอ็กโซโด 20:4, 5) ที่​สำคัญ​อย่าง​ยิ่ง ฉัน​ได้​เรียน​รู้​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​เสนอ​ความ​หวัง​อัน​รุ่ง​โรจน์​เกี่ยว​กับ​ชีวิต​นิรันดร์​บน​แผ่นดิน​โลก! ความ​จริง​ล้ำ​ค่า​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ดัง​กล่าว​เป็น​หนึ่ง​ใน​บรรดา​ผล​ประโยชน์​เบื้อง​ต้น​ซึ่ง​ฉัน​ได้​รับ​จาก​พระ​ยะโฮวา.

ใน​ระหว่าง​นั้น พี่​สาว​กับ​สามี​ของ​เธอ​สังเกต​เห็น​ว่า ฉัน​ไม่​ทำ​เครื่องหมาย​กางเขน​เวลา​รับประทาน​อาหาร และ​ไม่​อธิษฐาน​ต่อ​รูป​บูชา​ทาง​ศาสนา. คืน​หนึ่ง​คน​ทั้ง​สอง​ลง​มือ​ทุบ​ตี​ฉัน. พอ​วัน​รุ่ง​ขึ้น ฉัน​ตัดสิน​ใจ​ออก​จาก​บ้าน​เขา​แล้ว​ไป​บ้าน​น้า. พี่​เขย​จึง​แจ้ง​ให้​พ่อ​ทราบ. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน พ่อ​ไป​หา​ฉัน​ทั้ง​น้ำตา​และ​พยายาม​เกลี้ยกล่อม​ให้​ฉัน​เปลี่ยน​ใจ. ส่วน​พี่​เขย​ถึง​กับ​คุกเข่า​ขอ​โทษ ซึ่ง​ฉัน​ก็​ให้​อภัย. เพื่อ​เรื่อง​จะ​ได้​จบ​ลง พวก​เขา​ขอร้อง​ให้​ฉัน​กลับ​เข้า​โบสถ์​เหมือน​เดิม แต่​ฉัน​ยืนหยัด​มั่นคง.

เมื่อ​ฉัน​กลับ​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​ของ​พ่อ ความ​กดดัน​ก็​ยัง​มี​ต่อ​ไป. ฉัน​ไม่​มี​ทาง​จะ​ติด​ต่อ​คา​ที​นา, แถม​ไม่​มี​หนังสือ​อ่าน, ไม่​มี​แม้​แต่​คัมภีร์​ไบเบิล. ฉัน​ดีใจ​เมื่อ​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​คน​หนึ่ง​พยายาม​สงเคราะห์​ฉัน. เมื่อ​เธอ​ไป​ที่​เมือง​โครินท์ เธอ​ได้​พบ​พยาน​ฯ คน​หนึ่ง และ​กลับ​มา​พร้อม​กับ​มี​หนังสือ “จง​ให้​พระเจ้า​เป็น​องค์​สัตย์​จริง” กับ​พระ​คัมภีร์​คริสเตียน​ภาค​ภาษา​กรีก​ติด​ตัว​มา​ฝาก​ฉัน​ซึ่ง​ฉัน​เริ่ม​แอบ​อ่าน​ไม่​ให้​ใคร​เห็น.

ชีวิต​เปลี่ยน​ไป​โดย​ไม่​คาด​หมาย

การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​อย่าง​รุนแรง​ต่อ​เนื่อง​กัน​นาน​ถึง​สาม​ปี. ฉัน​ไม่​มี​ทาง​ได้​ติด​ต่อ​พวก​พยาน​ฯ เลย ทั้ง​ไม่​มี​ทาง​ที่​จะ​ได้​รับ​หนังสือ​ใด ๆ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ฉัน​ไม่​รู้​ว่า​การ​เปลี่ยน​แปลง​ครั้ง​สำคัญ​ใน​ชีวิต​ฉัน​จวน​จะ​เกิด​ขึ้น​แล้ว.

พ่อ​บอก​ว่า​ฉัน​ต้อง​ไป​หา​ลุง​ที่​เมือง​เทสซาโลนีกา. ก่อน​ไป​เทสซาโลนีกา ฉัน​แวะ​ไป​ตัด​เสื้อ​คลุม​ที่​ร้าน​เย็บ​เสื้อ​ใน​เมือง​โครินท์. เป็น​เรื่อง​ประหลาด​มาก​ที่​ฉัน​พบ​คา​ที​นา​ทำ​งาน​อยู่​ที่​นั่น! เรา​ดีใจ​มาก​หลัง​จาก​ไม่​ได้​พบ​กัน​นาน. ขณะ​ที่​เรา​สอง​คน​ออก​จาก​ร้าน เรา​พบ​ชาย​หนุ่ม​ที่​น่า​คบ​คน​หนึ่ง​ขี่​จักรยาน​กลับ​บ้าน​หลัง​เลิก​งาน. เขา​ชื่อ​คาราลัมบูส. ครั้น​เรา​สอง​คน​ได้​รู้​จัก​กัน​ดี​แล้ว จึง​ตก​ลง​ใจ​จะ​แต่งงาน. และ​ใน​เวลา​ไล่เลี่ย​กัน​นี้​เอง วัน​ที่ 9 มกราคม 1952 ฉัน​ก็​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา.

คาราลัมบูส​ได้​รับ​บัพติสมา​ก่อน​ฉัน. เขา​เผชิญ​การ​ต่อ​ต้าน​จาก​ครอบครัว​เช่น​กัน. คาราลัมบูส​เป็น​คน​กระตือรือร้น. เขา​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ช่วย​ผู้​รับใช้​ประชาคม​และ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​หลาย​ราย. ต่อ​มา พี่​ชาย​ของ​เขา​ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​เช่น​กัน และ​เวลา​นี้ สมาชิก​ส่วน​ใหญ่​ใน​ครอบครัว​ของ​พี่​ชาย​ได้​เข้า​มา​รับใช้​พระ​ยะโฮวา.

พ่อ​ของ​ฉัน​ชอบ​คาราลัมบูส​มาก ท่าน​เห็น​ดี​และ​ยินยอม​เรื่อง​การ​แต่งงาน แต่​การ​จะ​เกลี้ยกล่อม​แม่​ไม่​ง่าย​นัก. ทั้ง ๆ ที่​เป็น​อย่าง​นี้ ฉัน​กับ​คาราลัมบูส​ได้​แต่งงาน​กัน ณ วัน​ที่ 29 มีนาคม 1952. มี​เพียง​พี่​ชาย​คน​โต​และ​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​คน​หนึ่ง​ที่​มา​ร่วม​งาน. เวลา​นั้น​ฉัน​ไม่​รู้​เลย​ว่า คาราลัมบูส​จะ​กลาย​เป็น​พระ​พร​อัน​หา​ที่​เปรียบ​ไม่​ได้—เป็น​ของ​ประทาน​จาก​พระ​ยะโฮวา​จริง ๆ! ใน​ฐานะ​คู่​ชีวิต​ของ​เขา ฉัน​สามารถ​นำ​พา​ชีวิต​มา​รวม​จุด​อยู่​ที่​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา.

การ​เสริม​กำลัง​พี่​น้อง​ของ​เรา

ปี 1953 ฉัน​กับ​คาราลัมบูส​ตัดสิน​ใจ​ย้าย​ไป​กรุง​เอเธนส์. ด้วย​ความ​ประสงค์​จะ​ทำ​งาน​ประกาศ​มาก​ขึ้น คาราลัมบูส​จึง​เลิก​ทำ​ธุรกิจ​กับ​ครอบครัว​และ​หา​งาน​ที่​ไม่​ต้อง​ทำ​เต็ม​เวลา. เรา​ใช้​เวลา​ตอน​บ่าย​ทำ​งาน​รับใช้​ฝ่าย​คริสเตียน​ด้วย​กัน​และ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​หลาย​ราย.

เนื่อง​จาก​ทาง​การ​วาง​ข้อ​จำกัด​งาน​รับใช้​ของ​เรา ฉะนั้น จึง​จำเป็น​ต้อง​ใช้​ไหว​พริบ. ยก​ตัว​อย่าง เรา​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​จัด​วาง​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ไว้​ตาม​ซุ้ม​สินค้า​ขาย​ของ​ริม​ถนน​ใจ​กลาง​กรุง​เอเธนส์ ซึ่ง​สามี​ฉัน​ทำ​งาน​ไม่​เต็ม​วัน​อยู่​ที่​นั่น. นาย​ตำรวจ​ระดับ​สูง​คน​หนึ่ง​บอก​เรา​ว่า​วารสาร​นี้​ถูก​สั่ง​ห้าม. แต่​เขา​ขอ​เอา​ไป​อ่าน​สัก​เล่ม​และ​สอบ​ถาม​เกี่ยว​กับ​วารสาร​นี้​ที่​สำนัก​ความ​มั่นคง. ครั้น​เจ้าหน้าที่​ให้​คำ​รับรอง​ว่า​วารสาร​นี้​ไม่​ผิด​กฎหมาย เขา​กลับ​มา​บอก​เรา. ทันที​ที่​พวก​พี่​น้อง​ที่​ค้า​ขาย​แถว​นั้น​รู้​ข่าว​ก็​เริ่ม​จัด​วาง​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ตาม​ชั้น​ขาย​สินค้า​ของ​เขา​เช่น​กัน. ชาย​ผู้​หนึ่ง​รับ​หอสังเกตการณ์ ไป​จาก​ซุ้ม​สินค้า​ของ​พวก​เรา​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ และ​ตอน​นี้​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ปกครอง.

นอก​จาก​นั้น เรา​ชื่นชม​ยินดี​เนื่อง​จาก​น้อง​ชาย​คน​เล็ก​ของ​ฉัน​เรียน​ความ​จริง. เขา​มา​กรุง​เอเธนส์​เพื่อ​ศึกษา​ที่​วิทยาลัย​การ​เดิน​เรือ​พาณิชย์ และ​เรา​ชวน​เขา​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​ด้วย. การ​ประชุม​ใหญ่​จัด​ขึ้น​ใน​ป่า​อย่าง​ลับ ๆ. น้อง​ชาย​ชอบ​สิ่ง​ที่​เขา​ได้​ยิน​ได้​ฟัง ณ การ​ประชุม แต่​ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น เขา​ก็​เริ่ม​งาน​เป็น​กะลาสี. ครั้ง​หนึ่ง เขา​เดิน​เรือ​ไป​ถึง​เมือง​ท่า​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ประเทศ​อาร์เจนตินา. ที่​นั่น​มี​มิชชันนารี​ขึ้น​ไป​ประกาศ​บน​เรือ และ​น้อง​ชาย​ขอ​รับ​วารสาร​ของ​เรา​ไว้​อ่าน. เรา​ดีใจ​มาก​เมื่อ​เขา​เขียน​จดหมาย​บอก​เรา​ว่า “ผม​พบ​ความ​จริง​แล้ว ช่วย​จัด​การ​บอกรับ​วารสาร​ให้​ผม​ได้​อ่าน​เป็น​ประจำ​ด้วย.” ตอน​นี้​เขา​กับ​ครอบครัว​กำลัง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ความ​ซื่อ​สัตย์.

ปี 1958 สามี​ฉัน​รับ​คำ​เชิญ​ให้​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง. เนื่อง​จาก​งาน​ของ​เรา​ถูก​สั่ง​ห้าม​และ​สภาพการณ์​ยัง​ยุ่งยาก​อยู่ ตาม​ปกติ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​จะ​ไม่​พา​ภรรยา​ไป​ด้วย. พอ​ถึง​เดือน​ตุลาคม 1959 เรา​ขอร้อง​พี่​น้อง​ที่​สำนักงาน​สาขา​ซึ่ง​ดู​แล​รับผิดชอบ​ด้าน​นี้​ว่า​ฉัน​จะ​ร่วม​เดิน​ทาง​ไป​กับ​สามี​ได้​หรือ​ไม่. พวก​เขา​ตก​ลง. เรา​จะ​ต้อง​เยี่ยม​ให้​การ​หนุน​ใจ​ประชาคม​ต่าง ๆ ทาง​ตอน​กลาง​และ​ทาง​ภาค​เหนือ​ของ​กรีซ.

การ​เดิน​ทาง​สมัย​นั้น​ไม่​ง่าย. ถนน​ลาดยาง​ไม่​ค่อย​มี และ​นาน ๆ จะ​เจอ​สัก​ครั้ง. เนื่อง​จาก​เรา​ไม่​มี​รถ​ส่วน​ตัว ปกติ​แล้ว​เรา​ขึ้น​รถ​โดยสาร​ประจำ​ทาง​หรือ​รถ​กระบะ​ไม่​มี​หลังคา บรรทุก​ทั้ง​ไก่​และ​สินค้า​จิปาถะ. เรา​สวม​รอง​เท้า​บูต​เดิน​ย่ำ​ไป​ตาม​ถนน​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​โคลน. โดย​เหตุ​ที่​ทุก​หมู่​บ้าน​มี​กอง​พลเรือน​อาสา​สมัคร เพื่อ​หลีก​เลี่ยง​การ​สืบสวน เรา​จะ​ต้อง​เข้า​หมู่​บ้าน​ตอน​ที่​มืด​แล้ว.

พวก​พี่​น้อง​หยั่ง​รู้​ค่า​การ​เยี่ยม​ของ​เรา​เป็น​อย่าง​มาก. ถึง​แม้​พี่​น้อง​ส่วน​ใหญ่​ทำ​งาน​หนัก​ใน​ไร่​ใน​สวน​ของ​เขา กระนั้น พวก​เขา​ใช้​ความ​พยายาม​อย่าง​มาก​เพื่อ​เข้า​ร่วม​ประชุม​ใน​ตอน​ดึก​ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ใน​บ้าน​หลาย​หลัง​ไม่​ซ้ำ​กัน. พี่​น้อง​มี​น้ำใจ​เอื้อเฟื้อ​เผื่อแผ่​อย่าง​ยิ่ง​อีก​ด้วย และ​ให้​สิ่ง​ดี​ที่​สุด​แก่​เรา​ตาม​มี​ตาม​เกิด แม้​พวก​เขา​มี​ไม่​มาก. บาง​ครั้ง เรา​นอน​ห้อง​เดียว​กัน​กับ​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว. ความ​เชื่อ, ความ​เพียร​อด​ทน, และ​ความ​กระตือรือร้น​ของ​พวก​พี่​น้อง​เป็น​อีก​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ก่อ​ประโยชน์​มาก​มาย​แก่​เรา.

แผ่​ขยาย​งาน​รับใช้​ของ​เรา

เดือน​กุมภาพันธ์ 1961 ระหว่าง​การ​เยี่ยม​สำนักงาน​สาขา​ใน​กรุง​เอเธนส์ มี​คน​ถาม​เรา​ว่า​อยาก​ทำ​งาน​รับใช้​ที่​เบเธล​หรือ​ไม่. เรา​ตอบ​โดย​ใช้​ถ้อย​คำ​ของ​ยะซายา​ที่​ว่า “ข้าพเจ้า​อยู่​ที่​นี่; ทรง​ใช้​ข้าพเจ้า​เถิด.” (ยะซายา 6:8) สอง​เดือน​ต่อ​มา เรา​ได้​รับ​จดหมาย​แจ้ง​ให้​ไป​สำนัก​เบเธล​ทันที​ที่​ทำ​ได้. ดัง​นั้น วัน​ที่ 27 พฤษภาคม 1961 เรา​เริ่ม​งาน​รับใช้​ที่​เบเธล.

เรา​ชื่น​ชอบ​งาน​มอบหมาย​ใหม่​ของ​เรา​มาก​และ​รู้สึก​ผ่อน​คลาย​สบาย​ใจ​ใน​ทันที. สามี​ฉัน​ทำ​งาน​ใน​แผนก​การ​รับใช้​และ​บอกรับ และ​ต่อ​มา​ระยะ​หนึ่ง​เขา​รับใช้​ใน​คณะ​กรรมการ​สาขา. ส่วน​ฉัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​หลาย​อย่าง​ใน​บ้าน. เวลา​นั้น มี​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล 18 คน แต่​เป็น​เวลา​เกือบ​ห้า​ปี​ที่​มี​ประมาณ 40 คน​ใน​เบเธล เนื่อง​จาก​ได้​มี​การ​จัด​โรง​เรียน​การ​รับใช้​สำหรับ​ผู้​ปกครอง​ที่​นั่น. ภาค​เช้า ฉัน​ล้าง​ถ้วย​ชาม, ช่วย​งาน​ใน​ครัว, จัด​ที่​นอน 12 ที่​และ​จัด​โต๊ะ​อาหาร​มื้อ​กลางวัน. ภาค​บ่าย ฉัน​รีด​ผ้า​และ​ทำ​ความ​สะอาด​ห้อง​น้ำ​และ​ห้อง​นอน. นอก​จาก​นั้น ฉัน​ทำ​งาน​แผนก​ซัก​รีด​สัปดาห์​ละ​หนึ่ง​วัน. มี​งาน​ให้​ทำ​มาก​มาย แต่​ฉัน​มี​ความ​สุข​ที่​สามารถ​ช่วย​ได้.

เรา​ง่วน​อยู่​กับ​งาน​มอบหมาย​ใน​เบเธล​ไม่​ว่าง​เว้น​ทั้ง​งาน​ออก​ประกาศ​ด้วย. หลาย​ครั้ง​เรา​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก​ถึง​เจ็ด​ราย​ที​เดียว. วัน​สุด​สัปดาห์ ฉัน​มัก​จะ​ร่วม​เดิน​ทาง​ไป​กับ​คาราลัมบูส​เมื่อ​เขา​ไป​บรรยาย​ตาม​ประชาคม​ต่าง ๆ. เรา​ไป​ไหน​มา​ไหน​ด้วย​กัน​ตลอด​เวลา.

เรา​เคย​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​คู่​สามี​ภรรยา​ที่​เกี่ยว​พัน​ใกล้​ชิด​กับ​คริสตจักร​กรีก​ออร์โทด็อกซ์ แถม​ยัง​เป็น​เพื่อน​ที่​ชอบ​พอ​เป็น​ส่วน​ตัว​กับ​พระ​สอน​ศาสนา​ที่​สอดส่อง​หา​ตัว​พวก​นอก​คอก​นอก​ศาสนา. ใน​บ้าน​ของ​เขา​มี​ห้อง​หนึ่ง​เต็ม​แน่น​ด้วย​รูป​บูชา มี​ธูป​เทียน​จุด​ไว้​ตลอด​เวลา และ​เปิด​เพลง​สวด​แบบ​ไบแซนไทน์​ทั้ง​วัน. ช่วง​หนึ่ง เรา​ไป​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​เขา​ทุก​วัน​พฤหัสบดี และ​พระ​สอน​ศาสนา​เยี่ยม​เขา​วัน​ศุกร์. วัน​หนึ่ง สามี​ภรรยา​คู่​นี้​ขอ​ให้​เรา​ไป​ที่​บ้าน​ของ​เขา​ให้​ได้ เพราะ​เขา​มี​อะไร​บาง​อย่าง​จะ​ให้​เรา​ประหลาด​ใจ. สิ่ง​แรก​ที่​เขา​ให้​เรา​ชม​คือ​ห้อง​นั้น​นั่น​เอง. เขา​ได้​เอา​รูป​บูชา​ทุก​ชิ้น​ออก​ไป​และ​แต่ง​ห้อง​ใหม่. คน​ทั้ง​สอง​ได้​ทำ​ความ​ก้าว​หน้า​ต่อ​ไป​และ​รับ​บัพติสมา. รวม​เบ็ดเสร็จ เรา​ประสบ​ความ​ชื่นชม​ที่​เห็น​ประมาณ 50 คน​ที่​เรา​เคย​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พวก​เขา​ได้​อุทิศ​ชีวิต​ของ​เขา​แด่​พระ​ยะโฮวา​และ​รับ​บัพติสมา.

การ​สมาคม​คบหา​กับ​พี่​น้อง​ผู้​ถูก​เจิม​ทำ​ให้​ฉัน​ได้​รับ​ประโยชน์​เป็น​พิเศษ. การ​เยี่ยม​เยือน​ของ​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​ปกครอง อาทิ บราเดอร์​นอรร์, บราเดอร์​แฟรนซ์, และ​บราเดอร์​เฮนเชล​ให้​การ​หนุน​ใจ​เป็น​อย่าง​มาก. หลัง​จาก​เวลา​ผ่าน​ไป​กว่า 40 ปี ฉัน​ยัง​คง​รู้สึก​ว่า​การ​รับใช้​ที่​บ้าน​เบเธล​เป็น​เกียรติ​และ​สิทธิ​พิเศษ​อย่าง​ใหญ่​หลวง.

รับมือ​ความ​เจ็บ​ป่วย​และ​การ​สูญ​เสีย

ปี 1982 สามี​ฉัน​เริ่ม​ส่อ​อาการ​โรค​อัลไซเมอร์. พอ​มา​ปี 1990 สุขภาพ​ของ​เขา​ทรุดโทรม​มาก​และ​ต้อง​มี​คน​คอย​เอาใจ​ใส่​ดู​แล​เขา​ตลอด​เวลา. ตลอด​ช่วง​แปด​ปี​ก่อน​เขา​เสีย​ชีวิต เรา​ออก​จาก​บ้าน​เบเธล​ไป​ไหน​ไม่​ได้​เลย. พี่​น้อง​ที่​รัก​ของ​เรา​หลาย​คน​ใน​ครอบครัว​เบเธล รวม​ทั้ง​ผู้​ดู​แล​ที่​มี​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ได้​เตรียม​การ​ช่วยเหลือ​เรา. แม้​ว่า​พวก​เขา​ช่วยเหลือ​ด้วย​ความ​กรุณา​อยู่​แล้ว แต่​ฉัน​ต้อง​ใช้​เวลา​ดู​แล​เขา​หลาย​ชั่วโมง​ทั้ง​กลางวัน​กลางคืน. สภาพการณ์​หลาย​อย่าง​บาง​ครั้ง​ก็​ยาก​ลำบาก​อย่าง​ที่​สุด จน​ฉัน​ไม่​ได้​หลับ​ไม่​ได้​นอน​หลาย​คืน.

เดือน​กรกฎาคม ปี 1998 สามี​สุด​ที่​รัก​ก็​สิ้น​ชีวิต. แม้​ฉัน​ยัง​อาลัย​คิด​ถึง​เขา​มาก แต่​ฉัน​ได้​รับ​การ​ปลอบ​ประโลม​ด้วย​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​เขา​อยู่​ใน​การ​ดู​แล​ของ​พระ​ยะโฮวา และ​ฉัน​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ทรง​ระลึก​ถึง​เขา​พร้อม​กับ​คน​อื่น ๆ อีก​หลาย​ล้าน​คน​เมื่อ​มี​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.—โยฮัน 5:28, 29.

สำนึก​บุญคุณ​ที่​ได้​รับ​ประโยชน์​นานัปการ​จาก​พระ​ยะโฮวา

ถึง​แม้​สามี​ล่วง​ลับ​ไป​แล้ว แต่​ฉัน​ไม่​อยู่​เดียว​ดาย. ฉัน​ยัง​คง​มี​สิทธิ​พิเศษ​ทำ​งาน​รับใช้​ที่​เบเธล และ​ชื่นชม​กับ​ความ​รัก และ​การ​เอา​ใจ​ใส่​ของ​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล​ทุก​คน. ครอบครัว​ขยาย​ของ​ฉัน​ยัง​ประกอบ​ด้วย​พี่​น้อง​ฝ่าย​วิญญาณ​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง​จาก​ทั่ว​ประเทศ​กรีซ. แม้​เวลา​นี้​อายุ​เกิน 70 ปี​แล้ว ฉัน​ยัง​สามารถ​ทำ​งาน​ได้​เต็ม​วัน​ไม่​ว่า​งาน​ใน​ครัว​และ​งาน​ใน​ห้อง​รับประทาน​อาหาร.

ปี 1999 ความ​ใฝ่ฝัน​ของ​ฉัน​กลาย​เป็น​จริง​เมื่อ​ได้​ไป​เยือน​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​นิวยอร์ก. ฉัน​ไม่​อาจ​พรรณนา​ได้​ว่า​ฉัน​รู้สึก​อย่าง​ไร. นั่น​เป็น​ประสบการณ์​ที่​เสริม​สร้าง​กำลังใจ​และ​ที่​ไม่​อาจ​ลืม​เสีย​ได้.

เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง ฉัน​เชื่อ​อย่าง​จริง​ใจ​ว่า​ฉัน​ได้​ใช้​ชีวิต​ใน​ทาง​ที่​ดี​ที่​สุด. งาน​ประจำ​ชีพ​ที่​ดี​เยี่ยม​เท่า​ที่​คน​เรา​จะ​ทำ​ได้​คือ​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​เวลา. ฉัน​พูด​ได้​อย่าง​มั่น​ใจ​ว่า​ฉัน​ไม่​เคย​ขัดสน​สิ่ง​ใด. พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​ฉัน​และ​สามี​ด้วย​ความ​รักใคร่​ทั้ง​ทาง​ด้าน​ร่าง​กาย​และ​ฝ่าย​วิญญาณ. จาก​ประสบการณ์​ส่วน​ตัว ฉัน​เข้าใจ​เหตุ​ผล​ที่​ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​ได้​ถาม​ดัง​นี้: “ข้าพเจ้า​จะ​สนอง​พระเดช​พระคุณ​แก่​พระ​ยะโฮวา ตอบ​แทน​คุณ​ที่​ทรง​ประทาน​แก่​ข้าพเจ้า​นั้น​อย่าง​ไร​ได้?”—บทเพลง​สรรเสริญ 116:12.

[ภาพ​หน้า 26]

คาราลัมบูส​กับ​ฉัน​ไม่​เคย​ห่าง​กัน

[ภาพ​หน้า 27]

สามี​ฉัน​ใน​ห้อง​ทำ​งาน​ที่​สำนักงาน​สาขา

[ภาพ​หน้า 28]

ฉัน​รู้สึก​ว่า​งาน​รับใช้​ที่​เบเธล​เป็น​งาน​ที่​มี​เกียรติ​สูง