“จงทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี”
“จงทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี”
“จงรักษาสติในทุกสิ่ง . . . จงทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี.”—2 ติโมเธียว 4:5, ล.ม.
1. พระเยซูมอบหมายงานอะไรแก่เหล่าสาวก?
พระนามและพระประสงค์ของพระยะโฮวาได้รับการประกาศไปทั่วโลก. นี่เป็นเพราะประชาชนที่อุทิศตัวแด่พระเจ้าได้เอาใจใส่งานที่พระเยซูคริสต์มอบหมายแก่เหล่าสาวกเมื่อตรัสว่า “จงไปทำให้คนจากทุกชาติเป็นสาวก ให้เขารับบัพติสมาในนามแห่งพระบิดาและพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้.”—มัดธาย 28:19, 20, ล.ม.
2. ติโมเธียวในฐานะผู้ดูแลได้รับคำสั่งอะไร และวิธีหนึ่งที่คริสเตียนผู้ดูแลจะทำงานรับใช้ของตนให้สำเร็จคืออะไร?
2 สาวกของพระเยซูในศตวรรษแรกถือว่างานมอบหมายดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ. ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปาโลกระตุ้นติโมเธียว เพื่อนคริสเตียนที่เป็นผู้ดูแลดังนี้: “จงทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี จงทำให้งานรับใช้ของท่านสำเร็จครบถ้วน.” (2 ติโมเธียว 4:5, ล.ม.) ในทุกวันนี้ วิธีหนึ่งที่ผู้ดูแลทำงานรับใช้ของตนให้สำเร็จคือด้วยการเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรที่มีใจแรงกล้า มีส่วนร่วมในงานประกาศเป็นประจำ. ตัวอย่างเช่น ผู้ดูแลการศึกษาหนังสือประจำประชาคมมีสิทธิพิเศษที่น่ายินดีในการนำหน้าในงานประกาศและฝึกอบรมคนอื่น ๆ. เปาโลทำหน้าที่รับผิดชอบของท่านเองให้สำเร็จในการประกาศข่าวดี และท่านช่วยฝึกอบรมคนอื่น ๆ สำหรับงานประกาศ.—กิจการ 20:20; 1 โกรินโธ 9:16, 17.
ผู้เผยแพร่ข่าวดีที่มีใจแรงกล้าในอดีต
3, 4. ฟิลิปมีประสบการณ์อะไรบ้างในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี?
3 คริสเตียนยุคแรกเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้เผยแพร่ข่าวดีที่มีใจแรงกล้า. ขอให้พิจารณาผู้เผยแพร่ข่าวดีที่ชื่อฟิลิป. เขาเป็นหนึ่งใน “เจ็ดคน . . . ซึ่งมีชื่อเสียงดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา” ที่ถูกเลือกให้แจกจ่ายอาหารประจำวันอย่างไม่ลำเอียงแก่บรรดาแม่ม่ายที่พูดภาษากรีกกับที่พูดภาษาฮีบรูในกรุงเยรูซาเลม. (กิจการ 6:1-6) หลังจากเสร็จงานมอบหมายเฉพาะกิจนั้นและเกิดการข่มเหงที่ทำให้ทุกคนกระจัดกระจายไปยกเว้นพวกอัครสาวก ฟิลิปได้ไปยังแคว้นซะมาเรีย. ที่นั่นท่านประกาศข่าวดีและได้รับฤทธิ์อำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อขับผีปิศาจออกและรักษาคนขาพิการและคนอัมพาตให้หาย. ชาวซะมาเรียหลายคนรับข่าวสารราชอาณาจักรและรับบัพติสมา. พอทราบข่าวนั้น อัครสาวกในกรุงเยรูซาเลมก็ส่งอัครสาวกเปโตรกับโยฮันไปยังซะมาเรียเพื่อให้ผู้เชื่อถือที่เพิ่งรับบัพติสมาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์.—กิจการ 8:4-17.
4 ต่อมา พระวิญญาณของพระเจ้านำฟิลิปไปพบกับขันทีชาวเอธิโอเปีย (อายธิโอบ) บนถนนที่ไปสู่เมืองกาซา. หลังจากได้รับคำอธิบายอย่างกระจ่างจากฟิลิปเกี่ยวกับคำพยากรณ์ของยะซายา ชายผู้นี้ ซึ่ง “มีอำนาจมากในแผ่นดินของพระนางกันดาเกนางกษัตริย์ของชาวอายธิโอบ” ก็แสดงความเชื่อในพระเยซูคริสต์และรับบัพติสมา. (กิจการ 8:26-38) หลังจากนั้น ฟิลิปเดินทางไปยังเมืองอัชโดด (อาโซโต) แล้วต่อไปยังเมืองซีซาเรีย (กายซาไรอา) โดย “ประกาศกิตติคุณในทุกเมือง” ตลอดทางนั้น. (กิจการ 8:39, 40) ท่านวางตัวอย่างที่ดีจริง ๆ ในการทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดี!
5. บุตรสาวสี่คนของฟิลิปเป็นที่รู้จักในเรื่องใดเป็นพิเศษ?
5 ประมาณ 20 ปีต่อมา ฟิลิปยังคงทำงานรับใช้อย่างแข็งขันในเมืองซีซาเรีย. ตอนที่เปาโลกับลูกาไปพักอาศัยที่บ้านของท่านนั้น ท่าน “มีบุตรีพรหมจารีสี่คนซึ่งเป็นผู้ทำนาย.” (กิจการ 21:8-10) เห็นได้ชัดว่าบุตรสาวของท่านได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดีทางฝ่ายวิญญาณ, มีความกระตือรือร้นในการรับใช้, และถึงกับมีสิทธิพิเศษในการกล่าวพยากรณ์. ในทุกวันนี้ ความมีใจแรงกล้าของบิดามารดาในงานรับใช้อาจส่งผลกระทบในทางดีต่อบุตรชายหญิง กระตุ้นพวกเขาให้เอาการเผยแพร่ข่าวดีด้วยความมีใจแรงกล้าเป็นงานประจำชีพของตน.
ผู้เผยแพร่ข่าวดีที่มีใจแรงกล้าในปัจจุบัน
6. ผู้เผยแพร่ข่าวดีในศตวรรษแรกประสบความสำเร็จอะไร?
6 ในคำพยากรณ์อันสำคัญยิ่งของพระเยซูคริสต์ที่ชี้ถึงสมัยของเราและเวลาอวสาน พระองค์แถลงว่า “ข่าวดีจะต้องได้รับการประกาศในประเทศทั้งปวงก่อน.” (มาระโก 13:10, ล.ม.) อวสานจะมาถึงหลังจากข่าวดีได้รับการประกาศไป “ทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) เนื่องจากเปาโลและผู้เผยแพร่ข่าวดีคนอื่น ๆ ในศตวรรษแรกประกาศข่าวดี หลายคนจึงเข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ และประชาคมต่าง ๆ ถูกก่อตั้งขึ้นแห่งแล้วแห่งเล่า ตลอดทั่วจักรวรรดิโรมัน. พวกผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งให้รับใช้ในประชาคมเหล่านี้ร่วมงานกับพี่น้องชายหญิงของตนในงานเผยแพร่ข่าวดีและแผ่ขยายกิจกรรมการประกาศออกไปอย่างกว้างไกล. พระคำของพระยะโฮวาเจริญงอกงามและมีชัยเรื่อยไปในสมัยนั้น เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอันเนื่องจากพยานพระยะโฮวาหลายล้านคนกำลังทำงานในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี. (กิจการ 19:20) คุณเป็นหนึ่งในผู้สรรเสริญพระยะโฮวาที่มีความสุขเหล่านั้นไหม?
7. ผู้ประกาศราชอาณาจักรกำลังทำอะไรในทุกวันนี้?
7 ผู้ประกาศราชอาณาจักรหลายคนในปัจจุบันกำลังใช้ประโยชน์จากโอกาสต่าง ๆ เพื่อจะมีส่วนมากขึ้นในงานเผยแพร่ข่าวดี. หลายพันคนเข้าสู่งานมิชชันนารี และหลายแสนคนมีส่วนร่วมในงานเผยแพร่เต็มเวลาฐานะไพโอเนียร์ประจำและไพโอเนียร์สมทบ. และช่างเป็นงานที่ยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ ที่ชาย, หญิง, และเด็ก ๆ ซึ่งรับใช้ฐานะผู้ประกาศราชอาณาจักรที่มีใจแรงกล้าได้ทำกัน! ใช่แล้ว ประชาชนทั้งสิ้นของพระยะโฮวากำลังได้รับพระพรอย่างอุดมขณะที่พวกเขารับใช้พระองค์เคียงบ่าเคียงไหล่กันฐานะคริสเตียนผู้เผยแพร่ข่าวดี.—ซะฟันยา 3:9.
8. งานทำเครื่องหมายแบบไหนที่ทำกันอยู่ในปัจจุบัน และใครเป็นผู้ทำ?
8 พระเจ้าได้มอบหน้าที่รับผิดชอบแก่สาวกที่ถูกเจิมของพระเยซูให้ประกาศข่าวดีไปทั่วโลก. ผู้อยู่เคียงข้างพวกเขาโยฮัน 10:16) กล่าวในเชิงพยากรณ์ งานช่วยชีวิตนี้เปรียบเหมือนการทำเครื่องหมายบนหน้าผากของผู้ที่ถอนหายใจและร้องครางเพราะสิ่งชั่วช้าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน. ในอีกไม่ช้า คนชั่วจะถูกทำลาย. ระหว่างนี้ ช่างเป็นสิทธิพิเศษเสียจริง ๆ ที่จะนำข่าวสารแห่งความจริงที่ช่วยชีวิตไปบอกแก่ผู้คนในโลก!—ยะเอศเคล 9:4-6, 11.
ในงานเผยแพร่ข่าวดีนี้คือ “แกะอื่น” ของพระคริสต์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ. (9. คนใหม่ ๆ จะได้รับความช่วยเหลือได้อย่างไรในงานรับใช้?
9 ถ้าเราเข้าร่วมในงานเผยแพร่ข่าวดีมานานพอสมควรแล้ว เราคงสามารถทำอะไรบางอย่างได้เพื่อช่วยคนใหม่ ๆ ในประชาคม. บางครั้ง เราอาจพาพวกเขาไปกับเราในงานรับใช้. ผู้ที่รับใช้ฐานะผู้ปกครองปรารถนาจะทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อเสริมสร้างเพื่อนร่วมความเชื่อทางฝ่ายวิญญาณ. ความพยายามเป็นอย่างดีของผู้ดูแลที่ถ่อมใจช่วยคนอื่น ๆ ได้มากให้เป็นผู้เผยแพร่ข่าวดีที่มีใจแรงกล้าและบังเกิดผล.—2 เปโตร 1:5-8.
การให้คำพยานตามบ้านเรือน
10. พระคริสต์และสาวกยุคแรกวางตัวอย่างอะไรในงานรับใช้?
10 พระเยซูคริสต์วางตัวอย่างที่ดีเยี่ยมแก่สาวกของพระองค์ในการเป็นผู้เผยแพร่ข่าวดี. พระคำของพระเจ้ากล่าวเกี่ยวกับงานรับใช้ของพระคริสต์กับเหล่าอัครสาวกดังนี้: “พระองค์เสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงเทศนาและประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. และสิบสองคนนั้นอยู่กับพระองค์.” (ลูกา 8:1, ล.ม.) แล้วสำหรับพวกอัครสาวกเองล่ะ? หลังจากการเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ในวันเพนเทคอสต์ ปี ส.ศ. 33 “เขาทั้งหลาย . . . ทำการสั่งสอนและประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสต์เยซูในพระวิหารและตามบ้านเรือนทุกวันเรื่อยไปมิได้ขาด.”—กิจการ 5:42, ล.ม.
11. ตามที่กล่าวในกิจการ 20:20, 21 อัครสาวกเปาโลทำอะไรในงานรับใช้ของท่าน?
11 เนื่องจากอัครสาวกเปาโลทำงานเผยแพร่ข่าวดีด้วยใจแรงกล้า ท่านจึงบอกบรรดาคริสเตียนผู้ปกครองที่มาจากเมืองเอเฟโซส์ได้ว่า “ข้าพเจ้ามิได้ยับยั้งการบอกสิ่งใด ๆ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ทั้งการสอนท่านทั้งหลายในที่สาธารณะและตามบ้านเรือน.” ตอนที่เปาโล ‘สอนตามบ้านเรือน’ นั้น ท่านไปตามบ้านของเพื่อนผู้นมัสการพระยะโฮวา ทำการเยี่ยมบำรุงเลี้ยงแก่เหล่าผู้เชื่อถืออย่างนั้นไหม? ไม่ใช่ เพราะท่านอธิบายต่อไปว่า “ข้าพเจ้าให้คำพยานอย่างถี่ถ้วนแก่ทั้งชาวยิวและชาวกรีกเรื่องการกลับใจเฉพาะพระเจ้าและความเชื่อในพระเยซูเจ้าของเรา.” (กิจการ 20:20, 21, ล.ม.) โดยทั่วไป ผู้ที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวาอยู่แล้วคงไม่จำเป็นต้องได้รับการสอนเรื่อง “การกลับใจเฉพาะพระเจ้าและความเชื่อในพระเยซูเจ้าของเรา.” เปาโลให้การอบรมแก่คริสเตียนผู้ปกครองจากเมืองเอเฟโซส์ในงานประกาศตามบ้านเรือน ในขณะที่สอนเรื่องการกลับใจและความเชื่อแก่ผู้ไม่มีความเชื่อ. ในการทำอย่างนี้ เปาโลใช้วิธีเดียวกันกับที่พระเยซูวางแบบอย่างไว้.
12, 13. สอดคล้องกับฟิลิปปอย 1:7 ประชาชนของพระยะโฮวาได้ทำอะไรเกี่ยวกับสิทธิของพวกเขาในการประกาศ?
12 งานรับใช้ตามบ้านเรือนอาจเป็นเรื่องท้าทาย. ตัวอย่างเช่น บางคนอาจไม่พอใจที่เราไปที่ประตูบ้านเขาพร้อมกับข่าวสารจากคัมภีร์ไบเบิล. เราไม่อยากทำให้ใครขุ่นเคือง. กระนั้น การประกาศตามบ้านเรือนเป็นไปตามสิ่งที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ และความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนบ้านกระตุ้นเราที่จะให้คำพยานโดยวิธีนี้. (มาระโก 12:28-31) เพื่อจะทำให้สิทธิในการประกาศตามบ้านเรือนได้รับ “การปกป้องและ . . . การรับรองตามกฎหมาย” เราจึงยื่นคำร้องต่อศาล รวมทั้งศาลสูงสุดของสหรัฐ. (ฟิลิปปอย 1:7, ล.ม.) แทบทุกคดีศาลตัดสินให้เราชนะ. ตามปกติแล้วคำตัดสินมักจะเป็นอย่างนี้:
13 “การแจกจ่ายเอกสารเผยแพร่ทางศาสนาเป็นรูปแบบเก่าแก่ของงานเผยแพร่ของมิชชันนารี ที่มีมานานพอ ๆ กับที่เริ่มมีเครื่องพิมพ์. การแจกจ่ายเอกสารเผยแพร่ก่อผลอันทรงพลังในขบวนการทางศาสนาต่าง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา. มีการใช้รูปแบบนี้ในการเผยแพร่ศาสนากันอย่างกว้างขวางในปัจจุบันโดยกลุ่มศาสนาต่าง ๆ ซึ่งผู้เดินทางเผยแพร่ของพวกเขานำกิตติคุณไปเผยแพร่ตามบ้านหลายต่อหลายพันหลัง และเสาะหาโดยการเยี่ยมเป็นส่วนตัวเพื่อจะชักนำคนเข้ามามีความเชื่อเหมือนกับพวกเขา . . . ตาม [รัฐธรรมนูญสหรัฐ] ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่หนึ่ง กิจกรรมทางศาสนารูปแบบนี้มีฐานะความสำคัญเท่าเทียมกับการ
ประชุมนมัสการในโบสถ์และการเทศน์จากธรรมาสน์.”—คดีระหว่างเมอร์ดอกกับรัฐเพนซิลเวเนีย ปี 1943.เหตุใดจึงประกาศต่อ ๆ ไป?
14. อะไรอาจเป็นผลที่เพิ่มพูนขึ้นจากงานรับใช้ของเรา?
14 มีเหตุผลหลายอย่างสำหรับการให้คำพยานตามบ้านเรือน. แต่ละครั้งที่เราเยี่ยมผู้คนตามบ้าน เราพยายามหว่านเมล็ดแห่งความจริงในพระคัมภีร์. เราพยายามรดน้ำโดยการกลับเยี่ยมหลายครั้ง. และอาจเกิดผลเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าได้ปลูกไว้, อะโปโลได้รดน้ำ แต่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้เกิดผล.” (1 โกรินโธ 3:6) ขอให้เรา ‘ปลูกและรดน้ำ’ ต่อ ๆ ไป มั่นใจว่าพระยะโฮวาจะ “บันดาลให้เกิดผล.”
15, 16. เหตุใดเรากลับไปประกาศซ้ำที่บ้านหลังเดิม?
15 เราทำงานฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดีเนื่องจากหลายชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย. โดยการประกาศ เราสามารถช่วยตัวเราเองและคนที่ฟังเราให้รอดได้. (1 ติโมเธียว 4:16) ถ้าเรารู้ว่าชีวิตของคนคนหนึ่งอยู่ในอันตราย เราจะพยายามเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยเขาอย่างนั้นไหม? ไม่อย่างแน่นอน! เนื่องจากความรอดเกี่ยวข้องอยู่ด้วย เราจึงกลับไปประกาศซ้ำที่บ้านหลังเดิมอีก. สภาพการณ์เปลี่ยนไปตลอดเวลา. คนที่ไม่ว่างฟังเราในคราวก่อนอาจเต็มใจฟังข่าวสารจากคัมภีร์ไบเบิลในคราวนี้ก็ได้. เป็นไปได้ที่คนอื่นในครอบครัวจะมาเปิดประตู และนั่นอาจนำไปสู่การสนทนาในเรื่องพระคัมภีร์.
16 ไม่ใช่แค่สภาพการณ์ของคนในบ้านเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ท่าทีของพวกเขาอาจเปลี่ยนไปด้วย. ตัวอย่างเช่น ความปวดร้าวเนื่องจากคนที่รักเสียชีวิตอาจกระตุ้นให้เขาฟังข่าวสารราชอาณาจักร. เราหวังที่จะชูใจผู้คน ทำให้เขาสำนึกถึงความจำเป็นฝ่ายวิญญาณ และบอกให้ทราบวิธีที่จะได้รับการสนองความจำเป็นนี้.—มัดธาย 5:3, 4.
17. อะไรคือเหตุผลสำคัญที่สุดที่เราทำงานประกาศ?
17 เหตุผลสำคัญที่สุดที่เราให้คำพยานตามบ้านเรือนหรือทำงานเผยแพร่ของคริสเตียนในลักษณะอื่น ๆ ก็คือความปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมในการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่รู้จัก. (เอ็กโซโด 9:16; บทเพลงสรรเสริญ 83:18) ช่างทำให้อิ่มเอิบใจสักเพียงไรที่งานเผยแพร่ข่าวดีของเราช่วยผู้ที่รักความจริงและความชอบธรรมให้เข้ามาเป็นผู้สรรเสริญพระยะโฮวา! ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงดังนี้: “ชายหนุ่มและหญิงสาวพรหมจารี; คนแก่กับฝูงเด็ก: พากันสรรเสริญพระนามของพระยะโฮวา; เพราะมีพระนามของพระองค์แต่พระนามเดียวควรถูกยกย่องสูงสุด; พระรัศมีของพระองค์ดำรงอยู่เหนือแผ่นดินโลกและเหนือฟ้าสวรรค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 148:12, 13.
การเผยแพร่ข่าวดีเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง
18. เราได้ประโยชน์อย่างไรจากการทำงานเผยแพร่ข่าวดี?
18 การทำงานของผู้เผยแพร่ข่าวดีเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองในหลายทาง. การไปตามบ้านพร้อมกับข่าวดีช่วยเราพัฒนาความถ่อมใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราไม่ได้รับการต้อนรับด้วยท่าทีกรุณา. เพื่อจะเป็นผู้เผยแพร่ข่าวดีที่บังเกิดผล เราจำเป็นต้องเป็นเหมือนเปาโล ซึ่ง ‘ทำตัวเป็นคนทุกอย่างกับผู้คนทุกชนิด เพื่อท่านจะช่วยบางคนให้รอดได้.’ (1 โกรินโธ 9:19-23, ล.ม.) ประสบการณ์ในงานรับใช้ช่วยเรารู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว. โดยพึ่งอาศัยพระยะโฮวาและเลือกใช้ถ้อยคำอย่างเหมาะสม เราสามารถทำตามคำแนะนำของเปาโลที่ว่า “ให้วาจาของท่านทั้งหลายประกอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนเสมอ ปรุงรสด้วยเกลือ เพื่อจะรู้ว่าท่านควรให้คำตอบแต่ละคนอย่างไร.”—โกโลซาย 4:6, ล.ม.
19. ผู้เผยแพร่ข่าวดีได้รับความช่วยเหลืออย่างไรจากพระวิญญาณบริสุทธิ์?
19 งานเผยแพร่ข่าวดียังกระตุ้นเราให้หมายพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าด้วย. (ซะคาระยา 4:6) ผลที่ตามมาคือ ผลแห่งพระวิญญาณ—“ความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดกลั้นไว้นาน, ความกรุณา, ความดี, ความเชื่อ, ความอ่อนโยน, การควบคุมตนเอง”—ปรากฏให้เห็นในงานรับใช้ของเรา. (ฆะลาเตีย 5:22, 23, ล.ม.) พระวิญญาณส่งผลต่อวิธีที่เราปฏิบัติต่อผู้คน เนื่องด้วยการยอมให้พระวิญญาณชี้นำช่วยเราให้แสดงความรัก, มีความยินดีและสร้างสันติ, อดกลั้นไว้นานและกรุณา, สำแดงความดีและความเชื่อ, อีกทั้งอ่อนโยนและรู้จักควบคุมตนเองขณะที่ประกาศข่าวดี.
20, 21. มีประโยชน์อะไรบ้างจากการมีงานมากในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี?
20 ประโยชน์อีกอย่างที่เราได้รับฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี2 โกรินโธ 4:4) และช่างนำมาซึ่งความชื่นชมยินดีสักเพียงไรที่ให้ความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณแก่ผู้ “มีความโน้มเอียงอย่างถูกต้องเพื่อชีวิตนิรันดร์”!—กิจการ 13:48, ล.ม.
คือเรามีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น. เมื่อผู้คนเล่าถึงปัญหาของพวกเขา ไม่ว่าความเจ็บป่วย, การตกงาน, ปัญหาหนักในครอบครัว เราไม่ทำตัวเป็นผู้ให้คำแนะนำ แต่เราใช้ข้อคัมภีร์เพื่อให้กำลังใจและปลอบโยนพวกเขา. เราเป็นห่วงผู้คนที่อยู่ในความมืดฝ่ายวิญญาณ แต่ทว่าดูเหมือนมีความรักต่อความชอบธรรม. (21 การเข้าส่วนร่วมเป็นประจำในงานเผยแพร่ข่าวดีช่วยให้ความคิดของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งฝ่ายวิญญาณเสมอ. (ลูกา 11:34) นั่นเป็นประโยชน์แน่นอน เนื่องจากถ้าไม่ทำเช่นนั้น เราอาจพ่ายแพ้ต่อการล่อใจทางด้านวัตถุที่มีมากมายเหลือเกินในโลกนี้. อัครสาวกโยฮันกระตุ้นคริสเตียนดังนี้: “อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก. ถ้าคนใดรักโลก, ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย. เพราะว่าสารพัตรซึ่งมีอยู่ในโลก, คือความใคร่ของเนื้อหนังและความใคร่ของตาและการอวดอ้างถือตัวในชาตินี้ไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา, แต่เกิดมาจากโลก. และโลกนี้กับความใคร่ของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าคงจะตั้งอยู่เป็นนิตย์.” (1 โยฮัน 2:15-17) การมีงานมากในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี และการทำมากมายหลายสิ่งในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ ช่วยเราไม่ให้รักโลก.—1 โกรินโธ 15:58, ล.ม.
สะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์
22, 23. (ก) คริสเตียนผู้เผยแพร่ข่าวดีสะสมทรัพย์สมบัติอะไร? (ข) บทความถัดไปจะช่วยเราอย่างไร?
22 การประกาศราชอาณาจักรด้วยใจแรงกล้าก่อผลประโยชน์ที่ยั่งยืน. พระเยซูแสดงให้เห็นในเรื่องนี้เมื่อตรัสว่า “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก, ที่ตัวหนอนและสนิมอาจทำลายเสียได้, และที่ขโมยอาจขุดช่องล้วงลักเอาไปได้. แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์, ที่หนอนหรือสนิมทำลายเสียไม่ได้, และที่ไม่มีขโมยขุดช่องล้วงลักเอาไปได้. เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน, ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย.”—มัดธาย 6:19-21.
23 ขอให้เราสะสมทรัพย์ในสวรรค์ต่อ ๆ ไป โดยตระหนักว่าเราไม่อาจมีสิทธิพิเศษอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าการได้เป็นตัวแทนของพระยะโฮวาเจ้าองค์บรมมหิศร ฐานะพยานของพระองค์. (ยะซายา 43:10-12) ขณะที่ทำงานมอบหมายของเราฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้า เราคงจะรู้สึกเช่นเดียวกับสตรีคริสเตียนคนหนึ่งที่อายุ 90 กว่าปีแล้ว ซึ่งกล่าวถึงชีวิตอันยาวนานของเธอในการรับใช้พระเจ้าว่า “ฉันขอบคุณพระยะโฮวาเรื่อยมาที่ทรงอดทนกับฉันมาตลอดหลายปีนี้ และฉันอธิษฐานอย่างจริงจังขอให้พระองค์ทรงเป็นพระบิดาที่เปี่ยมด้วยความรักของฉันตลอดไป.” ถ้าเราถือว่าสัมพันธภาพระหว่างเรากับพระเจ้ามีค่ายิ่งเช่นกัน เราย่อมอยากจะทำงานในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดีอย่างครบถ้วน. บทความถัดไปจะช่วยเราให้เห็นวิธีที่จะทำงานรับใช้ของเราให้สำเร็จครบถ้วน.
คุณจะตอบอย่างไร?
• เหตุใดเราควรทำงานในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี?
• คุณจะกล่าวอะไรได้เกี่ยวกับงานของผู้เผยแพร่ข่าวดีในอดีตและปัจจุบัน?
• เหตุใดเราให้คำพยานตามบ้านเรือน?
• คุณได้ประโยชน์เป็นส่วนตัวอย่างไรจากการทำงานในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดี?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 10]
ผู้เผยแพร่ข่าวดีอย่างเช่น ฟิลิปและบุตรสาวของท่าน มีคู่เทียบสมัยปัจจุบันที่มีความปีติยินดี
[ภาพหน้า 14]
คุณได้ประโยชน์เป็นส่วนตัวอย่างไรจากการแบ่งปันข่าวดีให้คนอื่น?