อาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าระลึกถึงโดยวิธีใด?
อาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าระลึกถึงโดยวิธีใด?
ในการให้ความกระจ่างเรื่องการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า คริสเตียนอัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าได้รับเรื่องพิธีศีลระลึกจากองค์พระผู้เป็นเจ้า, ข้าพเจ้าจึงได้มอบเรื่องนี้ไว้กับท่านทั้งหลายแล้ว คือในกลางคืนวันนั้นเมื่อเขาทรยศขายพระเยซูเจ้า, พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ครั้นขอบพระคุณแล้ว, จึงทรงหักเสียตรัสว่า, ‘นี่เป็นกายของเรา, ซึ่งทรงประทานให้ท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา.’ เมื่อรับประทานขนมปังแล้ว, พระองค์จึงทรงหยิบจอกด้วยอาการอย่างเดียวกันตรัสว่า, ‘จอกนี้คือคำสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากจอกนี้เวลาใด, จงดื่มเป็นที่ระลึกถึงเรา.’ เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากจอกนี้เวลาใด, ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ากว่าพระองค์จะเสด็จมา.”—1 โกรินโธ 11:23-26.
ดังที่เปาโลกล่าว พระเยซูได้ตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า “ในกลางคืนวันนั้นเมื่อเขาทรยศขายพระเยซู” โดยที่ยูดาอิศการิโอดไปหาผู้นำศาสนาชาวยิวซึ่งได้กดดันพวกโรมันให้เอาพระคริสต์ไปตรึง. มีการรับประทานอาหารมื้อนั้นในค่ำวันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม ส.ศ. 33. พระเยซูสิ้นพระชนม์บนหลักทรมานในตอนบ่ายวันศุกร์ที่ 1 เมษายน. เนื่องจากวันตามปฏิทินของพวกยิวเริ่มจากตอนเย็นของวันหนึ่งไปถึงตอนเย็นของวันถัดไป ทั้งอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้ากับการวายพระชนม์ของพระเยซูคริสต์จึงเกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือวันที่ 14 เดือนไนซาน ส.ศ. 33.
ผู้ที่รับประทานขนมปังและเหล้าองุ่นต้อง “กระทำอย่างนี้” เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระเยซู. ตามคำแปลของพระคัมภีร์อีกฉบับหนึ่ง พระเยซูตรัสว่า “จงกระทำอย่างนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงเรา.” (1 โกรินโธ 11:24, เดอะ เจรูซาเลม ไบเบิล) อาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้ายังถูกเรียกด้วยว่า อนุสรณ์เกี่ยวกับการวายพระชนม์ของพระคริสต์.
เหตุใดจึงระลึกถึงการวายพระชนม์ของพระเยซู?
จะพบคำตอบได้โดยการเข้าใจความหมายแห่งการวายพระชนม์ของพระเยซู. พระเยซูสิ้นพระชนม์ฐานะผู้สนับสนุนองค์สำคัญที่สุดเกี่ยวกับพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. โดยวิธีนี้ พระองค์ทรงพิสูจน์ว่าซาตานเป็นตัวมุสาในการกล่าวหาว่า มนุษย์รับใช้พระเจ้าด้วยเจตนาที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น. (โยบ 2:1-5; สุภาษิต 27:11) นอกจากนั้น โดยการสิ้นพระชนม์ฐานะมนุษย์สมบูรณ์ พระเยซูยังได้ ‘ประทานชีวิตของพระองค์ให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก.’ (มัดธาย 20:28) เมื่ออาดามทำบาปต่อพระเจ้า เขาสูญเสียชีวิตมนุษย์สมบูรณ์และโอกาสในการมีชีวิตอยู่ตลอดไป. แต่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลก [แห่งมนุษยชาติ] มากถึงกับทรงประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่สำแดง ความเชื่อในพระองค์นั้นจะไม่ถูกทำลายแต่มีชีวิตนิรันดร์.” (โยฮัน 3:16, ล.ม.) ที่จริง “ค่าจ้างของความบาปนั้นคือความตาย แต่ของประทานของพระเจ้าก็คือชีวิตนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา.”—โรม 6:23.
ด้วยเหตุนี้ การวายพระชนม์ของพระเยซูคริสต์จึงเกี่ยวข้องกับการสำแดงความรักใหญ่ยิ่งที่สุดสองประการ นั่นคือความรักอันใหญ่ยิ่งที่พระยะโฮวาได้ทรงสำแดงต่อมนุษยชาติในการประทานพระบุตรของพระองค์ และความรักแบบเสียสละตัวเองที่พระเยซูแสดงต่อมนุษยชาติโดยการสละชีวิตมนุษย์ของพระองค์ด้วยความเต็มพระทัย. การประชุมอนุสรณ์เกี่ยวกับการวายพระชนม์ของพระเยซูยกย่องการสำแดงความรักสองประการนี้. เนื่องจากเราเป็นผู้ได้รับความรักนี้ เราควรแสดงความหยั่งรู้ค่าต่อความรักนี้มิใช่หรือ? วิธีหนึ่งที่จะทำเช่นนี้ได้คือ โดยการเข้าร่วมในการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า.
ความหมายของขนมปังและเหล้าองุ่น
เมื่อตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูทรงใช้ขนมปังแผ่นหนึ่งและเหล้าองุ่นแดงถ้วยหนึ่งเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์. พระเยซูทรงหยิบขนมปัง และ “ครั้นขอบพระคุณแล้ว, จึงทรงหักเสียตรัสว่า, ‘นี่ [ขนมปังนี้] เป็นกายของเรา, ซึ่งทรงประทานให้ท่านทั้งหลาย.’ ” (1 โกรินโธ 11:24) ต้องหักขนมปังเพื่อแจกจ่ายและรับประทาน เนื่องจากขนมปังเป็นชิ้นค่อนข้างเปราะซึ่งทำจากแป้งและน้ำโดยไม่ใส่เชื้อหรือยีสต์. ในพระคัมภีร์ เชื้อเป็นสัญลักษณ์ของบาป. (มัดธาย 16:11, 12; 1 โกรินโธ 5:6, 7) พระเยซูไม่มีบาป. ฉะนั้น ร่างกายมนุษย์ที่สมบูรณ์ของพระองค์จึงใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่ที่เหมาะสมเพื่อมนุษยชาติ. (1 โยฮัน 2:1, 2) เหมาะสมเพียงไรที่ขนมปังไม่มีเชื้อใช้หมายถึงพระกายเนื้อหนังของพระคริสต์ที่ปราศจากบาป!
พระเยซูยังขอบพระคุณด้วยสำหรับถ้วยเหล้าองุ่นแดงที่ไม่มีอะไรเจือปน และตรัสว่า “จอกนี้คือคำสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา.” (1 โกรินโธ 11:25) เหล้าองุ่นแดงในถ้วยหมายถึงพระโลหิตของพระเยซู. ดังที่เลือดของโคและแพะที่เป็นเครื่องบูชาทำให้สัญญาไมตรีแห่งพระบัญญัติมีผลบังคับใช้ระหว่างพระเจ้ากับชาติอิสราเอลในปี 1513 ก่อนสากลศักราช ดังนั้น พระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออกตอนวายพระชนม์ทำให้สัญญาใหม่มีผลบังคับใช้.
ใครจะรับประทาน?
เพื่อระบุว่าใครเหมาะสมที่จะรับประทานเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์ เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าสัญญาใหม่เกี่ยวข้องกับอะไรและใครเป็นผู้มีส่วนในสัญญานั้น. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “นี่แน่ะ, วันคืนทั้งหลายจะมา, เมื่อเราจะกระทำความสัญญาใหม่กับตระกูลยิศราเอล, แลตระกูลยะฮูดา พระยะโฮวาได้ตรัส . . . เราจะใส่บทบัญญัติของเราไว้ ณ ภายในตัวเขาทั้งปวง, แลจะเขียนบทบัญญัตินั้นในใจเขา, แลเราจะเป็นพระเจ้าแก่เขาทั้งหลาย, แลเขาจะเป็นไพร่พลของเรา . . . เราจะยกความบาปของเขา, แลไม่ระลึกถึงความผิดของเขาอีกเลย.”—ยิระมะยา 31:31-34.
สัญญาใหม่ทำให้เป็นไปได้ที่จะมีสัมพันธภาพชนิดพิเศษกับพระยะโฮวาพระเจ้า. โดยทางสัญญานี้ บุคคลกลุ่มหนึ่งกลายมาเป็นประชาชนของพระองค์และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา. พระบัญญัติของพระยะโฮวาได้เขียนไว้ภายในตัว คือในหัวใจของพวกเขา และแม้แต่คนต่างชาติซึ่งไม่ใช่ชาวยิวที่ได้รับสุหนัตก็สามารถเข้ามามีสัมพันธภาพกับพระเจ้าในสัญญาใหม่นี้. (โรม 2:29) ลูกา ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลเขียนเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะ ‘หันมาใฝ่พระทัยคนต่างชาติ เพื่อนำเอาประชาชนสำหรับพระนามของพระองค์ออกจากพวกเขา.’ (กิจการ 15:14, ล.ม.) ตามที่บอกไว้ใน 1 เปโตร 2:10 (ล.ม.) พวกเขา “เมื่อก่อน . . . ไม่ได้เป็นชนชาติหนึ่ง แต่บัดนี้เป็นชนชาติของพระเจ้า.” พระคัมภีร์กล่าวถึงพวกเขาว่าเป็น “ชาติอิสราเอลของพระเจ้า” นั่นคือ ชาติอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ. (ฆะลาเตีย 6:16, ล.ม.; 2 โกรินโธ 1:21) ดังนั้นแล้ว สัญญาใหม่คือสัญญาระหว่างพระยะโฮวาพระเจ้ากับชาติอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ.
ในคืนสุดท้ายที่อยู่กับพวกสาวกบนแผ่นดินโลก พระเยซูลูกา 22:29, ล.ม.) นี่เป็นสัญญาเรื่องราชอาณาจักร. มนุษย์ไม่สมบูรณ์ที่ถูกนำเข้าสู่สัญญาเรื่องราชอาณาจักรมีจำนวน 144,000 คน. ภายหลังได้รับการปลุกขึ้นจากตายสู่สวรรค์แล้ว พวกเขาจะปกครองร่วมกับพระคริสต์ฐานะเป็นกษัตริย์และปุโรหิต. (วิวรณ์ 5:9, 10; 14:1-4) ด้วยเหตุนี้ คนเหล่านั้นที่อยู่ในสัญญาใหม่กับพระยะโฮวาพระเจ้าจึงอยู่ในสัญญาเรื่องราชอาณาจักรกับพระเยซูคริสต์ด้วย. พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์รับประทานสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายในอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า.
ทรงทำสัญญาที่ต่างออกไปกับพวกเขาเป็นส่วนตัวอีกด้วย. พระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า “เราทำสัญญาเรื่องราชอาณาจักรกับเจ้าทั้งหลาย เช่นเดียวกับพระบิดาของเราได้ทำสัญญากับเรา.” (คนเหล่านั้นที่มีสิทธิ์รับประทานเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์ทราบโดยวิธีใดว่าพวกเขาอยู่ในสัมพันธภาพที่ไม่มีใดเหมือนกับพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์? เปาโลอธิบายว่า “พระวิญญาณ [บริสุทธิ์] เองเป็นพยานร่วมกับวิญญาณ [แนวโน้มทางใจ] ของเราว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า. ดังนั้น ถ้าเราเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาทด้วย คือเป็นทายาทของพระเจ้า แต่เป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ ถ้าเราทนทุกข์ร่วมกันเพื่อเราจะได้รับสง่าราศีร่วมกันด้วย.”—โรม 8:16, 17, ล.ม.
โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือพลังปฏิบัติการของพระเจ้า พระองค์ทรงเจิมทายาทที่ร่วมกับพระคริสต์. นี่ทำให้พวกเขามั่นใจว่าเขาเป็นรัชทายาทแห่งราชอาณาจักร. นั่นสร้างความหวังเกี่ยวกับชีวิตทางภาคสวรรค์ขึ้นภายในตัวคริสเตียนผู้ถูกเจิม. พวกเขาถือว่าทุกสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับชีวิตทางภาคสวรรค์นั้นใช้กับพวกเขา. นอกจากนี้ พวกเขาเต็มใจสละความผูกพันทั้งสิ้นทางแผ่นดินโลก รวมทั้งชีวิตบนแผ่นดินโลกและความสัมพันธ์ทั้งสิ้นของมนุษย์. ถึงแม้คริสเตียนที่ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณตระหนักว่าชีวิตในอุทยานบนแผ่นดินโลกจะน่าพิศวงก็ตาม นี่ไม่ใช่ความหวังของพวกเขา. (ลูกา 23:43) ไม่ใช่เนื่องจากทัศนะทางศาสนาแบบผิด ๆ แต่เนื่องจากเป็นผลของการดำเนินงานแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเขาจึงมีความหวังทางภาคสวรรค์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงมีสิทธิ์รับประทานสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์.
สมมุติว่าคนเราไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าเขาอยู่ในสัญญาใหม่และสัญญาเรื่องราชอาณาจักรหรือไม่. จะว่าอย่างไรหากเขาขาดพยานยืนยันโดยพระวิญญาณของพระเจ้าว่าเขาเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์? ถ้าเช่นนั้น คงเป็นการผิดที่เขาจะรับประทานสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์. ที่จริง พระเจ้าคงจะไม่พอพระทัยหากคนเราจงใจแสดงตัวว่าเป็นคนที่ถูกเรียกเพื่อเป็นกษัตริย์และปุโรหิตทางภาคสวรรค์ในเมื่อเขาไม่ได้รับการทรงเรียกเช่นนั้นจริง ๆ.—โรม 9:16; วิวรณ์ 22:5.
ควรฉลองกันบ่อยเท่าใด?
ควรระลึกถึงการวายพระชนม์ของพระเยซูทุกสัปดาห์ หรือบางทีทุกวันด้วยซ้ำไหม? พระคริสต์ทรงตั้งอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าและถูกประหารอย่างไม่เป็นธรรมในวันปัศคา. มีการฉลองปัศคาเพียงปีละครั้งในวันที่ 14 เดือนไนซาน เพื่อระลึกถึงการช่วยชาติอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาสของอียิปต์. (เอ็กโซโด 12:6, 14; เลวีติโก 23:5) ดังนั้น ควรระลึกถึงการวายพระชนม์ของ “พระคริสต์ผู้เป็นปัศคาของเราทั้งหลาย” เพียงปีละครั้งเท่านั้น ไม่ใช่ทุกสัปดาห์หรือทุกวัน. (1 โกรินโธ 5:7) ในการฉลองอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า คริสเตียนปฏิบัติตามขั้นตอนเดียวกันกับที่พระเยซูทรงปฏิบัติตอนที่พระองค์ตั้งการฉลองนี้.
ถ้าเช่นนั้น ถ้อยคำของเปาโลมีความหมายเช่นไรที่ว่า “เมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากจอกนี้เวลาใด [“บ่อยเท่าใด,” ล.ม.], ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ากว่าพระองค์จะเสด็จมา”? (1 โกรินโธ 11:26) ในข้อนี้เปาโลใช้คำที่มีความหมายว่า “ทุกครั้งที่” หรือ “เมื่อใดก็ตาม.” ดังนั้น ท่านกล่าวว่าเมื่อใดก็ตามที่คริสเตียนผู้ถูกเจิมรับประทานสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายนั้น พวกเขาจะประกาศความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู.
1 เธซะโลนิเก 4:14-17, ล.ม.) เรื่องนี้สอดคล้องกับถ้อยคำที่พระคริสต์ตรัสแก่อัครสาวกที่ภักดี 11 คน ที่ว่า “ถ้าเราไปจัดแจงที่สำหรับท่านแล้ว, เราจะมาอีกรับท่านให้ไปอยู่กับเราเพื่อเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย.”—โยฮัน 14:3.
คริสเตียนผู้ถูกเจิมจะระลึกถึงการวายพระชนม์ของพระคริสต์ “จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา.” การฉลองนี้จะดำเนินต่อไปจนกระทั่งพระเยซูเสด็จมาถึงเพื่อรับเหล่าสาวกผู้ถูกเจิมของพระองค์ไปสู่สวรรค์โดยการกลับเป็นขึ้นจากตายสู่ชีวิตในสภาพวิญญาณระหว่าง “การประทับ” ของพระองค์. (การประชุมอนุสรณ์มีความหมายเช่นไรสำหรับคุณ?
จำเป็นไหมที่จะรับประทานสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายในการประชุมอนุสรณ์เพื่อจะได้รับประโยชน์จากเครื่องบูชาของพระเยซูและได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก? ไม่จำเป็น. ไม่มีที่ใดในคัมภีร์ไบเบิลบ่งบอกว่า ภายหลังที่ได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายบนแผ่นดินโลกแล้ว ผู้คนที่เกรงกลัวพระเจ้า เช่น โนฮา, อับราฮาม, ซารา, ยิศฮาค, ริบะคา, โยเซฟ, โมเซ, และดาวิดจะรับประทานสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายนี้. กระนั้น พวกเขาและคนอื่นทั้งหมดที่ปรารถนาจะมีชีวิตที่ไม่สิ้นสุดบนแผ่นดินโลกจะต้องแสดงความเชื่อในพระเจ้าและพระคริสต์รวมทั้งการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเกี่ยวกับเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู. (โยฮัน 3:36; 14:1) เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์ คุณต้องแสดงความเชื่อเช่นนั้นด้วย. การที่คุณเข้าร่วม ณ การฉลองประจำปีเกี่ยวกับการวายพระชนม์ของพระคริสต์จะเตือนคุณให้ระลึกถึงเครื่องบูชาอันใหญ่ยิ่งนั้นและน่าจะทำให้คุณรู้สึกหยั่งรู้ค่าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อเครื่องบูชานั้น.
อัครสาวกโยฮันได้เน้นความสำคัญแห่งเครื่องบูชาของพระเยซูเมื่อกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเขียนเรื่องเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลาย [เพื่อนผู้ถูกเจิม] เพื่อท่านจะไม่ทำบาป. และถึงกระนั้น หากผู้ใดทำบาป เราก็มีผู้ช่วยเหลืออยู่กับพระบิดา คือพระเยซูคริสต์ผู้ชอบธรรม. และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาระงับพระพิโรธสำหรับบาปของเรา แต่ไม่ใช่สำหรับบาปของเราเท่านั้นแต่สำหรับบาปของทั้งโลกด้วย.” (1 โยฮัน 2:1, 2, ล.ม.) เหมาะสมที่ผู้ถูกเจิมกล่าวว่า เครื่องบูชาของพระเยซูเป็นการปิดคลุมที่ระงับพระพิโรธสำหรับบาปของพวกเขา. แต่เครื่องบูชาของพระเยซูยังเป็นเครื่องบูชาสำหรับบาปของทั้งโลกด้วย ทำให้ชีวิตนิรันดร์เป็นไปได้สำหรับมนุษยชาติที่เชื่อฟัง!
คุณจะเข้าร่วมในวันที่ 4 เมษายน 2004 เพื่อระลึกถึงการวายพระชนม์ของพระเยซูไหม? พยานพระยะโฮวาจะจัดการระลึกนี้ทั่วโลก ณ สถานที่ประชุมของพวกเขา. หากคุณเข้าร่วม คุณจะได้รับประโยชน์จากการฟังคำบรรยายที่สำคัญจริง ๆ จากคัมภีร์ไบเบิล. คุณจะได้รับการเตือนให้ระลึกว่าพระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำเพื่อพวกเรามากสักเพียงใด. การชุมนุมกับคนเหล่านั้นที่มีความนับถือสุดซึ้งต่อพระเจ้าและพระคริสต์ และต่อเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูจะให้ผลตอบแทนทางฝ่ายวิญญาณด้วย. โอกาสนั้นอาจจะเสริมสร้างความปรารถนาของคุณที่จะเป็นผู้รับความกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระเจ้า ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์. อย่าให้สิ่งใดมาขัดขวางคุณไว้. จงเข้าร่วมในการฉลองที่ทำให้อบอุ่นใจนี้ซึ่งถวายพระเกียรติและทำให้พระยะโฮวาพระเจ้า พระบิดาของเราทางภาคสวรรค์พอพระทัย.
[ภาพหน้า 5]
การวายพระชนม์ของพระเยซูเกี่ยวข้องกับการสำแดงความรักใหญ่ยิ่งที่สุดสองประการ
[ภาพหน้า 6]
ขนมปังไม่มีเชื้อกับเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะซึ่งหมายถึงพระกายของพระเยซูที่ปราศจากบาปและพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งออก