คุณสามารถทำให้พระเจ้าปีติยินดี
คุณสามารถทำให้พระเจ้าปีติยินดี
เราสามารถส่งผลกระทบอย่างแท้จริงต่อความรู้สึกของพระเจ้าไหม? พระเจ้ามีความสามารถที่จะปีติยินดีไหม? บางคนรู้สึกว่าพระเจ้าเป็นเพียงพลัง. เราจะคาดหมายให้พลังที่ไม่มีตัวตนปีติยินดีได้ไหม? ไม่เลย. แต่ขอพิจารณาสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับพระเจ้า.
พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “พระเจ้าทรงเป็นองค์วิญญาณ.” (โยฮัน 4:24, ล.ม.) วิญญาณเป็นรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่ต่างจากมนุษย์. แม้จะไม่ประจักษ์แก่ตามนุษย์ วิญญาณก็มีร่างกาย เป็น “กายวิญญาณ.” (1 โกรินโธ 15:44; โยฮัน 1:18) โดยใช้ภาพพจน์ คัมภีร์ไบเบิลถึงกับกล่าวว่าพระเจ้าทรงมีพระเนตร, พระกรรณ, พระหัตถ์, และอื่น ๆ. * พระเจ้าทรงมีพระนามด้วย คือยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 83:18) ดังนั้นแล้ว พระเจ้าแห่งคัมภีร์ไบเบิลทรงเป็นบุคคลวิญญาณ. (เฮ็บราย 9:24) “[พระองค์] เป็นพระเจ้าทรงชีวิตอยู่, แลเป็นกษัตริย์ที่จะอยู่ต่อไปในภาคหน้าไม่รู้สิ้น.”—ยิระมะยา 10:10.
ในฐานะบุคคลที่ทรงพระชนม์อยู่จริง พระยะโฮวาทรงมีความสามารถในการคิดและทำ. พระองค์ทรงสำแดงคุณลักษณะและความรู้สึก, ความชอบและความไม่ชอบ. ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลมีถ้อยคำนับไม่ถ้วนซึ่งเปิดเผยสิ่งที่ทำให้พระองค์พอพระทัยหรือไม่พอพระทัย. ขณะที่พระและรูปเคารพซึ่งมนุษย์ทำขึ้นเพียงแต่สะท้อนอุปนิสัยหรือคุณลักษณะของมนุษย์ที่ประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้ขึ้นมา พระยะโฮวา พระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการทรงเป็นบ่อเกิดแห่งอารมณ์ความรู้สึกที่พระองค์ทรงใส่ไว้ในตัวมนุษย์.—เยเนซิศ 1:27; ยะซายา 44:7-11.
พระยะโฮวาทรงเป็น “พระเจ้าผู้ประกอบด้วยความสุข” อย่างไม่มีข้อสงสัย. (1 ติโมเธียว 1:11) พระองค์ไม่เพียงปีติยินดีในงานสร้างสรรค์ของพระองค์ แต่ทรงมีความยินดีในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์บรรลุผลสำเร็จด้วย. พระยะโฮวาทรงประกาศผ่านทางผู้พยากรณ์ยะซายาว่า “เราจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ . . . เราได้พูดไว้แล้ว, และเราจะทำให้เกิดขึ้น, เราได้วางโครงการไว้แล้ว, และเราจะทำให้สำเร็จ.” (ยะซายา 46:9-11) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้ร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาทรงยินดีด้วยราชกิจแห่งพระหัตถ์ของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 104:31) แต่ยังมีแหล่งแห่งความยินดีอีกแหล่งหนึ่งสำหรับพระเจ้า. พระองค์ตรัสว่า “บุตรชายของเราเอ๋ย จงมีปัญญาและทำให้หัวใจเราปีติยินดี.” (สุภาษิต 27:11, ล.ม.) คิดดูสิว่านั่นหมายความอย่างไร—เราสามารถทำให้พระเจ้าปีติยินดี!
วิธีที่เราสามารถทำให้พระหฤทัยของพระเจ้าปีติยินดี
ขอพิจารณาวิธีที่โนฮาประมุขของครอบครัวได้ทำให้พระหฤทัยของพระยะโฮวาปีติยินดี. โนฮา “เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรพระยะโฮวา” เพราะ “ท่านพิสูจน์ตัวว่าปราศจากข้อบกพร่องท่ามกลางคนในสมัยเดียวกัน.” ต่างกันเยเนซิศ 6:6, 8, 9, 22, ล.ม.) “โดยความเชื่อ . . . โนฮาจึงมีใจเกรงกลัว [“แสดงความยำเกรงพระเจ้า,” ล.ม.] จัดแจงต่อนาวาซึ่งเป็นที่ให้ครอบครัวของตนรอดได้.” (เฮ็บราย 11:7) พระยะโฮวาทรงพอพระทัยโนฮาและอวยพรท่านและครอบครัวโดยให้รอดชีวิตผ่านสมัยนั้นที่ปั่นป่วนวุ่นวายในประวัติศาสตร์ของมนุษย์.
อย่างสิ้นเชิงกับคนชั่วในสมัยนั้น ความเชื่อและการเชื่อฟังของโนฮาทำให้พระเจ้าพอพระทัยจนอาจกล่าวได้ว่า โนฮา “ดำเนินกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้.” (อับราฮามปฐมบรรพบุรุษมีความสำนึกอย่างแรงกล้าถึงความรู้สึกของพระยะโฮวาด้วย. การที่ท่านรู้จักพระดำริของพระเจ้าอย่างละเอียดปรากฏชัดเมื่อพระยะโฮวาทรงแจ้งให้ท่านทราบว่าจะทรงทำลายเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์เนื่องจากความเลวทรามของสองเมืองนี้. อับราฮามรู้จักพระยะโฮวาดีพอที่จะสรุปว่าเป็นเรื่องเหลือคิดที่พระเจ้าจะสังหารคนชอบธรรมพร้อมกับคนชั่ว. (เยเนซิศ 18:17-33) หลายปีต่อมา โดยการเชื่อฟังการชี้นำของพระเจ้า อับราฮาม “จึงเหมือนกับว่าได้ถวายยิศฮาคเป็นเครื่องบูชา” เพราะ “ท่านถือว่าพระเจ้าสามารถจะปลุกเขาให้เป็นขึ้นจากตายได้.” (เฮ็บราย 11:17-19, ล.ม.; เยเนซิศ 22:1-18) อับราฮามไวต่อความรู้สึกของพระเจ้าและแสดงความเชื่อที่เข้มแข็งและการเชื่อฟังจน “ท่านได้รับสมญาว่า ‘มิตรของพระยะโฮวา.’ ”—ยาโกโบ 2:23, ล.ม.
บุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งพยายามทำให้พระหฤทัยของพระเจ้ายินดีคือกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลโบราณ. พระยะโฮวาตรัสเกี่ยวกับท่านว่า “เราได้พบดาวิดบุตรของยิซัย, เป็นคนที่พอใจเรา, เป็นผู้จะกระทำให้ความประสงค์ของเราสำเร็จทุกประการ.” (กิจการ 13:22) ก่อนเผชิญหน้ากับฆาละยัธร่างยักษ์ ดาวิดไว้วางใจเต็มที่ในพระเจ้าและทูลซาอูลกษัตริย์อิสราเอลว่า “พระยะโฮวาผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเล็บเท้าสิงโตและจากเล็บหมี, พระองค์คงจะช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากมือชาวฟะลิศตีมคนนี้ด้วย.” พระยะโฮวาอวยพรการที่ดาวิดไว้วางใจในพระองค์ ทำให้ดาวิดสามารถสังหารฆาละยัธได้. (1 ซามูเอล 17:37, 45-54) ดาวิดต้องการให้ไม่เพียงการกระทำของท่านเท่านั้น แต่ ‘ให้วาจาที่ออกมาจากปากกับความคิดในใจของท่านเป็นที่ชอบต่อพระเนตรของพระยะโฮวา.’—บทเพลงสรรเสริญ 19:14.
จะว่าอย่างไรกับพวกเรา? เราจะทำให้พระยะโฮวาพอพระทัยได้อย่างไร? ยิ่งเราเรียนรู้ความรู้สึกของพระเจ้ามากเท่าใด เราก็ยิ่งจะรู้สิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อให้พระหฤทัยของพระเจ้าปีติยินดีมากขึ้นเท่านั้น. ดังนั้นแล้ว ขณะที่เราอ่านคัมภีร์ไบเบิล นับว่าสำคัญที่เราพยายามจะเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้สึกของพระเจ้าเพื่อที่เราจะ “ประกอบด้วยความรู้ถ่องแท้เรื่องพระทัยประสงค์ของพระองค์ในสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ เพื่อจะดำเนินคู่ควรกับพระยะโฮวา เพื่อทำให้พระองค์พอพระทัยอย่างเต็มเปี่ยม.” (โกโลซาย 1:9, 10, ล.ม.) ส่วนความรู้จะช่วยเราให้สร้างความเชื่อ. นี่นับว่าสำคัญเพราะ “ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว, จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้.” (เฮ็บราย 11:6) ถูกแล้ว โดยทุ่มเทความพยายามที่จะสร้างความเชื่อที่เข้มแข็งและโดยทำให้ชีวิตของเราประสานกับพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา เราสามารถทำให้พระหฤทัยของพระองค์ยินดี. ในขณะเดียวกัน เราต้องระวังที่จะไม่ทำให้พระยะโฮวารู้สึกปวดร้าวพระทัย.
อย่าทำให้พระเจ้ารู้สึกปวดร้าวพระทัย
ตัวอย่างในเรื่องวิธีที่อาจทำให้พระยะโฮวารู้สึกปวดร้าวพระทัย พบได้ในเรื่องราวเกี่ยวกับสมัยของโนฮา. ในเวลานั้น “แผ่นดินก็เต็มไปด้วยการชั่วร้าย [“ความรุนแรง,” ล.ม.]. พระเจ้าทรงทอดพระเนตรดูแผ่นดินก็เห็นว่าชั่วไปทั้งหมด, ด้วยบรรดาเนื้อหนังทำชั่วอุลามกทั่วไปทั้งแผ่นดิน.” (เยเนซิศ 6:11, 12) พระเจ้าทรงรู้สึกอย่างไรขณะที่สำรวจดูความเลวทรามและความรุนแรง? คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระยะโฮวาทรงรู้สึกเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดิน และพระองค์ทรงรู้สึกปวดร้าวพระทัย.” (เยเนซิศ 6:5, 6, ล.ม.) พระเจ้าทรงรู้สึกเสียพระทัยในประการที่ว่าความประพฤติของมนุษย์กลับชั่วร้ายจนพระองค์ทรงเปลี่ยนเจตคติต่อคนชั่วอายุที่ชั่วร้ายซึ่งมีชีวิตอยู่ก่อนมหาอุทกภัย. เนื่องจากไม่พอพระทัยในความชั่วของพวกเขา พระเจ้าทรงเปลี่ยนจากการมีเจตคติของพระผู้สร้างมนุษย์มาเป็นผู้ทำลายพวกเขา.
บทเพลงสรรเสริญ 78:38-41) ถึงแม้ชาวอิสราเอลที่ขืนอำนาจได้รับผลอย่างสมควรจากบาปของพวกเขาเองก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของเขา.”—ยะซายา 63:9, ฉบับแปลใหม่.
พระยะโฮวายังทรงรู้สึกทุกข์ระทมด้วยเมื่อประชาชนของพระองค์เอง ชาติอิสราเอลโบราณเพิกเฉยต่อความรู้สึกและการชี้นำด้วยความรักของพระองค์อยู่เรื่อย ๆ. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญคร่ำครวญว่า “เขาเคยกบฏต่อพระองค์ในป่าเนือง ๆ รู้จักกี่ครั้ง, และได้ทำให้พระองค์เศร้าพระทัยในทะเลทราย! เขาได้ท้อถอยและทดลองพระเจ้าอีก, และได้ขัดพระทัยพระองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งพวกยิศราเอล.” กระนั้น “พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดยกโทษไม่ทรงประหารเขาเสีย: จริง ๆ นา, พระองค์ทรงงดพิโรธเขาเป็นหลายครั้งหลายหนแล้ว, มิได้ให้พระพิโรธทั้งหมดพลุ่งขึ้น.” (โดยไม่คำนึงถึงหลักฐานที่ประจักษ์ชัดแจ้งเกี่ยวกับความรู้สึกอันอ่อนละมุนของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขา ชนชาติอิสราเอล “พากันเยาะเย้ยพวกทูตของพระเจ้า, ประมาทดูหมิ่นคำโอวาทของพระองค์, และนินทาผู้พยากรณ์ของพระองค์, กระทำให้ความพิโรธของพระยะโฮวาพลุ่งขึ้นต่อพลไพร่ของพระองค์จนไม่มีช่องที่จะแก้ไขได้.” (2 โครนิกา 36:16) ในที่สุด การขืนอำนาจแบบคอแข็งของพวกเขา “ทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย” ถึงขั้นที่พวกเขาสูญเสียความโปรดปรานของพระยะโฮวา. (ยะซายา 63:10, ฉบับแปลใหม่) ผลเป็นประการใด? พระเจ้าทรงถอนการปกป้องของพระองค์ไปโดยชอบด้วยเหตุผล และพวกเขาประสบความหายนะเมื่อชาวบาบิโลนได้พิชิตอาณาจักรยูดาห์และทำลายกรุงเยรูซาเลม. (2 โครนิกา 36:17-21) น่าเศร้าสักเพียงไรเมื่อผู้คนเลือกที่จะติดตามแนวทางชีวิตที่ผิดบาปซึ่งทำให้พระผู้สร้างของเขาขัดเคืองและทุกข์ระทม!
คัมภีร์ไบเบิลให้ข้อพิสูจน์แก่เราว่าพระเจ้าทรงเจ็บปวดพระทัยอย่างยิ่งเนื่องจากความประพฤติที่ไม่ชอบธรรม. (บทเพลงสรรเสริญ 78:41) สิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ขัดเคือง—ถึงกับน่าสะอิดสะเอียน—สำหรับพระเจ้ารวมเอาความหยิ่ง, การโกหก, ฆาตกรรม, การทำเวทมนตร์คาถา, การดูดวงชะตา, การนมัสการบรรพบุรุษ, ความหละหลวมทางศีลธรรม, รักร่วมเพศ, ความไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตสมรส, การร่วมเพศระหว่างญาติใกล้ชิด, และการกดขี่คนจน.—เลวีติโก 18:9-29; 19:29; พระบัญญัติ 18:9-12; สุภาษิต 6:16-19; ยิระมะยา 7:5-7; มาลาคี 2:14-16.
พระยะโฮวาทรงรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการไหว้รูปเคารพ? เอ็กโซโด 20:4, 5 กล่าวว่า “อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน, เป็นสัณฐานรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าอากาศเบื้องบน, หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง, หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน, อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น.” เพราะเหตุใด? เพราะรูปเคารพ “เป็นสิ่งที่พระยะโฮวา . . . ทรงเกลียดชังนัก.” (พระบัญญัติ 7:25, 26) อัครสาวกโยฮันเตือนว่า “ดูก่อนลูกเล็ก ๆ ทั้งหลาย, จงระวังรักษาตัวให้ปราศจากรูปเคารพ.” (1 โยฮัน 5:21) และอัครสาวกเปาโลได้เขียนว่า “ดูก่อนพวกที่รักของข้าพเจ้า, ท่านทั้งหลายจงหลีกเลี่ยงจากการไหว้รูปเคารพ.”—1 โกรินโธ 10:14.
จงแสวงหาความพอพระทัยของพระเจ้า
พระเจ้าทรง “สนิทสนมกับคนซื่อตรง.” คนเหล่านั้น “ที่มีทางไร้ตำหนิย่อมเป็นที่ปีติยินดีของพระองค์” (สุภาษิต 3:32, ล.ม.; 11:20, ฉบับแปลใหม่) ตรงกันข้าม คนเหล่านั้นที่เพิกเฉยอย่างดื้อรั้นหรือท้าทายความรู้สึกอันชอบธรรมของพระองค์จะได้รับผลแห่งความไม่พอพระทัยจากพระองค์ในไม่ช้า. (2 เธซะโลนิเก 1:6-10) ที่จริง อีกไม่นานพระองค์จะนำอวสานมาสู่ความชั่วทั้งสิ้นที่มีอยู่ดาษดื่นจริง ๆ ในทุกวันนี้.—บทเพลงสรรเสริญ 37:9-11; ซะฟันยา 2:2, 3.
อย่างไรก็ดี คัมภีร์ไบเบิลทำให้ชัดแจ้งทีเดียวว่า พระยะโฮวา “ไม่ทรงประสงค์จะให้คนหนึ่งคนใดพินาศเลย, แต่ทรงปรารถนาจะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่.” (2 เปโตร 3:9) พระองค์ทรงชอบพระทัยที่จะสำแดงความรักใคร่ต่อคนชอบธรรมซึ่งรักพระองค์มากกว่าที่จะสำแดงความไม่พอพระทัยต่อคนเหล่านั้นซึ่งเลือกที่จะไม่กลับตัวเป็นคนดี. พระยะโฮวาทรงประสบความยินดี “[มิใช่] ในความตายแห่งคนชั่ว . . . แต่ชอบพระทัยจะให้คนชั่วกลับเสียจากทางของเขาและมีชีวิต.”—ยะเอศเคล 33:11.
ยาโกโบ 5:11, ล.ม.) ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมในความรู้สึกของพระเจ้า คุณสามารถ ‘มอบความกระวนกระวายทั้งสิ้นของคุณไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงใฝ่พระทัยในคุณ.’ (1 เปโตร 5:7, ล.ม.) ขอมั่นใจว่า คนเหล่านั้นซึ่งทำให้พระหฤทัยของพระเจ้าปีติยินดีมีโอกาสอันวิเศษที่จะได้รับความพอพระทัยและมีมิตรภาพกับพระองค์. ฉะนั้น บัดนี้นับว่าเร่งด่วนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาแต่ก่อนที่จะ “ทำให้แน่ใจต่อ ๆ ไปว่า อะไรเป็นสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้ายอมรับ.”—เอเฟโซ 5:10, ล.ม.
ดังนั้น ไม่มีใครต้องเป็นเป้าแห่งความพิโรธของพระยะโฮวา. “พระยะโฮวาทรงเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่อันอ่อนละมุนและเมตตา.” (น่าพิศวงสักเพียงไรที่พระเจ้าด้วยความกรุณาอันไม่พึงได้รับ ได้ทรงเปิดเผยคุณลักษณะและความรู้สึกที่น่ายกย่องของพระองค์! และคุณสามารถทำให้พระหฤทัยของพระองค์ปีติยินดี. หากคุณปรารถนาจะทำเช่นนั้น เราสนับสนุนคุณให้ติดต่อกับพยานพระยะโฮวาในเขตของคุณ. พวกเขาจะยินดีแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่เขาได้พบว่าใช้การได้จริงและบรรลุได้ในการพยายามที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 3 โปรดดูกรอบที่มีชื่อว่า “เหตุใดคัมภีร์ไบเบิลพรรณนาพระเจ้าด้วยคำที่แสดงถึงลักษณะของมนุษย์?”
[กรอบ/ภาพหน้า 7]
เหตุใดคัมภีร์ไบเบิลพรรณนาพระเจ้าด้วยคำที่แสดงถึงลักษณะของมนุษย์?
เนื่องจาก “พระเจ้าทรงเป็นองค์วิญญาณ” เราจึงมองไม่เห็นพระองค์ด้วยตาจริง ๆ ของเรา. (โยฮัน 4:24, ล.ม.) เพราะฉะนั้น คัมภีร์ไบเบิลจึงใช้ภาพพจน์ เช่น อุปมา, อุปลักษณ์, และคำที่แสดงลักษณะของมนุษย์เพื่อช่วยเราเข้าใจอานุภาพ, ความยิ่งใหญ่, และพระราชกิจของพระเจ้า. ดังนั้น ถึงแม้เราไม่ทราบว่ากายวิญญาณของพระเจ้าเป็นเช่นไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงพระเจ้าว่ามีพระเนตร, พระกรรณ, พระหัตถ์, พระพาหุ, นิ้วพระหัตถ์, พระบาท, และพระหฤทัย.—เยเนซิศ 8:21; เอ็กโซโด 3:20; 31:18; โยบ 40:9; บทเพลงสรรเสริญ 18:9; 34:15.
ภาษาในเชิงพรรณนาดังกล่าวมิได้หมายความว่ากายวิญญาณของพระเจ้ามีอวัยวะชนิดเดียวกับที่กายมนุษย์มี. มานุษยรูปนิยม คือคำที่แสดงลักษณะของมนุษย์ไม่ต้องเข้าใจตามตัวอักษร. คำเหล่านี้เพียงแต่ช่วยมนุษย์ให้เข้าใจดีขึ้นเกี่ยวกับพระเจ้า. หากไม่มีภาพพจน์ดังกล่าวแล้ว คงจะเป็นเรื่องยากหรือถึงกับเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ซึ่งเป็นเพียงมนุษย์จะเข้าใจคำพรรณนาใด ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าได้. อย่างไรก็ดี นั่นมิได้หมายความว่าบุคลิกลักษณะของพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดขึ้น. คัมภีร์ไบเบิลอธิบายอย่างชัดเจนว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้า—ไม่ใช่พระเจ้าถูกสร้างตามแบบของมนุษย์. (เยเนซิศ 1:27) เนื่องจากผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลได้รับ “การดลใจจากพระเจ้า” คำพรรณนาของเขาเกี่ยวกับบุคลิกลักษณะของพระเจ้าตามจริงแล้วเป็นคำพรรณนาของพระองค์เองเกี่ยวกับคุณลักษณะส่วนตัวของพระองค์ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่พระองค์ได้ปลูกฝังไว้ในระดับต่าง ๆ ในตัวมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมา. (2 ติโมเธียว 3:16, 17, ล.ม.) แทนที่จะเป็นคุณลักษณะของมนุษย์ในพระเจ้า จริง ๆ แล้ว เป็นคุณลักษณะของพระเจ้าในมนุษย์ต่างหาก.
[ภาพหน้า 4]
โนฮาได้รับความโปรดปรานในสายพระเนตรของพระเจ้า
[ภาพหน้า 5]
อับราฮามไวต่อความรู้สึกของพระเจ้า
[ภาพหน้า 6]
ดาวิดไว้วางใจเต็มเปี่ยมในพระยะโฮวา
[ภาพหน้า 7]
ขณะที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิล คุณสามารถเรียนรู้วิธีทำให้พระเจ้าปีติยินดี
[ที่มาของภาพหน้า 4]
Courtesy of Anglo-Australian Observatory, photograph by David Malin