‘จงไปทำให้คนเป็นสาวก’
‘จงไปทำให้คนเป็นสาวก’
“อำนาจทั้งสิ้นได้มอบให้กับเราแล้ว ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. ฉะนั้น จงไปทำให้คน . . . เป็นสาวก.”—มัดธาย 28:18, 19, ล.ม.
1, 2. (ก) พระเยซูทรงมอบหมายงานอะไรแก่เหล่าสาวกของพระองค์? (ข) จะมีการพิจารณาคำถามอะไรเกี่ยวกับพระบัญชาของพระเยซู?
วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่อิสราเอล ปี ส.ศ. 33 เหล่าสาวกของพระเยซูได้ชุมนุมกันอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งในแกลิลี. องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาที่ได้รับการปลุกให้คืนพระชนม์จวนจะเสด็จขึ้นสวรรค์ แต่พระองค์มีเรื่องสำคัญที่จะบอกพวกเขาก่อน. พระเยซูมีงานมอบหมายให้พวกเขา. งานอะไรหรือ? พวกสาวกของพระองค์ตอบรับอย่างไรต่องานนั้น? และงานมอบหมายนั้นนำมาใช้กับพวกเราในทุกวันนี้อย่างไร?
2 สิ่งที่พระเยซูตรัสได้รับการบันทึกไว้ที่มัดธาย 28:18-20 (ล.ม.) ว่า “อำนาจทั้งสิ้นได้มอบให้กับเราแล้ว ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. ฉะนั้น จงไปทำให้คนจากทุกชาติเป็นสาวก ให้เขารับบัพติสมาในนามแห่งพระบิดาและพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้. และนี่แน่ะ! เราอยู่กับพวกเจ้าเสมอจนกระทั่งช่วงอวสานแห่งระบบ.” พระเยซูได้ตรัสถึง “อำนาจทั้งสิ้น,” “ทุกชาติ,” “สิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้,” และพระองค์อยู่กับเหล่าสาวก “เสมอ.” พระบัญชาของพระองค์ซึ่งเกี่ยวข้องกับถ้อยคำที่ครอบคลุมแง่มุมต่าง ๆ สี่ประการทำให้เราถามคำถามสำคัญบางข้อ ซึ่งอาจสรุปได้ด้วยคำว่า เหตุใด? ที่ไหน? อะไร? และเมื่อไร? ขอให้เราพิจารณาทีละคำถาม. *
“อำนาจทั้งสิ้นได้มอบให้กับเราแล้ว”
3. เหตุใดเราควรเชื่อฟังพระบัญชาที่ให้ทำคนเป็นสาวก?
3 ประการแรก เหตุใดเราควรเชื่อฟังพระบัญชาที่ให้ทำคนเป็นสาวก? พระเยซูตรัสว่า “อำนาจทั้งสิ้นได้มอบให้กับเราแล้ว ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. ฉะนั้น จงไปทำให้คน . . . เป็นสาวก.” คำ “ฉะนั้น” ชี้ถึงเหตุผลหลักที่เราควรเชื่อฟังพระบัญชานี้. นั่นเป็นเพราะพระเยซู ผู้ทรงให้พระบัญชานี้ มี “อำนาจทั้งสิ้น.” อำนาจของพระองค์กว้างไกลขนาดไหน?
4. (ก) อำนาจของพระเยซูกว้างไกลขนาดไหน? (ข) ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับอำนาจของพระเยซูควรมีผลอย่างไรต่อทัศนะของเราเกี่ยวกับพระบัญชาที่ให้ทำคนเป็นสาวก?
4 พระเยซูมีอำนาจเหนือประชาคมของพระองค์ และตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา พระองค์มีอำนาจเหนือราชอาณาจักรของพระเจ้าที่ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่. (โกโลซาย 1:13; วิวรณ์ 11:15) พระองค์ทรงเป็นอัครทูตสวรรค์ และในฐานะดังกล่าวพระองค์ทรงมีกองทัพทูตสวรรค์หลายร้อยล้านองค์อยู่ใต้อำนาจของพระองค์. (1 เธซะโลนิเก 4:16; 1 เปโตร 3:22; วิวรณ์ 19:14-16) พระองค์ได้รับมอบอำนาจจากพระบิดาให้ทำลาย “การปกครอง, อานุภาพและอำนาจอื่น ๆ” ที่ต่อต้านหลักการอันชอบธรรม. (1 โกรินโธ 15:24-26; เอเฟโซ 1:20-23) อำนาจของพระเยซูใช่ว่าจำกัดอยู่กับคนที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น. พระองค์ทรงเป็น “ผู้พิพากษาคนทั้งหลายทั้งคนเป็นและคนตาย” ด้วย และมีอำนาจที่พระเจ้าทรงประทานให้เพื่อปลุกคนเหล่านั้นที่หลับอยู่ในความตายให้เป็นขึ้นมา. (กิจการ 10:42; โยฮัน 5:26-28) แน่นอน ควรถือว่าพระบัญชาที่มาจากบุคคลซึ่งได้รับมอบอำนาจอันไพศาลเช่นนั้นมีความสำคัญสูงสุด. เพราะฉะนั้น เราจึงเชื่อฟังพระบัญชาของพระคริสต์ที่ว่า ‘จงไปทำให้คนเป็นสาวก’ ด้วยความนับถือและเต็มใจ.
5. (ก) เปโตรเชื่อฟังคำตรัสของพระเยซูอย่างไร? (ข) การที่เปโตรเชื่อฟังพระบัญชาของพระเยซูนำไปสู่พระพรอะไร?
5 ในช่วงต้นของงานรับใช้บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกในวิธีโดดเด่นที่ว่าการยอมรับอำนาจและการเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์จะนำไปสู่พระพร. ในโอกาสหนึ่งพระองค์ตรัสกับเปโตรซึ่งเป็นชาวประมงว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึกหย่อนอวนลงจับปลา.” เปโตรแน่ใจว่าไม่มีปลา จึงทูลพระเยซูว่า, “อาจารย์เจ้าข้า, ข้าพเจ้าทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่งไม่ได้อะไรเลย.” อย่างไรก็ดี เปโตรกล่าวเสริมอย่างถ่อมใจว่า “แต่ข้าพเจ้าจะหย่อนอวนลงตามคำของพระองค์.” หลังจากเปโตรเชื่อฟังพระบัญชาของพระคริสต์ เขาจับ “ปลาไว้เป็นอันมาก.” ด้วยความตกตะลึง เปโตร “กราบลงที่พระชานุของพระเยซูทูลว่า, ‘พระองค์เจ้าข้า, ขอเสด็จไปให้ห่างจากข้าพเจ้าเถิด, เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป.’ ” แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “อย่ากลัวเลย, ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน.” (ลูกา 5:1-10; มัดธาย 4:18) เราเรียนอะไรจากเรื่องนี้?
6. (ก) เรื่องราวเกี่ยวกับการจับปลาได้อย่างอัศจรรย์แสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับการเชื่อฟังชนิดที่พระเยซูทรงเรียกร้อง? (ข) เราจะเลียนแบบพระเยซูได้อย่างไร?
6 พระเยซูทรงมอบหมายงาน “เป็นผู้จับคน” ให้เปโตร, อันดะเรอา, และอัครสาวกคนอื่น ๆ ไม่ใช่ก่อนที่พวกเขาจับปลาได้อย่างน่าพิศวงครั้งนี้ แต่หลังจากนั้น. (มาระโก 1:16, 17) เห็นได้ชัด พระเยซูมิได้เรียกร้องการเชื่อฟังอย่างงมงาย. พระองค์ทรงให้เหตุผลซึ่งทำให้มั่นใจที่พวกเขาควรเชื่อฟังพระองค์. เช่นเดียวกับการเชื่อฟังพระบัญชาของพระเยซูที่ให้หย่อนอวนลงจับปลาทำให้ได้รับผลอย่างเหลือล้น การเชื่อฟังพระบัญชาของพระเยซูที่ให้ “จับคน” จะนำไปสู่พระพรมากมายเช่นกัน. เหล่าอัครสาวกตอบรับด้วยความเชื่อที่เต็มเปี่ยม. เรื่องจบลงว่า “เมื่อเขานำเรือมาถึงฝั่งแล้ว, เขาก็สละทิ้งสิ่งสารพัตรตามพระองค์ไป.” (ลูกา 5:11) ทุกวันนี้ ขณะที่เราสนับสนุนคนอื่นให้มีส่วนร่วมในงานทำให้คนเป็นสาวก เราเลียนแบบพระเยซู. เราไม่ได้เรียกร้องให้ผู้คนเพียงแต่ทำตามที่เราบอก แต่เราให้เหตุผลซึ่งทำให้มั่นใจที่พวกเขาควรจะเชื่อฟังพระบัญชาของพระคริสต์.
เหตุผลซึ่งทำให้มั่นใจและแรงกระตุ้นที่เหมาะสม
7, 8. (ก) อะไรคือเหตุผลตามหลักพระคัมภีร์บางประการสำหรับการประกาศราชอาณาจักรและการทำให้คนเป็นสาวก? (ข) ข้อคัมภีร์ใดที่กระตุ้นคุณเป็นพิเศษให้ทำงานประกาศต่อ ๆ ไป? (ดูเชิงอรรถด้วย.)
7 เนื่องจากเรายอมรับอำนาจของพระคริสต์ เราจึงมีส่วนร่วมในงานประกาศราชอาณาจักรและงานทำให้คนเป็นสาวก. มีเหตุผลอะไรอื่นอีกตามหลักพระคัมภีร์ในการทำงานนี้ที่เราสามารถบอกคนเหล่านั้นที่เราอยากกระตุ้นให้ทำการงานที่ดี? ขอพิจารณาการแสดงความคิดเห็นต่อไปนี้โดยพยานฯ ที่ซื่อสัตย์หลายคนจากประเทศต่าง ๆ และสังเกตว่าข้อคัมภีร์ที่มีการอ้างถึง สนับสนุนความเห็นของพวกเขาอย่างไร.
8 รอย ซึ่งรับบัพติสมาในปี 1951 บอกว่า “ตอนที่ผมอุทิศตัวแด่พระยะโฮวา ผมได้สัญญาว่าจะรับใช้พระองค์ตลอดไป. ผมต้องการรักษาคำพูดนี้.” (บทเพลงสรรเสริญ 50:14; มัดธาย 5:37) เฮเทอร์ รับบัพติสมาในปี 1962 กล่าวว่า “เมื่อฉันคิดถึงทุกสิ่งที่พระยะโฮวาได้ทรงทำเพื่อฉัน ฉันต้องการแสดงความรู้สึกขอบคุณพระองค์โดยการรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์.” (บทเพลงสรรเสริญ 9:1, 9-11; โกโลซาย 3:15) ฮันเนโลเร รับบัพติสมาในปี 1954 บอกว่า “ทุกครั้งที่เราอยู่ในงานรับใช้ เราได้รับการเกื้อหนุนจากทูตสวรรค์ ช่างเป็นสิทธิพิเศษอะไรเช่นนี้!” (กิจการ 10:30-33; ) ออนเนอร์ รับบัพติสมาในปี 1969 กล่าวว่า “เมื่อเวลาแห่งการพิพากษาของพระยะโฮวามาถึง ฉันไม่ต้องการให้คนใดคนหนึ่งในละแวกบ้านของฉันมากล่าวหาได้ว่า พระยะโฮวาและพยานของพระองค์ละเลยเขาและพูดว่า ‘ฉันไม่เคยได้รับคำเตือนเลยนี่!’ ”( วิวรณ์ 14:6, 7ยะเอศเคล 2:5; 3:17-19; โรม 10:16, 18) เคลาดิโอ รับบัพติสมาในปี 1974 พูดว่า “เมื่อเราประกาศ เราอยู่ ‘ในสายพระเนตรพระเจ้า’ และ ‘ร่วมกับพระคริสต์.’ คิดดูสิ! ขณะที่เราอยู่ในงานรับใช้ เรามีเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นมิตรที่ดีที่สุดของเรา.”—2 โกรินโธ 2:17, ล.ม. *
9. (ก) เรื่องราวการจับปลาของเปโตรและอัครสาวกคนอื่น ๆ เผยให้เห็นอะไรเกี่ยวกับแรงกระตุ้นที่เหมาะสมในการเชื่อฟังพระคริสต์? (ข) อะไรคือแรงกระตุ้นที่เหมาะสมในการเชื่อฟังพระเจ้าและพระคริสต์ในทุกวันนี้ และเพราะเหตุใด?
9 เรื่องราวเกี่ยวกับการจับปลาที่น่าพิศวงยังแสดงให้เห็นความสำคัญของการมีแรงกระตุ้นที่เหมาะสมในการเชื่อฟังพระคริสต์ด้วย นั่นคือความรัก. เมื่อเปโตรทูลว่า “ขอเสด็จไปให้ห่างจากข้าพเจ้าเถิด, เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป” พระเยซูมิได้เสด็จไป ทั้งพระองค์มิได้ตำหนิเปโตรในเรื่องบาปใด ๆ. (ลูกา 5:8) พระเยซูมิได้ติเตียนเปโตรด้วยซ้ำที่อ้อนวอนให้พระองค์เสด็จไปเสีย. พระเยซูกลับตอบด้วยความกรุณาว่า “อย่ากลัวเลย.” ความหวาดกลัวคงจะเป็นแรงกระตุ้นที่ผิดในการเชื่อฟังพระคริสต์. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระเยซูตรัสแก่เปโตรว่าเขาและเพื่อน ๆ จะเป็นประโยชน์ในฐานะผู้จับคน. ทุกวันนี้ก็เช่นกัน เรามิได้ใช้ความกลัวหรือความรู้สึกในแง่ลบ เช่น ความรู้สึกผิดและความละอาย เพื่อบีบบังคับคนอื่นให้เชื่อฟังพระคริสต์. เฉพาะแต่การเชื่อฟังอย่างสุดจิตวิญญาณที่อาศัยความรักต่อพระเจ้าและพระคริสต์เท่านั้นทำให้พระหฤทัยของพระยะโฮวายินดี.—มัดธาย 22:37.
“ทำให้คนจากทุกชาติเป็นสาวก”
10. (ก) รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับพระบัญชาของพระเยซูที่ให้ทำคนเป็นสาวกก่อให้เกิดข้อท้าทายที่สำคัญสำหรับเหล่าสาวกของพระองค์? (ข) พวกสาวกตอบสนองพระบัญชาของพระเยซูอย่างไร?
10 คำถามประการที่สองที่มีการยกขึ้นมาเกี่ยวกับพระ1 กษัตริย์ 8:41-43) พระเยซูเองทรงประกาศแก่ชาวยิวโดยกำเนิดเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้พระองค์ทรงสั่งให้เหล่าสาวกไปหาคนทุกชาติ. ที่จริง แหล่งที่จะจับปลา หรือเขตประกาศของพวกสาวกจำกัดอยู่แค่ “สระ” เล็ก ๆ ซึ่งก็ได้แก่ชาวยิวโดยกำเนิด แต่ในไม่ช้าจะครอบคลุมไปทั่ว “ทะเล” ทั้งสิ้นแห่งมนุษยชาติ. ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดข้อท้าทายสำหรับเหล่าสาวก พวกเขาก็พร้อมจะเชื่อฟังพระบัญชาของพระเยซู. หลังการวายพระชนม์ของพระเยซูไม่ถึง 30 ปี อัครสาวกเปาโลสามารถเขียนได้ว่า มีการประกาศข่าวดีไม่เฉพาะแก่ชาวยิวเท่านั้น แต่ประกาศแก่ “มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า.”—โกโลซาย 1:23.
บัญชาของพระคริสต์คือ งานทำให้คนเป็นสาวกนี้ควรทำกันที่ไหน? พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงไปทำให้คนจากทุกชาติเป็นสาวก.” ก่อนสมัยแห่งงานรับใช้ของพระเยซู ผู้คนจากชาติต่าง ๆ ได้รับการต้อนรับหากพวกเขามาหาชาติอิสราเอลเพื่อรับใช้พระยะโฮวา. (11. ได้เกิดการขยายตัวเช่นไรเกี่ยวกับ ‘แหล่งที่จะจับปลา’ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20?
11 ในช่วงหลัง ๆ นี้ การขยายเขตประกาศในลักษณะคล้ายกันได้ปรากฏให้เห็น. ในตอนเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ‘แหล่งที่จะจับคน’ มีอยู่ในไม่กี่ดินแดน. กระนั้น สาวกของพระคริสต์ย้อนหลังไปในตอนนั้นได้เลียนแบบตัวอย่างของคริสเตียนในศตวรรษแรก และขยายเขตงานการประกาศออกไปอย่างกระตือรือร้น. (โรม 15:20) พอถึงต้นทศวรรษ 1930 พวกเขาทำให้คนเป็นสาวกในราว ๆ หนึ่งร้อยดินแดน. ปัจจุบัน ‘แหล่งที่จะจับปลา’ ของเรามีอยู่ใน 235 ดินแดน.—มาระโก 13:10.
‘จากทุก ๆ ภาษา’
12. คำพยากรณ์ที่พบในซะคาระยา 8:23 เน้นข้อท้าทายอะไร?
12 การทำให้คนในทุกชาติเป็นสาวกมีข้อท้าทายไม่เพียงเนื่องจากขนาดของเขตทำงานเท่านั้น แต่เนื่องจากมีการพูดหลายภาษาในชาติเหล่านั้นด้วย. พระยะโฮวาทรงบอกล่วงหน้าผ่านทางผู้พยากรณ์ซะคาระยาว่า “ในสมัยนั้นสิบคนจากประชาชาติทุก ๆ ภาษา จะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า ‘ขอให้เราไปกับท่านทั้งหลายเถิดเพราะเราได้ยินว่าพระเจ้าทรงสถิตกับพวกท่าน.’” (ซะคาระยา 8:23, ฉบับแปลใหม่) ในความสำเร็จเป็นจริงขั้นที่ใหญ่กว่าของคำพยากรณ์ข้อนี้ “ยิวคนหนึ่ง” หมายถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่เหลืออยู่ ส่วน “สิบคน” หมายถึง “ชนฝูงใหญ่.” * (วิวรณ์ 7:9, 10, ล.ม.; ฆะลาเตีย 6:16) ชนฝูงใหญ่ที่ประกอบด้วยสาวกของพระคริสต์นี้จะพบได้ในหลายชาติ และดังที่ซะคาระยาได้กล่าวนั้น พวกเขาจะพูดหลายภาษา. ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบันแห่งประชาชนของพระเจ้าแสดงให้เห็นแง่มุมนี้ของการเป็นสาวกไหม? ใช่แล้ว.
13. (ก) พัฒนาการอะไรเกี่ยวกับภาษาได้เกิดขึ้นในท่ามกลางประชาชนของพระเจ้าสมัยปัจจุบัน? (ข) ชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อได้ตอบสนองอย่างไรต่อความจำเป็นที่เพิ่มขึ้นในเรื่องอาหารฝ่ายวิญญาณในภาษาต่าง ๆ? (รวมทั้งกรอบ “สิ่งพิมพ์สำหรับคนตาบอด.”)
13 ในปี 1950 ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ของพยานพระมัดธาย 24:45) ตัวอย่างเช่น ในปี 1950 มีการจัดพิมพ์สรรพหนังสือของเราใน 90 ภาษา แต่ปัจจุบันจำนวนได้เพิ่มขึ้นเป็นราว ๆ 400 ภาษา. การเอาใจใส่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ต่อผู้คนจากกลุ่มภาษาที่หลากหลายเกิดผลไหม? ใช่แล้ว! เฉลี่ยแล้วมีประมาณ 5,000 คน ‘จากทุกภาษา’ เข้ามาเป็นสาวกของพระคริสต์แต่ละสัปดาห์ตลอดปี! (วิวรณ์ 7:9) และการทวีขึ้นยังดำเนินต่อไป. ในบางประเทศ “อวน” จับปลาได้จำนวนมากทีเดียว!—ลูกา 5:6; โยฮัน 21:6.
ยะโฮวาทั่วโลกราว ๆ 3 ในทุก ๆ 5 คน. พอถึงปี 1980 อัตราส่วนนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นประมาณ 2 ใน 5 คน และทุกวันนี้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ของพยานฯ เพียง 1 ในทุก ๆ 5 คน. ชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อและสุขุมได้ตอบสนองอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษาเช่นนี้? โดยการจัดเตรียมอาหารฝ่ายวิญญาณในภาษาต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ. (งานรับใช้ที่ให้ความพึงพอใจ—คุณจะมีส่วนร่วมได้ไหม?
14. เราอาจช่วยคนเหล่านั้นในเขตของเราซึ่งพูดภาษาต่างประเทศโดยวิธีใด? (รวมทั้งกรอบ “ภาษามือและการทำให้คนเป็นสาวก.”)
14 ในหลายประเทศทางตะวันตก การที่มีผู้อพยพเข้ามาก่อให้เกิดข้อท้าทายในการทำให้คนจาก ‘ทุกภาษา’ เป็นสาวก ในบ้านเกิดของตนเอง. (วิวรณ์ 14:6) เราจะช่วยคนเหล่านั้นในเขตของเราซึ่งพูดภาษาต่างจากเราได้อย่างไร? (1 ติโมเธียว 2:4) กล่าวโดยอุปมาแล้ว เราสามารถใช้เครื่องมือจับปลาที่เหมาะสม. จงเสนอสรรพหนังสือแก่คนเช่นนั้นในภาษาที่เขาพูด. หากเป็นไปได้ จัดให้พยานฯ ที่พูดภาษาเดียวกับเขาไปเยี่ยมเขา. (กิจการ 22:2) เป็นเรื่องง่ายขึ้นในตอนนี้ที่จะทำการจัดเตรียมดังกล่าว เนื่องจากพยานฯ หลายคนได้หัดพูดภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาของตนเองเพื่อจะช่วยคนต่างประเทศให้มาเป็นสาวกของพระคริสต์. รายงานต่าง ๆ แสดงว่าการช่วยเหลือในวิธีนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าพอใจ.
15, 16. (ก) ตัวอย่างอะไรบ้างแสดงให้เห็นว่าการช่วยคนเหล่านั้นที่พูดภาษาต่างประเทศให้ผลตอบแทน? (ข) เราอาจพิจารณาคำถามอะไรบ้างเกี่ยวกับการรับใช้ในเขตภาษาต่างประเทศ?
15 ขอพิจารณาสองตัวอย่างจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีการประกาศราชอาณาจักรอย่างเป็นระบบใน 34 ภาษา. พยานฯ สามีภรรยาคู่หนึ่งได้อาสาสมัครไปทำให้คนเป็นสาวกในท่ามกลางผู้อพยพที่พูดภาษาโปแลนด์. มีการตอบรับความพยายามของทั้งสองอย่างท่วมท้นจนสามีรู้สึกถูกกระตุ้น
ให้ลดงานอาชีพลงเพื่อจะมีเวลาอีกหนึ่งวันในสัปดาห์ที่จะศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับคนเหล่านั้นที่แสดงความสนใจ. ไม่นาน คู่สมรสนี้นำการศึกษาพระคัมภีร์มากกว่า 20 รายแต่ละสัปดาห์. ทั้งสองกล่าวว่า “งานรับใช้ทำให้เรามีความสุขมาก.” ผู้ที่ทำให้คนเป็นสาวกรู้สึกเป็นสุขเบิกบานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนเหล่านั้นซึ่งได้ยินความจริงจากคัมภีร์ไบเบิลในภาษาของตนถูกกระตุ้นให้แสดงความรู้สึกขอบคุณ. ตัวอย่างเช่น ระหว่างการประชุมรายการหนึ่งที่จัดเป็นภาษาเวียดนาม ชายสูงอายุคนหนึ่งได้ยืนขึ้นขออนุญาตพูด. เขาได้บอกพยานฯ ด้วยน้ำตาคลอว่า “ขอบคุณที่พวกคุณได้พยายามเรียนภาษาที่ยากของผม. ผมสำนึกบุญคุณจริง ๆ ที่ได้เรียนรู้สิ่งวิเศษหลายอย่างจากคัมภีร์ไบเบิลในตอนแก่.”16 เพราะฉะนั้น ไม่น่าแปลกใจที่คนเหล่านั้นซึ่งรับใช้ในประชาคมภาษาต่างประเทศรู้สึกว่าได้รับผลตอบแทนอย่างมากมาย. คู่สมรสจากบริเตนกล่าวว่า “งานรับใช้ในเขตภาษาต่างประเทศเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดอย่างหนึ่งซึ่งเราได้ประสบระหว่างช่วง 40 ปีในการรับใช้เพื่อราชอาณาจักร.” คุณสามารถปรับเปลี่ยนสภาพการณ์ในชีวิตเพื่อจะมีส่วนร่วมในการรับใช้ที่กระตุ้นใจเช่นนี้ไหม? หากคุณยังเรียนหนังสืออยู่ คุณจะศึกษาภาษาต่างประเทศได้ไหมเพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับการรับใช้ประเภทนี้? การทำเช่นนี้อาจทำให้คุณมีวิถีชีวิตที่น่าพอใจซึ่งเต็มด้วยพระพร. (สุภาษิต 10:22) คุณน่าจะลองพูดเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของคุณ.
ใช้วิธีที่หลากหลาย
17. เราอาจเข้าถึงผู้คนมากขึ้นในเขตประชาคมของเราโดยวิธีใด?
17 เป็นที่เข้าใจได้ว่า สภาพการณ์ไม่อำนวยให้พวกเราส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในเขตภาษาต่างประเทศ. อย่างไรก็ดี เราอาจสามารถไปถึงผู้คนมากกว่าที่เราทำเวลานี้ในเขตประชาคมของเราเอง. โดยวิธีใด? มิใช่โดยเปลี่ยนข่าวสารของเรา แต่โดยใช้วิธีที่หลากหลาย. ในหลายพื้นที่ มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ อาศัยอยู่ในอาคารที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด. มีคนอีกมากมายไม่อยู่บ้านตอนที่เราไปเยี่ยมระหว่างทำงานรับใช้ตามบ้าน. ดังนั้น เราอาจต้องพยายามเข้าถึงผู้คนในเวลาและสถานที่ที่ต่างกัน. โดยวิธีนี้เราเลียนแบบพระเยซู. พระองค์ทรงหาวิธีที่จะสนทนากับผู้คนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ.—มัดธาย 9:9; ลูกา 19:1-10; โยฮัน 4:6-15.
18. การให้คำพยานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กันไป ปรากฏว่าเกิดผลดีอย่างไร? (รวมทั้งกรอบ “การทำให้คนในเขตธุรกิจเป็นสาวก.”)
18 ในบางภูมิภาคของโลก การให้คำพยานทุกแห่งหนที่สามารถพบประชาชนเป็นวิธีสำคัญในการทำให้คนเป็นสาวก. ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำให้คนเป็นสาวกกำลังให้ความเอาใจใส่มากขึ้นในการให้คำพยานตามสถานที่ต่าง ๆ. นอกจากมีส่วนร่วมในงานรับใช้ตามบ้านแล้ว ขณะนี้ผู้ประกาศให้คำพยานที่สนามบิน, ในสำนักงาน, ร้านค้า, ลานจอดรถ, ที่ป้ายรถประจำทาง, ตามถนน, ในสวนสาธารณะ, บนชายหาด, และที่อื่น ๆ. พยานฯ ที่เพิ่งรับบัพติสมาจำนวนมากพอสมควรในฮาวายได้รับการติดต่อครั้งแรก ณ สถานที่ต่าง ๆ ดังกล่าว. การใช้วิธีที่หลากหลายช่วยเราให้ทำตามพระบัญชาของพระเยซูอย่างถี่ถ้วนในการทำให้คนเป็นสาวก.—1 โกรินโธ 9:22, 23.
19. ในบทความถัดไปจะมีการพิจารณาแง่มุมอะไรจากงานที่พระเยซูทรงมอบหมายแก่เรา?
19 งานที่พระเยซูทรงมอบหมายเพื่อทำให้คนเป็นสาวกครอบคลุมถึงรายละเอียดไม่เพียงในข้อที่ว่าเหตุใด เราควรทำงานนี้และควรทำที่ไหน แต่ข้อที่ว่าเราควรประกาศอะไร และควรทำเช่นนั้นเรื่อยไปจนถึงเมื่อไร. จะมีการพิจารณาสองแง่มุมนี้ของงานที่พระเยซูทรงมอบหมายแก่เราในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 2 เราจะพิจารณาสองคำถามแรกในบทความนี้. จะมีการพิจารณาอีกสองคำถามที่เหลือในบทความถัดไป
^ วรรค 8 เหตุผลเพิ่มเติมสำหรับการประกาศพบได้ที่สุภาษิต 10:5; อาโมศ 3:8; มัดธาย 24:42; มาระโก 12:17; โรม 1:14, 15.
^ วรรค 12 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์นี้ โปรดดูหอสังเกตการณ์ วันที่ 15 พฤษภาคม 2001 หน้า 12 และหนังสือคำพยากรณ์ของยะซายา—ความสว่างสำหรับมวลมนุษยชาติ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 408 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
คุณจำได้ไหม?
• เรามีส่วนร่วมในงานประกาศราชอาณาจักรและทำให้คนเป็นสาวกด้วยเหตุผลและด้วยแรงกระตุ้นอะไร?
• ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในทุกวันนี้ทำงานมอบหมายของพระเยซูที่ให้ทำคนจากทุกชาติเป็นสาวกถึงขนาดไหน?
• เราอาจทำให้ ‘วิธีจับปลา’ ของเรามีความหลากหลายโดยวิธีใด และเหตุใดเราควรทำเช่นนั้น?
[คำถาม]
[กรอบ/ภาพหน้า 10]
สิ่งพิมพ์สำหรับคนตาบอด
อัลเบิร์ตเป็นคริสเตียนผู้ปกครองและผู้เผยแพร่เต็มเวลาซึ่งอยู่ในสหรัฐ. เขาตาบอด. การใช้สรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลในอักษรเบรลล์ช่วยเขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในงานเผยแพร่ รวมทั้งกิจการงานต่าง ๆ ในฐานะผู้ดูแลการรับใช้. เขาจัดการกับงานมอบหมายของเขาในประชาคมอย่างไร?
เจมส์ซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้เป็นประธานกล่าวว่า “เราไม่เคยมีผู้ดูแลการรับใช้ที่มีประสิทธิภาพมากเท่าอัลเบิร์ตในประชาคมของเรา.” อัลเบิร์ตเป็นหนึ่งในบรรดาคนตาบอดประมาณ 5,000 คนในสหรัฐ ซึ่งได้รับสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลเป็นอักษรเบรลล์ในภาษาอังกฤษและภาษาสเปนมาหลายปี. ที่จริง ตั้งแต่ปี 1912 เป็นต้นมา ชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อได้จัดเตรียมสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งร้อยชนิดเป็นอักษรเบรลล์. โดยใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า โรงพิมพ์ของพยานพระยะโฮวาในปัจจุบันผลิตหนังสือที่ใช้อักษรเบรลล์หลายล้านเล่มแต่ละปีมากกว่าสิบภาษาและแจกจ่ายหนังสือเหล่านี้ไปยังประเทศต่าง ๆ มากกว่า 70 ประเทศ. คุณรู้จักใครสักคนซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลที่เตรียมไว้สำหรับคนตาบอดไหม?
[กรอบ/ภาพหน้า 11]
ภาษามือและการทำให้คนเป็นสาวก
พยานฯ หลายพันคนทั่วโลก รวมทั้งหนุ่มสาวที่มีใจแรงกล้าจำนวนมาก ได้เรียนภาษามือเพื่อจะช่วยคนหูหนวกให้มาเป็นสาวกของพระคริสต์. ผลก็คือ เฉพาะในบราซิล มีคนหูหนวก 63 คนได้รับบัพติสมาภายในหนึ่งปีเมื่อไม่นานมานี้ และพยานฯ หูหนวก 35 คนที่นั่นรับใช้ฐานะผู้เผยแพร่ข่าวดีเต็มเวลาในขณะนี้. ตลอดทั่วโลกมีมากกว่า 1,200 ประชาคมและกลุ่มต่าง ๆ ที่ใช้ภาษามือ. ถ้ากล่าวในด้านขอบเขตแล้ว เฉพาะหมวดภาษามือในรัสเซียนับว่าเป็นหมวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมทั่วทั้งรัสเซีย!
[กรอบหน้า 12]
การทำให้คนในเขตธุรกิจเป็นสาวก
ขณะเยี่ยมนักธุรกิจในสำนักงานที่พวกเขาทำงาน พยานฯ คนหนึ่งในฮาวายพบผู้บริหารของบริษัทขนส่ง. ถึงแม้มีธุระยุ่ง ชายคนนี้ได้ตกลงที่จะศึกษาคัมภีร์ไบเบิลสัปดาห์ละครึ่งชั่วโมงในสำนักงานของเขา. ทุกเช้าวันพุธ เขาสั่งพนักงานว่าอย่าต่อโทรศัพท์รบกวนเขา เพื่อเขาจะได้เอาใจใส่การศึกษาอย่างเต็มที่. พยานฯ อีกคนหนึ่งในฮาวายศึกษาคัมภีร์ไบเบิลสัปดาห์ละครั้งกับเจ้าของร้านซ่อมรองเท้า. มีการศึกษากันตรงเคาน์เตอร์ของร้าน. เมื่อลูกค้าเข้ามา พยานฯ ก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ. เมื่อลูกค้าออกไป เขาก็ศึกษากันต่อ.
มีการพบทั้งผู้บริหารและเจ้าของร้านเนื่องจากพยานฯ ใช้ทุกโอกาสประกาศกับผู้คนในที่ต่าง ๆ. คุณคิดออกไหมถึงสถานที่ต่าง ๆ ในเขตของประชาคมที่คุณอาจพบผู้คนซึ่งบ่อยครั้งไม่อยู่บ้าน?
[ภาพหน้า 12]
คุณจะรับใช้ในเขตภาษาต่างประเทศได้ไหม?