ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เรามีชีวิตอยู่โดยอาศัยกำลังจากพระยะโฮวา

เรามีชีวิตอยู่โดยอาศัยกำลังจากพระยะโฮวา

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เรา​มี​ชีวิต​อยู่​โดย​อาศัย​กำลัง​จาก​พระ​ยะโฮวา

เล่า​โดย​เออร์​เซ​เบท ฮาฟฟ์เนอร์

“ผม​จะ​ไม่​ยอม​ให้​พวก​เขา​เนรเทศ​คุณ” ทีบอร์ ฮาฟฟ์เนอร์​พูด​เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​ว่า​มี​คำ​สั่ง​ขับ​ฉัน​ออก​จาก​เชโกสโลวะเกีย. แล้ว​เขา​พูด​ต่อ “ถ้า​คุณ​ตก​ลง เรา​จะ​แต่งงาน​กัน แล้ว​เรา​จะ​อยู่​ด้วย​กัน​ตลอด​ไป.”

ณ วัน​ที่ 29 มกราคม 1938 เพียง​ไม่​กี่​สัปดาห์​หลัง​จาก​ถูก​ขอ​แต่งงาน​โดย​ไม่​คาด​คิด ฉัน​ตก​ลง​สมรส​กับ​ทีบอร์ ชาย​คริสเตียน​ซึ่ง​ให้​คำ​พยาน​ครั้ง​แรก​แก่​ครอบครัว​ฉัน. การ​ตัดสิน​ใจ​แต่งงาน​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย. อายุ​ฉัน​เพิ่ง​ครบ 18 ปี และ​ฐานะ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​รับใช้​เต็ม​เวลา ฉัน​ปรารถนา​จะ​สละ​เวลา​ใน​วัย​สาว​เพื่อ​งาน​รับใช้​พระเจ้า​โดย​เฉพาะ. ฉัน​ร้องไห้. ฉัน​อธิษฐาน. ครั้น​สงบ​ใจ​ได้​แล้ว ฉัน​ถึง​ตระหนัก​ว่า​ที่​ทีบอร์​ขอ​ฉัน​แต่งงาน​นั้น​ไม่​ได้​เป็น​การ​แสดง​ความ​กรุณา​เท่า​นั้น และ​ฉัน​มี​ความ​รู้สึก​ว่า​ต้องการ​อยู่​กับ​ชาย​คน​นี้​ที่​รัก​ฉัน​จริง ๆ.

แต่​ทำไม​ฉัน​อยู่​ใน​ภาวะ​อันตราย​ที่​ต้อง​ถูก​เนรเทศ? ถึง​อย่าง​ไร ฉัน​ก็​พำนัก​ใน​ประเทศ​ซึ่ง​ภูมิ​ใจ​หนัก​หนา​ใน​ระบอบ​ประชาธิปไตย​และ​เสรีภาพ​ทาง​ศาสนา. เอา​ละ มา​ถึง​จุด​นี้​ฉัน​คิด​ว่า จำเป็น​ต้อง​เล่า​ภูมิหลัง​ตัว​เอง​ให้​คุณ​ฟัง​มาก​ขึ้น.

ฉัน​เกิด​วัน​ที่ 26 ธันวาคม 1919 พ่อ​แม่​เป็น​สมาชิก​คริสตจักร​กรีก​คาทอลิก​ใน​หมู่​บ้าน​ซาโยเซนต์​ปีเตอร์ ฮังการี ทาง​ตะวัน​ออก​ของ​กรุง​บูดาเปสต์​ประมาณ 160 กิโลเมตร. น่า​เศร้า พ่อ​ตาย​ก่อน​ฉัน​เกิด. ต่อ​มา​ไม่​นาน แม่​แต่งงาน​กับ​พ่อ​ม่าย​ลูก​สี่ และ​พวก​เรา​ได้​ย้าย​ไป​ลูเชนเยตซ์ เมือง​สวย​งาม​น่า​อยู่ ใน​เชโกสโลวะเกีย​สมัย​นั้น. ตอน​นั้น​ไม่​ง่าย​ที่​จะ​อยู่​รวม​กัน​ใน​ครอบครัว​ซึ่ง​มี​พ่อ​เลี้ยง​และ​ลูก​ของ​เขา​ด้วย. เนื่อง​จาก​ฉัน​มี​อายุ​น้อย​กว่า​เพื่อน​ใน​จำนวน​เด็ก​ห้า​คน ฉัน​รู้สึก​ว่า​ตัว​เป็น​ส่วน​เกิน. สภาพ​การ​เงิน​ก็​ฝืดเคือง และ​ฉัน​ขาด​แคลน​ไม่​เพียง​ทาง​ด้าน​วัตถุ​เท่า​นั้น แต่​ขาด​ความ​รัก​ความ​ใส่​ใจ​ตาม​ปกติ​ที่​พึง​ได้​จาก​พ่อ​แม่​ด้วย.

ใคร​บ้าง​รู้​คำ​ตอบ?

ตอน​ฉัน​อายุ 16 ปี​คำ​ถาม​สำคัญ​หลาย​ข้อ​คอย​รบกวน​ใจ​ฉัน. ฉัน​ได้​อ่าน​ประวัติศาสตร์​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 1 ด้วย​ความ​สนใจ​ยิ่ง และ​แปลก​ใจ​มาก​ที่​รู้​ว่า​การ​สังหาร​ผลาญ​ชีวิต​กัน​นั้น​เกิด​ขึ้น​ระหว่าง​ชาติ​ที่​เจริญ​แล้ว และ​อ้าง​ตัว​เป็น​คริสเตียน. นอก​จาก​นั้น ฉัน​มอง​เห็น​ลัทธิ​แสนยนิยม​ผุด​ขึ้น​ใน​หลาย​ดินแดน. ไม่​มี​สิ่ง​ใด​สอดคล้อง​ลง​รอย​กับ​การ​รัก​เพื่อน​บ้าน​ตาม​ที่​ฉัน​ได้​เรียน​ใน​โบสถ์.

ด้วย​เหตุ​นี้ ฉัน​จึง​ไป​หา​บาทหลวง​นิกาย​โรมัน​คาทอลิก​และ​ถาม​ว่า “คำ​สั่ง​ข้อ​ใด​น่า​จะ​เป็น​ข้อ​ผูก​มัด​พวก​เรา​ชาว​คริสเตียน—ให้​ทำ​สงคราม​และ​ฆ่า​เพื่อน​บ้าน​หรือ​ว่า​ให้​รัก​เพื่อน​บ้าน​ของ​เรา?” คำ​ถาม​ของ​ฉัน​กวน​โมโห​เขา เขา​ตอบ​ว่า​อะไร​ก็​ตาม​ที่​เขา​สอน เขา​รับ​มา​จาก​ผู้​มี​อำนาจ​เหนือ​กว่า. ฉัน​ได้​คำ​ตอบ​ทำนอง​เดียว​กัน​เมื่อ​ฉัน​ไป​หา​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​นัก​เทศน์​คาลวินิสต์ แล้ว​ก็​รับบี​ชาว​ยิว. ฉัน​ไม่​ได้​คำ​ตอบ​เลย เพียง​แต่​เห็น​พวก​เขา​แสดง​ความ​ประหลาด​ใจ​เพราะ​คำ​ถาม​ของ​ฉัน​ไม่​ธรรมดา. ใน​ที่​สุด ฉัน​ไป​พบ​นัก​เทศน์​นิกาย​ลูเทอรัน. เขา​อารมณ์​เสีย แต่​ก่อน​ฉัน​จะ​ลา​กลับ เขา​บอก​ฉัน​ว่า “ถ้า​เธอ​อยาก​รู้​เรื่อง​นี้​จริง ๆ ไป​ถาม​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ก็​แล้ว​กัน.”

ฉัน​พยายาม​สืบ​หา​พยาน​ฯ แต่​ไม่​พบ. ต่อ​มา​ไม่​กี่​วัน​เมื่อ​ฉัน​กลับ​ถึง​บ้าน​หลัง​เลิก​งาน ฉัน​เห็น​บาน​ประตู​เปิด​อยู่​ครึ่ง​หนึ่ง. ชาย​หนุ่ม​ท่า​ทาง​ดี​คน​หนึ่ง​กำลัง​อ่าน​พระ​คัมภีร์​ให้​แม่​ฟัง. ฉัน​ฉุก​คิด​ขึ้น​มา​ทันที ‘เห็น​จะ​ใช่​แล้ว​ละ เขา​ต้อง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แน่ ๆ!’ เรา​เชิญ​ชาย​คน​นี้ ซึ่ง​ก็​คือ​ทีบอร์ ฮาฟฟ์เนอร์​เข้า​ไป​ใน​บ้าน และ​ฉัน​ถาม​ซ้ำ​คำ​ถาม​เดิม ๆ อีก. แทน​ที่​จะ​ตอบ​ตาม​แง่​คิด​ของ​เขา​เอง เขา​ชี้​ให้​ฉัน​ดู​จาก​พระ​คัมภีร์​เครื่องหมาย​ที่​ระบุ​ตัว​คริสเตียน​แท้ และ​เครื่องหมาย​แสดง​สมัย​ปัจจุบัน​ที่​เรา​มี​ชีวิต​อยู่.—โยฮัน 13:34, 35; 2 ติโมเธียว 3:1-5.

ภาย​ใน​ไม่​กี่​เดือน ก่อน​อายุ 17 ปี ฉัน​ก็​รับ​บัพติสมา. ฉัน​คิด​ว่า​ทุก​คน​จะ​ต้อง​ได้​ยิน​ความ​จริง​ที่​ล้ำ​ค่า​เหล่า​นี้​ซึ่ง​ฉัน​ได้​สืบ​ค้น​หา​มา​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก. ฉัน​เริ่ม​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ซึ่ง​ถือ​ว่า​เป็น​งาน​ท้าทาย​มิ​ใช่​น้อย​ใน​เชโกสโลวะเกีย​ใน​ตอน​ปลาย​ทศวรรษ 1930. ถึง​แม้​งาน​ของ​เรา​ได้​จด​ทะเบียน​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ก็​ตาม แต่​เรา​เผชิญ​การ​ขัด​ขวาง​อย่าง​รุนแรง​เนื่อง​จาก​การ​ยุยง​ของ​นัก​เทศน์​นัก​บวช.

ประสบการณ์​ครั้ง​แรก​เกี่ยว​กับ​การ​ข่มเหง

วัน​หนึ่ง​ใน​ช่วง​ปลาย​ปี 1937 ขณะ​ที่​ฉัน​ออก​ไป​ประกาศ​กับ​พี่​น้อง​หญิง​คริสเตียน​ที่​หมู่​บ้าน​แห่ง​หนึ่ง​ใกล้​ลูเชนเยตส์. จาก​นั้น​ไม่​นาน​เรา​ก็​ถูก​จับ​เข้า​คุก. ผู้​คุม​ปิด​ประตู​ห้อง​ขัง​เสียง​ดัง​โครม​พร้อม​กับ​พูด​ว่า “พวก​แก​จะ​ตาย​ใน​ห้อง​นี้.”

ตก​ค่ำ มี​ผู้​ต้อง​ขัง​หญิง​อีก​สี่​คน​เข้า​มา​ร่วม​ห้อง​ขัง​กับ​เรา. เรา​สอง​คน​เริ่ม​พูด​ปลอบโยน​เขา​และ​ให้​คำ​พยาน. พวก​เขา​สงบ​สติ​อารมณ์​ได้ และ​เรา​ไม่​ว่าง​ตลอด​คืน​เพราะ​ได้​ยก​เอา​ความ​จริง​ใน​พระ​คัมภีร์​ขึ้น​มา​พิจารณา​กับ​พวก​เขา.

พอ​หก​โมง​เช้า ผู้​คุม​ได้​เรียก​ฉัน​ออก​จาก​ห้อง​ขัง. ฉัน​บอก​เพื่อน​ร่วม​งาน​ของ​ฉัน​ว่า “เรา​จะ​พบ​กัน​อีก​ใน​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า.” และ​ขอ​เพื่อน​ช่วย​แจ้ง​ให้​ครอบครัว​ฉัน​รู้​ถึง​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​หาก​เธอ​รอด​ไป​ได้. แล้ว​ฉัน​ก็​อธิษฐาน​ใน​ใจ​และ​ตาม​ผู้​คุม​ไป. เขา​พา​ฉัน​ไป​ที่​ห้อง​ชุด​ภาย​ใน​บริเวณ​เรือน​จำ และ​พูด​ว่า “นี่​แม่​หนู ผม​มี​คำ​ถาม​บาง​ข้อ​อยาก​ให้​คุณ​ตอบ. คืน​ที่​แล้ว​คุณ​พูด​ว่า​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า​คือ​ยะโฮวา. ช่วย​ชี้​ข้อ​นั้น​จาก​พระ​คัมภีร์​ให้​ผม​ดู​หน่อย​ได้​ไหม?” ฉัน​ประหลาด​ใจ​และ​รู้สึก​โล่ง​อก​เสีย​จริง ๆ! ผู้​คุม​นำ​เอา​พระ​คัมภีร์​เล่ม​ส่วน​ตัว​ของ​เขา​ออก​มา ฉัน​ก็​ชี้​ให้​เขา​พร้อม​กับ​ภรรยา​ดู​ชื่อ​พระ​ยะโฮวา. เขา​มี​คำ​ถาม​อีก​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ต่าง ๆ ที่​ฉัน​ได้​พิจารณา​ด้วย​กัน​กับ​ผู้​หญิง​สี่​คน​เมื่อ​คืน​ก่อน. เนื่อง​จาก​เขา​ได้​คำ​ตอบ​เป็น​ที่​น่า​พอ​ใจ เขา​จึง​สั่ง​ภรรยา​จัด​เตรียม​อาหาร​เช้า​สำหรับ​ฉัน​กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน.

สอง​วัน​ถัด​จาก​นั้น เรา​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว แต่​ผู้​พิพากษา​ตัดสิน​ให้​ฉัน​ออก​ไป​จาก​เชโกสโลวะเกีย ด้วย​สาเหตุ​ที่​ฉัน​มี​สัญชาติ​ฮังการี. หลัง​เหตุ​การณ์​ครั้ง​นี้ ทีบอร์ ฮาฟฟ์เนอร์​จึง​ได้​ขอ​ฉัน​เป็น​ภรรยา​ของ​เขา. เรา​แต่งงาน​กัน แล้ว​ฉัน​ย้าย​เข้า​ไป​อยู่​ใน​บ้าน​พ่อ​แม่​สามี.

การ​กดขี่​ข่มเหง​ทวี​ความ​รุนแรง

เรา​ยัง​คง​ทำ​งาน​เผยแพร่​ต่อ​ไป​ใน​ฐานะ​คู่​สามี​ภรรยา ถึง​แม้​ทีบอร์​มี​งาน​ของ​องค์การ​ที่​ต้อง​ทำ​ด้วย. เพียง​ไม่​กี่​วัน​ก่อน​ทหาร​ฮังการี​เดิน​ทัพ​เข้า​เมือง​ของ​เรา​ใน​เดือน​พฤศจิกายน ปี 1938 ทีบอร์ จูเนียร์ ลูก​ชาย​ของ​เรา​ก็​ถือ​กำเนิด. สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ตั้ง​เค้า​ขึ้น​แล้ว​ใน​ยุโรป. พื้น​ที่​ส่วน​ใหญ่​ใน​เชโกสโลวะเกีย​ถูก​ทหาร​ฮังการี​ยึด​ครอง เพิ่ม​การ​ข่มเหง​อย่าง​รุนแรง​แก่​เหล่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​อาศัย​ใน​บริเวณ​พื้น​ที่​ที่​ฮังการี​ยึด​ได้.

วัน​ที่ 10 ตุลาคม 1942 ทีบอร์​ได้​เดิน​ทาง​ไป​พบ​พี่​น้อง​บาง​คน​ที่​เมือง​เดเบรเซน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม คราว​นี้​เขา​ไม่​ได้​กลับ​มา. เขา​เล่า​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​ให้​ฉัน​ฟัง​ใน​เวลา​ต่อ​มา. แทน​ที่​จะ​พบ​พี่​น้อง กลับ​กลาย​เป็น​ว่า​มี​ตำรวจ​นอก​เครื่อง​แบบ​อยู่​บน​สะพาน​ซึ่ง​เป็น​จุด​นัด​พบ. พวก​เขา​กำลัง​รอ​สามี​ฉัน​กับ​พอล นัจพอล​ซึ่ง​เป็น​สอง​คน​สุด​ท้าย​ที่​จะ​ไป​ถึง​ที่​นั่น. ตำรวจ​จับ​คน​ทั้ง​สอง​คุม​ตัว​ไป​ที่​สถานี​ตำรวจ และ​เอา​ไม้​หวด​เท้า​เปล่า​ของ​เขา กระทั่ง​สลบ​ไป​เพราะ​ทน​เจ็บ​ไม่​ไหว.

ครั้น​แล้ว เขา​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ให้​สวม​รอง​เท้า​ลุก​ขึ้น​ยืน. แม้​เจ็บ​ปวด แต่​เขา​ถูก​บังคับ​ให้​ไป​ที่​สถานี​รถไฟ. ตำรวจ​ได้​นำ​ชาย​คน​หนึ่ง​มี​ผ้า​พัน​แผล​พัน​รอบ​ศีรษะ​จน​เขา​แทบ​มอง​อะไร​ไม่​เห็น. เขา​คือ​บราเดอร์​อันดราส พิลลิงก์ ซึ่ง​ก็​ได้​มา​เพื่อ​พบ​ปะ​พวก​พี่​น้อง​เหมือน​กัน. สามี​ฉัน​ถูก​พา​ตัว​ขึ้น​รถไฟ​ไป​ยัง​ด่าน​กัก​ขัง​เหล่า​พยาน​ฯ ใน​หมู่​บ้าน​อา​ลัก ใกล้​กรุง​บูดาเปสต์. ผู้​คุม​คน​หนึ่ง​มอง​เห็น​เท้า​ทีบอร์​เป็น​แผล​แตก​ยับเยิน​ก็​พูด​เชิง​เยาะเย้ย​ว่า “พวก​นั้น​ช่าง​โหด​เหี้ยม​แท้! เอา​เถอะ เรา​จะ​ช่วย​รักษา​แผล​ให้.” ผู้​คุม​สอง​คน​ลง​มือ​หวด​เท้า​ทีบอร์​ทั้ง​สอง​ข้าง เลือด​สาด​กระเซ็น​ไป​ทั่ว. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่​นาที ทีบอร์​ก็​หมด​สติ.

เดือน​ถัด​มา ทีบอร์​กับ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​มาก​กว่า 60 คน​ถูก​ดำเนิน​คดี. บราเดอร์​อันดราส บาร์ทา, บราเดอร์​เด​เนส ฟาลูเวจี, และ​บราเดอร์​ยานอส คอนราด ถูก​ตัดสิน​ประหาร​ชีวิต​โดย​การ​แขวน​คอ. บราเดอร์​อันดราส พิลลิงก์​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​จำ​คุก​ตลอด​ชีวิต และ​สามี​ฉัน​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก 12 ปี. ความ​ผิด​ของ​พวก​เขา​น่ะ​หรือ? อัยการ​ฟ้อง​เขา​ด้วย​ข้อ​หา​ว่า​เป็น​กบฏ, ปฏิเสธ​การ​เป็น​ทหาร, ทำ​จาร​กรรม, พูด​ให้​ร้าย​หมิ่น​ประมาท​คริสตจักร​ศักดิ์สิทธิ์​ที่​สุด. ใน​เวลา​ต่อ​มา​โทษ​ประหาร​ชีวิต​ได้​เปลี่ยน​เป็น​การ​จำ​คุก​ตลอด​ชีวิต.

ฉัน​เป็น​ราย​ต่อ​ไป

สอง​วัน​หลัง​จาก​ทีบอร์​ออก​จาก​บ้าน​ไป​พบ​พี่​น้อง​ที่​เมือง​เดเบรเซน ฉัน​ลุก​ขึ้น​จาก​ที่​นอน​แต่​เช้า​ก่อน​หก​นาฬิกา กำลัง​รีด​เสื้อ​ผ้า​อยู่. ทันใด​นั้น​เอง เสียง​เคาะ​ประตู​ดัง​ปัง ๆ. ฉัน​นึก​ว่า ‘พวก​เขา​มา​แล้ว.’ ตำรวจ​หก​นาย​เดิน​อาด ๆ เข้า​มา​และ​แจ้ง​ว่า​เขา​มา​พร้อม​กับ​หมาย​ค้น. ทุก​คน​ใน​บ้าน​ถูก​จับ​และ​ถูก​นำ​ตัว​ไป​ที่​สถานี​ตำรวจ รวม​ลูก​ชาย​วัย​สาม​ขวบ​ของ​เรา​ด้วย. วัน​เดียว​กัน​เรา​ถูก​ย้าย​เข้า​คุก​ที่​เมือง​ปีเตอร์​วา​ชา​รา ประเทศ​ฮังการี.

หลัง​จาก​ไป​ถึง​ที่​นั่น ฉัน​เป็น​ไข้​และ​ถูก​แยก​อยู่​ต่าง​หาก​จาก​นัก​โทษ​คน​อื่น. ครั้น​อาการ​ทุเลา​แล้ว ทหาร​สอง​นาย​ได้​มา​ที่​ห้อง​ขัง​และ​ทะเลาะ​เถียง​กัน​ด้วย​เรื่อง​ของ​ฉัน. คน​หนึ่ง​พูด​ว่า “เรา​ต้อง​ยิง! ผม​จะ​ยิง​เธอ​เอง!” แต่​อีก​คน​หนึ่ง​อยาก​ตรวจ​สุขภาพ​ของ​ฉัน​ก่อน​ลง​มือ. ฉัน​อ้อน​วอน​เขา​ขอ​อย่า​เอา​ชีวิต​ฉัน​เลย. ใน​ที่​สุด​เขา​ก็​ละ​จาก​ห้อง​ขัง​ไป และ​ฉัน​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​โปรด​ช่วย​ชีวิต​ฉัน​ไว้.

พวก​ผู้​คุม​มี​วิธี​พิเศษ​ใน​การ​ซัก​ถาม. เขา​ออก​คำ​สั่ง​ให้​ฉัน​นอน​คว่ำ​หน้า​ลง​กับ​พื้น, เอา​ถุง​เท้า​ยัด​ปาก, มัด​มือ​มัด​เท้า, และ​เฆี่ยน​ฉัน​จน​กระทั่ง​เลือด​ออก. เขา​หยุด​เฆี่ยน​ตอน​ที่​ทหาร​คน​หนึ่ง​บอก​ว่า​เขา​เหนื่อย​หมด​แรง​แล้ว. เขา​ซัก​ถาม​เรื่อง​สามี​ฉัน​ไป​พบ​ใคร​ใน​วัน​ที่​เขา​ถูก​จับ. ฉัน​ไม่​ยอม​บอก จึง​เป็น​อัน​ว่า​การ​เฆี่ยน​ยืดเยื้อ​ต่อ​เนื่อง​ถึง​สาม​วัน. พอ​วัน​ที่​สี่ เขา​อนุญาต​ให้​ฉัน​นำ​ลูก​ชาย​ไป​ฝาก​ไว้​กับ​แม่. ฉัน​เอา​ลูก​ชายขี่​หลัง​ที่​เต็ม​ด้วย​รอย​แผล และ​เดิน​ฝ่า​อากาศ​เย็น​เยือก​เป็น​ระยะ​ทาง 13 กิโลเมตร​กว่า​จะ​ถึง​สถานี​รถไฟ. จาก​ที่​นั่น ฉัน​ขึ้น​รถไฟ​ไป​บ้าน แต่​ต้อง​กลับ​เข้า​ค่าย​ใน​วัน​เดียว​กัน.

ฉัน​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​หก​ปี​ใน​กรุง​บูดาเปสต์. พอ​มา​ถึง ฉัน​ได้​รับ​ทราบ​ว่า​ทีบอร์​ติด​คุก​ที่​นั่น​ด้วย. เรา​ดีใจ​มาก​เมื่อ​เขา​อนุญาต​ให้​พูด​คุย​กัน​ผ่าน​ลูก​กรง​เหล็ก แม้​ให้​เวลา​เรา​เพียง​ไม่​กี่​นาที! เรา​สอง​คน​ต่าง​ตระหนัก​ถึง​ความ​รัก​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​ช่วง​เวลา​สั้น ๆ อัน​มี​ค่า​นี้​ได้​เสริม​กำลัง​เรา​ให้​เข้มแข็ง​ขึ้น. ก่อน​เรา​จะ​เห็น​หน้า​กัน​อีก เรา​ทั้ง​สอง​ต้อง​ผ่าน​การ​ทดสอบ​ที่​ร้ายกาจ​น่า​กลัว​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า หลาย​ครั้ง​รอด​ตาย​มา​ได้​แบบ​เส้น​ยา​แดง​ผ่า​แปด.

จาก​คุก​หนึ่ง​ไป​อีก​คุก​หนึ่ง

พวก​เรา​พี่​น้อง​หญิง​ประมาณ 80 คน​อยู่​รวม​กัน​อย่าง​แออัด​ใน​ห้อง​ขัง​ห้อง​เดียว. เรา​เฝ้า​รอ​อยาก​ได้​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​บ้าง แต่​ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​นำ​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด​เข้า​มา​ใน​เรือน​จำ. เรา​จะ​ได้​อะไร​บาง​อย่าง​จาก​ใน​คุก​แห่ง​นี้​ไหม? ขอ​ฉัน​เล่า​ว่า​เรา​ทำ​อย่าง​ไร. ฉัน​อาสา​ชุน​ถุง​เท้า​ให้​เจ้าหน้าที่​เรือน​จำ. ฉัน​ได้​เขียน​คำ​ขอ​เพื่อ​จะ​ได้​หมาย​เลข​ตาม​แคตตาล็อก​ของ​พระ​คัมภีร์​ที่​มี​อยู่​ใน​ห้อง​สมุด​เรือน​จำ​ลง​บน​แผ่น​กระดาษ และ​ยัด​ลง​ใน​ถุง​เท้า​ข้าง​หนึ่ง. เพื่อ​จะ​ไม่​เป็น​ที่​ระแวง​สงสัย ฉัน​เพิ่ม​ชื่อ​หนังสือ​ประเภท​อื่น​ลง​ไป​สอง​เล่ม.

วัน​รุ่ง​ขึ้น ฉัน​ได้​รับ​ถุง​เท้า​อีก​ตั้ง​หนึ่ง​จาก​เจ้าหน้าที่. มี​คำ​ตอบ​ใส่​ไว้​ใน​ถุง​เท้า​ข้าง​หนึ่ง. แล้ว​ฉัน​ได้​ให้​หมาย​เลข​แก่​ผู้​คุม​และ​ขอ​หนังสือ​เหล่า​นั้น. เรา​ดีใจ​มาก​เมื่อ​ได้​หนังสือ​มา​อ่าน รวม​ทั้ง​พระ​คัมภีร์! เรา​เวียน​ส่ง​คืน​หนังสือ​อื่น ๆ ทุก​สัปดาห์ ส่วน​พระ​คัมภีร์​นั้น เรา​ไม่​ได้​ส่ง​คืน. เมื่อ​ผู้​คุม​ถาม เรา​ก็​ตอบ​เสมอ​ว่า “เล่ม​มัน​ใหญ่ ใคร ๆ ก็​อยาก​อ่าน.” ด้วย​เหตุ​นี้ เรา​จึง​มี​พระ​คัมภีร์​อ่าน.

วัน​หนึ่ง เจ้าหน้าที่​คน​หนึ่ง​เชิญ​ฉัน​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ทำ​งาน​ของ​เขา. ท่า​ทาง​เขา​สุภาพ​ต่าง​จาก​คน​อื่น.

เขา​พูด​ว่า “คุณ​ฮาฟฟ์เนอร์ ผม​มี​ข่าว​ดี​แจ้ง​คุณ. คุณ​กลับ​บ้าน​ได้​แล้ว. อาจ​เป็น​พรุ่ง​นี้​หรือ​วัน​นี้​ด้วย​ซ้ำ​ถ้า​มี​รถไฟ​ไป.”

“ถ้า​เป็น​อย่าง​ที่​ว่า​ก็​วิเศษ” ฉัน​ตอบ.

เขา​พูด​ว่า “แน่นอน วิเศษ​จริง ๆ. คุณ​มี​ลูก​และ​ผม​คิด​ว่า​คุณ​ก็​ต้องการ​อบรม​เลี้ยง​ดู​ลูก​ของ​คุณ.” แล้ว​เขา​พูด​เสริม​ว่า “เพียง​แต่​เซ็น​ชื่อ​ตรง​นี้​นะ.”

“นี่​จดหมาย​อะไร?” ฉัน​ถาม.

“อย่า​กังวล​ไป​เลย” เขา​ยืนกราน. “แค่​เซ็น​ชื่อ คุณ​ก็​กลับ​บ้าน​ได้.” และ​เขา​บอก​ว่า “ทันที​ที่​คุณ​กลับ​บ้าน คุณ​ทำ​อะไร​ก็​ได้​ที่​อยาก​จะ​ทำ. แต่​ตอน​นี้​คุณ​ต้อง​เซ็น​รับ​ว่า​ฐานะ​การ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ของ​คุณ​ได้​สิ้น​สุด​ลง.”

ฉัน​ก้าว​ถอย​หลัง​และ​ปฏิเสธ​อย่าง​หนักแน่น.

“ถ้า​เช่น​นั้น คุณ​จะ​ตาย​ที่​นี่!” เขา​ตะโกน​ด้วย​ความ​โกรธ​และ​ไล่​ฉัน​ออก​จาก​ห้อง.

เดือน​พฤษภาคม 1943 ฉัน​ถูก​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​เรือน​จำ​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ใน​กรุง​บูดาเปสต์ และ​ต่อ​จาก​นั้น​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​มาเรียนอซทรา ซึ่ง​ที่​นั่น​เรา​อยู่​รวม​กับ​แม่ชี​ประมาณ 70 คน​ใน​อาราม​แห่ง​หนึ่ง. แม้​อดอยาก​และ​ประสบ​ความ​ยาก​ลำบาก​อื่น ๆ แต่​พวก​เรา​กระตือรือร้น​ที่​จะ​บอก​เล่า​ให้​พวก​แม่ชี​ทราบ​เกี่ยว​กับ​ความ​หวัง​ของ​เรา. แม่ชี​คน​หนึ่ง​สนใจ​ข่าวสาร​ของ​เรา​มาก และ​กล่าว​ว่า “คำ​สอน​เหล่า​นี้​งดงาม. ฉัน​ไม่​เคย​ได้​ยิน​อะไร​อย่าง​นี้​มา​ก่อน. ช่วย​เล่า​ให้​ฉัน​รู้​มาก ๆ เถอะ.” เรา​พูด​เรื่อง​โลก​ใหม่​และ​ชีวิต​ที่​แสน​วิเศษ​เมื่อ​ได้​อยู่​ที่​นั่น. ใน​ระหว่าง​การ​พูด​คุย​กัน แม่ชี​อธิการ​ก็​มา​ถึง​และ​สั่ง​แม่ชี​ที่​สนใจ​ออก​ไป​จาก​ที่​นั่น​ทันที เสื้อ​ผ้า​ที่​สวม​ใส่​อยู่​ถูก​ถอด​ออก​และ​เธอ​ถูก​เฆี่ยน​อย่าง​แรง​ด้วย​แส้. เมื่อ​เรา​ได้​เจอ​เธอ​อีก เธอ​ขอร้อง​ว่า “โปรด​อธิษฐาน​ทูล​พระ​ยะโฮวา​ขอ​พระองค์​คุ้มครอง​ฉัน​และ​นำ​ฉัน​ออก​ไป​จาก​อาราม​แห่ง​นี้. ฉัน​อยาก​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​คุณ.”

ปลาย​ทาง​ที่​เรา​จะ​ไป​ต่อ​คือ​เรือน​จำ​ใน​เมือง​โค​มา​โรม บน​ฝั่ง​แม่น้ำ​ดานูบ ประมาณ 80 กิโลเมตร​ทาง​ตะวัน​ตก​ของ​กรุง​บูดาเปสต์. สภาพ​ความ​เป็น​อยู่​แย่​มาก. เช่น​เดียว​กัน​กับ​พี่​น้อง​หญิง​หลาย​คน ฉัน​ล้ม​ป่วย​ด้วย​โรค​ไข้​รากสาด​ใหญ่ อาเจียน​เป็น​เลือด​และ​อ่อน​เพลีย. เรา​ไม่​มี​หยูกยา​รักษา​และ​คิด​ว่า​จะ​ตาย​แน่ ๆ. แต่​พอ​ดี​เจ้าหน้าที่​กำลัง​ต้องการ​คน​ถนัด​ทำ​งาน​ออฟฟิศ. พวก​พี่​น้อง​หญิง​ต่าง​ก็​เสนอ​ชื่อ​ฉัน. ดัง​นั้น ฉัน​จึง​ได้​ยา​มา​กิน​และ​หาย​เป็น​ปกติ.

กลับ​มา​อยู่​ร่วม​กับ​ครอบครัว

เนื่อง​จาก​กองทัพ​โซเวียต​รุก​ไล่​เข้า​มา​จาก​ทาง​ตะวัน​ออก เรา​จำ​ต้อง​ร่น​ไป​ทาง​ตะวัน​ตก. ที่​จะ​พรรณนา​ความ​น่า​สะพรึงกลัว​ทุก​อย่าง​ที่​เรา​ได้​พาน​พบ​ก็​คง​ต้อง​ใช้​เวลา​เล่า​นาน. ฉัน​หวุดหวิด​ตาย​หลาย​ครั้ง แต่​รอด​ชีวิต​มา​ได้​โดย​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​ปก​ป้อง​คุ้มครอง. ตอน​ที่​สงคราม​ยุติ เรา​อยู่​ที่​เมือง​ทา​บอร์​ใน​สาธารณรัฐ​เช็ก ห่าง​จาก​กรุง​ปราก​ประมาณ 80 กิโลเมตร. เรา​ใช้​เวลา​เดิน​ทาง​นาน​กว่า​สาม​สัปดาห์​กว่า​ฉัน​กับ​แมกดาเลนา​น้อง​สาว​สามี​จะ​ไป​ถึง​บ้าน​ของ​เรา​ใน​เมือง​ลูเชนเยตซ์ เมื่อ​วัน​ที่ 30 พฤษภาคม 1945.

ฉัน​สามารถ​มอง​เห็น​แม่​สามี​และ​ทีบอร์​ลูก​ชาย​สุด​ที่​รัก​ใน​ลาน​บ้าน​ตั้ง​แต่​ไกล. ฉัน​เรียก​ชื่อ “ที​บิ​ก!” ด้วย​น้ำตา​คลอ​เบ้า. เขา​วิ่ง​และ​กระโดด​สู่​อ้อม​แขน​ฉัน. “แม่​จะ​ไม่​จาก​ผม​ไป​ไหน​อีก​ใช่​ไหม?” นั่น​คือ​คำ​พูด​แรก​ที่​ลูก​พูด​กับ​ฉัน และ​ฉัน​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​ถ้อย​คำ​เหล่า​นั้น.

พระ​ยะโฮวา​ทรง​สำแดง​ความ​เมตตา​ต่อ​ทีบอร์​สามี​ของ​ฉัน​เช่น​กัน. เขา​ถูก​ย้าย​จาก​เรือน​จำ​ใน​บูดาเปสต์​ไป​สู่​ค่าย​แรงงาน​ที่​เมือง​บอร์ พร้อม​กับ​พี่​น้อง​ชาย​อีก 160 คน. พวก​เขา​เฉียด​ตาย​หลาย​ครั้ง แต่​ฐานะ​เป็น​กลุ่ม เขา​ได้​รับ​การ​พิทักษ์​ชีวิต​ไว้. ทีบอร์​กลับ​บ้าน​เมื่อ​วัน​ที่ 8 เมษายน 1945 ก่อน​หน้า​ฉัน​ประมาณ​หนึ่ง​เดือน.

หลัง​สงคราม พวก​เรา​ยัง​คง​ต้องการ​ได้​รับ​กำลัง​จาก​พระ​ยะโฮวา​เพื่อ​จะ​ผ่าน​พ้น​ความ​ทุกข์​ยาก​ตลอด​เวลา​อีก 40 ปี​ใน​ประเทศ​เชโกสโลวะเกีย​สมัย​นั้น ภาย​ใต้​ระบอบ​การ​ปกครอง​คอมมิวนิสต์. อีก​ครั้ง​หนึ่ง ทีบอร์​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​ระยะ​ยาว และ​ฉัน​ต้อง​ดู​แล​ลูก​ชาย​ของ​เรา​โดย​ไม่​มี​ทีบอร์​ช่วย. ภาย​หลัง​เมื่อ​รับ​การ​ปลด​ปล่อย​แล้ว ทีบอร์​ปฏิบัติ​งาน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง. ใน​ช่วง 40 ปี​แห่ง​การ​ปกครอง​ระบอบ​คอมมิวนิสต์ พวก​เรา​ใช้​ทุก​โอกาส​แบ่ง​ปัน​ความ​เชื่อ​ของ​เรา. เรา​สามารถ​ช่วย​หลาย​คน​เรียน​ความ​จริง. ด้วย​เหตุ​นี้ คน​ที่​เรา​ช่วย​จึง​กลาย​มา​เป็น​บุตร​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา.

เรา​ชื่นชม​ยินดี​มาก​เพียง​ใด​เมื่อ​เรา​ได้​รับ​เสรีภาพ​ทาง​ศาสนา​ใน​ปี 1989! ปี​ต่อ​มา เรา​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ครั้ง​แรก​ใน​ประเทศ​ของ​เรา​หลัง​จาก​ว่าง​เว้น​มา​นาน. เมื่อ​เห็น​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​นับ​หมื่น​คน​ที่​ได้​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​ตน​นาน​นับ​สิบ ๆ ปี เรา​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​แหล่ง​กำลัง​อัน​เข้มแข็ง​สำหรับ​พวก​เขา​ทั้ง​มวล.

วัน​ที่ 14 ตุลาคม 1993 ทีบอร์​สามี​ที่​รัก​ของ​ฉัน​ได้​ล่วง​ลับ​ไป​อย่าง​คน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า. เวลา​นี้​ฉัน​อยู่​ใกล้​ลูก​ชาย​ใน​เมือง​ซิลี​นา ส​โล​วะ​เกีย. ฉัน​ไม่​ค่อย​มี​กำลัง​แข็งแรง​เหมือน​แต่​ก่อน ทว่า ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ฉัน​เข้มแข็ง​โดย​ฤทธิ์​อำนาจ​ของ​พระ​ยะโฮวา. ฉัน​เชื่อ​อย่าง​ไม่​สงสัย​เลย​ว่า​โดย​การ​พึ่ง​กำลัง​จาก​พระ​ยะโฮวา ฉัน​จะ​ทน​การ​ทดสอบ​ใด ๆ ใน​ระบบ​เก่า​นี้​ได้. ยิ่ง​กว่า​นั้น โดย​พระ​กรุณา​อัน​ไม่​พึง​ได้​รับ​ของ​พระ​ยะโฮวา ฉัน​รอ​เวลา​ที่​ฉัน​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป.

[ภาพ​หน้า 20]

ทีบอร์ ลูก​ชาย​ของ​ฉัน (อายุ 4 ขวบ) ซึ่ง​ฉัน​จำ​พราก​จาก​เขา​ไป

[ภาพ​หน้า 21]

ทีบอร์ ผู้​เป็น​พ่อ และ​พี่​น้อง​พยาน​ฯ อื่น ๆ ใน​เมือง​บอร์

[ภาพ​หน้า 22]

กับ​ทีบอร์​และ​แมกดาเลนา น้อง​สามี​ถ่าย​เมื่อ​ปี 1947 ที่​เมือง​เบอร์โน

[ภาพ​หน้า 23]

ฉัน​หวุดหวิด​ตาย​หลาย​ครั้ง แต่​รอด​ชีวิต​มา​ได้​โดย​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​ปก​ป้อง​คุ้มครอง