ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การเรียนรู้อันยาวนานตลอดชีวิต

การเรียนรู้อันยาวนานตลอดชีวิต

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

การ​เรียน​รู้​อัน​ยาว​นาน​ตลอด​ชีวิต

เล่า​โดย​แฮโรลด์ กลูยัส

ผม​ยัง​จำ​เหตุ​การณ์​สมัย 70 กว่า​ปี​มา​แล้ว​ตอน​ที่​ยัง​เด็ก. ผม​นั่ง​อยู่​ใน​ห้อง​ครัว​ของ​แม่ มอง​ดู​ภาพ​ฉลาก​ยี่ห้อ “ชา​ซีลอน.” ฉลาก​มี​รูป​ผู้​หญิง​สอง​สาม​คน​เด็ด​ใบ​ชา​ใน​ไร่​เขียว​ชอุ่ม​แห่ง​ซีลอน (ศรีลังกา​ใน​ปัจจุบัน). ภาพ​ที่​จุด​ประกาย​จินตนาการ​ของ​ผม​อยู่​ห่าง​ไกล​มาก​จาก​บ้าน​ของ​เรา​ใน​ที่​แห้ง​แล้ง​แห่ง​รัฐ​เซาท์​ออสเตรเลีย. ซีลอน​คง​ต้อง​เป็น​ดินแดน​ที่​สวย​งาม​น่า​ตื่นเต้น​สัก​เพียง​ใด! ตอน​นั้น​ผม​ไม่​มี​ทาง​รู้​เลย​ว่า​ผม​จะ​ใช้​ชีวิต 45 ปี​ฐานะ​ผู้​เผยแพร่​ต่าง​แดน​บน​เกาะ​ที่​งาม​วิจิตร​แห่ง​นี้.

ผม​เกิด​ใน​เดือน​เมษายน 1922 โลก​สมัย​นั้น​ต่าง​จาก​โลก​สมัย​นี้​มาก. ครอบครัว​ของ​เรา​ทำ​ไร่​จำพวก​ข้าว​อยู่​โดด​เดี่ยว​ใกล้​เมือง​คิมบา​อัน​ห่าง​ไกล ซึ่ง​อยู่​ตรง​จุด​กึ่งกลาง​ของ​ทวีป​ออสเตรเลีย​อัน​ไพศาล​และ​สุด​เขต​ทาง​ใต้​ของ​ทะเล​ทราย​ผืน​ใหญ่. ชีวิต​แวด​ล้อม​ด้วย​ภยันตราย, ผจญ​ภาวะ​ฝน​แล้ง, ผจญ​ภัย​พิบัติ​จาก​แมลง, อีก​ทั้ง​อากาศ​ร้อน​ระอุ. แม่​ทำ​งาน​หนัก​เพื่อ​ดู​แล​พ่อ​และ​เลี้ยง​ลูก​หก​คน​ใน​บ้าน​กลาง​ป่า ซึ่ง​จริง ๆ แล้ว​บ้าน​ก็​คือ​กระต๊อบ​สังกะสี​หลัง​เล็ก ๆ.

แต่​สำหรับ​ผม ชนบท​ห่าง​ไกล​ทำ​ให้​ผม​มี​อิสระ​และ​มี​เรื่อง​ตื่นเต้น. ตอน​เป็น​เด็ก​หนุ่ม ผม​จำ​เหตุ​การณ์​ที่​น่า​ครั่นคร้าม ผม​ได้​เห็น​วัว​ตัว​ผู้​หลาย​ตัว​ผูก​เข้า​กับ​คราด​ไถ​ลาก​ต้น​วัชพืช​ขณะ​เดียว​กัน​ก็​ปราบ​ดิน​ให้​โล่ง​เตียน หรือ​เสียง​พายุ​ดัง​กึกก้อง​พัด​ฝุ่น​ลง​มา​กลบ​ทั่ว​ชนบท. ดัง​นั้น การ​เรียน​รู้​ของ​ผม​จริง ๆ แล้ว​ได้​เริ่ม​ขึ้น​นาน​ก่อน​ผม​เข้า​เรียน​ใน​โรง​เรียน​เล็ก ๆ มี​ครู​เพียง​คน​เดียว และ​ระยะ​ทาง​ห่าง​จาก​บ้าน​ไป​ราว ๆ 5 กิโลเมตร.

พ่อ​แม่​ผม​เป็น​คน​เคร่ง​ศาสนา แม้​ไม่​ได้​ไป​โบสถ์ สาเหตุ​หลัก​ก็​เพราะ​หน​ทาง​จาก​ไร่​เข้า​ไป​ใน​เมือง​เป็น​ระยะ​ไกล. กระนั้น​ก็​ดี ช่วง​ต้น​ทศวรรษ 1930 แม่​เริ่ม​สนใจ​ฟัง​รายการ​ที่​จัดจ์ รัทเทอร์ฟอร์ด​ได้​บรรยาย​เรื่อง​ต่าง ๆ ที่​ยึด​พระ​คัมภีร์เป็น​หลัก ออก​อากาศ​จาก​สถานี​วิทยุ​ใน​เมือง​แอดิเลด​ทุก​สัปดาห์. ผม​คิด​ว่า​จัดจ์ รัทเทอร์ฟอร์ด​เป็น​แค่​นัก​เทศน์​ใน​เมือง​แอดิเลด จึง​ไม่​ค่อย​สนใจ​เท่า​ไร​นัก. แต่​ทุก​สัปดาห์​แม่​คอย​อย่าง​กระตือรือร้น​เพื่อ​ฟัง​คำ​บรรยาย​ออก​อากาศ​ของ​รัทเทอร์ฟอร์ด และ​ตั้ง​อก​ตั้งใจ​ฟัง​เมื่อ​เสียง​พูด​ของ​ท่าน​ลอด​ออก​มา​จาก​เครื่อง​รับ​วิทยุ​รุ่น​โบราณ​ใช้​แบตเตอรี่.

บ่าย​วัน​หนึ่ง​อากาศ​ร้อน ฝุ่น​ตลบ รถ​กระบะ​เก่า​คัน​หนึ่ง​ได้​มา​จอด​ที่​หน้า​บ้าน​ของ​เรา และ​ผู้​ชาย​สอง​คน​แต่ง​ตัว​ดี​ก้าว​ลง​จาก​รถ. ทั้ง​สอง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. แม่​รับ​ฟัง​ข่าวสาร​จาก​เขา​และ​ได้​บริจาค​เงิน​เป็น​ค่า​บำรุง​หนังสือ​หลาย​เล่ม​ที​เดียว ซึ่ง​แม่​ก็​เริ่ม​อ่าน​ทันที. เมื่อ​ได้​อ่าน​หนังสือ​เหล่า​นั้น แม่​รู้สึก​ประทับใจ​มาก​จน​ขอ​ให้​พ่อ​ขับ​รถ​พา​ไป​หา​เพื่อน​บ้าน​ใกล้​เคียง​โดย​ไม่​รอ​ช้า ทั้ง​นี้​เพื่อ​จะ​ได้​พูด​คุย​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ด้วย​เรื่อง​ต่าง ๆ ที่​แม่​กำลัง​เรียน​รู้​อยู่.

ประโยชน์​ของ​การ​จูง​ใจ​ใน​ทาง​ที่​ดี

ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น ความ​ทุรกันดาร​ของ​สภาพ​แวด​ล้อม​ใน​ชนบท​ห่าง​ไกล​ทำ​ให้​เรา​จำ​ต้อง​ย้าย​ไป​ยัง​เมือง​แอดิเลด ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ออก​ไป 500 กิโลเมตร. ครอบครัว​ของ​เรา​เริ่ม​ติด​ต่อ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ประชาคม​แอดิเลด​และ​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ. นอก​จาก​นั้น การ​ที่​เรา​ย้าย​ถิ่น​ที่​อยู่​ทำ​ให้​ผม​ต้อง​หยุด​เรียน. ผม​เลิก​ไป​โรง​เรียน​เมื่อ​อายุ 13 ปี หลัง​จาก​เรียน​จบ​ประถม​เจ็ด. นิสัย​ผม​เป็น​คน​ไม่​ทุกข์​ไม่​ร้อน ซึ่ง​อาจ​ทำ​ให้​ผม​เลิก​ติด​ตาม​แสวง​หา​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ​ได้​อย่าง​ง่าย​ดาย หาก​ไม่​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​ของ​พี่​น้อง​ดี ๆ หลาย​คน—ไพโอเนียร์​หรือ​ผู้​รับใช้​เต็ม​เวลา—ซึ่ง​ได้​เอา​ใจ​ใส่​ผม​เป็น​ส่วน​ตัว.

เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป อิทธิพล​ของ​พี่​น้อง​ที่​มี​ใจ​แรง​กล้า​เหล่า​นี้​กลาย​เป็น​แรง​กระตุ้น​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​แฝง​เร้น​อยู่​ภาย​ใน. ผม​ชอบ​ที่​ได้​อยู่​ใน​วง​สมาคม​ของ​พี่​น้อง​เหล่า​นั้น​และ​นิยม​ชม​ชอบ​น้ำใจ​ของ​เขา​ที่​ทำ​การ​งาน​อย่าง​ขยัน​ขันแข็ง. ดัง​นั้น เมื่อ​มี​การ​แถลง​คำ​ประกาศ​สนับสนุน​งาน​รับใช้​ประเภท​เต็ม​เวลา ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ที่​แอดิเลด​ใน​ปี 1940 ผม​ประหลาด​ใจ​ที่​ได้​เสนอ​ชื่อ​ตัว​เอง. ตอน​นั้น​ผม​ยัง​ไม่​รับ​บัพติสมา​และ​ไม่​ค่อย​จะ​มี​ประสบการณ์​ใน​การ​ให้​คำ​พยาน. กระนั้น​ก็​ดี หลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่​วัน ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​สมทบ​กับ​ไพโอเนียร์​กลุ่ม​เล็ก ๆ ที่​เมือง​วารร์นัมบูลา​ใน​วิกทอเรีย​รัฐ​ใกล้​เคียง อยู่​ห่าง​จาก​เมือง​แอดิเลด​ประมาณ 800 กิโลเมตร.

ทั้ง ๆ ที่​เริ่ม​ต้น​อย่าง​ไม่​แน่​ใจ แต่​ใน​ไม่​ช้า​ผม​ก็​ได้​พัฒนา​ความ​รัก​ที่​มี​ต่อ​งาน​รับใช้ ความ​รัก​ที่​ผม​ยินดี​จะ​บอก​ว่า​ไม่​เคย​ลด​น้อย​ถอย​ลง​ตลอด​หลาย​ปี. อัน​ที่​จริง มัน​เป็น​จุด​เปลี่ยน​ครั้ง​สำคัญ​สำหรับ​ผม และ​ผม​เริ่ม​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​อย่าง​แท้​จริง. ผม​ได้​มา​รู้​จัก​คุณค่า​ของ​การ​อยู่​ใกล้​ชิด​คน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​มี​ความ​รัก​ต่อ​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ. ผม​พบ​ว่า​อิทธิพล​ที่​ดี​ของ​พวก​เขา​สามารถ​นำ​เอา​สิ่ง​ที่​ดี​ที่​สุด​ใน​ตัว​เรา​ออก​มา​ได้ ไม่​ว่า​เรา​จะ​มี​การ​ศึกษา​ระดับ​ไหน และ​สิ่ง​ที่​เรา​เรียน​รู้​ทาง​นี้​จะ​เป็น​ประโยชน์​แก่​เรา​ตลอด​ชีวิต​อย่าง​ไร.

การ​ทดลอง​เสริม​กำลัง​ให้​เข้มแข็ง

ผม​เพิ่ง​ทำ​งาน​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ได้​ระยะ​หนึ่ง​เมื่อ​มี​การ​สั่ง​ห้าม​งาน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ออสเตรเลีย. โดยไม่​แน่​ใจ​ว่า​ควร​ทำ​ประการ​ใด ผม​จึง​แสวง​หา​คำ​แนะ​นำ​จาก​พี่​น้อง ซึ่ง​ได้​ชี้​แจง​ว่า​ไม่​มี​การ​สั่ง​ห้าม​การ​พูด​คุย​เรื่อง​พระ​คัมภีร์​กับ​ประชาชน. ดัง​นั้น ผม​กับ​เพื่อน​ไพโอเนียร์​บาง​คน​จึง​ออก​ไป​ตาม​บ้าน​เรือน​เสนอ​ข่าวสาร​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ที่​เข้าใจ​ได้​ง่าย. การ​ทำ​แบบ​นี้​เสริม​กำลัง​ผม​ให้​เข้มแข็ง​เพื่อ​เผชิญ​การ​ทดลอง​ที่​รอ​อยู่​ข้าง​หน้า.

สี่​เดือน​ถัด​มา อายุ​ผม​ครบ 18 ปี และ​มี​หมาย​เรียก​ให้​รายงาน​ตัว​เข้า​รับ​ราชการ​ทหาร. เรื่อง​นี้​เปิด​โอกาส​ให้​ผม​ได้​สู้​คดี​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​ต่อ​หน้า​ทหาร​หลาย​นาย​และ​ผู้​พิพากษา​ตัดสิน​ความ​ท่าน​หนึ่ง. ช่วง​นั้น​พี่​น้อง​ชาย​ประมาณ 20 คน​ถูก​คุม​ขัง​ใน​คุก​ที่​เมือง​แอดิเลด​เนื่อง​ด้วย​ความ​เป็น​กลาง​ของ​พวก​เขา และ​ไม่​นาน​ผม​ก็​สมทบ​กับ​เขา. พวก​เรา​ถูก​ส่ง​เข้า​ค่าย​แรงงาน, ทำ​งาน​ใน​เหมือง​หิน​และ​ซ่อมแซม​ถนน​หน​ทาง. สิ่ง​นี้​ได้​ช่วย​ผม​พัฒนา​คุณลักษณะ​ต่าง ๆ เป็น​ต้น​ว่า ความ​อด​ทน​และ​ความ​ตั้งใจ​แน่วแน่. ความ​ประพฤติ​ที่​ดี​และ​การ​ยืนหยัด​มั่นคง​ของ​เรา​มี​ผล​ทำ​ให้​ผู้​คุม​หลาย​คน​นับถือ​พวก​เรา.

เมื่อ​ผม​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​หลาย​เดือน​ต่อ​มา ผม​ชื่นชม​เมื่อ​ได้​รับประทาน​อาหาร​มื้อ​อร่อย ๆ แล้ว​เริ่ม​งาน​ไพโอเนียร์​อีก​ทันที. แต่​หา​เพื่อน​ไพโอเนียร์​ทำ​งาน​ด้วย​กัน​ไม่​ค่อย​จะ​ได้ ดัง​นั้น มี​คน​ถาม​ผม​ว่า​จะ​ทำ​งาน​ตาม​ลำพัง​ได้​ไหม​ใน​เขต​พื้น​ที่​ทำ​การ​เพาะ​ปลูก​อัน​ห่าง​ไกล​ใน​รัฐ​เซาท์​ออสเตรเลีย. ผม​รับ​คำ​และ​ออก​เดิน​ทาง​โดย​เรือ​ไป​ยัง​แหลม​ยอร์ก สิ่ง​ที่​ผม​เอา​ติด​ตัว​ไป​ด้วย​ก็​มี​เครื่อง​ใช้​สำหรับ​งาน​ประกาศ​และ​จักรยาน​หนึ่ง​คัน. เมื่อ​ไป​ถึง ครอบครัว​ผู้​สนใจ​ชี้​ทาง​ให้​ผม​ไป​พัก​ที่​ห้อง​เช่า​ค้าง​คืน ซึ่ง​สุภาพสตรี​ใจ​ดี​คน​หนึ่ง​ปฏิบัติ​ต่อ​ผม​เหมือน​ผม​เป็น​ลูก. ระหว่าง​ช่วง​กลางวัน ผม​ถีบ​จักรยาน​ไป​บน​ถนน​ไม่​ลาดยาง ประกาศ​ให้​คำ​พยาน​ตาม​เมือง​เล็ก ๆ ที่​กระจาย​อยู่​ทั่ว​แหลม. เพื่อ​จะ​ประกาศ​ได้​ทั่ว​ถึง​ใน​พื้น​ที่​ห่าง​ไกล ผม​พัก​ค้าง​คืน​เป็น​ครั้ง​คราว​ใน​โรงแรม​เล็ก ๆ หรือ​ห้อง​เช่า​ค้าง​คืน. โดย​วิธี​นี้ ผม​ปั่น​จักรยาน​เป็น​ระยะ​ทาง​หลาย​ร้อย​กิโลเมตร​และ​มี​ประสบการณ์​ดี ๆ มาก​มาย. ผม​ไม่​เคย​คิด​กังวล​เกิน​เหตุ​ที่​ทำ​งาน​รับใช้​ตาม​ลำพัง และ​ตราบ​ที่​ผม​มี​ประสบการณ์​ได้​รับ​การ​ดู​แล​จาก​พระ​ยะโฮวา ผม​ก็​ยิ่ง​เข้า​ใกล้​พระองค์​มาก​ขึ้น.

จัด​การ​กับ​ความ​รู้สึก​ที่​ว่า​ตน​ขาด​คุณสมบัติ

ใน​ปี 1946 ผม​ได้​จดหมาย​เชิญ​ให้​รับ​งาน​เดิน​ทาง​เยี่ยม​พวก​พี่​น้อง (ปัจจุบัน​คือ​ผู้​ดู​แล​หมวด). งาน​นี้​รวม​เอา​การ​ไป​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ ใน​หมวด​ตาม​ที่​ถูก​มอบหมาย. ผม​ต้อง​ยอม​รับ​ว่า​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​หลาย​อย่าง​สืบ​เนื่อง​จาก​การ​มอบหมาย​นี้​เป็น​การ​ท้าทาย​จริง ๆ. วัน​หนึ่ง บังเอิญ​ผม​ได้​ยิน​บราเดอร์​คน​หนึ่ง​พูด​ว่า “แฮโรลด์​ไม่​ถนัด​จะ​เป็น​ผู้​บรรยาย​บน​เวที ทว่า​ทำ​ได้​ดี​ด้าน​งาน​ประกาศ​ให้​คำ​พยาน.” คำ​วิจารณ์​นี้​ทำ​ให้​ผม​ได้​กำลังใจ​ขึ้น​มา​มาก. ผม​รู้​ดี​ว่า​ผม​มี​ข้อ​จำกัด​ใน​การ​บรรยาย​และ​การ​จัด​ระเบียบ แต่​ผม​เชื่อ​มั่น​ว่า​งาน​ประกาศ​เป็น​กิจกรรม​หลัก​สำหรับ​คริสเตียน.

ปี 1947 นับ​ว่า​เป็น​ความ​ตื่นเต้น​ดีใจ​ขนาน​ใหญ่​เมื่อ​บราเดอร์​นาทาน นอรร์​และ​บราเดอร์​มิลตัน เฮนเชล​จาก​สำนักงาน​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​บรุกลิน​มา​เยี่ยม​ออสเตรเลีย. คราว​นี้​เป็น​การ​เยี่ยม​ครั้ง​แรก​จาก​สำนักงาน​ใหญ่ หลัง​จาก​ที่​บราเดอร์​รัทเทอร์ฟอร์ด​ได้​มา​เยี่ยม​ใน​ปี 1938. พร้อม​กับ​การ​เยี่ยม​คราว​นี้​ก็​ได้​มี​การ​จัด​การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​ซิดนีย์. เช่น​เดียว​กับ​ไพโอเนียร์​หนุ่ม​สาว​หลาย​คน ผม​สนใจ​การ​ฝึก​อบรม​มิชชันนารี ณ โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด​ซึ่ง​เพิ่ง​เปิด​ได้​ไม่​นาน​ใน​เซาท์แลนซิง รัฐ​นิวยอร์ก สหรัฐ​อเมริกา. พวก​เรา​หลาย​คน​ที่​ร่วม​ประชุม​ต่าง​ก็​ฉงน​ว่าทาง​โรง​เรียน​รับ​สมัคร​โดย​วาง​เงื่อนไข​กำหนด​ว่า​ต้อง​มี​ระดับ​การ​ศึกษา​สูง​หรือ​ไม่. แต่​บราเดอร์​นอรร์​ชี้​แจง​ว่า​ถ้า​เรา​สามารถ​อ่าน​บทความ​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ และ​จำ​จุด​สำคัญ​ได้ การ​เรียน​ที่​กิเลียด​ไม่​น่า​เป็น​ปัญหา.

ผม​รู้สึก​ว่า​การ​ไม่​ได้​เรียน​สูง​อาจ​ทำ​ให้​ผม​ขาด​คุณสมบัติ. ไม่​กี่​เดือน​ต่อ​มา ผม​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​เขา​ให้​ผม​กรอก​ใบ​สมัคร​เพื่อ​เข้า​รับ​การ​ฝึก​อบรม​ที่​กิเลียด. ครั้น​แล้ว​ผม​ก็​ถูก​รับ​เป็น​นัก​เรียน​รุ่น​ที่ 16 ใน​ปี 1950. การ​เข้า​โรง​เรียน​เป็น​ประสบการณ์​อัน​แสน​วิเศษ ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​มั่น​ใจ​มาก​ขึ้น. ผม​เห็น​ประจักษ์​แล้ว​ว่า​การ​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ด้าน​การ​เรียน​ฝ่าย​โลก​หา​ใช่​ปัจจัย​สำคัญ​ของ​ความ​สำเร็จ​ไม่. ข้อ​เรียก​ร้อง​หลัก​คือ​ความ​ขยัน​หมั่น​เพียร​และ​การ​เชื่อ​ฟัง​ต่าง​หาก. คณะ​ผู้​สอน​พูด​ให้​กำลังใจ​พวก​เรา​ให้​ทำ​ดี​ที่​สุด. ตราบ​เท่า​ที่​ผม​เชื่อ​ฟัง​คำ​แนะ​นำ​ของ​ท่าน​เหล่า​นั้น ผม​ก้าว​หน้า​อย่าง​สม่ำเสมอ​และ​สามารถ​ตาม​ทัน​หลัก​สูตร​การ​สอน​ได้​ดี​ที​เดียว.

จาก​ออสเตรเลีย​ไป​อยู่​ศรีลังกา

ภาย​หลัง​จบ​หลัก​สูตร ผม​พร้อม​กับ​บราเดอร์​สอง​คน​จาก​ออสเตรเลีย​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ซีลอน (ศรีลังกา​ใน​ปัจจุบัน). พวก​เรา​มา​ถึง​กรุง​โคลัมโบ​เมือง​หลวง​ใน​เดือน​กันยายน 1951. วัน​นั้น​อากาศ​ชื้น​และ​อบอ้าว และ​ภาพ​ที่​เพิ่ง​มา​เห็น​ระคน​ปน​กัน​กับ​สรรพสำเนียง​และ​กลิ่น​จรุง​จู่​โจม​ประสาท​ทั้ง​ห้า​ของ​เรา. ขณะ​ที่​เรา​ลง​จาก​เรือ มิชชันนารี​ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​ปฏิบัติ​งาน​ใน​ประเทศ​นี้​อยู่​แล้ว​ได้​มา​ต้อนรับ​ผม และ​ยื่น​ใบ​ปลิว​โฆษณา​การ​บรรยาย​สาธารณะ​ที่​จะ​มี​ขึ้น ณ จัตุรัส​กลาง​เมือง​ใน​วัน​อาทิตย์​ถัด​ไป. มัน​กะทันหัน​เหลือ​เกิน ชื่อ​ผม​อยู่​บน​ใบ​ปลิว​แล้ว—เป็น​ผู้​บรรยาย​เสีย​ด้วย! คุณ​คง​พอ​จะ​นึก​ภาพ​ความ​หวั่น​วิตก​ของ​ผม​ได้. แต่​การ​เป็น​ไพโอเนียร์​หลาย​ปี​ใน​ออสเตรเลีย​ได้​สอน​ผม​ให้​ยอม​รับ​งาน​ใด ๆ ก็​ตาม​ที่​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ. ดัง​นั้น ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา การ​บรรยาย​สาธารณะ​วัน​นั้น​ประสบ​ความ​สำเร็จ​เป็น​อย่าง​ดี. เวลา​นั้น พวก​เรา​อยู่​กับ​มิชชันนารี​หนุ่ม​อีก​สี่​คน​ที่​ได้​อยู่​ก่อน​แล้ว​ที่​บ้าน​มิชชันนารี​ใน​กรุง​โคลัมโบ. เรา​สาม​คน​ที่​มา​ใหม่​เริ่ม​ขบ​คิด​ปัญหา​ภาษา​สิงหล​และ​ออก​ไป​ประกาศ​ใน​เขต​งาน. เรา​มัก​จะ​ทำ​งาน​ตาม​ลำพัง​เป็น​ส่วน​ใหญ่ และ​ชื่นชม​ที่​พบ​ปะ​ผู้​คน​ใน​ท้องถิ่น​ซึ่ง​ต้อนรับ​เรา​ด้วย​ความ​นับถือ​และ​โอบอ้อม​อารี. ใน​เวลา​ไม่​นาน ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​เริ่ม​มี​จำนวน​มาก​ขึ้น.

เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป ผม​เริ่ม​คิด​จริงจัง​เกี่ยว​กับ​ไพโอเนียร์​หญิง​ที่​มี​เสน่ห์​ชื่อ​ซิ​บิล ซึ่ง​ผม​พบ​ระหว่าง​ทาง​ไป​โรง​เรียน​กิเลียด​โดย​เรือ​เดิน​ทะเล. ตอน​นั้น​เธอ​เดิน​ทาง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​นิวยอร์ก. ภาย​หลัง เธอ​ได้​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​รุ่น​ที่ 21 และ​ถูก​มอบหมาย​ไป​ทำ​งาน​ที่​ฮ่องกง​ใน​ปี 1953. ผม​ตัดสิน​ใจ​เขียน​จดหมาย​ไป​หา​เธอ และ​เรา​ติด​ต่อ​กัน​ทาง​จดหมาย​เรื่อย​มา​กระทั่ง​ปี 1955 เมื่อ​ซิ​บิล​ได้​สมทบ​กับ​ผม​ใน​ซีลอน และ​เรา​ก็​แต่งงาน​กัน.

เขต​งาน​แรก​ที่​เรา​ทำ​งาน​ด้วย​กัน​ฐานะ​สามี​ภรรยา​คือ​เมือง​จัฟฟ์นา ตอน​เหนือ​ของ​ประเทศ​ศรีลังกา. พอ​กลาง​ทศวรรษ 1950 เริ่ม​เกิด​ความ​ตึงเครียด​แตก​แยก​กัน​ด้าน​การ​เมือง​ระหว่าง​ชาว​สิงหล​และ​ทมิฬ จน​กลาย​เป็น​สงคราม​ต่อ​สู้​กัน​ใน​ช่วง​หลาย​สิบ​ปี​ต่อ​มา. ช่าง​เป็น​ความ​อบอุ่น​ใจ​เสีย​นี่​กระไร​ที่​เห็น​พยาน​ฯ ชาว​สิงหล​และ​ทมิฬ​ปก​ป้อง​ภัย​ให้​กัน​และ​กัน​เป็น​เวลา​หลาย​เดือน​ใน​ระหว่าง​หลาย​ปี​ที่​ยุ่งยาก​ลำบาก! ความ​ทุกข์​ลำบาก​ต่าง ๆ ใน​ช่วง​นั้น​ได้​ปรับ​ปรุง​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​พี่​น้อง​และ​เสริม​ให้​เข้มแข็ง​ยิ่ง​ขึ้น.

การ​เผยแพร่​และ​การ​สอน​ใน​ศรีลังกา

การ​ปรับ​ตัว​ให้​เข้า​กัน​ได้​กับ​ชาว​ฮินดู​และ​มุสลิม​จำ​ต้อง​ใช้​ความ​อด​ทน​และ​อุตสาหะ​พากเพียร. ถึง​กระนั้น เรา​ได้​มา​เริ่มเข้าใจ​วัฒนธรรม​ของ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย อีก​ทั้ง​ลักษณะ​นิสัย​ที่​น่า​รัก​ของ​พวก​เขา. เนื่อง​จาก​ไม่​ใช่​เรื่อง​ปกติ​ที่​เห็น​ฝรั่ง​ขึ้น​รถ​โดยสาร​ประจำ​ทาง ไม่​ว่า​เรา​ไป​ทาง​ไหน ผู้​คน​มัก​จ้อง​มอง​เรา​ด้วย​ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น. ซิ​บิล​ตัดสิน​ใจ​ว่า​เธอ​จะ​ยิ้ม​กว้าง​ตอบ​สนอง. น่า​ชื่นชม​จริง ๆ เมื่อ​เห็น​สี​หน้า​ของ​คน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​เคย​ฉงน​สนเท่ห์​ตอบรับ​เรา​ด้วย​รอย​ยิ้ม​สวย ๆ บน​ใบ​หน้า!

คราว​หนึ่ง ณ ด่าน​ตรวจ​ริม​ถนน เรา​ถูก​ห้าม​เดิน​ทาง​ต่อ. หลัง​จาก​ยาม​รักษา​การณ์​ซัก​ถาม​เรา​ว่า​มา​จาก​ไหน และ​กำลัง​จะ​ไป​ไหน แล้ว​เขา​ก็​วก​มา​ถาม​เรื่อง​ส่วน​ตัว.

“ผู้​หญิง​คน​นี้​เป็น​ใคร?”

ผม​ตอบ​ว่า “เป็น​ภรรยา​ของ​ผม”

“แต่งงาน​กัน​นาน​เท่า​ไร?”

“แปด​ปี”

“มี​บุตร​ไหม?”

“ไม่​มี”

“อย่าง​นี้​ก็​มี​ด้วย! เคย​ไป​พบ​แพทย์​บ้าง​ไหม?”

ที​แรก ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​เป็น​ธรรมดา​แบบ​นี้​ทำ​ให้​เรา​ประหลาด​ใจ แต่​ใน​ที่​สุด​เรา​ถือ​เสีย​ว่า​คำ​ถาม​ทำนอง​นี้​สำหรับ​คน​ท้องถิ่น​แล้ว​หมาย​ถึง​การ​แสดง​ความ​สนใจ​คน​อื่น​เป็น​ส่วน​ตัว. อัน​ที่​จริง มัน​เป็น​คุณลักษณะ​ของ​พวก​เขา​ซึ่ง​น่า​รัก​อย่าง​ยิ่ง. แค่​ไป​ยืน​อยู่​ที่​ตลาด​ไม่​กี่​นาที​ก็​จะ​มี​คน​เข้า​มา​ถาม​อย่าง​กรุณา​ว่า​จะ​ให้​เขา​ช่วย​อะไร​ได้​บ้าง.

การ​เปลี่ยน​แปลง​และ​การ​ใคร่ครวญ

ตลอด​หลาย​ปี เรา​ชอบ​หน้า​ที่​มอบหมาย​ที่​หลาก​หลาย นอก​เหนือ​จาก​งาน​มิชชันนารี​ใน​ศรีลังกา. ผม​ถูก​มอบหมาย​ให้​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด​และ​ภาค และ​รับใช้​ฐานะ​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​สาขา. ปี 1996 อายุ​ผม 75 ปี. ผม​รู้สึก​ชื่นชม​เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง​ไป​กว่า 45 ปี​ที่​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี​ใน​ประเทศ​ศรีลังกา. เมื่อ​ผม​เข้า​ร่วม​ประชุม​ครั้ง​แรก​ใน​กรุง​โคลัมโบ มี​ประมาณ 20 คน​มา​ร่วม​ประชุม. จาก​จำนวน​นั้น​เพิ่ม​ขึ้น​เป็น 3,500 กว่า​คน​เวลา​นี้! ผม​กับ​ซิ​บิล​ถือ​ว่า​หลาย​คน​ใน​บรรดา​ผู้​ที่​เรา​รัก​เหล่า​นี้​เป็น​บุตร​หลาน​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา. กระนั้น​ก็​ดี ยัง​มี​งาน​อีก​มาก​ทั่ว​ประเทศ​ที่​ต้อง​ทำ​ให้​เสร็จ เป็น​งาน​ที่​ต้อง​ใช้​แรง​กาย​แรง​ใจ​พร้อม​ทั้ง​ทักษะ​ของ​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อายุ​น้อย​กว่า​เรา. เมื่อ​คิด​ถึง​เรื่อง​นี้ เรา​จึง​ตอบรับ​คำ​เชิญ​จาก​คณะ​กรรมการ​ปกครอง​ที่​ให้​กลับ​ออสเตรเลีย. การ​ไป​จาก​ศรีลังกา​เปิด​โอกาส​ให้​คู่​สมรส​วัย​หนุ่ม​กว่า​เรา​ที่​มี​คุณวุฒิ​เข้า​ไป​ทำ​งาน​แทน​เรา​ฐานะ​มิชชันนารี​ใน​ศรีลังกา.

ตอน​นี้​ผม​อายุ​ย่าง 83 ปี​แล้ว และ​ผม​กับ​ซิ​บิล​รู้สึก​ยินดี​ที่​เรา​ยัง​มี​สุขภาพ​แข็งแรง​พอ​จะ​ทำ​งาน​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ได้​ต่อ​ไป​ที่​เมือง​แอดิเลด บ้าน​เก่า​ที่​เคย​อยู่. งาน​รับใช้​ของ​เรา​ช่วย​เรา​ให้​ตื่น​อยู่​เสมอ​ทาง​ด้าน​จิตใจ, สามารถ​ยืดหยุ่น​และ​ปรับ​ตัว​เข้า​กับ​สิ่ง​ใหม่ ๆ, สิ่ง​ที่​ไม่​เหมือน​เดิม, หรือ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ที่​เปลี่ยน​แปลง. อีก​ทั้ง​ช่วย​เรา​ปรับ​วิถี​ชีวิต​ใน​ประเทศ​นี้​ซึ่ง​แตกต่าง​มาก​จริง ๆ ได้​เช่น​เดียว​กัน.

พระ​ยะโฮวา​ทรง​ดู​แล​เรา​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​ให้​มี​สิ่ง​จำเป็น​ทาง​ด้าน​วัตถุ และ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ใน​ประชาคม​ของ​เรา​ต่าง​ก็​แสดง​ความ​รัก​และ​เกื้อ​หนุน​เรา​เป็น​อย่าง​มาก. ไม่​นาน​มา​นี้ ผม​ได้​รับ​หน้า​ที่​มอบหมาย​ใหม่. ผม​จะ​ได้​รับใช้​ฐานะ​เลขาธิการ​ใน​ประชาคม​ของ​เรา. ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​ประสบ​ว่า​ตราบ​ใด​ที่​ผม​เพียร​พยายาม​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ซื่อ​สัตย์ ตราบ​นั้น​การ​ฝึกฝน​อบรม​ของ​ผม​ก็​ดำเนิน​ต่อ ๆ ไป. มอง​ย้อน​หลัง​ตลอด​หลาย​ปี ผม​ประหลาด​ใจ​เสมอ​ที่​เด็ก​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ไม่​รู้​ประสีประสา ไม่​ทุกข์​ไม่​ร้อน​จาก​ป่า​ดง​ได้​รับ​การ​ศึกษา​ที่​ดี​เลิศ—เป็น​การ​เรียน​รู้​อัน​ยาว​นาน​ตลอด​ชีวิต.

[ภาพ​หน้า 26]

วัน​แต่งงาน​ของ​เรา ปี 1955

[ภาพ​หน้า 27]

การ​รับใช้​ใน​เขต​งาน​กับ​เรจัน กาดิร์กามาร์ พี่​น้อง​ใน​ท้องถิ่น ปี 1957

[ภาพ​หน้า 28]

กับ​ซิ​บิล​ใน​ปัจจุบัน