เยาวชนทั้งหลายจงให้บิดามารดาช่วยปกป้องหัวใจของคุณ!
เยาวชนทั้งหลายจงให้บิดามารดาช่วยปกป้องหัวใจของคุณ!
คุณคิดว่าอะไรคืองานยากที่สุดที่กัปตันเรือต้องเผชิญ? การข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ได้อย่างปลอดภัยไหม? ตามปกติแล้วไม่ใช่. เรืออับปางส่วนใหญ่เกิดขึ้นใกล้ชายฝั่ง ไม่ใช่กลางทะเล. ที่จริง การนำเรือเข้าเทียบท่าอาจอันตรายกว่าการนำเครื่องบินลงจอดด้วยซ้ำ. เพราะเหตุใด?
ก่อนที่กัปตันจะนำเรือเข้าเทียบท่าได้อย่างปลอดภัยนั้น เขาต้องหลีกเลี่ยงอันตรายทุกอย่างที่อาจมีอยู่ในท่าเรือแต่ละแห่ง. เขาต้องมีความรู้เรื่องกระแสน้ำใต้ผืนน้ำ ขณะที่บังคับทิศทางเพื่อหลบหลีกเรือลำอื่น. นอกจากนั้น เขาต้องแล่นเรือลัดเลาะผ่านดอนทรายใต้น้ำ, หินโสโครก, หรือซากเรือแตกที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ. และที่ทำให้แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เป็นครั้งแรกที่เขามาท่าเรือนี้.
เพื่อจะเอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้ กัปตันที่สุขุมว่าจ้างคนนำร่องซึ่งรู้จักน่านน้ำในแถบนั้นเป็นอย่างดี. คนนำร่องจะยืนอยู่ข้างกัปตันบนหอบังคับเรือและให้การชี้แนะอย่างเชี่ยวชาญ. พวกเขาร่วมกันคิดพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ และบังคับเรือผ่านช่องแคบเพื่อไปยังท่าเรือ.
คำแนะนำอันประเมินค่ามิได้จากคนนำร่องที่ชำนาญเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงการช่วยเหลืออันล้ำค่าที่มีไว้พร้อมสำหรับเยาวชนคริสเตียนผู้ซึ่งจะต้องวางแผนการเดินทางผ่านน่านน้ำที่ยุ่งยากแห่งชีวิต. การช่วยเหลือนี้คืออะไร? เหตุใดหนุ่มสาวจึงจำเป็นต้องมี?
ให้เราพิจารณาตัวอย่างเกี่ยวกับเรือต่อไป. หากคุณเป็นเยาวชน คุณก็เป็นเหมือนกัปตันเรืออยู่บ้าง เนื่องจากในที่สุดคุณต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง. และบิดามารดาของคุณคงสวมบทบาทคล้ายกับคนนำร่องของเรือ เมื่อท่านพยายามพาคุณให้ผ่านสถานการณ์ที่ยุ่งยากที่สุดบางอย่างที่คุณจะต้องประสบในชีวิต. อย่างไรก็ตาม ในช่วงวัยรุ่น คุณอาจรู้สึกว่ายากที่จะยอมรับคำแนะนำของบิดามารดา. เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
ปัญหามักจะเกี่ยวข้องกับหัวใจ. หัวใจโดยนัยของคุณอาจกระตุ้นคุณให้อยากทำสิ่งที่ต้องห้ามหรือต่อต้านอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าจำกัดอิสรภาพของคุณ. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “ความคิดในใจของมนุษย์นั้นล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา.” (เยเนซิศ 8:21) พระยะโฮวาทรงเตือนให้รู้ว่า คุณมีความยากลำบากที่แท้จริงรออยู่ข้างหน้า. พระองค์เตือนว่า “จิตใจ (มนุษย์) เป็นโกงเกินบรรดาทุกสิ่ง, แลเป็นชั่วร้ายกาจนัก.” (ยิระมะยา 17:9) นอกจากจะเก็บงำความปรารถนาที่ผิดแล้ว หัวใจอาจหลอกคนหนุ่มสาวให้คิดว่า เขารู้ดีกว่าบิดามารดา แม้พวกท่านมีประสบการณ์มากกว่าก็ตาม. อย่างไรก็ดี มีเหตุผลอันดีที่คุณจะแสวงหาความช่วยเหลือจากบิดามารดาเพื่อนำทางช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ยุ่งยาก.
เหตุใดจึงเชื่อฟังบิดามารดาของคุณ?
เหนือเหตุผลอื่นใดทั้งหมด พระยะโฮวา ผู้ทรงริเริ่มชีวิตครอบครัวมีพระบัญชาว่าคุณควรฟังคำชี้นำของบิดามารดา. (เอเฟโซ 3:15) เนื่องจากพระเจ้ามอบหมายให้บิดามารดาดูแลคุณ พระองค์จึงให้คำแนะเตือนนี้ที่ว่า “ฝ่ายบุตรทั้งหลาย จงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตัวด้วยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูก.” (เอเฟโซ 6:1-3; บทเพลงสรรเสริญ 78:5) แม้ตอนนี้คุณอาจเป็นวัยรุ่น บิดามารดาของคุณก็ยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะชี้นำคุณ และคุณมีพันธะที่จะต้องเอาใจใส่การชี้นำนั้น. เมื่ออัครสาวกเปาโลเขียนว่า เด็กควรเชื่อฟังบิดามารดา ท่านใช้คำภาษากรีกที่อาจใช้กับเด็กทุกวัย. ตัวอย่างเช่น ดังบันทึกที่มัดธาย 23:37 พระเยซูอ้างถึงชาวกรุงเยรูซาเลมว่าเป็นเหมือน “ลูก” ของกรุงนั้น แม้ประชากรส่วนมากเป็นผู้ใหญ่แล้ว.
ผู้ที่ซื่อสัตย์หลายคนในอดีตยังคงเชื่อฟังบิดามารดาของตนต่อไปอีกนานหลังจากที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว. แม้ว่ายาโคบเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ท่านก็เข้าใจว่าควรเชื่อฟังคำสั่งของบิดาที่ไม่ให้สมรสกับหญิงที่ไม่ได้เป็นผู้นมัสการพระยะโฮวา. (เยเนซิศ 28:1, 2) ไม่ต้องสงสัย ยาโคบได้สังเกตด้วยว่า การที่พี่ชายตัดสินใจแต่งงานกับหญิงชาวคะนาอันซึ่งเป็นคนนอกรีตทำให้บิดามารดาของท่านปวดร้าวใจอย่างมาก.—เยเนซิศ 27:46.
นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่า บิดามารดาคริสเตียนได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้ชี้นำคุณแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดที่จะเป็นผู้ให้คำแนะนำคุณ. เนื่องจากประการแรก พวกท่านรู้จักคุณดีกว่าใครและไม่สงสัยเลยว่าท่านได้แสดงความรักอันไม่เห็นแก่ตัวต่อคุณหลายปี. เช่นเดียวกับคนนำร่องของเรือ ท่านพูดโดยอาศัยประสบการณ์. ท่านเองเคยประสบ “ราคะตัณหาแห่งคนหนุ่ม ๆ นั้น.” และในฐานะคริสเตียนแท้ ตัวท่านเองเห็นคุณค่าของการติดตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล.—2 ติโมเธียว 2:22.
ในเมื่อมีการช่วยเหลือที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์เช่นนั้นอยู่ใกล้ ๆ คุณแล้ว คุณจึงได้รับความช่วยเหลือเพื่อรับมือแม้กระทั่งกับสภาพการณ์ที่ยุ่งยากที่สุดได้อย่างประสบผลสำเร็จ. ตัวอย่างเช่น เรื่องการติดต่อสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม. บิดามารดาคริสเตียนจะชี้นำคุณในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้อย่างไร?
สนใจเพศตรงข้าม
คนนำร่องแนะนำกัปตันให้อยู่ห่างจากดอนทรายที่เป็นแนวยาวใต้น้ำ. ดอนทรายใต้น้ำไม่แข็งแต่ก็ลวงตา เนื่องจากมันย้ายที่เสมอ. เช่นเดียวกัน บิดามารดาต้องการให้คุณอยู่ห่างจากสถานการณ์ที่อาจทำให้คุณติดบ่วงทางอารมณ์. ตัวอย่างเช่น บิดามารดาทราบว่า ความรู้สึกที่มีต่อเพศตรงข้ามนั้นรุนแรงและอาจยากที่จะอธิบายได้. ถ้าได้รับการกระตุ้นเสียครั้งหนึ่งแล้ว ความรู้สึกนี้อาจเป็นเหตุให้คุณตกเข้าสู่ความหายนะได้.
ตัวอย่างของดีนาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการเสี่ยงถ้าเข้าไปใกล้อันตรายมากเกินไป. บางที ความอยากรู้อยากเห็นและอยากจะสนุก กระตุ้นให้ดีนาไปคบหากับหญิงชาวคะนาอันซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าเป็นพวกที่หย่อนยานในเรื่องศีลธรรม. สิ่งที่ตอนแรกดูเหมือนเป็นความสนุกที่ไม่มีพิษมีภัย ในไม่ช้าก็นำไปสู่ประสบการณ์ที่น่าเศร้า—เธอถูกข่มขืนโดยชายหนุ่มที่ “มีผู้นับหน้าถือตามากกว่าคนทั้งปวง” ในเมืองนั้น.—เยเนซิศ 34:1, 2, 19.
อันตรายเช่นนั้นยิ่งรุนแรงเข้าไปอีกเนื่องจากเรามีชีวิตอยู่ในสมัยที่มีการเน้นอย่างไม่หยุดหย่อนในเรื่องเพศ. (โฮเซอา 5:4) เยาวชนส่วนใหญ่อาจทำให้เรารู้สึกว่า การสนุก กับเพศตรงข้ามเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่สามารถทำได้. หัวใจของคุณอาจเต้นรัวเมื่อคิดว่าได้อยู่ตามลำพังกับคนที่คุณรู้สึกว่ามีเสน่ห์. แต่บิดามารดาที่เปี่ยมด้วยความรักจะพยายามปกป้องคุณจากการคบหาสมาคมกับหนุ่มสาวที่ไม่นับถือมาตรฐานของพระเจ้า.
ลอรายอมรับว่าความอยากรู้อยากลองอาจปิดหูปิดตาวัยรุ่นทำให้ไม่เห็นอันตราย. “เมื่อเด็กสาว ๆ ในห้องเรียนบอกหนูว่า พวกเขาเต้นรำกับพวกหนุ่มหล่อ ๆ จนดึกดื่น พวกเขาทำเหมือนกับว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม. หนูรู้ว่าพวกเขามักจะพูดเกินจริง แต่หนูก็ยังคงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น และคิดว่าบางทีหนูกำลังพลาดโอกาสที่จะสนุกสนาน. แม้หนูรู้ว่าพ่อกับแม่ทำถูกแล้วที่ไม่ยอมให้หนูไปสถานที่แบบนั้น แต่หนูก็ยังรู้สึกอยากจะไป.”
เรือไม่มีเบรก จึงต้องใช้เวลานานกว่าจะหยุดได้. บิดามารดารู้ว่าความลุ่มหลงก็คล้าย ๆ กันนั้น. พระธรรมสุภาษิตเปรียบคนที่ถูกกระตุ้นโดยความลุ่มหลงที่ไม่มีการยับยั้งเหมือนกับโคที่เดินไปหาผู้ฆ่า. (สุภาษิต 7:21-23) คุณคงไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณ ซึ่งจะนำคุณไปสู่ความอับปางทางอารมณ์และฝ่ายวิญญาณ. บิดามารดาอาจมองออกว่า หัวใจของคุณเริ่มชักนำคุณให้เข้าไปในเขตอันตรายเช่นนั้น และท่านอาจให้คำแนะนำแก่คุณเกี่ยวกับเรื่องนี้. คุณจะแสดงความฉลาดสุขุมไหมที่จะฟังท่านและหลีกเลี่ยงความหายนะ?—สุภาษิต 1:8; 27:12.
นอกจากนี้ คุณจำเป็นต้องได้รับการเกื้อหนุนจากบิดามารดาเมื่อคุณต้องรับมือกับความกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน. พวกท่านอาจช่วยคุณได้อย่างไร?
อิทธิพลชักจูงจากคนรุ่นเดียวกัน
กระแสน้ำที่แรงอาจทำให้เรือเฉออกนอกเส้นทาง. เพื่อจะต้านแรงดังกล่าวนี้ได้ จะต้องหันหัวเรือไปอีกทางหนึ่ง. ในทำนองเดียวกัน อิทธิพลชักจูงของเยาวชนคนอื่นอาจผลักดันคุณให้ออกไปจากแนวทางฝ่ายวิญญาณ เว้นแต่คุณจะมีมาตรการตอบโต้.
ดังที่ประสบการณ์ของดีนาแสดงให้เห็น ผู้ที่ “คบค้ากับคนโฉดเขลาจะได้รับความเจ็บแสบ.” (สุภาษิต 13:20) จำไว้ว่า คำว่าคน “โฉดเขลา” ในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึง คนที่ไม่รู้จักพระยะโฮวาหรือคนที่เลือกจะไม่ดำเนินในแนวทางของพระองค์.
อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธทัศนคติหรือการประพฤติของเพื่อนร่วมชั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย. มารีอา โฮเซอธิบายว่า “ฉันอยากให้หนุ่มสาวคนอื่น ๆ ยอมรับในตัวฉัน. เพราะไม่ต้องการให้พวกเขาคิดว่าฉันต่างออกไป ฉันจึงเลียนแบบพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้.” โดยไม่รู้ตัว คุณอาจได้รับผลกระทบจากคนรุ่นเดียวกัน—ในเรื่องการเลือกเพลง, เสื้อผ้า, หรือแม้แต่วิธีพูด. บางทีคุณอาจรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับคนหนุ่มสาววัยเดียวกัน. นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่การทำเช่นนี้จะทำให้คุณอยู่ในอันตรายที่จะยอมแพ้ต่ออิทธิพลที่มีพลังของพวกเขา ซึ่งอาจก่อความเสียหายได้.—แคโรลีนเล่าถึงปัญหาที่เธอต้องเผชิญไม่กี่ปีมานี้ว่า “ตั้งแต่อายุ 13 ปี เด็กสาว ๆ ที่ฉันคบด้วยส่วนใหญ่มีแฟนกันทั้งนั้น และเป็นเวลาหลายปีที่ฉันถูกกดดันตลอดให้ทำตามอย่างพวกเขา. อย่างไรก็ตาม คุณแม่ให้การชี้แนะในช่วงเวลาที่ยุ่งยากนั้น. ท่านใช้เวลาฟังเป็นชั่วโมง ๆ, หาเหตุผล, และช่วยให้ฉันเห็นความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนความสัมพันธ์เช่นนั้นออกไปจนกว่าฉันจะโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้.”
เช่นเดียวกับแม่ของแคโรลีน บิดามารดาของคุณอาจสำนึกถึงหน้าที่ที่จะเตือนคุณเกี่ยวกับแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันหรือกระทั่งวางข้อจำกัดในกิจกรรมบางอย่างหรือในเรื่องเพื่อน. นาทานจำได้ที่เคยโต้เถียงกับบิดามารดาหลายครั้งในประเด็นเหล่านี้. เขาเล่าว่า “พวกเพื่อน ๆ มักจะชวนผมออกไปเที่ยวกับพวกเขา แต่พ่อแม่ไม่อยากให้ผมเตร็ดเตร่ไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่หรือไปงานเลี้ยงใหญ่ที่ไม่มีการควบคุมดูแล. ในตอนนั้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่คนอื่นตามใจลูกมากกว่าพ่อแม่ผม.”
อย่างไรก็ตาม นาทานก็เข้าใจในเวลาต่อมา. เขายอมรับว่า “ผมรู้ว่าในกรณีของผมนั้น ‘ความโฉดเขลาผูกพันอยู่ในจิตใจของเด็ก.’ ความโฉดเขลานี้ดูเหมือนปรากฏออกมาได้ง่ายเมื่อวัยรุ่นมั่วสุมกัน. เมื่อคนหนึ่งเริ่มทำสิ่งไม่ดี, อีกคนก็ทำไม่ดีมากกว่านั้น, และคนที่สามทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก. ไม่ช้า คนอื่น ๆ ก็ถูกกระตุ้นให้ร่วมกันทำผิด. แม้แต่คนหนุ่มสาวที่อ้างว่ารับใช้พระยะโฮวาก็อาจตกเข้าสู่กับดักนี้.”—สุภาษิต 22:15.
ทั้งนาทานและมารีอา โฮเซต้องต่อสู้กับหัวใจของตัวเองเมื่อพ่อแม่ของพวกเขาไม่อนุญาตให้ทำสิ่งที่คนรุ่นเดียวกันชักชวน. กระนั้น พวกเขาก็เชื่อฟังพ่อแม่ และต่อมาพวกเขาก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำอย่างนั้น. สุภาษิตกล่าวว่า “จงเอียงหูของเจ้าฟังถ้อยคำของผู้มีปัญญา และจงสนใจในเรื่องความรู้ของเรา.”—สุภาษิต 22:17.
สมควรได้รับเกียรติ
เรือที่เอียงไปด้านหนึ่งยากที่จะบังคับควบคุมได้ และถ้าเอียงมากเกินไปก็อาจล่มได้ง่าย. เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ เราทุกคนจึงมีแนวโน้มไปในทางเห็นแก่ตัวและทำสิ่งที่ต้องห้าม. แม้จะมีแนวโน้มเหล่านี้ แต่หนุ่มสาวหลายคนยังสามารถประสบความสำเร็จ ประหนึ่งไปถึงท่าเทียบเรือได้ หากพวกเขาติดตามการชี้แนะของบิดามารดาอย่างใกล้ชิด.
มัดธาย 7:13, 14) นับเป็นการหลอกลวงที่จะคิดว่า คุณอาจเข้าไปสนุกกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ไม่ได้ทำเต็มที่ เหมือนกับว่าคุณอาจ “ชิม” แต่ไม่กลืน. คนที่พยายามติดตามแนวทางเช่นนั้นกำลัง “เดินกะเผลกระหว่างความคิดเห็นที่ต่างกันสองอย่าง” นั่นคือการรับใช้พระยะโฮวาในระดับหนึ่งแต่ก็ยังรักโลกและสิ่งต่าง ๆ ของโลกด้วย—สภาพฝ่ายวิญญาณอาจล่มได้อย่างง่ายดาย. (1 กษัตริย์ 18:21, ล.ม.; 1 โยฮัน 2:15) เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? นั่นเพราะแนวโน้มแห่งความผิดบาปของเรา.
ตัวอย่างเช่น บิดามารดาอาจช่วยคุณให้ปฏิเสธความคิดที่ว่า มีทางสายกลางซึ่งอยู่ระหว่างทางแคบซึ่งนำไปสู่ชีวิตและทางกว้างซึ่งนำไปสู่ความพินาศ. (ความปรารถนาอันไม่สมบูรณ์ของเราจะแข็งกล้าขึ้นหากเรายอมให้กับมัน. “หัวใจทรยศ” ของเราจะไม่พอใจแค่การชิมเท่านั้น. มันอยากจะกินมากกว่านั้นอีก. (ยิระมะยา 17:9, ล.ม.) เมื่อเราเริ่มลอยห่างทางฝ่ายวิญญาณ โลกก็จะมีอิทธิพลต่อเรามากขึ้นเรื่อย ๆ. (เฮ็บราย 2:1) คุณอาจไม่สังเกตว่า คุณกำลังเอียงกระเท่เร่ทางฝ่ายวิญญาณ แต่บิดามารดาคริสเตียนของคุณอาจสังเกตเห็น. จริงอยู่ ท่านไม่สามารถเรียนรู้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ไวเท่าคุณ แต่ท่านก็รู้เรื่องหัวใจทรยศมากกว่าที่คุณรู้. และท่านต้องการช่วยคุณ ‘นำใจของคุณให้ไปตามทางนั้น’ ซึ่งจะยังผลให้คุณได้รับชีวิต.—สุภาษิต 23:19.
แน่นอน อย่าคาดหวังว่าบิดามารดาของคุณจะตัดสินเรื่องราวต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อท่านต้องให้คำชี้แนะแก่คุณในขอบเขตต่าง ๆ ที่ยุ่งยาก เช่น เพลง, ความบันเทิง, และการแต่งตัว. บิดามารดาของคุณอาจไม่มีสติปัญญาเหมือนซะโลโมหรือมีความอดทนเหมือนโยบ. เช่นเดียวกับคนนำร่องของเรือ บางครั้งเขาอาจระวังมากเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย. กระนั้น การชี้แนะของท่านก็มีค่า หากคุณเอาใจใส่ที่จะ “ฟังโอวาทบิดาของเจ้า และอย่าละทิ้งคำสอนของมารดาเจ้า.”—สุภาษิต 1:8, 9.
หนุ่มสาวคนอื่น ๆ อาจพูดดูถูกบิดามารดาของเขา. กระนั้น หากบิดามารดาของคุณกำลังพยายามทำตามพระคัมภีร์ ท่านก็จะยืนอยู่ข้าง ๆ คุณในทุกสถานการณ์และทุกเวลาเพื่อเผชิญกับความยากลำบากทุกอย่าง. เช่นเดียวกับกัปตันเรือที่ได้รับคำแนะนำจากคนนำร่องที่มีประสบการณ์ คุณจำเป็นต้องมีบิดามารดาเพื่อชี้แนะคุณและนำคุณไปสู่แนวทางแห่งสติปัญญา. บำเหน็จที่ได้รับนั้นมิอาจประเมินค่าได้.
“เพราะว่าพระปัญญาจะเข้ามาสู่ดวงหฤทัยของเจ้า, และความรู้ก็จะเป็นความบันเทิงแก่ดวงวิญญาณของเจ้า, ความสุขุมรอบคอบจะพิทักษ์เจ้าไว้; ความเข้าใจจะรักษาเจ้า; เพื่อจะช่วยเจ้าให้พ้นจากทางของคนชั่ว, เพื่อให้พ้นจากคนที่พูดดึงดันไปในทางหลงผิด; คนที่ละทิ้งทางของความตรงเพื่อเดินในทางของความมืดมน; . . . เพราะว่าคนตรงจะได้พำนักอยู่ในแผ่นดิน, และคนดีรอบคอบจะได้ดำรงอยู่บนแผ่นดินนั้น.”—สุภาษิต 2:10-13, 21.
[ภาพหน้า 22]
อิทธิพลของหนุ่มสาวคนอื่น ๆ อาจผลักดันคุณให้ออกไปจากแนวทางฝ่ายวิญญาณ
[ภาพหน้า 23]
จงจดจำประสบการณ์ของดีนา
[ภาพหน้า 24]
เช่นเดียวกับกัปตันเรือที่แสวงหาคำแนะนำจากคนนำร่องที่มีประสบการณ์ เยาวชนควร แสวงหาการชี้นำจากบิดามารดา
[ที่มาของภาพหน้า 24]
Photo: www.comstock.com