ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

“ทับอาศัยของคนตรงจะรุ่งเรือง”

“ทับอาศัยของคนตรงจะรุ่งเรือง”

“ทับ​อาศัย​ของ​คน​ตรง​จะ​รุ่งเรือง”

เมื่อ​สงคราม​ฮาร์-มาเกดโอน​ระเบิด​ขึ้น​และ​นำ​อวสาน​มา​สู่​ระบบ​ชั่ว​ของ​ซาตาน “เรือน​ของ​คน​ชั่ว​จะ​ถูก​ทำลาย​เสีย.” จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ “ทับ​อาศัย​ของ​คน​ตรง”? ใน​โลก​ใหม่​ที่​พระเจ้า​ให้​มี​ขึ้น​นั้น สิ่ง​นี้ “จะ​รุ่งเรือง.”—สุภาษิต 14:11.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม จน​กว่า​จะ​ถึง​เวลา​เมื่อ “คน​บาป​หยาบ​ช้า​จะ​ถูก​ตัด​ให้​สิ้น​ศูนย์​จาก​แผ่นดิน, และ​ผู้​ประทุษร้าย​ทั้ง​หลาย​จะ​ถูก​ถอน​ราก​เหง้า​ออก​เสีย” คน​ที่​ปราศจาก​ความ​ผิด​ต้อง​อยู่​ร่วม​กับ​คน​เหล่า​นี้. (สุภาษิต 2:21, 22) คน​ตรง​จะ​รุ่งเรือง​ภาย​ใต้​สภาพการณ์​เช่น​นี้​ได้​ไหม? พระ​ธรรม​สุภาษิต​บท 14 ข้อ 1 ถึง 11 แสดง​ให้​เห็น​ว่า โดย​การ​ยอม​ให้​สติ​ปัญญา​ชี้​นำ​คำ​พูด​และ​การ​กระทำ​ของ​เรา เรา​จะ​มี​ความ​รุ่งเรือง​และ​ความ​มั่นคง​ใน​ระดับ​หนึ่ง​ได้​แม้​แต่​ใน​เวลา​นี้.

เมื่อ​สติ​ปัญญา​เสริม​สร้าง​ครัว​เรือน

ใน​การ​อธิบาย​ถึง​พลัง​ชักจูง​ของ​ภรรยา​ที่​มี​ต่อ​สวัสดิภาพ​ของ​ครอบครัว กษัตริย์​ซะโลโม​แห่ง​อิสราเอล​โบราณ​กล่าว​ว่า “สตรี​ที่​มี​ปัญญา​ทุก​คน​ย่อม​ก่อ​สร้าง​บ้าน​เรือน​ของ​ตน​ขึ้น; แต่​ผู้​ที่​โฉด​เขลา​ย่อม​รื้อ​บ้าน​ลง​ด้วย​มือ​ตน​เอง.” (สุภาษิต 14:1) สตรี​ที่​มี​ปัญญา​ก่อ​สร้าง​บ้าน​เรือน​ของ​ตน​ขึ้น​อย่าง​ไร? สตรี​ที่​มี​ปัญญา​นับถือ​การ​จัด​เตรียม​ของ​พระเจ้า​เรื่อง​ความ​เป็น​ประมุข. (1 โกรินโธ 11:3) เธอ​ไม่​ได้​รับ​อิทธิพล​จาก​น้ำใจ​เอกเทศ​ซึ่ง​แทรกซึม​อยู่​ใน​โลก​ของ​ซาตาน. (เอเฟโซ 2:2) เธอ​ยอม​อยู่​ใต้​อำนาจ​สามี​และ​พูด​จา​ยกย่อง​เขา ซึ่ง​ช่วย​ทำ​ให้​คน​อื่น​นับถือ​เขา​ยิ่ง​ขึ้น. สตรี​ที่​มี​ปัญญา​ขันแข็ง​ใน​การ​อบรม​ลูก ๆ ทั้ง​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ใน​เรื่อง​ทั่ว​ไป. เธอ​ขยัน​ทำ​งาน​เพื่อ​ผล​ประโยชน์​ของ​ครอบครัว ทำ​ให้​บ้าน​เป็น​สถาน​ที่​ที่​น่า​อยู่​และ​สะดวก​สบาย​สำหรับ​ครอบครัว. รูป​แบบ​การ​จัด​การ​ของ​เธอ​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​ความ​รอบคอบ​และ​ประหยัด. สตรี​ที่​มี​ปัญญา​จริง ๆ จะ​สนับสนุน​ความ​รุ่งเรือง​และ​ความ​มั่นคง​ของ​ครัว​เรือน.

สตรี​ที่​โฉด​เขลา​ขาด​ความ​นับถือ​การ​จัด​เตรียม​ของ​พระเจ้า​เรื่อง​ความ​เป็น​ประมุข. เธอ​พร้อม​ที่​จะ​พูด​ไม่​ดี​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​สามี. เธอ​ใช้​เงิน​ทอง​ของ​ครอบครัว​ที่​หา​มา​ด้วย​ความ​ยาก​ลำบาก​อย่าง​ฟุ่มเฟือย. เธอ​ยัง​ใช้​เวลา​ไป​อย่าง​เปล่า​ประโยชน์​ด้วย. ผล​ก็​คือ บ้าน​ไม่​สะอาด​เรียบร้อย และ​ลูก ๆ ก็​ป่วย​ทั้ง​ทาง​กาย​และ​ฝ่าย​วิญญาณ. ใช่​แล้ว คน​โฉด​เขลา​รื้อ​ทำลาย​ครอบครัว​ของ​ตน​ลง.

กระนั้น จะ​ตัดสิน​ได้​อย่าง​ไร​ว่า​ใคร​มี​ปัญญา​หรือ​โฉด​เขลา? สุภาษิต 14:2 กล่าว​ว่า “บุคคล​ผู้​เดิน​ใน​ทาง​ตรง​ย่อม​ยำเกรง​พระ​ยะโฮวา; แต่​ผู้​ที่​ดื้อ​หลง​ผิด​ไป​ตาม​ทาง​ของ​ตน​ย่อม​เกลียด​ชัง​พระองค์.” คน​ซื่อ​ตรง​เกรง​กลัว​พระเจ้า​เที่ยง​แท้ และ “ความ​เกรง​กลัว​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ต้น​เหตุ​ให้​เกิด​สติ​ปัญญา.” (บทเพลง​สรรเสริญ 111:10) คน​ที่​มี​ปัญญา​อย่าง​แท้​จริง​รู้​ว่า เป็น​พันธะ​หน้า​ที่​ของ​เขา​ที่​จะ ‘เกรง​กลัว​พระเจ้า​และ​ถือ​รักษา​บัญญัติ​ทั้ง​ปวง​ของ​พระองค์.’ (ท่าน​ผู้​ประกาศ 12:13) ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง คน​โฉด​เขลา​ติด​ตาม​แนว​ทาง​ที่​ไม่​สอดคล้อง​กับ​มาตรฐาน​แห่ง​ความ​ซื่อ​ตรง​ของ​พระเจ้า. แนว​ทาง​ของ​เขา​คดเคี้ยว. คน​เช่น​นั้น​ดูถูก​พระเจ้า​โดย​กล่าว​ใน​ใจ​ว่า “พระเจ้า​ไม่​มี.”—บทเพลง​สรรเสริญ 14:1.

เมื่อ​สติ​ปัญญา​ชี้​นำ​ริมฝีปาก

อาจ​กล่าว​เช่น​ไร​เกี่ยว​กับ​คำ​พูด​ของ​คน​ที่​เกรง​กลัว​พระ​ยะโฮวา​และ​คน​ที่​เกลียด​ชัง​พระองค์? กษัตริย์​กล่าว​ว่า “ใน​ปาก​ของ​คน​โฉด​เขลา​นั้น​มี​ไม้เรียว​สำหรับ​ปราบ​ความ​จองหอง​ของ​เขา แต่​ริมฝีปาก​ของ​คน​มี​ปัญญา​จะ​เป็น​เครื่อง​ป้องกัน​ตัว​เขา​ไว้.” (สุภาษิต 14:3) โดย​ขาด​สติ​ปัญญา​จาก​เบื้อง​บน คน​โฉด​เขลา​ไม่​สร้าง​สันติ​สุข​อีก​ทั้ง​ไม่​มี​เหตุ​ผล. สติ​ปัญญา​ที่​ชี้​นำ​ก้าว​เท้า​ของ​เขา​เป็น​แบบ​โลก, อย่าง​เดรัจฉาน, อย่าง​ผี​ปิศาจ. เขา​กล่าว​คำ​ที่​ก่อ​ให้​เกิด​การ​โต้​เถียง​และ​สะท้อน​ความ​หยิ่ง​ยโส. ความ​จองหอง​ที่​อยู่​ใน​ปาก​ของ​เขา​ก่อ​ให้​เกิด​ปัญหา​มาก​มาย​แก่​ตัว​เอง​และ​คน​อื่น ๆ.—ยาโกโบ 3:13-18.

ริมฝีปาก​ของ​ผู้​มี​ปัญญา​ให้​การ​ป้องกัน​หรือ​ปก​ป้อง​ตัว​เขา จึง​ช่วย​ส่ง​เสริม​ความ​พอ​ใจ​และ​ความ​สุข. เป็น​ไป​ได้​อย่าง​ไร? พระ​คัมภีร์​กล่าว​ว่า “คำ​พูด​พล่อย ๆ ของ​คน​บาง​จำพวก​เหมือน​การ​แทง​ของ​กระบี่; แต่​ลิ้น​ของ​คน​มี​ปัญญา​ย่อม​รักษา​แผล​ให้​หาย.” (สุภาษิต 12:18) คำ​พูด​ของ​คน​ที่​มี​ปัญญา​ไม่​หุนหันพลันแล่น​หรือ​เจ็บ​แสบ. หัวใจ​ของ​เขา​คิด​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ให้​คำ​ตอบ. (สุภาษิต 15:28) คำ​พูด​ของ​เขา​ที่​คิด​อย่าง​รอบคอบ​แล้ว​เป็น​การ​เยียว​ยา​ซึ่ง​ช่วย​หนุน​กำลังใจ​คน​ที่​หดหู่​และ​ทำ​ให้​ผู้​ที่​ถูก​กดขี่​สดชื่น. แทน​ที่​จะ​ทำ​ให้​ผู้​อื่น​ขุ่นเคือง ริมฝีปาก​ของ​เขา​ส่ง​เสริม​สันติ​สุข​และ​ความ​สงบ.

เมื่อ​สติ​ปัญญา​ชี้​นำ​ความ​พยายาม​ของ​มนุษย์

ต่อ​จาก​นั้น ซะโลโม​เสนอ​สุภาษิต​ที่​น่า​สนใจ ซึ่ง​ดู​เหมือน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​จำเป็น​ที่​จะ​ต้อง​ประเมิน​ข้อ​ได้​เปรียบ​เสีย​เปรียบ​ของ​การ​ทำ​งาน​บาง​อย่าง. ท่าน​กล่าว​ว่า “ที่​ไหน​ไม่​มี​วัว​ราง​หญ้า​ก็​สะอาด​ดี; แต่​อาหาร​จะ​ทวี​มาก​ขึ้น​ได้​ก็​เพราะ​อาศัย​แรง​ของ​วัว.”สุภาษิต 14:4.

ใน​การ​อธิบาย​ความหมาย​ของ​สุภาษิต​ข้อ​นี้ แหล่ง​อ้างอิง​หนึ่ง​กล่าว​ว่า “ราง​หญ้า​ที่​ว่าง​เปล่า​บ่ง​ชี้​ว่า​ไม่​มี​วัว​ให้​เลี้ยง ดัง​นั้น​จึง​ไม่​ต้อง​ยุ่งยาก​กับ​การ​ทำ​ความ​สะอาด​และ​การ​ดู​แล​สัตว์ อีก​ทั้ง​ค่า​ใช้​จ่าย​ก็​ลด​ลง. แต่ ‘ข้อ​ได้​เปรียบ’ นี้​ก็​ถูก​หักล้าง​ไป​เพราะ​ใน​ข้อ 4 ส่วน​หลัง บอก​เป็น​นัย​ว่า เมื่อ​ไม่​มี​วัว​การ​เก็บ​เกี่ยว​ก็​แทบ​ไม่​มี.” ชาว​นา​ต้อง​เลือก​อย่าง​สุขุม.

หลักการ​ใน​สุภาษิต​ข้อ​นี้​ยัง​ใช้​การ​ได้​มิ​ใช่​หรือ เมื่อ​เรา​คิด​ถึง​การ​เปลี่ยน​งาน, การ​เลือก​แบบ​บ้าน, การ​ซื้อ​รถ, การ​ดู​แล​สัตว์​เลี้ยง, และ​อะไร​อื่น ๆ ทำนอง​นั้น? คน​ที่​มี​สติ​ปัญญา​จะ​ประเมิน​ข้อ​ได้​เปรียบ​เสีย​เปรียบ อีก​ทั้ง​ประเมิน​ว่า​ความ​พยายาม​นั้น​คุ้มค่า​กับ​ความ​บากบั่น​และ​ค่า​ใช้​จ่าย​อย่าง​แท้​จริง​ไหม.

เมื่อ​พยาน​เป็น​ผู้​มี​สติ​ปัญญา

ซะโลโม​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “พยาน​ที่​สัตย์​ซื่อ​จะ​ไม่​มุสา; แต่​พยาน​เท็จ​ก็​พูด​มุสา.” (สุภาษิต 14:5) พยาน​เท็จ​เป็น​ภัย​อย่าง​มาก​แน่นอน. นาโบธ​ชาว​ยิศเรล​ถูก​เอา​หิน​ขว้าง​จน​ตาย​เนื่อง​จาก​คน​เลว​สอง​คน​ปรักปรำ​เขา​อย่าง​ผิด ๆ. (1 กษัตริย์ 21:7-13) และ​พยาน​เท็จ​ด้วย​มิ​ใช่​หรือ​ที่​ปรักปรำ​พระ​เยซู จนนำ​พระองค์​ไป​สู่​ความ​ตาย? (มัดธาย 26:59-61) พยาน​เท็จ​ยัง​ปรักปรำ​ซะเตฟาโน​ซึ่ง​เป็น​สาวก​คน​แรก​ของ​พระ​เยซู​ที่​ถูก​ฆ่า​เพราะ​ความ​เชื่อ​ของ​ตน.—กิจการ 6:10, 11.

คน​ที่​พูด​ไม่​จริง​อาจ​ไม่​ถูก​เปิดโปง​ใน​ระยะ​หนึ่ง แต่​ให้​คิด​ถึง​อนาคต​ของ​เขา. ตาม​ที่​กล่าว​ไว้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล พระ​ยะโฮวา​เกลียด “พยาน​เท็จ​ที่​ระบาย​ลม​ออก​มา​เป็น​คำ​เท็จ.” (สุภาษิต 6:16-19) ส่วน​ของ​คน​เช่น​นั้น​จะ​อยู่​ใน​บึง​ที่​มี​ไฟ​และ​กำมะถัน​ไหม้​อยู่ ซึ่ง​ก็​คือ​ความ​ตาย​ที่​สอง ร่วม​กับ​คน​ชั่ว​ที่​เป็น​ฆาตกร, คน​ผิด​ประเวณี, และ​คน​ไหว้​รูป​เคารพ.—วิวรณ์ 21:8.

พยาน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ไม่​เบิก​ความ​เท็จ​เมื่อ​ให้​การ​เป็น​พยาน. คำ​ให้​การ​ของ​เขา​ไม่​ด่าง​พร้อย​ด้วย​คำ​โกหก. อย่าง​ไร​ก็​ตาม นี่​ไม่​ได้​หมายความ​ว่า เขา​มี​พันธะ​ที่​จะ​ให้​ข้อมูล​ทั้ง​หมด​แก่​คน​ที่​อาจ​นำ​อันตราย​มา​สู่​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​บาง​วิธี. อับราฮาม​และ​ยิศฮาค​ปฐม​บรรพบุรุษ​ไม่​ได้​บอก​ข้อ​เท็จ​จริง​ทั้ง​หมด​แก่​บาง​คน​ที่​ไม่​ได้​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา. (เยเนซิศ 12:10-19; 20:1-18; 26:1-10) ราฮาบ​แห่ง​เมือง​เยริโค​ชี้​นำ​คน​ของ​กษัตริย์​ให้​ไป​ผิด​ทาง. (ยะโฮซูอะ 2:1-7) พระ​เยซู​คริสต์​เอง​ก็​ไม่​ได้​เผย​ข้อมูล​ทั้ง​หมด เมื่อ​การ​ทำ​เช่น​นี้​จะ​ก่อ​ให้​เกิด​อันตราย​โดย​ไม่​จำเป็น. (โยฮัน 7:1-10) พระองค์​กล่าว​ว่า “อย่า​ให้​ของ​ประเสริฐ​แก่​สุนัข.” ทำไม​น่ะ​หรือ? เพราะ​ว่า “มัน​จะ . . . หัน​กลับ​มา​กัด​ตัว​ท่าน​ด้วย.”—มัดธาย 7:6.

เมื่อ “ความ​รู้​เป็น​ของ​ง่าย”

สติ​ปัญญา​เป็น​สิ่ง​ที่​ทุก​คน​มี​อยู่​แล้ว​ไหม? สุภาษิต 14:6 กล่าว​ว่า “คน​ประมาท​เยาะเย้ย​แสวง​หา​ปัญญา​และ​ไม่​พบ; แต่​ความ​รู้​เป็น​ของ​ง่าย​แก่​คน​ที่​มี​ความ​เข้าใจ.” คน​ประมาท​เยาะเย้ย​อาจ​แสวง​หา​สติ​ปัญญา แต่​สติ​ปัญญา​แท้​จะ​หลบ​หนี​เขา. เนื่อง​จาก​คน​ประมาท​เยาะเย้ย​ดูหมิ่น​สิ่ง​ต่าง ๆ ของ​พระเจ้า​อย่าง​ยโส​โอหัง เขา​ไม่​ได้​รับ​สิ่ง​จำเป็น​พื้น​ฐาน​สำหรับ​สติ​ปัญญา นั่น​คือ​ความ​รู้​ถ่องแท้​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า​เที่ยง​แท้. ความ​หยิ่ง​ยโส​ขวาง​กั้น​เขา​ไว้​จาก​การ​เรียน​รู้​เรื่อง​พระเจ้า​และ​การ​ได้​รับ​สติ​ปัญญา. (สุภาษิต 11:2) เหตุ​ใด​เขา​จึง​ขวนขวาย​หา​สติ​ปัญญา? สุภาษิต​ไม่​ได้​ให้​คำ​ตอบ แต่​บาง​ที​เขา​อาจ​ทำ​อย่าง​นี้​เพื่อ​ให้​คน​อื่น​คิด​ว่า​เขา​เป็น​คน​มี​ปัญญา​ก็​ได้.

“ความ​รู้​เป็น​ของ​ง่าย” แก่​คน​ที่​มี​ความ​เข้าใจ. ความ​เข้าใจ​ได้​รับ​การ​นิยาม​ว่า “การ​ยึด​ไว้​ใน​ใจ: ความ​หยั่ง​รู้,” “ความ​สามารถ​ที่​จะ​สำนึก​ถึง​ความ​เกี่ยว​พัน​ของ​ส่วน​ต่าง ๆ กับ​เรื่อง​ราว​ทั้ง​หมด.” นั่น​คือ​ความ​สามารถ​ที่​จะ​เชื่อม​โยง​แง่​มุม​ต่าง ๆ ของ​เรื่อง​และ​เห็น​เรื่อง​ราว​ทั้ง​หมด ไม่​ใช่​เห็น​เป็น​ส่วน ๆ ที่​แยก​จาก​กัน. สุภาษิต​ข้อ​นี้​กำลัง​บอก​ว่า คน​ที่​มี​ความ​สามารถ​เช่น​นี้​จะ​รับ​เอา​ความ​รู้​ได้​ง่าย.

ขอ​พิจารณา​ประสบการณ์​ของ​คุณ​เอง​เกี่ยว​กับ​การ​รับ​ความ​รู้​เรื่อง​ความ​จริง​จาก​พระ​คัมภีร์. เมื่อ​คุณ​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล คำ​สอน​พื้น​ฐาน​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า, คำ​สัญญา​ของ​พระองค์, และ​เรื่อง​พระ​บุตร คง​เป็น​ความ​จริง​เรื่อง​แรก ๆ ที่​คุณ​เรียน. ตอน​แรก ความ​รู้​เหล่า​นี้​ดู​เหมือน​เป็น​ราย​ละเอียด​ที่​แยก​จาก​กัน. แต่​เมื่อ​คุณ​ศึกษา​ต่อ​ไป ชิ้น​ส่วน​ความ​รู้​ต่าง ๆ ก็​เริ่ม​ปะติดปะต่อ​กัน และ​คุณ​อาจ​เห็น​ได้​ชัด​ว่า ราย​ละเอียด​ต่าง ๆ เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​ไร​กับ​พระ​ประสงค์​โดย​รวม​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​มี​ต่อ​มนุษย์​และ​แผ่นดิน​โลก. ความ​จริง​จาก​คัมภีร์ไบเบิล​กลาย​เป็น​เรื่อง​ที่​มี​เหตุ​ผล​และ​เกี่ยว​เนื่อง​กัน. ตอน​นี้ การ​เรียน​รู้​และ​จด​จำ​ราย​ละเอียด​ใหม่ ๆ กลาย​เป็น​เรื่อง​ง่าย​ขึ้น​เนื่อง​จาก​คุณ​สามารถ​เห็น​ได้​ว่า เรื่อง​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ภาพ​รวม​อย่าง​ไร.

กษัตริย์​ผู้​ชาญ​ฉลาด​เตือน​ว่า ไม่​อาจ​จะ​หา​ความ​รู้​ได้​จาก​ใคร. ท่าน​กล่าว​ว่า “หาก​เข้า​ไป​สมาคม​กับ​คน​โฉด​เขลา, เจ้า​จะ​ไม่​พบ​เห็น​ความ​รู้​จาก​ริมฝีปาก​ของ​เขา.” (สุภาษิต 14:7) คน​โฉด​เขลา​ขาด​ความ​รู้​ถ่องแท้. ริมฝีปาก​ของ​เขา​ไม่​กล่าว​ถึง​ความ​รู้. มี​คำ​แนะ​นำ​ให้​เรา​หนี​ไป​จาก​เขา และ​นับ​ว่า​สุขุม​ที่​จะ​อยู่​ให้​ห่าง​จาก​เขา. ใคร​ก็​ตาม​ที่ “คบ​ค้า​กับ​คน​โฉด​เขลา​จะ​ได้​รับ​ความ​เจ็บ​แสบ.”—สุภาษิต 13:20.

ซะโลโม​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “ปัญญา​ของ​คน​ฉลาด​เป็น​ที่​ให้​เขา​เข้าใจ​ทาง​ของ​เขา แต่​ความ​โฉด​ของ​คน​โฉด​เป็น​การ​หลอก​ลวง.” (สุภาษิต 14:8) คน​มี​ปัญญา​คำนึง​ถึง​การ​ประพฤติ​ของ​เขา​เอง. เขา​พิจารณา​ถึง​ทาง​เลือก​ต่าง ๆ ที่​มี​อยู่ และ​ประเมิน​อย่าง​รอบคอบ​ถึง​ผล​ที่​อาจ​ได้​รับ​จาก​ทาง​เลือก​แต่​ละ​อย่าง. เขา​เลือก​แนว​ทาง​ของ​ตน​อย่าง​สุขุม. จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​คน​โฉด​เขลา? เขา​เลือก​แนว​ทาง​ที่​ไม่​ฉลาด โดย​เชื่อ​ว่า เขา​รู้​ว่า​กำลัง​ทำ​อะไร​อยู่​และ​เลือก​สิ่ง​ที่​ดี​ที่​สุด​แล้ว. ความ​โฉด​เขลา​ของ​เขา​หลอก​ลวง​ตัว​เอง.

เมื่อ​สติ​ปัญญา​ชี้​นำ​สัมพันธภาพ

ผู้​ที่​ได้​รับ​การ​ชี้​นำ​จาก​สติ​ปัญญา​มี​สัมพันธภาพ​อัน​สงบ​สุข​กับ​คน​อื่น. กษัตริย์​แห่ง​อิสราเอล​กล่าว​ว่า “คน​ที่​หัวเราะ​เยาะ​ความ​รู้สึก​ผิด​ของ​ตน​เป็น​คน​โง่ แต่​มี​ความ​เห็น​พ้อง​กัน​ใน​หมู่​คน​ซื่อ​ตรง.” (สุภาษิต 14:9, ล.ม.) ความ​รู้สึก​ผิด หรือ​ความ​เสียใจ​เป็น​เรื่อง​น่า​ขัน​สำหรับ​คน​โฉด​เขลา. เขา​ทำลาย​สัมพันธภาพ​ใน​ครอบครัว​และ​ไม่​ว่า​ที่​ใด​ก็​ตาม เนื่อง​จาก​เขา “หยิ่ง​เกิน​กว่า​ที่​จะ​ทำ​การ​แก้ไข” และ​ไม่​แสวง​หา​สันติ​สุข. (เดอะ นิว อิงลิช ไบเบิล) คน​ซื่อ​ตรง​เต็ม​ใจ​ยอม​ทน​กับ​ข้อ​บกพร่อง​ของ​คน​อื่น. เขา​พร้อม​จะ​ขอ​โทษ​และ​ทำ​การ​แก้ไข เมื่อ​เขา​เอง​เป็น​ฝ่าย​ผิด. เนื่อง​จาก​เขา​ติด​ตาม​สันติ​สุข เขา​จึง​มี​ความ​สุข​และ​มี​สัมพันธภาพ​อัน​มั่นคง​กับ​คน​อื่น ๆ.—เฮ็บราย 12:14.

ต่อ​มา ซะโลโม​ชี้​ให้​เห็น​ปัจจัย​หนึ่ง​ที่​กีด​ขวาง​สัมพันธภาพ​ของ​มนุษย์. ท่าน​กล่าว​ว่า “ใจ​ของ​ใคร​ก็​ย่อม​รู้​ความ​ขื่นขม​ของ​ตน​เอง; และ​คน​อื่น​จะ​เข้า​มา​ยุ่มย่าม​กับ​ความ​ปลาบปลื้ม​ยินดี​ใน​ดวง​ใจ​ของ​ใคร​นั้น​ก็​หา​ได้​ไม่.” (สุภาษิต 14:10) เรา​สามารถ​เผย​ความ​รู้สึก​ส่วน​ลึก​แก่​คน​อื่น​ได้​ทุก​เรื่อง​ไหม—โดย​บอก​อย่าง​ละเอียด​ไม่​ว่า​เรื่อง​สุข​หรือ​เศร้า? และ​จะ​มี​ใคร​ไหม​ที่​เข้าใจ​จริง ๆ ถึง​ความ​รู้สึก​ของ​อีก​คน​หนึ่ง​เสมอ? คำ​ตอบ​ของ​ทั้ง​สอง​คำ​ถาม​คือ ไม่.

ดัง​ตัว​อย่าง​หนึ่ง ขอ​พิจารณา​ความ​รู้สึก​อยาก​ฆ่า​ตัว​ตาย. คน​ที่​มี​ความ​รู้สึก​แบบ​นี้​มัก​จะ​ไม่​สามารถ​บอก​เรื่อง​นี้​ตรง ๆ กับ​สมาชิก​ครอบครัว​หรือ​เพื่อน. และ​คน​อื่น ๆ ก็​ไม่​อาจ​รู้​ถึง​สัญญาณ​ของ​ความ​รู้สึก​เช่น​นี้​เสมอ​ไป​ขณะ​ที่​เขา​คบหา​กัน. เรา​ไม่​จำเป็น​ต้อง​รู้สึก​ผิด​เมื่อ​เรา​ไม่​เห็น​สัญญาณ​เหล่า​นี้​และ​ไม่​ได้​ให้​การ​ช่วยเหลือ. นอก​จาก​นั้น สุภาษิต​ข้อ​นี้​ยัง​สอน​ว่า แม้​เป็น​การ​ชู​ใจ​ที่​จะ​หัน​ไป​หา​เพื่อน​ที่​เห็น​อก​เห็น​ใจ​เพื่อ​ได้​รับ​การ​เกื้อ​หนุน​ทาง​อารมณ์ แต่​มนุษย์​ก็​มี​ข้อ​จำกัด​ใน​เรื่อง​การ​ให้​คำ​ปลอบโยน. เรา​อาจ​ต้อง​พึ่ง​อาศัย​พระ​ยะโฮวา​แต่​เพียง​ผู้​เดียว เมื่อ​ต้อง​อด​ทน​กับ​ความ​ยาก​ลำบาก​บาง​ประการ.

“ทรัพย์​สมบัติ​ย่อม​มี​อยู่​ใน​บ้าน​เรือน​ของ​เขา”

กษัตริย์​แห่ง​อิสราเอล​กล่าว​ว่า “เรือน​ของ​คน​ชั่ว​จะ​ถูก​ทำลาย​เสีย; แต่​ทับ​อาศัย​ของ​คน​ตรง​จะ​รุ่งเรือง.” (สุภาษิต 14:11) คน​ชั่ว​อาจ​มั่งคั่ง​ใน​ระบบ​นี้​และ​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ที่​สร้าง​อย่าง​ดี แต่​จะ​มี​ประโยชน์​อะไร​เมื่อ​เขา​ไม่​มี​ชีวิต​อยู่​ต่อ​ไป? (บทเพลง​สรรเสริญ 37:10) ใน​อีก​ด้าน​หนึ่ง ที่​อยู่​อาศัย​ของ​คน​ตรง​อาจ​ไม่​หรูหรา​ใหญ่​โต. แต่​บทเพลง​สรรเสริญ 112:3 กล่าว​ว่า “ทรัพย์​สมบัติ​ย่อม​มี​อยู่​ใน​บ้าน​เรือน​ของ​เขา.” ทรัพย์​สมบัติ​นั้น​คือ​อะไร?

เมื่อ​คำ​พูด​และ​การ​กระทำ​ของ​เรา​ได้​รับ​การ​ชี้​นำ​จาก​สติ​ปัญญา เรา​จะ​มี “ความ​มั่งคั่ง​และ​เกียรติศักดิ์” ซึ่ง​อยู่​คู่​กับ​สติ​ปัญญา. (สุภาษิต 8:18) สิ่ง​เหล่า​นี้​รวม​ถึง​สัมพันธภาพ​อัน​สงบ​สุข​กับ​พระเจ้า​และ​กับ​เพื่อน​มนุษย์, มี​สุขภาพ​ดี​และ​มี​ความ​สุข, และ​มี​ความ​มั่นคง​ใน​ระดับ​หนึ่ง. ใช่​แล้ว “ทับ​อาศัย​ของ​คน​ตรง” จะ​รุ่งเรือง​ได้​แม้​แต่​ใน​ขณะ​นี้.

[ภาพ​หน้า 27]

สตรี​ที่​มี​ปัญญา​เสริม​สร้าง​ครัว​เรือน​ของ​ตน

[ภาพ​หน้า 28]

“ลิ้น​ของ​คน​มี​ปัญญา​ย่อม​รักษา​แผล​ให้​หาย”