ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

จงระวังธรรมเนียมที่ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย

จงระวังธรรมเนียมที่ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย

จง​ระวัง​ธรรมเนียม​ที่​ทำ​ให้​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย

ณ ลาน​เล็ก ๆ แห่ง​หนึ่ง โลง​ศพ​วาง​เปิด​อยู่​กลาง​แดด​จ้า​ใน​แอฟริกา. ขณะ​ที่​ผู้​โศก​เศร้า​เดิน​เรียง​แถว​ผ่าน​โลง​ศพ​เพื่อ​แสดง​ความ​โศก​เศร้า​ของ​ตน ชาย​ชรา​คน​หนึ่ง​หยุด​ยืน​อยู่. ดวง​ตา​ของ​เขา​ดู​เศร้า​หมอง​มาก เขา​ก้ม​ตัว​ลง​ไป​ใกล้​กับ​หน้า​ของ​ผู้​ตาย​แล้ว​เริ่ม​พูด​ว่า “ทำไม​พี่​ไม่​บอก​ผม​ว่า​พี่​จะ​จาก​ไป​แล้ว? ทำไม​พี่​ทิ้ง​ผม​ไป​แบบ​นี้? เมื่อ​พี่​กลับ​มา​เกิด​ใหม่​แล้ว พี่​จะ​ช่วยเหลือ​ผม​อีก​ไหม?”

ใน​อีก​ส่วน​หนึ่ง​ของ​แอฟริกา เมื่อ​ทารก​เกิด​มา จะ​ไม่​ให้​ใคร​เห็น​ทารก​นั้น. หลัง​จาก​ช่วง​หนึ่ง​ผ่าน​ไป จึง​เอา​ทารก​ออก​มา​ให้​ชาว​บ้าน​ดู​แล้ว​ทำ​พิธี​ตั้ง​ชื่อ.

สำหรับ​บาง​คน​แล้ว การ​พูด​กับ​คน​ตาย​หรือ​การ​ซ่อน​ทารก​ที่​เกิด​ใหม่​ไม่​ให้​คน​อื่น​เห็น​นั้น​อาจ​ดู​เหมือน​เป็น​พฤติกรรม​ที่​แปลก. แต่​ใน​บาง​วัฒนธรรม​และ​สังคม การ​ปฏิบัติ​และ​ทัศนะ​ของ​ผู้​คน​ใน​เรื่อง​การ​ตาย​และ​การ​เกิด​ได้​รับ​อิทธิพล​จาก​ความ​เชื่อ​ที่​มี​พลัง​มาก​ที่​ว่า คน​ตาย​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​และ​รู้สึก​ตัว.

ความ​เชื่อ​นี้​มี​พลัง​มาก​จน​เป็น​ส่วน​สำคัญ​ของ​ธรรมเนียม​และ​พิธีกรรม​ต่าง ๆ ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​เกือบ​ทุก​ด้าน​ใน​ชีวิต. ยก​ตัว​อย่าง หลาย​ล้าน​คน​เชื่อ​ว่า​ช่วง​ชีวิต​ที่​สำคัญ​ของ​คน​เรา เช่น การ​เกิด, การ​เจริญ​พันธุ์, การ​สมรส, การ​มี​บุตร, และ​การ​ตาย เป็น​การ​ผ่าน​ช่วง​ต่าง ๆ เพื่อ​ไป​สู่​แดน​วิญญาณ​ของ​บรรพบุรุษ. เชื่อ​กัน​ว่า ณ ที่​นั่น คน​ตาย​ยัง​คง​มี​บทบาท​ต่อ​คน​ที่​มี​ชีวิต​อยู่. และ​เขา​อาจ​มี​วงจร​ชีวิต​ต่อ​ไป​อีก​โดย​การ​เกิด​ใหม่.

เพื่อ​ทำ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​การ​ผ่าน​ช่วง​ต่าง ๆ แห่ง​วงจร​นี้​จะ​ราบรื่น จึง​มี​การ​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​และ​พิธีกรรม​มาก​มาย. ธรรมเนียม​เหล่า​นี้​ได้​รับ​อิทธิพล​จาก​ความ​เชื่อ​ที่​ว่า มี​อะไร​บาง​อย่าง​ใน​ตัว​เรา​ที่​ไม่​ตาย. คริสเตียน​แท้​หลีก​หนี​ธรรมเนียม​ใด ๆ ก็​ตาม​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เชื่อ​ดัง​กล่าว. เพราะ​เหตุ​ใด?

คน​ตาย​มี​สภาพ​เช่น​ไร?

คัมภีร์​ไบเบิล​อธิบาย​อย่าง​ชัดเจน​เกี่ยว​กับ​สภาพ​ของ​คน​ตาย. คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​อย่าง​เรียบ​ง่าย​ว่า “คน​เป็น​ย่อม​รู้​ว่า​เขา​เอง​คง​จะ​ตาย, แต่​คน​ตาย​แล้ว​ก็​ไม่​รู้​อะไร​เลย . . . ถึง​ความ​รัก​ของ​เขา​ก็​ทำนอง​เดียว​กัน​กับ​ความ​ชัง​และ​ความ​อิจฉา​ของ​เขา​ได้​สาบสูญ​ไป​ตาม​กัน​นาน​แล้ว . . . ไม่​มี​การ​งาน, หรือ​โครงการ, หรือ​ความ​รู้​หรือ​สติ​ปัญญา​ใน​เมือง​ผี [หลุม​ฝัง​ศพ​ทั่ว​ไป​ของ​มนุษยชาติ] ที่​เจ้า​จะ​ไป​นั้น.” (ท่าน​ผู้​ประกาศ 9:5, 6, 10) ผู้​นมัสการ​แท้​ของ​พระเจ้า​ยึด​มั่น​กับ​ความ​จริง​พื้น​ฐาน​นี้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​มา​นาน​แล้ว. พวก​เขา​เข้าใจ​ว่า จิตวิญญาณ​สามารถ​ตาย​และ​ถูก​ทำลาย​ได้ ไม่​ใช่​เป็น​อมตะ. (ยะเอศเคล 18:4) พวก​เขา​ยัง​รู้​อีก​ด้วย​ว่า วิญญาณ​คน​ตาย​ไม่​มี​จริง. (บทเพลง​สรรเสริญ 146:4) ใน​สมัย​โบราณ พระ​ยะโฮวา​ทรง​บัญชา​ประชาชน​ของ​พระองค์​อย่าง​เคร่งครัด ให้​แยก​ตัว​อย่าง​สิ้นเชิง​จาก​ธรรมเนียม​หรือ​พิธีกรรม​ใด ๆ ก็​ตาม​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เชื่อ​ที่​ว่า คน​ตาย​รู้สึก​ตัว​และ​มี​อิทธิพล​ต่อ​คน​ที่​มี​ชีวิต​อยู่.—พระ​บัญญัติ 14:1; 18:9-13; ยะซายา 8:19, 20.

เช่น​เดียว​กัน คริสเตียน​ใน​ศตวรรษ​แรก​ได้​หลีก​เลี่ยง​ธรรมเนียม​ที่​สืบ​ต่อ​กัน​มา​หรือ​พิธีกรรม​ใด ๆ ก็​ตาม​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​คำ​สอน​ของ​ศาสนา​เท็จ. (2 โกรินโธ 6:15-17) ทุก​วัน​นี้ พยาน​พระ​ยะโฮวา ไม่​ว่า​จะ​มี​เชื้อชาติ, เผ่า​พันธุ์, หรือ​ภูมิหลัง​แบบ​ใด ได้​หลีก​เว้น​ประเพณี​และ​ธรรมเนียม​ซึ่ง​เกี่ยว​พัน​กับ​คำ​สอน​เท็จ​ที่​ว่า มี​อะไร​บาง​อย่าง​ใน​ตัว​มนุษย์​ที่​ไม่​ตาย.

อะไร​จะ​ช่วย​ชี้​นำ​เรา​ใน​ฐานะ​คริสเตียน​เมื่อ​ทำ​การ​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​ทำ​ตาม​ธรรมเนียม​บาง​อย่าง​หรือ​ไม่? เรา​ต้อง​คิด​อย่าง​รอบคอบ​ใน​เรื่อง​ธรรมเนียม​ที่​อาจ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​คำ​สอน​ใด ๆ ที่​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์ เช่น ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​วิญญาณ​คน​ตาย​มี​อิทธิพล​ต่อ​คน​ที่​มี​ชีวิต​อยู่. นอก​จาก​นี้ เรา​จำเป็น​ต้อง​คำนึง​ว่า การ​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​ธรรมเนียม​หรือ​พิธี​ดัง​กล่าว​อาจ​ทำ​ให้​คน​อื่น​ที่​รู้​เรื่อง​ความ​เชื่อ​และ​คำ​สอน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​นั้น​สะดุด​ได้. โดย​คำนึง​ถึง​จุด​เหล่า​นั้น ให้​เรา​พิจารณา​สอง​ขอบ​เขต​ที่​นับ​ว่า​สำคัญ นั่น​คือ​การ​เกิด​และ​การ​ตาย.

การ​เกิด​และ​พิธี​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก

ธรรมเนียม​หลาย​อย่าง​ซึ่ง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​เด็ก​ที่​เกิด​มา​นั้น​นับ​ว่า​เหมาะ​สม. แต่​ใน​ที่​ที่​ถือ​ว่า​การ​เกิด​เป็น​ทาง​ผ่าน​จาก​แดน​วิญญาณ​ของ​บรรพบุรุษ​ไป​สู่​โลก​มนุษย์ คริสเตียน​แท้​จำ​ต้อง​ระมัดระวัง. ยก​ตัว​อย่าง​เช่น ใน​บาง​ส่วน​ของ​แอฟริกา ทารก​ที่​เกิด​ใหม่​จะ​ถูก​เลี้ยง​ภาย​ใน​บ้าน​และ​ยัง​ไม่​มี​ชื่อ​จน​กว่า​จะ​ผ่าน​ช่วง​หนึ่ง​ไป​แล้ว. แม้​ว่า​ช่วง​เวลา​ที่​รอ​คอย​อาจ​ต่าง​กัน​ไป​ใน​แต่​ละ​แห่ง แต่​จะ​สิ้น​สุด​ลง​ด้วย​พิธี​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก โดย​เอา​เด็ก​ออก​มา​นอก​บ้าน​เพื่อ​ให้​ญาติ​มิตร​ได้​ดู​ตาม​ธรรมเนียม. ใน​ตอน​นั้น จะ​มี​การ​ประกาศ​ชื่อ​เด็ก​อย่าง​เป็น​ทาง​การ​ให้​แก่​คน​ที่​มา​ร่วม​พิธี.

หนังสือ​กานา—การ​เข้าใจ​ผู้​คน​และ​วัฒนธรรม​ของ​พวก​เขา (ภาษา​อังกฤษ) อธิบาย​ความ​หมาย​ของ​ธรรมเนียม​นี้​ว่า “ใน​ช่วง​ชีวิต​เจ็ด​วัน​แรก​ของ​ทารก ถือ​กัน​ว่า​ทารก ‘มา​เยือน’ และ​กำลัง​จะ​ผ่าน​โลก​วิญญาณ​มา​สู่​ชีวิต​บน​โลก. . . . ตาม​ปกติ​แล้ว ทารก​จะ​อยู่​ใน​บ้าน​และ​คน​ภาย​นอก​ครอบครัว​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​เห็น​ทารก​นั้น.”

ทำไม​จึง​ต้อง​รอ​ก่อน​ที่​จะ​มี​การ​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก​ตาม​พิธี? หนังสือ​ย้อน​อดีต​ใน​กานา (ภาษา​อังกฤษ) อธิบาย​ว่า “ก่อน​วัน​ที่​แปด ถือ​กัน​ว่า​ทารก​ยัง​ไม่​เป็น​มนุษย์. เขา​ยัง​เกี่ยว​ข้อง​กับ​แดน​วิญญาณ​ไม่​มาก​ก็​น้อย​ซึ่ง​เป็น​ที่​ที่​เขา​จาก​มา.” หนังสือ​นั้น​อธิบาย​ต่อ​ไป​ว่า “เนื่อง​จาก​ชื่อ​เป็น​เหมือน​การ​ทำ​ให้​เด็ก​เป็น​มนุษย์ เมื่อ​พ่อ​แม่​กลัว​ว่า​ลูก​ของ​ตน​จะ​เสีย​ชีวิต พวก​เขา​มัก​จะ​เลื่อน​การ​ตั้ง​ชื่อ​ออก​ไป​จน​กว่า​แน่​ใจ​ได้​ว่า​ลูก​จะ​รอด. . . . ด้วย​เหตุ​นี้ พิธีกรรม​ดัง​กล่าว ซึ่ง​เป็น​การ​เอา​เด็ก​ออก​มา​ให้​ผู้​คน​รู้​จัก ถือ​กัน​ว่า​สำคัญ​มาก​สำหรับ​เด็ก​และ​พ่อ​แม่. นั่น​เป็น​พิธี​ที่​นำ​เด็ก​เข้า​สู่​สังคม​หรือ​โลก​มนุษย์.”

ตาม​ปกติ​แล้ว ผู้​อาวุโส​ใน​ครอบครัว​จะ​เป็น​ผู้​ประกอบ​พิธี​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก​ดัง​กล่าว. ขั้น​ตอน​ต่าง ๆ ใน​พิธี​นี้​แตกต่าง​กัน​ไป​ใน​แต่​ละ​แห่ง แต่​พิธี​นี้​มัก​จะ​ประกอบ​ด้วย​การ​กรวด​น้ำ, การ​สวด​มนต์​ถึง​วิญญาณ​บรรพบุรุษ​เพื่อ​ขอบคุณ​ที่​ให้​เด็ก​เกิด​มา​อย่าง​ปลอด​ภัย, และ​พิธีกรรม​อื่น ๆ.

จุด​เด่น​ของ​พิธี​ดัง​กล่าว​อยู่​ที่​ตอน​ประกาศ​ชื่อ​เด็ก. แม้​พ่อ​แม่​มี​หน้า​ที่​ตั้ง​ชื่อ​ให้​ลูก​ของ​ตน แต่​ญาติ ๆ มัก​จะ​มี​อิทธิพล​อย่าง​มาก​ใน​การ​เลือก​ชื่อ. บาง​ชื่อ​อาจ​มี​ความ​หมาย​เป็น​นัย​ใน​ภาษา​ถิ่น เช่น “ไป​แล้ว​กลับ,” “แม่​มา​เกิด​รอบ​สอง,” หรือ “พ่อ​มา​เกิด​อีก​ครั้ง.” มี​การ​ตั้ง​ชื่อ​อื่น ๆ ที่​มี​ความ​หมาย​ว่า ไม่​ให้​บรรพบุรุษ​เอา​ทารก​ที่​เกิด​ใหม่​กลับ​ไป​สู่​โลก​คน​ตาย.

แน่นอน การ​ยินดี​ที่​เด็ก​เกิด​มา​นั้น​ไม่​ผิด. การ​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก​ตาม​ผู้​อื่น​และ​การ​ตั้ง​ชื่อ​ตาม​สภาพการณ์​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​เกิด​มา​ของ​เด็ก​นั้น​เป็น​ธรรมเนียม​ที่​ยอม​รับ​ได้ และ​การ​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก​เมื่อ​ไร​ก็​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ส่วน​ตัว. * อย่าง​ไร​ก็​ตาม คริสเตียน​ที่​ต้องการ​ทำ​ให้​พระเจ้า​พอ​พระทัย​ระมัดระวัง​ที่​จะ​หลีก​หนี​ธรรมเนียม​หรือ​พิธี​ใด ๆ ก็​ตาม​ซึ่ง​ทำ​ให้​รู้สึก​ว่า​พวก​เขา​เห็น​พ้อง​กับ​ทัศนะ​ที่​ว่า ทารก​ที่​เกิด​ใหม่​เป็น “ผู้​มา​เยือน” จาก​โลก​วิญญาณ​แห่ง​บรรพบุรุษ​ที่​มา​สู่​โลก​มนุษย์.

นอก​จาก​นี้ ขณะ​ที่​หลาย​คน​ใน​ชุมชน​มอง​พิธี​ตั้ง​ชื่อ​ว่า​เป็น​พิธี​ที่​สำคัญ คริสเตียน​ควร​จะ​คำนึง​ถึง​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​ผู้​อื่น​และ​นึก​ถึง​ความ​รู้สึก​ของ​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​เชื่อ. ยก​ตัว​อย่าง บาง​คน​อาจ​ลง​ความ​เห็น​เช่น​ไร​หาก​คริสเตียน​ครอบครัว​หนึ่ง​ไม่​ยอม​ให้​คน​อื่น​เห็น​ทารก​ที่​เกิด​ใหม่​จน​กว่า​จะ​ถึง​พิธี​ตั้ง​ชื่อ? บาง​คน​จะ​รู้สึก​อย่าง​ไร​หาก​มี​การ​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก​ขัด​แย้ง​กับ​การ​ที่​เขา​บอก​ว่า​เป็น​ผู้​สอน​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล?

ดัง​นั้น เมื่อ​ตัดสิน​ใจ​ว่า​จะ​ตั้ง​ชื่อ​เด็ก​เมื่อ​ไร​และ​จะ​ตั้ง​ชื่อ​อย่าง​ไร คริสเตียน​พยายาม “กระทำ​ทุก​สิ่ง​ให้​เป็น​ที่​ถวาย​เกียรติยศ​แก่​พระเจ้า” เพื่อ​ไม่​เป็น​ต้น​เหตุ​ให้​ใคร​สะดุด. (1 โกรินโธ 10:31-33) พวก​เขา​ไม่ “ละ​ทิ้ง​ข้อ​บัญญัติ​ของ​พระเจ้า, เพื่อ​จะ​ได้​ถือ​ตาม​ลัทธิ​คำ​สอน” ซึ่ง​ใน​ที่​สุด​เป็น​การ​จงใจ​ให้​เกียรติ​ผู้​ตาย. ตรง​กัน​ข้าม พวก​เขา​ถวาย​พระ​เกียรติ​และ​สง่า​ราศี​แด่​พระ​ยะโฮวา พระเจ้า​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่.—มาระโก 7:9, 13.

จาก​ความ​ตาย​เปลี่ยน​เป็น​มี​ชีวิต

เช่น​เดียว​กับ​การ​เกิด หลาย​คน​ถือ​ว่า​ความ​ตาย​เป็น​จุด​เปลี่ยน คือ​คน​ตาย​ย้าย​จาก​โลก​ที่​มอง​เห็น​ได้​ไป​อยู่​ใน​แดน​วิญญาณ​คน​ตาย​ที่​มอง​ไม่​เห็น. หลาย​คน​เชื่อ​ว่า​ถ้า​ไม่​จัด​งาน​ศพ​และ​พิธีกรรม​บาง​อย่าง​สำหรับ​คน​ตาย วิญญาณ​บรรพบุรุษ ซึ่ง​เชื่อ​ว่า​มี​อำนาจ​ใน​การ​ลง​โทษ​หรือ​ให้​โชค​ลาภ​คน​ที่​มี​ชีวิต​อยู่ จะ​โกรธ​เคือง. ความ​เชื่อ​นี้​มี​อิทธิพล​อย่าง​ยิ่ง​ต่อ​วิธี​จัด​งาน​ศพ.

บ่อย​ครั้ง งาน​ศพ​ที่​หมาย​จะ​ให้​ผู้​ตาย​พอ​ใจ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​แสดง​อารมณ์​ออก​มา​เต็ม​ที่—จาก​การ​คร่ำ​ครวญ​แบบ​ไร้​การ​ควบคุม​และ​การ​ร้อง​ตะโกน​ต่อ​หน้า​ศพ​ไป​ถึง​งาน​เลี้ยง​สนุกสนาน​หลัง​จาก​การ​ฝัง​ศพ. บ่อย​ครั้ง งาน​เลี้ยง​แบบ​ไม่​มี​การ​ควบคุม, การ​เมา​เหล้า, และ​การ​เต้น​รำ​โดย​เปิด​เพลง​เสียง​ดัง​เป็น​ลักษณะ​เด่น​ของ​งาน​ศพ​ดัง​กล่าว. มี​การ​ให้​ความ​สำคัญ​มาก​กับ​งาน​ศพ บ่อย​ครั้ง แม้​แต่​ครอบครัว​ที่​ยาก​จน​ที่​สุด​ก็​พยายาม​อย่าง​หนัก​เพื่อ​รวบ​รวม​เงิน​ให้​เพียง​พอ​ที่​จะ​จัด “งาน​ศพ​ที่​เหมาะ​สม” แม้​ว่า​นั่น​อาจ​ทำ​ให้​ยาก​ลำบาก​และ​ต้อง​เป็น​หนี้​ก็​ตาม.

ตลอด​หลาย​ปี พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​เปิด​เผย​อย่าง​ถี่ถ้วน​เกี่ยว​กับ​ธรรมเนียม​ต่าง ๆ ใน​งาน​ศพ​ซึ่ง​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์. * ธรรมเนียม​เหล่า​นั้น​ประกอบ​ด้วย​การ​เฝ้า​ศพ, การ​กรวด​น้ำ, การ​พูด​คุย​และ​การ​ขอร้อง​ผู้​ตาย, การ​ประกอบ​พิธี​ครบ​รอบ​วัน​ตาย, และ​ธรรมเนียม​อื่น ๆ ซึ่ง​อาศัย​ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​มี​อะไร​บาง​อย่าง​ใน​ตัว​คน​เรา​ที่​ไม่​ตาย. ธรรมเนียม​เหล่า​นั้น​ที่​หลู่​เกียรติ​พระเจ้า​เป็น “สิ่ง​ไม่​สะอาด,” เป็น “คำ​ล่อ​ลวง​เหลวไหล” ซึ่ง​อาศัย “ประเพณี​ของ​มนุษย์” และ​ไม่​ได้​อาศัย​ความ​จริง​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า.—ยะซายา 52:11, ฉบับ​แปล​ใหม่; โกโลซาย 2:8, ล.ม.

ความ​กดดัน​ให้​ทำ​ตาม

การ​หลีก​เลี่ยง​ธรรมเนียม​ที่​สืบ​ต่อ​กัน​มา​เป็น​เรื่อง​ท้าทาย​สำหรับ​บาง​คน โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ดินแดน​ที่​ถือ​ว่า​การ​ให้​เกียรติ​ผู้​ตาย​มี​ความ​สำคัญ​อย่าง​ยิ่ง. เนื่อง​จาก​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​ดัง​กล่าว พยาน​พระ​ยะโฮวา​ถูก​มอง​ด้วย​ความ​สงสัย​หรือ​ถูก​กล่าวหา​ว่า​ต่อ​ต้าน​สังคม​และ​ไม่​นับถือ​ผู้​ตาย. การ​วิพากษ์วิจารณ์​และ​ความ​กดดัน​อย่าง​หนัก​ได้​ทำ​ให้​บาง​คน​กลัว​ที่​จะ​แตกต่าง​จาก​คน​อื่น​อย่าง​เด่น​ชัด แม้​พวก​เขา​มี​ความ​เข้าใจ​ที่​ถูก​ต้อง​เรื่อง​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​ตาม. (1 เปโตร 3:14) คน​อื่น​รู้สึก​ว่า​ธรรมเนียม​เหล่า​นี้​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​แห่ง​วัฒนธรรม​ของ​พวก​เขา​และ​ไม่​อาจ​หลีก​เลี่ยง​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง. ยัง​มี​บาง​คน​ให้​เหตุ​ผล​ว่า การ​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรมเนียม​อาจ​ทำ​ให้​ชุมชน​มี​อคติ​ต่อ​ประชาชน​ของ​พระเจ้า.

เรา​ไม่​ต้องการ​ทำ​ให้​ผู้​อื่น​ขุ่นเคือง​โดย​ไม่​จำเป็น. กระนั้น คัมภีร์​ไบเบิล​เตือน​เรา​ว่า การ​ยืนหยัด​มั่นคง​เพื่อ​ความ​จริง​จะ​ยัง​ผล​ให้​โลก​ที่​ห่าง​เหิน​พระเจ้า​ไม่​พอ​ใจ. (โยฮัน 15:18, 19; 2 ติโมเธียว 3:12; 1 โยฮัน 5:19) เรา​เต็ม​ใจ​จะ​ยืนหยัด​เช่น​นั้น โดย​รู้​ว่า​เรา​ต้อง​แตกต่าง​จาก​คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​ความ​มืด​ฝ่าย​วิญญาณ. (มาลาคี 3:18; ฆะลาเตีย 6:12) พระ​เยซู​ทรง​ต้านทาน​การ​ล่อ​ใจ​จาก​ซาตาน​ให้​ทำ​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย​ฉัน​ใด เรา​ก็​จะ​ต้านทาน​ความ​กดดัน​ให้​ปฏิบัติ​ใน​แนว​ทาง​ที่​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย​ฉัน​นั้น. (มัดธาย 4:3-7) แทน​ที่​จะ​ถูก​ครอบ​งำ​ด้วย​ความ​กลัว​หน้า​มนุษย์ คริสเตียน​แท้​คำนึง​ถึง​การ​ทำ​ให้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​พอ​พระทัย​เป็น​อันดับ​แรก​และ​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระองค์​ใน​ฐานะ​พระเจ้า​แห่ง​ความ​จริง. พวก​เขา​ทำ​เช่น​นั้น​โดย​ไม่​ยอม​อะลุ่มอล่วย​มาตรฐาน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​เรื่อง​การ​นมัสการ​ที่​บริสุทธิ์​เนื่อง​จาก​ความ​กดดัน​จาก​คน​อื่น.—สุภาษิต 29:25; กิจการ 5:29.

ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ทัศนะ​ที่​เรา​มี​ต่อ​คน​ตาย

เป็น​เรื่อง​ปกติ​ที่​จะ​รู้สึก​ปวด​ร้าว​ใจ​อย่าง​ยิ่ง​และ​โศก​เศร้า​เมื่อ​คน​ที่​เรา​รัก​เสีย​ชีวิต. (โยฮัน 11:33, 35) การ​ระลึก​ถึง​ผู้​เป็น​ที่​รัก​และ​การ​จัด​การ​ฝัง​ศพ​ที่​มี​เกียรติ​นั้น​เป็น​การ​แสดง​ความ​รัก​ที่​เหมาะ​สม. แต่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ทน​กับ​ความ​โศก​เศร้า​แสน​สาหัส​เนื่อง​จาก​ความ​ตาย โดย​ไม่​รับ​เอา​กิจ​ปฏิบัติ​ใด ๆ ที่​ทำ​สืบ​ต่อ​กัน​มา​ซึ่ง​ทำ​ให้​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย. นี่​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย​สำหรับ​คน​ที่​ได้​รับ​การ​เลี้ยง​ดู​ใน​วัฒนธรรม​ที่​มี​ความ​กลัว​คน​ตาย​อย่าง​ยิ่ง. นั่น​อาจ​เป็น​ข้อ​ท้าทาย​ที่​จะ​รักษา​ความ​สมดุล​ของ​เรา เมื่อ​การ​ตาย​ของ​คน​ที่​ใกล้​ชิด​กับ​เรา​ทำ​ให้​ปวด​ร้าว​ใจ. ถึง​กระนั้น คริสเตียน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ได้​รับ​การ​เสริม​กำลัง​จาก​พระ​ยะโฮวา “พระเจ้า​ผู้​ทรง​ชู​ใจ​ทุก​อย่าง” และ​ได้​รับ​ประโยชน์​จาก​การ​เกื้อ​หนุน​ด้วย​ความ​รัก​ของ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ. (2 โกรินโธ 1:3, 4) ความ​เชื่อ​อัน​เข้มแข็ง​ของ​พวก​เขา​ที่​ว่า สัก​วัน​หนึ่ง คน​ตาย​ที่​ไม่​รู้สึก​ตัว​ซึ่ง​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พระเจ้า​จะ​มี​ชีวิต​อีก​ครั้ง ทำ​ให้​คริสเตียน​แท้​มี​เหตุ​ผล​ทุก​ประการ​ที่​จะ​แยก​ตัว​อย่าง​สิ้นเชิง​จาก​ธรรมเนียม​งาน​ศพ​ที่​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลักการ​คริสเตียน ซึ่ง​ปฏิเสธ​ความ​จริง​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.

เรา​รู้สึก​ตื่นเต้น​มิ​ใช่​หรือ​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เรียก​เรา “ออก​มา​จาก​ความ​มืด​เข้า​ไป​สู่​ความ​สว่าง​อัน​มหัศจรรย์​ของ​พระองค์”? (1 เปโตร 2:9, ฉบับ​แปล​ใหม่) ขณะ​ที่​เรา​ประสบ​ความ​ยินดี​เกี่ยว​กับ​การ​เกิด​และ​อด​ทน​กับ​ความ​โศก​เศร้า​เนื่อง​จาก​ความ​ตาย ขอ​ให้​ความ​ปรารถนา​อัน​แรง​กล้า​ของ​เรา​ที่​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​และ​ความ​รัก​อัน​ลึกซึ้ง​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​กระตุ้น​เรา​เสมอ​ให้ “ประพฤติ​อย่าง​ลูก​ของ​ความ​สว่าง.” ขอ​เรา​อย่า​ยอม​ให้​ตัว​เอง​แปดเปื้อน​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ เนื่อง​จาก​ธรรมเนียม​ที่​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลักการ​คริสเตียน​ซึ่ง​ทำ​ให้​พระเจ้า​ไม่​พอ​พระทัย.—เอเฟโซ 5:8.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 17 ใน​ประเทศ​ไทย ทารก​ที่​เกิด​ใหม่​กฎหมาย​กำหนด​ให้​แจ้ง​ต่อ​นาย​ทะเบียน​ภาย​ใน 15 วัน.

^ วรรค 23 โปรด​ดู​จุลสาร​วิญญาณ​คน​ตาย—ช่วย​คุณ​หรือ​เป็น​ภัย​ต่อ​คุณ? วิญญาณ​คน​ตาย​มี​อยู่​จริง​ไหม? จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.