การแสวงหา “ไข่มุกที่มีค่ามาก” ในทุกวันนี้
การแสวงหา “ไข่มุกที่มีค่ามาก” ในทุกวันนี้
“ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยาน.”—มัดธาย 24:14, ล.ม.
1, 2. (ก) ชาวยิวในสมัยพระเยซูมีความคิดแบบใดในเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า? (ข) พระเยซูทรงทำอะไรเพื่อถ่ายทอดความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องราชอาณาจักร และผลเป็นประการใด?
ราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งท่ามกลางชาวยิวเมื่อพระเยซูเสด็จมายังโลก. (มัดธาย 3:1, 2; 4:23-25; โยฮัน 1:49) อย่างไรก็ตาม ในตอนแรก ชาวยิวส่วนมากไม่เข้าใจเต็มที่ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะปกครองกว้างไกลถึงขอบเขตไหนและจะใช้อำนาจปกครองอย่างไร ทั้งไม่เข้าใจด้วยว่าราชอาณาจักรนั้นจะเป็นการปกครองทางภาคสวรรค์. (โยฮัน 3:1-5) แม้แต่บางคนที่เข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูก็ไม่เข้าใจเต็มที่ว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร หรือพวกเขาต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับพระพรในการเป็นผู้ร่วมปกครองกับพระคริสต์.—มัดธาย 20:20-22; ลูกา 19:11; กิจการ 1:6.
2 ขณะที่เวลาผ่านไป พระเยซูทรงสอนหลายสิ่งแก่สาวกอย่างอดทน รวมถึงอุปมาเรื่องไข่มุกล้ำค่าดังที่พิจารณาไปในบทความก่อน ซึ่งชี้ให้พวกเขาเห็นความสำคัญของการบากบั่นพยายามในการแสวงหาราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์. (มัดธาย 6:33; 13:45, 46; ลูกา 13:23, 24) อุปมาดังกล่าวคงประทับใจพวกเขาอย่างยิ่ง เพราะหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขากลายเป็นผู้ประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรที่กล้า หาญและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก ซึ่งมีหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงนี้อย่างเหลือล้นในพระธรรมกิจการ.—กิจการ 1:8; โกโลซาย 1:23.
3. เกี่ยวข้องกับสมัยของเรา พระเยซูกล่าวเช่นไรในเรื่องราชอาณาจักร?
3 แล้วทุกวันนี้ล่ะเป็นเช่นไร? มีการประกาศให้หลายล้านคนได้ทราบถึงพระพรเรื่องอุทยานบนแผ่นดินโลกภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรนั้น. ในคำพยากรณ์สำคัญของพระองค์เกี่ยวกับ “ช่วงอวสานของระบบนี้” พระเยซูกล่าวเจาะจงว่า “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (มัดธาย 24:3, 14, ล.ม.; มาระโก 13:10) พระองค์ยังชี้แจงด้วยว่างานใหญ่โตมโหฬารนี้จะมีการทำจนสำเร็จแม้มีอุปสรรคและข้อท้าทายที่ยากจะจัดการ แม้กระทั่งการกดขี่ข่มเหงด้วยซ้ำ. กระนั้น พระองค์ทรงให้คำรับรองดังนี้: “ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด, ผู้นั้นจะรอด.” (มัดธาย 24:9-13) ทั้งหมดนี้เรียกร้องการเสียสละและการทุ่มเทตัวเองเช่นเดียวกับที่พ่อค้าในอุปมาของพระเยซูได้ทำ. มีผู้คนที่แสดงความเชื่อและความมีใจแรงกล้าเช่นนั้นในการแสวงหาราชอาณาจักรในสมัยนี้ไหม?
ความยินดีจากการได้พบความจริง
4. ความจริงเรื่องราชอาณาจักรมีผลกระทบต่อผู้คนในทุกวันนี้อย่างไร?
4 พ่อค้าในอุปมาของพระเยซูปีติยินดีมากเมื่อได้พบสิ่งที่เขารู้ว่าเป็น “ไข่มุกที่มีค่ามาก.” ความยินดีนั้นกระตุ้นเขาให้ทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อจะได้ไข่มุกนั้นมา. (เฮ็บราย 12:1) ทุกวันนี้ ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและราชอาณาจักรของพระองค์ดึงดูดใจและกระตุ้นหลายคนเช่นเดียวกันนั้น. เรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงความเห็นของบราเดอร์ เอ. เอช. แมกมิลแลน ซึ่งเขียนเกี่ยวกับตัวท่านเองที่แสวงหาพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อมนุษยชาติ ไว้ในหนังสือความเชื่อที่รุดหน้า (ภาษาอังกฤษ). ท่านกล่าวว่า “สิ่งที่ผมได้พบ ผู้คนมากมายก็ยังพบทุก ๆ ปี. และพวกเขาก็คือผู้คนอย่างคุณ ๆ และผม เพราะคนเหล่านี้มาจากทุกชาติ, ทุกเชื้อชาติ, ทุกฐานะในสังคม, และทุกวัย. ความจริงไม่เลือกหน้าผู้ใด. ความจริงดึงดูดผู้คนทุกชนิด.”
5. ผลที่ดีอะไรที่เห็นได้ในรายงานปีรับใช้ 2004?
5 ความจริงแห่งถ้อยคำดังกล่าวเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า ปีแล้วปีเล่า ผู้มีหัวใจสุจริตหลายแสนคนได้รับการกระตุ้นใจจากข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าให้อุทิศชีวิตของตนแด่พระยะโฮวาและกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. ปีรับใช้ 2004 ซึ่งนับจากเดือนกันยายน 2003 ถึงสิงหาคม 2004 ก็เป็นเช่นนั้นด้วย. ในช่วง 12 เดือนนั้นมี 262,416 คนรับบัพติสมาในน้ำ เป็นสัญลักษณ์แสดงการอุทิศตัวของพวกเขาต่อพระยะโฮวาอย่างเปิดเผย. สิ่งนี้เกิดขึ้นใน 235 ดินแดน ซึ่งแต่ละสัปดาห์ พยานพระยะโฮวานำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล 6,085,387 ราย เพื่อช่วยผู้คนจากทุกฐานะในสังคม และจากชาติ, เผ่าพันธุ์, และภาษาต่าง ๆ ให้รับเอาความจริงที่ให้ชีวิตจากพระคำของพระเจ้า.—วิวรณ์ 7:9.
6. อะไรเป็นสาเหตุของการเพิ่มทวีอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี?
6 อะไรทำให้ทั้งหมดนี้เป็นไปได้? ไม่มีข้อสงสัยว่าพระยะโฮวาชักนำผู้มีความโน้มเอียงอย่างถูกต้องเหล่านี้ให้มาหาพระองค์. (โยฮัน 6:65; กิจการ 13:48) กระนั้น ที่ไม่อาจมองข้ามคือน้ำใจเสียสละและความพยายามอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยในส่วนของผู้ที่ได้ทุ่มเทตัวแสวงหาราชอาณาจักร. บราเดอร์แมกมิลแลนเขียนไว้เมื่อท่านอายุ 79 ปีว่า “ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำทรงสัญญาที่เสนอให้แก่มนุษยชาติที่เจ็บป่วยและตาย ความหวังของผมในสิ่งที่ข่าวสารในคัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยนั้นไม่เคยรางเลือนไปเลย. ตั้งแต่ตอนนั้นเลยทีเดียวที่ผมตั้งใจว่าจะหาความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน เพื่อผมจะสามารถช่วยคนอื่น ๆ เช่นเดียวกับผม ซึ่งแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ พระยะโฮวา และพระประสงค์อันล้ำเลิศของพระองค์ที่มีต่อมวลมนุษยชาติ.”
7. ประสบการณ์อะไรเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความยินดีและความมีใจแรงกล้าของผู้พบความจริงในคัมภีร์ไบเบิล?
7 ความมีใจแรงกล้าเช่นนั้นเห็นได้ท่ามกลางผู้รับใช้พระยะโฮวาในทุกวันนี้เช่นกัน. ตัวอย่างหนึ่งคือดาเนียลลา จากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย. เธอเล่าว่า “ตั้งแต่เป็นเด็ก พระเจ้าเป็นเพื่อนดีที่สุดของดิฉัน. ดิฉันอยากรู้เสมอว่าพระนามของพระองค์คืออะไรเนื่องจากสำหรับดิฉันแล้ว คำว่า ‘พระเจ้า’ เป็นคำที่กว้างเกินไป. แต่ดิฉันต้องคอยจนกระทั่งอายุ 17 ปี เมื่อพยานพระยะโฮวามาที่บ้าน. พวกเขาอธิบายทุกสิ่งที่ดิฉันอยากรู้เกี่ยวกับพระเจ้า. ในที่สุด ดิฉันได้พบความจริง และนั่นแสนวิเศษจริง ๆ! ดิฉันตื่นเต้นมากจนเริ่มบอกสิ่งนี้แก่ทุก ๆ คน.” ในไม่ช้า การแบ่งปันความจริงด้วยความกระตือรือร้นของเธอก็เป็นที่เยาะเย้ยจากเพื่อนนักเรียน. ดาเนียลลาเล่าต่อไปว่า “แต่สำหรับดิฉัน นี่เหมือนกับการได้เห็นคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลสำเร็จเป็นจริง เพราะดิฉันทราบว่าพระเยซูบอกไว้แล้วว่าสาวกของพระองค์จะถูกเกลียดชังและข่มเหงเนื่องจากพระนามของพระองค์. ดิฉันทั้งสุขใจและอัศจรรย์ใจมาก.” ไม่นานจากนั้นดาเนียลลาก็อุทิศชีวิตแด่พระยะโฮวา, รับบัพติสมา, และเริ่มมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะรับใช้ฐานะมิชชันนารี. หลังจากสมรสกับเฮลมุท เธอกับสามีเริ่มประกาศกับชาวแอฟริกา, จีน, ฟิลิปปินส์, และอินเดีย ในกรุงเวียนนา. ปัจจุบัน ดาเนียลลากับเฮลมุทรับใช้ฐานะมิชชันนารีทางตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริกา.
พวกเขาไม่เลิกรา
8. อะไรคือวิธีหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนซึ่งหลายคนได้ใช้เพื่อแสดงความรักต่อพระเจ้าและความภักดีต่อราชอาณาจักรของพระองค์?
8 ใช่แล้ว วิธีหนึ่งที่ประชาชนของพระยะโฮวาทุกวันนี้แสดงความรักต่อพระเจ้าและความภักดีต่อราชอาณาจักรของพระองค์คือการรับใช้ในฐานะมิชชันนารี. เช่นเดียวกับพ่อค้าในอุปมาของพระเยซู คนที่เข้าสู่งานรับใช้ประเภทนี้เต็มใจเดินทางไปในที่ไกล ๆ เพื่อเห็นแก่ราชอาณาจักร. แน่ล่ะ มิชชันนารีเหล่านี้ไม่ได้เดินทางไกลเพื่อเสาะหาข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร แต่พวกเขานำข่าวดีนั้นไปบอกผู้คนทั่วทุกมุมโลก สอนและช่วยเหลือคนเหล่านั้นให้เข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์. (มัดธาย 28:19, 20) ในหลายแห่ง พวกเขาต้องเผชิญความยากลำบากแสนสาหัส. แต่ความเพียรอดทนของพวกเขาได้รับผลตอบแทนอย่างอุดม.
9, 10. มิชชันนารีมีประสบการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้นในดินแดนต่าง ๆ ที่ห่างไกล เช่น ที่สาธารณรัฐแอฟริกากลาง?
9 ขอพิจารณาตัวอย่างหนึ่งในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ซึ่งปีที่ผ่านมามีผู้ร่วมการประชุมระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ 16,184 คน คือประมาณเจ็ดเท่าของจำนวน
ผู้ประกาศราชอาณาจักรในประเทศนั้น. เนื่องจากในหลายส่วนของประเทศนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ประชาชนจึงเอางานบ้านออกมาทำนอกชายคาใต้ร่มไม้. ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นธรรมดาที่มิชชันนารีจะทำงานของตนด้วยวิธีเดียวกัน คือนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลใต้ร่มไม้. ไม่เพียงแค่นอกบ้านสว่างกว่าและเย็นกว่าเท่านั้น แต่มีข้อดีอย่างอื่นด้วย. ประชาชนชื่นชอบคัมภีร์ไบเบิลอยู่แล้ว และเรื่องศาสนาเป็นหัวข้อการสนทนาทั่วไปเช่นเดียวกับการพูดคุยกันเรื่องกีฬาหรือเรื่องดินฟ้าอากาศในท้องถิ่นอื่น. บ่อยครั้ง ผู้ที่เดินผ่านไปมาสังเกตเห็นว่ามีการทำอะไรกันอยู่และเข้ามาร่วมการศึกษาด้วยเลย.10 ตัวอย่างเช่น ขณะที่มิชชันนารีคนหนึ่งกำลังนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลรายหนึ่งอยู่ใต้ร่มไม้ ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งบ้านอยู่อีกฟากของถนนได้เดินมาหา แล้วบอกว่ายังไม่มีใครมาที่บ้านเขาเลย เขาจึงขอมิชชันนารีคนนั้นมาที่บ้านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับเขาด้วย. แน่นอน มิชชันนารียินดีตอบรับคำเชิญนั้น และชายหนุ่มคนนี้ก็กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว. ในประเทศนั้น ตำรวจโบกเรียกพยานพระยะโฮวาให้หยุดรถอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เพื่อแจ้งความผิดหรือเรียกค่าปรับ แต่เพื่อขอวารสารหอสังเกตการณ์ หรือตื่นเถิด! ฉบับล่าสุด หรือเพื่อกล่าวขอบคุณสำหรับบทความที่พวกเขาชื่นชอบเป็นพิเศษ.
11. ทั้ง ๆ ที่มีความยากลำบาก มิชชันนารีที่รับใช้มานานรู้สึกเช่นไรเกี่ยวกับงานรับใช้ของตน?
11 หลายคนซึ่งเข้าสู่งานรับใช้ประเภทมิชชันนารีเมื่อ 40 หรือ 50 ปีที่แล้ว ยังคงรับใช้อย่างซื่อสัตย์อยู่ในเขตงาน. พวกเขาช่างเป็นแบบอย่างในเรื่องความเชื่อและความเพียรอดทนสำหรับพวกเราทุกคนจริง ๆ! สามีภรรยาคู่หนึ่งรับใช้ฐานะมิชชันนารีด้วยกันในสามประเทศช่วง 42 ปีที่ผ่านมา. ผู้เป็นสามีเล่าว่า “มีความลำบากหลายอย่าง. ตัวอย่างเช่น เราต้องรับมือกับโรคมาลาเรียนาน 35 ปี. แต่เราก็ไม่เคยเสียใจเลยที่ได้ตัดสินใจเป็นมิชชันนารี.” ภรรยาของเขากล่าวเสริมว่า “มีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกขอบพระคุณมากมายไม่ขาด. งานประกาศก่อความชื่นชมยินดีมาก และง่ายที่จะเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. แต่ละครั้งที่เห็นผู้ที่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับเรามายังการประชุมและทำความรู้จักคุ้นเคยกัน ก็รู้สึกเหมือนกับครอบครัวหนึ่งมาร่วมชุมนุมกัน.”
พวกเขา “ถือว่าสิ่งสารพัตรเป็นที่ไร้ประโยชน์”
12. คนเราจะแสดงโดยวิธีใดว่าเขาเห็นถึงความล้ำค่าของราชอาณาจักรอย่างแท้จริง?
12 เมื่อพ่อค้าที่เดินทางค้าขายพบไข่มุกล้ำค่า เขา “ก็ไปขายทุกสิ่งที่เขามีทันที แล้วไปซื้อไข่มุกเม็ดนั้น.” (มัดธาย 13:46, ล.ม.) ความเต็มใจสละสิ่งที่ถือกันว่ามีค่านั้นเป็นคุณลักษณะของบุคคลที่เห็นถึงความล้ำค่าของราชอาณาจักร อย่างแท้จริง. อัครสาวกเปาโล ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่จะได้รับสง่าราศีร่วมกับพระคริสต์ในราชอาณาจักร กล่าวว่า “แท้จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัตรเป็นที่ไร้ประโยชน์เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์เจ้าของข้าพเจ้า. เพราะเหตุพระองค์นั้นข้าพเจ้าได้ยอมสละสิ่งสารพัตร, และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์.”—ฟิลิปปอย 3:8.
13. ชายคนหนึ่งในสาธารณรัฐเช็กได้แสดงความรักต่อราชอาณาจักรอย่างไร?
13 เช่นเดียวกัน หลายคนในปัจจุบันเต็มใจเปลี่ยนแปลงชีวิตขนานใหญ่เพื่อจะได้พระพรแห่งราชอาณาจักร. ตัวอย่างเช่น ในเดือนตุลาคม ปี 2003 อาจารย์ใหญ่อายุ 60 ปี ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในสาธารณรัฐเช็กบังเอิญได้พบคู่มือศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ชื่อความรู้ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนิรันดร์. หลังจากได้อ่าน เขาติดต่อกับพยานพระยะโฮวาในท้องถิ่นทันทีเพื่อขอศึกษาคัมภีร์ไบเบิล. เขาก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณอย่างดีและในไม่ช้าก็เริ่มเข้าร่วมการประชุมทุกรายการ. แต่จะว่าอย่างไรกับแผนการของเขาที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีและภายหลังจะสมัครเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา? เขาเลือกทุ่มเทกำลังในการแข่งขันอีกแบบหนึ่งมากกว่า นั่นคือการวิ่งแข่งเพื่อชีวิต ในฐานะผู้ประกาศราชอาณาจักร. เขากล่าวว่า “ผมสามารถเสนอสรรพหนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิลแก่นักเรียนของผมได้เป็นจำนวนมาก.” เขาได้รับบัพติสมาในน้ำเป็นสัญลักษณ์แสดงการอุทิศตัวของเขาแด่พระยะโฮวา ณ การประชุมภาค ในเดือนกรกฎาคม ปี 2004.
14. (ก) ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรได้กระตุ้นหลายล้านคนให้ทำอะไร? (ข) คำถามที่น่าคิดอะไรที่เราแต่ละคนอาจถามตัวเอง?
14 คนอื่น ๆ อีกนับล้านตลอดทั่วโลกได้ตอบรับข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรในลักษณะคล้าย ๆ กัน. พวกเขาออกมาจากโลกชั่ว, ถอดทิ้งบุคลิกภาพเก่า, เลิกคบกับเพื่อนเก่า ๆ, และเลิกติดตามสิ่งต่าง ๆ ฝ่ายโลก. (โยฮัน 15:19; เอเฟโซ 4:22-24; ยาโกโบ 4:4; 1 โยฮัน 2:15-17) เหตุใดพวกเขาจึงทำเช่นนั้น? ก็เพราะพวกเขาเห็นว่าพระพรแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าล้ำค่ากว่าสิ่งใด ๆ ที่ระบบปัจจุบันจะเสนอให้ได้. คุณรู้สึกเช่นเดียวกันนั้นไหมต่อข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร? คุณถูกกระตุ้นใจจากข่าวดีนี้ให้ทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นไหม เพื่อจะทำให้เป้าหมาย, ค่านิยม, และรูปแบบชีวิตของคุณประสานกับข้อเรียกร้องของพระยะโฮวา? การทำเช่นนั้นจะนำพระพรมากมายมาสู่คุณในปัจจุบันและตลอดอนาคตกาล.
การเก็บเกี่ยวมาถึงจุดสุดยอด
15. มีการพยากรณ์ว่าประชาชนของพระเจ้าจะทำอะไรในสมัยสุดท้าย?
15 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเขียนดังนี้: “คนของพระองค์จะเสนอตัวด้วยความเต็มใจในวันที่พระองค์ทรงนำทัพ.” ผู้ที่เสนอตัวเหล่านั้นรวมถึง “กองทัพคนหนุ่มดุจหยดน้ำค้าง” และ “กองกำลังใหญ่โต” ของ “สตรีที่ประกาศข่าวดี.” (บทเพลงสรรเสริญ 68:11, ล.ม.; 110:3, ล.ม.) อะไรคือผลจากการที่ประชาชนของพระยะโฮวา ทั้งหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ ได้เสียสละและขยันหมั่นเพียรระหว่างสมัยสุดท้ายนี้?
16. จงยกตัวอย่างว่าผู้รับใช้พระเจ้าเพียรพยายามอย่างไรเพื่อจะช่วยคนอื่น ๆ ให้เรียนรู้เรื่องราชอาณาจักร.
16 ไพโอเนียร์หรือผู้ประกาศราชอาณาจักรเต็มเวลาคนหนึ่งในอินเดียคิดสงสัยว่าจะช่วยคนหูหนวกสองล้านกว่าคนในประเทศนั้นให้เรียนรู้เรื่องราชอาณาจักรได้อย่างไร. ยะซายา 35:5) เธอตัดสินใจสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษามือ. ที่นั่นเธอสามารถแบ่งปันความหวังเรื่องราชอาณาจักรกับคนหูหนวกหลายคน และมีการจัดตั้งกลุ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลขึ้น. ภายในไม่กี่สัปดาห์ มีคนหูหนวกสิบกว่าคนเริ่มเข้าร่วมประชุมที่หอประชุม. ต่อมา ที่งานเลี้ยงสมรสแห่งหนึ่ง ไพโอเนียร์คนนี้พบเด็กหนุ่มหูหนวกคนหนึ่งที่มาจากเมืองกัลกัตตาซึ่งมีคำถามมากมายและสนใจอย่างยิ่งที่จะรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระยะโฮวา. อย่างไรก็ตาม มีปัญหาอย่างหนึ่ง. เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องกลับไปเรียนต่อระดับวิทยาลัยในเมืองกัลกัตตา ซึ่งอยู่ไกลจากที่นั่นประมาณ 1,600 กิโลเมตร และไม่มีพยานฯ ที่รู้ภาษามือที่นั่น. ด้วยความเพียรพยายาม เขาโน้มน้าวพ่อให้อนุญาตเขาเรียนที่เมืองบังคาลอร์แทน เพื่อเขาจะศึกษาคัมภีร์ไบเบิลต่อไปได้. เขาก้าวหน้าอย่างดีทางฝ่ายวิญญาณ และหลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งปี ก็อุทิศชีวิตแด่พระยะโฮวา. จากนั้นเขาศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับคนหูหนวกหลายคน รวมถึงเด็กคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของเขา. ปัจจุบัน สำนักงานสาขาในอินเดียได้จัดเตรียมให้ไพโอเนียร์เรียนภาษามือเพื่อช่วยในเขตงานนั้น.
(17. จงบอกสิ่งที่คุณพบว่าหนุนใจเป็นพิเศษจากรายงานเกี่ยวกับปีรับใช้ 2004 ในหน้า 19 ถึง 22.
17 ในหน้า 19 ถึง 22 ของวารสารฉบับนี้ คุณจะพบรายงานกิจกรรมการประกาศของพยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลกสำหรับปีรับใช้ 2004. ใช้เวลาสำรวจรายงานนี้สักเล็กน้อย และเห็นหลักฐานด้วยตัวคุณเองว่าประชาชนของพระยะโฮวาตลอดทั่วโลกกำลังจดจ่ออยู่กับการแสวงหา “ไข่มุกที่มีค่ามาก” อย่างจริงจังในทุกวันนี้.
“จงแสวงหาราชอาณาจักร . . . ก่อน” เสมอไป
18. พระเยซูไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรไว้ในอุปมาเรื่องพ่อค้าที่เดินทางค้าขาย และเพราะเหตุใด?
18 หากกลับไปพิจารณาอุปมาของพระเยซูเกี่ยวกับพ่อค้าที่เดินทางค้าขายอีกครั้ง เราจะสังเกตเห็นว่าพระเยซูไม่ได้บอกว่าพ่อค้าคนนั้นจะเลี้ยงชีพต่อไปอย่างไรหลังจากขายทุกสิ่งที่เขามีไปหมดแล้ว. เมื่อคิดถึงความเป็นจริง บางคนอาจถามว่า ‘พ่อค้าคนนั้นจะจัดหาอาหาร, เสื้อผ้า, และที่อยู่อาศัยสำหรับตนได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีทรัพย์สมบัติที่สำรองไว้ใช้อีกแล้ว? ไข่มุกล้ำค่านั้นจะมีประโยชน์อะไรสำหรับเขาเล่า?’ คำถามเหล่านี้ดูเหมือนสมเหตุสมผลจากแง่คิดทางเนื้อหนัง. แต่พระเยซูกระตุ้นสาวกของพระองค์ไม่ใช่หรือว่า “ดังนั้น จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป แล้วสิ่งอื่นเหล่านี้ทั้งหมดจะเพิ่มเติมให้แก่ท่าน”? (มัดธาย 6:31-33, ล.ม.) จุดสำคัญในอุปมานี้คือความจำเป็นที่จะอุทิศใจกายทั้งสิ้นเพื่อพระเจ้าและแสดงความมีใจแรงกล้าเพื่อราชอาณาจักร. มีบทเรียนอะไรไหมสำหรับเราในเรื่องนี้?
19. บทเรียนสำคัญอะไรที่เราได้จากอุปมาของพระเยซูเรื่องไข่มุกล้ำค่า?
19 ไม่ว่าเราเพิ่งเรียนรู้ข่าวดีอันเลิศล้ำ หรือได้แสวงหาราชอาณาจักรและบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับพระพรแห่งราชอาณาจักรนั้นมานานหลายปีแล้วก็ตาม เราต้องให้ราชอาณาจักรเป็นจุดรวมความสนใจและเอาใจใส่ของเราต่อ ๆ ไป. สมัยนี้เป็นสมัยที่ยากลำบาก แต่เรามีเหตุผลหนักแน่นซึ่งมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เราแสวงหานั้นมีอยู่จริงและล้ำค่าเกินกว่าจะหาอะไรเทียบได้ เช่นเดียวกับไข่มุกซึ่งพ่อค้าได้พบนั้น. เหตุการณ์ต่าง ๆ ของโลกและคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่สำเร็จเป็นจริงแล้วให้ข้อพิสูจน์ที่ทำให้มั่นใจว่าเรากำลังมีชีวิตอยู่ใน “ช่วงอวสานของระบบนี้.” (มัดธาย 24:3, ล.ม.) เช่นเดียวกับพ่อค้าที่เดินทางค้าขายนั้น ขอให้เราสำแดงความมีใจแรงกล้าอย่างสิ้นสุดหัวใจเพื่อราชอาณาจักรของพระเจ้าและปีติยินดีที่ได้รับสิทธิพิเศษในการประกาศข่าวดี.—บทเพลงสรรเสริญ 9:1, 2.
คุณจำได้ไหม?
• อะไรเป็นปัจจัยที่มีส่วนส่งเสริมให้จำนวนผู้นมัสการแท้เพิ่มทวีขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา?
• เจตคติเช่นไรที่เห็นได้ในหมู่ผู้ที่รับใช้ฐานะมิชชันนารี?
• บางคนทำการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างอันเนื่องมาจากข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร?
• บทเรียนอันทรงคุณค่าอะไรที่เราได้จากอุปมาของพระเยซูเรื่องไข่มุกล้ำค่า?
[คำถาม]
[แผนภูมิหน้า 19-22]
รายงานเกี่ยวกับปีรับใช้ 2004 ของพยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลก
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
[ภาพหน้า 14]
“ความจริงดึงดูดผู้คนทุกชนิด”—เอ. เอช. แมกมิลแลน
[ภาพหน้า 15]
ดาเนียลลากับเฮลมุทประกาศในเขตภาษาต่างประเทศในกรุงเวียนนา
[ภาพหน้า 16, 17]
เช่นเดียวกับพ่อค้าที่เดินทางค้าขายนั้น มิชชันนารีในทุกวันนี้ได้รับพระพรมากมาย
[ภาพหน้า 17]
“คนของพระองค์จะเสนอตัวด้วยความเต็มใจ”