ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การอัศจรรย์เรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้น?

การอัศจรรย์เรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้น?

การ​อัศจรรย์​เรื่อง​จริง​หรือ​เรื่อง​ที่​แต่ง​ขึ้น?

ชาย​คน​หนึ่ง​รู้สึก​สะดุด​ตา​กับ​ข้อ​ความ​บน​สติกเกอร์​ซึ่ง​ติด​อยู่​ที่​กัน​ชน​รถ​คัน​ที่​ขับ​ผ่าน​ไป ข้อ​ความ​นั้น​เขียน​ว่า “การ​อัศจรรย์​เกิด​ขึ้น​จริง—ถาม​ทูตสวรรค์​ดู​สิ.” แม้​เขา​จะ​เป็น​คน​เคร่ง​ศาสนา แต่​เขา​ไม่​แน่​ใจ​ว่า​นั่น​หมาย​ถึง​อะไร. ข้อ​ความ​นั้น​แสดง​ว่า​คน​ขับ​รถ​เชื่อ​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​ไหม? หรือ​ที่​จริง​แล้ว​เป็น​ข้อ​ความ​ล้อเลียน​ซึ่ง​บ่ง​บอก​ว่า​ไม่​เชื่อ​ทั้ง​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​และ​เรื่อง​ทูตสวรรค์?

คุณ​อาจ​สนใจ​คำ​กล่าว​ของ​นัก​เขียน​ชาว​เยอรมัน​ที่​ชื่อ​มันเฟรด บาร์เทล​ซึ่ง​ได้​กล่าว​ว่า “คำ​ว่า​การ​อัศจรรย์ แบ่ง​แยก​ผู้​อ่าน​ให้​มี​ความ​คิด​เห็น​ที่​ขัด​แย้ง​กัน​สอง​ฝ่าย.” คน​ที่​เชื่อ​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​ต่าง​ก็​เชื่อ​มั่น​ว่า มัน​เป็น​สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​และ​บาง​ที​เกิด​ขึ้น​บ่อย ๆ ด้วย​ซ้ำ. * ตัว​อย่าง​เช่น มี​รายงาน​จาก​กรีซ​ว่า ใน​ช่วง​ไม่​กี่​ปี​มา​นี้ คน​ที่​เชื่อ​เรื่อง​นี้​อ้าง​ว่า​การ​อัศจรรย์​เกิด​ขึ้น​ประมาณ​เดือน​ละ​ครั้ง. เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​บิชอป​ของ​คริสตจักร​กรีก​ออร์โทด็อกซ์​เตือน​ว่า “คน​ที่​เชื่อ​เรื่อง​นี้​มี​แนว​โน้ม​จะ​มอง​ว่า​พระเจ้า, แม่​พระ, และ​เหล่า​นัก​บุญ​มี​รูป​ลักษณ์​เหมือน​มนุษย์. พวก​เขา​ไม่​ควร​พูด​เรื่อง​นี้​มาก​เกิน​ไป.”

ความ​เชื่อ​ใน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​ไม่​ค่อย​แพร่​หลาย​ใน​บาง​ประเทศ. ตาม​ผล​การ​สำรวจ​ของ​สถาบัน​อัล​เลนส์​บาค​ซึ่ง​ตี​พิมพ์​ใน​เยอรมนี​ใน​ปี 2002 แสดง​ว่า 71 เปอร์เซ็นต์​ของ​ประชากร​เยอรมัน​ถือ​ว่า​การ​อัศจรรย์​เป็น​เรื่อง​ที่​แต่ง​ขึ้น ไม่​ใช่​เรื่อง​จริง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผู้​หญิง​สาม​คน​ซึ่ง​อยู่​ใน​จำนวน​คน​ไม่​ถึง​หนึ่ง​ใน​สาม​ที่​เชื่อ​เรื่อง​การ​อัศจรรย์ อ้าง​ว่า​พวก​ตน​ได้​รับ​ข่าว​จาก​พระ​แม่​มาเรีย. ไม่​กี่​เดือน​หลัง​จาก​ที่​พวก​เขา​อ้าง​ว่า​แม่​พระ​ปรากฏ​กาย—พร้อม​ทั้ง​ทูตสวรรค์​และ​นก​พิราบ—หนังสือ​พิมพ์​เวสท์ฟาเลนโพสท์ ของ​เยอรมนี​รายงาน​ว่า “จน​กระทั่ง​บัด​นี้​มี​ผู้​จาริก​แสวง​บุญ​ประมาณ 50,000 คน, คน​ที่​เสาะ​หา​การ​รักษา​โรค, รวม​ทั้ง​คน​ที่​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​ต่าง​พา​กัน​ตาม​ติด​เรื่อง​นิมิต​ที่​ผู้​หญิง​เหล่า​นั้น​เห็น.” คาด​กัน​ว่า​มี​ผู้​คน​อีก 10,000 คน​หลั่งไหล​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​นั้น​เพื่อ​จะ​เห็น​แม่​พระ​ปรากฏ​กาย​อีก​ครั้ง. มี​การ​กล่าว​ว่า​พระ​แม่​มาเรีย​ปรากฏ​กาย​คล้าย ๆ กัน​ใน​เมือง​ลัวร์​ประเทศ​ฝรั่งเศส​ใน​ปี 1858 และ​ใน​เมือง​ฟาติมา​ประเทศ​โปรตุเกส​ใน​ปี 1917.

แล้ว​ศาสนา​อื่น​ที่​ไม่​ใช่​คริสเตียน​ล่ะ?

เกือบ​ทุก​ศาสนา​เชื่อ​เรื่อง​การ​อัศจรรย์. สารานุกรม​ศาสนา (ภาษา​อังกฤษ) อธิบาย​ว่า​ศาสดา​ของ​ศาสนา​พุทธ, คริสต์, และ​อิสลาม​มี​มุม​มอง​ที่​แตกต่าง​กัน​ใน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์ แต่​หนังสือ​นี้​ก็​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “ประวัติศาสตร์​ยุค​ต่อ ๆ มา​ของ​ศาสนา​เหล่า​นี้​แสดง​ให้​เห็น​อย่าง​ชัดเจน​ว่า การ​อัศจรรย์​และ​เรื่อง​ราว​เกี่ยว​กับ​การ​อัศจรรย์​เป็น​ส่วน​สำคัญ​ของ​ความ​เชื่อ​ทาง​ศาสนา​ของ​มนุษยชาติ.” แหล่ง​อ้างอิง​นี้​กล่าว​ว่า “บาง​ครั้ง พระ​พุทธเจ้า​เอง​ก็​แสดง​อภินิหาร.” ต่อ​มา “เมื่อ​มี​การ​เผย​แผ่​พุทธ​ศาสนา​ไป​ยัง​ประเทศ​จีน เหล่า​ธรรม​ทูต​ที่​ถูก​ส่ง​ไป​ก็​มัก​จะ​แสดง​พลัง​อภินิหาร.”

หลัง​จาก​กล่าว​ถึง​หลาย​เรื่อง​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​การ​อัศจรรย์​ดัง​กล่าว สารานุกรม​ฉบับ​นั้น​ลง​ความ​เห็น​ว่า “คน​เรา​อาจ​ไม่​จำเป็น​ต้อง​ยอม​รับ​เรื่อง​ราว​อภินิหาร​ทุก​เรื่อง​ที่​เล่า​โดย​ผู้​เขียน​ชีวประวัติ​ทาง​ศาสนา แต่​ไม่​มี​ข้อ​สงสัย​ว่า​เรื่อง​ราว​เหล่า​นี้​แต่ง​ขึ้น​ด้วย​เจตนา​ดี​ที่​จะ​ยกย่อง​พระ​พุทธเจ้า ผู้​ซึ่ง​สามารถ​มอบ​พลัง​อภินิหาร​ให้​แก่​สานุศิษย์​ที่​ร้อน​รน.” แหล่ง​อ้างอิง​เดียว​กัน​กล่าว​ถึง​ศาสนา​อิสลาม​ว่า “ชุมชน​อิสลาม​ส่วน​ใหญ่​คาด​หวัง​อยู่​เสมอ​ที่​จะ​ได้​เห็น​การ​อัศจรรย์. ใน​หนังสือ​ประเพณี (หะดีษ) มี​การ​พรรณนา​ภาพ​ศาสดา​มุฮัมมัด​ทำ​การ​อัศจรรย์​ต่อ​หน้า​ผู้​คน​หลาย​ครั้ง. . . . แม้​หลัง​จาก​ผู้​ซื่อ​สัตย์​สิ้น​ชีวิต​ไป​แล้ว เชื่อ​กัน​ว่า​เทวทูต​ทำ​การ​อัศจรรย์​ที่​หลุม​ศพ​เพื่อ​เห็น​แก่​พวก​เขา และ​ผู้​คน​ก็​อธิษฐาน​ด้วย​ความ​ศรัทธา​ขอ​ให้​เทวทูต​วิงวอน​เพื่อ​พวก​เขา.”

จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​การ​อัศจรรย์​ใน​ศาสนา​คริสต์?

คริสเตียน​หลาย​คน​มี​ความ​คิด​เห็น​ที่​แตกต่าง​กัน​ใน​เรื่อง​นี้. บาง​คน​ยอม​รับ​ว่า บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เกี่ยว​กับ​การ​อัศจรรย์​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​หรือ​การ​อัศจรรย์​ที่​กระทำ​โดย​ผู้​รับใช้​ของ​พระเจ้า​ใน​ยุค​ก่อน​คริสเตียน​เป็น​เรื่อง​จริง. ถึง​กระนั้น หลาย​คน​ก็​เห็น​พ้อง​กับ​มาร์ติน ลูเทอร์ นัก​ปฏิรูป​โปรเตสแตนต์. สารานุกรม​ศาสนา กล่าว​ว่า “ทั้ง​ลูเทอร์​และ​แคลวิน​เขียน​ว่า ยุค​แห่ง​การ​อัศจรรย์​จบ​สิ้น​ลง​แล้ว และ​ผู้​คน​ก็​ไม่​ควร​คาด​หวัง​ให้​มัน​เกิด​ขึ้น​อีก.” แหล่ง​อ้างอิง​นี้​กล่าว​ว่า​คริสตจักร​คาทอลิก​ยัง​คง​เชื่อ​ใน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​ต่อ​ไป “โดย​ไม่​พยายาม​อธิบาย​ว่า​มัน​เกิด​ขึ้น​ได้​อย่าง​ไร.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม “กลุ่ม​โปรเตสแตนต์​ที่​มี​การ​ศึกษา​เชื่อ​ว่า กิจ​ปฏิบัติ​ของ​ศาสนา​คริสเตียน​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​ประพฤติ​ทาง​ศีลธรรม​มาก​กว่า และ​พระเจ้า​และ​โลก​วิญญาณ​ก็​ไม่​ค่อย​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ชีวิต​มนุษย์​มาก​เท่า​ใด​นัก.”

คน​อื่น ๆ ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน​รวม​ทั้ง​พวก​นัก​เทศน์​นัก​บวช​บาง​คน​เกิด​ความ​คลางแคลง​ใจ​ว่า การ​อัศจรรย์​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​เรื่อง​จริง​หรือ​ไม่. ตัว​อย่าง​หนึ่ง​คือ​เรื่อง​พุ่ม​ไม้​ที่​ลุก​เป็น​ไฟ​ซึ่ง​บันทึก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เอ็กโซโด 3:1-5. หนังสือ​สิ่ง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​จริง ๆ (ภาษา​อังกฤษ) อธิบาย​ว่า นัก​เทววิทยา​ชาว​เยอรมัน​จำนวน​หนึ่ง​ไม่​ถือ​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็น​การ​อัศจรรย์​จริง ๆ ตาม​ตัว​อักษร. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น พวก​เขา​อธิบาย​เหตุ​การณ์​นี้​ว่า​เป็น “สัญลักษณ์​ของ​การ​ต่อ​สู้​ภาย​ใน​ใจ​ของ​โมเซ​เนื่อง​จาก​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ถูก​ทิ่ม​แทง​และ​รู้สึก​เสียใจ​อย่าง​สุด​ซึ้ง.” หนังสือ​นี้​กล่าว​เสริม​ว่า “เปลว​ไฟ​ยัง​อาจ​เป็น​ดอกไม้​ที่​บาน​สะพรั่ง​ขึ้น​มา​กะทันหัน​ภาย​ใต้​แสง​แดด​แห่ง​การ​ประทับ​ของ​พระเจ้า.”

คุณ​อาจ​รู้สึก​ว่า​คำ​อธิบาย​แค่​นั้น​ยัง​ไม่​จุ​ใจ. ดัง​นั้น คุณ​ควร​เชื่อ​อะไร? เป็น​เรื่อง​สม​เหตุ​ผล​ไหม​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า​การ​อัศจรรย์​เคย​เกิด​ขึ้น​จริง ๆ? และ​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​การ​อัศจรรย์​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ทุก​วัน​นี้? เนื่อง​จาก​เรา​คง​ไม่​สามารถ​ถาม​ทูตสวรรค์​ได้ แล้ว​เรา​จะ​ถาม​ใคร?

ทัศนะ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล

ไม่​มี​ใคร​ปฏิเสธ​บันทึก​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ใน​เรื่อง​ที่​ว่า บาง​ครั้ง​บาง​คราว​ใน​สมัย​อดีต​พระเจ้า​ทรง​เข้า​แทรกแซง​เพื่อ​ทำ​บาง​สิ่ง​ที่​มนุษย์​ทำ​ไม่​ได้. เรา​อ่าน​เกี่ยว​กับ​พระองค์​ว่า “พระองค์​ได้​พา​ไพร่​พล​ยิศราเอล​ของ​พระองค์​ออก​จาก​ประเทศ​อายฆุบโต, ด้วย​เป็น​สำคัญ​พยาน​ทั้ง​หลาย, แล​ด้วย​การ​อัศจรรย์​ต่าง ๆ, แล​ด้วย​พระ​หัตถ์​แข็งแรง, แล​ด้วย​การ​เหยียด​ออก, แล​ด้วย​ความ​พิลึก​พึง​กลัว​ใหญ่.” (ยิระมะยา 32:21, 22) ลอง​นึก​ภาพ​ว่า​ชาติ​มหาอำนาจ​ใน​สมัย​นั้น​จะ​ต้อง​อับอาย​ขายหน้า​สัก​เพียง​ไร​เพราะ​ภัย​พิบัติ​สิบ​ประการ​ที่​พระเจ้า​ส่ง​มา ซึ่ง​รวม​ถึง​ความ​ตาย​ของ​บุตร​หัวปี​ทั้ง​หลาย​ด้วย. นั่น​เป็น​การ​อัศจรรย์​อย่าง​แน่นอน!—เอ็กโซโด บท 7 ถึง 14.

มาก​กว่า 1,500 ปี​ต่อ​มา ผู้​เขียน​กิตติคุณ​ทั้ง​สี่​พรรณนา​การ​อัศจรรย์​ประมาณ 35 ครั้ง​ที่​พระ​เยซู​ทรง​ทำ. ที่​จริง ถ้อย​คำ​ของ​พวก​เขา​ชี้​ให้​เห็น​ว่า พระองค์​ทำ​การ​อัศจรรย์​มาก​กว่า​ที่​ได้​มี​การ​บันทึก​ไว้​ด้วย​ซ้ำ. บันทึก​เหล่า​นี้​เป็น​เรื่อง​จริง​หรือ​เรื่อง​ที่​แต่ง​ขึ้น? *มัดธาย 9:35; ลูกา 9:11.

ถ้า​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​อย่าง​ที่​อ้าง​จริง ๆ นั่น​คือ เป็น​พระ​คำ​แห่ง​ความ​จริง​ของ​พระเจ้า คุณ​มี​เหตุ​ผล​อัน​หนักแน่น​ที่​จะ​เชื่อ​ใน​การ​อัศจรรย์​ที่​มี​การ​กล่าว​ถึง​ใน​พระ​คัมภีร์. คัมภีร์​ไบเบิล​บันทึก​อย่าง​ชัดเจน​เกี่ยว​กับ​การ​อัศจรรย์​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​อดีต—ทั้ง​การ​รักษา​โรค​โดย​การ​อัศจรรย์, การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย, และ​อื่น ๆ—แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​อธิบาย​อย่าง​ชัด​แจ้ง​เช่น​กัน​ว่า​การ​อัศจรรย์​แบบ​นั้น​ไม่​เกิด​ขึ้น​อีก​ต่อ​ไป. (ดู​กรอบ “เหตุ​ใด​การ​อัศจรรย์​บาง​อย่าง​จึง​ไม่​เกิด​ขึ้น​อีก​ต่อ​ไป?” หน้า 4) ดัง​นั้น นี่​จึง​หมาย​ความ​ว่า แม้​แต่​คน​ที่​เชื่อ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​จะ​ไม่​เชื่อ​ใน​การ​อัศจรรย์​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ทุก​วัน​นี้​อย่าง​นั้น​หรือ? ให้​บทความ​ถัด​ไป​ตอบ​คำ​ถาม​นี้.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 3 คำ​ว่า “การ​อัศจรรย์” ดัง​ที่​ใช้​ใน​บทความ​นี้​ได้​รับ​การ​นิยาม​ใน​พจนานุกรม​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า​หมาย​ถึง “สิ่ง​ที่​ส่ง​ผล​ต่อ​โลก​วัตถุ ซึ่ง​เกิน​กว่า​พลัง​ที่​เป็น​ที่​รู้​จัก​ทุก​อย่าง​ของ​มนุษย์​หรือ​ใน​ธรรมชาติ และ​จึง​ถือ​กัน​ว่า​มี​ต้น​เหตุ​มา​จาก​พลัง​บาง​อย่าง​ที่​เหนือ​ธรรมชาติ.”

^ วรรค 14 คุณ​สามารถ​พิจารณา​หลักฐาน​ที่​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​ควร​ค่า​แก่​การ​เชื่อถือ​ได้. หลักฐาน​ดัง​กล่าว​มี​ใน​จุลสาร​หนังสือ​สำหรับ​ทุก​คน จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[กรอบ​หน้า 4]

เหตุ​ใด​การ​อัศจรรย์​บาง​อย่าง​จึง​ไม่​เกิด​ขึ้น​อีก​ต่อ​ไป?

คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ถึง​การ​อัศจรรย์​ต่าง ๆ หลาย​อย่าง. (เอ็กโซโด 7:19-21; 1 กษัตริย์ 17:1-7; 18:22-38; 2 กษัตริย์ 5:1-14; มัดธาย 8:24-27; ลูกา 17:11-19; โยฮัน 2:1-11; 9:1-7) การ​อัศจรรย์​มาก​มาย​เหล่า​นี้​ช่วย​ระบุ​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​มาซีฮา และ​พิสูจน์​ว่า​พระเจ้า​ทรง​อยู่​เบื้อง​หลัง​พระองค์. สาวก​ของ​พระ​เยซู​รุ่น​แรก ๆ มี​ของ​ประทาน​ใน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์ อย่าง​เช่น การ​พูด​ภาษา​ต่าง ๆ ได้​และ​การ​หยั่ง​เห็น​เข้าใจ​ถ้อย​คำ​ที่​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ. (กิจการ 2:5-12; 1 โกรินโธ 12:28-31) ของ​ประทาน​ใน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​นี้​เป็น​ประโยชน์​ต่อ​ประชาคม​คริสเตียน​ใน​ยุค​ที่​เพิ่ง​เริ่ม​ต้น. เพราะ​เหตุ​ใด?

เหตุ​ผล​หนึ่ง​คือ ใน​สมัย​นั้น​มี​สำเนา​พระ​คัมภีร์​ไม่​มาก​นัก. ตาม​ปกติ​แล้ว คน​ที่​มี​ฐานะ​ดี​เท่า​นั้น​จึง​จะ​มี​สิทธิ​เป็น​เจ้าของ​ม้วน​หนังสือ​หรือ​หนังสือ​ใด ๆ ก็​ตาม. ใน​ดินแดน​ของ​ชน​นอก​รีต ไม่​มี​ความ​รู้​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​หรือ​จาก​พระ​ยะโฮวา​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ประพันธ์​คัมภีร์​ไบเบิล. คริสเตียน​ต้อง​ถ่ายทอด​คำ​สอน​โดย​ทาง​คำ​พูด. ของ​ประทาน​เรื่อง​การ​อัศจรรย์​จึง​เป็น​ประโยชน์​เพื่อ​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​พระเจ้า​กำลัง​ใช้​ประชาคม​คริสเตียน.

แต่​เปาโล​อธิบาย​ว่า​ของ​ประทาน​เหล่า​นี้​จะ​สิ้น​สุด​ลง​เมื่อ​การ​อัศจรรย์​ไม่​ใช่​เรื่อง​จำเป็น​อีก​ต่อ​ไป. “แม้​จะ​มี​คำ​พยากรณ์​ก็​จะ​เสื่อม​ศูนย์​ไป, แม้​จะ​พูด​ภาษา​แปลก ๆ ได้, การ​พูด​ภาษา​นั้น​ก็​จะ​มี​เวลา​เลิก​กัน, แม้​มี​วิชา ความ​รู้​ก็​มี​วัน​เสื่อม​ทราม​ไป. เพราะ​ที่​เรา​รู้​นั้น​ก็​รู้​แต่​ส่วน​หนึ่ง, และ​ที่​เรา​พยากรณ์​นั้น​ก็​พยากรณ์​แต่​ส่วน​หนึ่ง แต่​เมื่อ​ถึง​ความ​สำเร็จ​เสร็จ​ครบ, ความ​บกพร่อง​นั้น​ก็​จะ​เสื่อม​ศูนย์​ไป.”—1 โกรินโธ 13:8-10.

ใน​ทุก​วัน​นี้ ผู้​คน​หา​คัมภีร์​ไบเบิล​อ่าน​ได้​ง่าย​เช่น​เดียว​กับ​ศัพท์​สัมพันธ์​และ​สารานุกรม. คริสเตียน​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึก​เพื่อ​จะ​เป็น​ผู้​สอน​มาก​กว่า​หก​ล้าน​คน​กำลัง​ช่วย​ให้​คน​อื่น ๆ ได้​รับ​ความ​รู้​ของ​พระเจ้า​โดย​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก. ด้วย​เหตุ​นี้ การ​อัศจรรย์​จึง​ไม่​จำเป็น​อีก​ต่อ​ไป​เพื่อ​จะ​ใช้​พิสูจน์​ว่า​พระ​เยซู​คริสต์​เป็น​ผู้​ช่วย​ให้​รอด​ที่​พระเจ้า​ทรง​แต่ง​ตั้ง​หรือ​เพื่อ​พิสูจน์​ว่า​พระ​ยะโฮวา​อยู่​เบื้อง​หลัง​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์.