ครอบครัวเข้มแข็งขึ้นโดยอาศัยความรู้ของพระเจ้า
“ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาแต่พระยะโฮวา”
ครอบครัวเข้มแข็งขึ้นโดยอาศัยความรู้ของพระเจ้า
“กำแพงเบอร์ลิน.” นั่นเป็นคำที่สามีภรรยาคู่หนึ่งใช้เรียกกำแพงจริง ๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อแบ่งบ้านออกเป็นสองส่วน! พวกเขาเข้ากันไม่ได้เลยและต่างฝ่ายต่างทนซึ่งกันและกันไม่ได้.
น่าเศร้า สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามีภรรยาคู่นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก. หลายครอบครัวมีแต่ความทุกข์เนื่องจากการทะเลาะเบาะแว้ง, การนอกใจ, และการมีเจตนาร้ายต่อกัน. นั่นเป็นที่น่าเสียดาย เนื่องจากครอบครัวเป็นสถาบันที่พระเจ้าเองทรงตั้งขึ้น. (เยเนซิศ 1:27, 28; 2:23, 24) ครอบครัวเป็นของประทานจากพระเจ้าที่ทำให้มนุษย์สามารถแสดงความรักต่อกันได้อย่างเต็มที่. (ประวัตินางรูธ 1:9) การที่สมาชิกในครอบครัวทำตามหน้าที่ที่พระเจ้ามอบให้ ย่อมเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระยะโฮวาและเป็นพระพรซึ่งกันและกัน. *
เนื่องจากพระเจ้าเป็นผู้ริเริ่มการจัดเตรียมเรื่องครอบครัว เราต้องยอมให้ทัศนะของพระองค์มีผลต่อความคิดของเราในเรื่องบทบาทของแต่ละคนในครอบครัว. พระคำของพระองค์มีคำแนะนำที่ใช้ได้จริงมากมายที่ช่วยให้ชีวิตครอบครัวประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาขึ้น. เมื่อกล่าวถึงบทบาทของสามี คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “สามีควรจะรักภรรยาของตนเหมือนรักกายของตนเองด้วย.” เมื่อสามีทำตามข้อเรียกร้องนี้ ภรรยาก็จะมีความสุขและ “ยำเกรงสามีของตน.”—เอเฟโซ 5:25-29, 33.
ในเรื่องสัมพันธภาพระหว่างบิดามารดากับบุตร อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ฝ่ายท่านทั้งหลายผู้เป็นบิดาอย่ายั่วบุตรของตนให้ขัดเคืองใจ แต่จงอบรมด้วยการตีสอนและการเตือนสติขององค์พระผู้เป็นเจ้า.” (เอเฟโซ 6:4) การนำคำแนะนำนี้ไปใช้จะทำให้ครอบครัวมีบรรยากาศที่อบอุ่น และทำให้บุตรเชื่อฟังบิดามารดาได้ง่ายขึ้น.—เอเฟโซ 6:1.
จุดต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วแสดงให้เห็นว่า คำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวเป็นคำแนะนำที่ดี. เมื่อนำหลักการของพระเจ้าไปใช้ หลายครอบครัวมีความสุข. ตัวอย่างหนึ่งคือ คู่สามีภรรยาชาวอาร์เจนตินาที่กล่าวถึงในตอนต้น. หลังจากพวกเขาศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับพยานพระยะโฮวาได้สามเดือน ทั้งสองเริ่มนำหลักการอันฉลาดสุขุมไปใช้ในชีวิตสมรส. พวกเขาพยายามอย่างมากที่จะปรับปรุงการติดต่อสื่อความ, แสดงความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน, และรู้จักให้อภัย. (สุภาษิต 15:22; 1 เปโตร 3:7; 4:8) พวกเขาเรียนรู้ที่จะควบคุมความโกรธและขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเมื่อสถานการณ์บางอย่างดูเหมือนว่ายากที่จะควบคุมได้. (โกโลซาย 3:19) ไม่นาน “กำแพงเบอร์ลิน” ก็ทลายลง!
พระเจ้าช่วยให้ครอบครัวเข้มแข็งได้
การนำความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานของพระเจ้าไปใช้อาจช่วยให้ครอบครัวเข้มแข็งพอที่จะต้านทานความกดดันได้. นี่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีคำพยากรณ์ว่า สถาบันครอบครัวจะถูกโจมตีอย่างรุนแรงในสมัยของเรา. เปาโลบอกล่วงหน้าว่าศีลธรรมและสังคมมนุษย์จะเสื่อมลงอย่างแพร่หลาย. ท่านกล่าวว่า “สมัยสุดท้าย” จะมีลักษณะเด่นคือ ผู้คนไม่มีความภักดี, ไม่มี “ความรักใคร่ตามธรรมชาติ,” และไม่เชื่อฟังบิดามารดาแม้แต่ในท่ามกลางคนที่ “มีความเลื่อมใสต่อพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง.”—2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.
บทเพลงสรรเสริญ 127:1, ล.ม.) วิธีที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุขมากที่สุดคือการให้พระเจ้าอยู่ในอันดับแรกของชีวิตครอบครัว.—เอเฟโซ 3:14, 15.
การพยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัยสามารถช่วยต้านทานผลกระทบดังกล่าวที่ก่อความเสียหายต่อครอบครัว. หลายครอบครัวพบว่า เพื่อจะรับมือกับปัญหาได้อย่างประสบผลสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยวิธีแก้ปัญหาที่มาจากพระเจ้า. หากสมาชิกครอบครัวปรารถนาจะรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้า สิ่งสำคัญที่สุดคือ พวกเขาต้องนำหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไปใช้และสำนึกว่า “ถ้าแม้นพระยะโฮวาไม่ทรงสร้างเรือน การที่ช่างก่อทำงานหนักก็ไร้ประโยชน์.” (ที่ฮาวาย ชายคนหนึ่งชื่อเดนนิสพบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของเขา. แม้อ้างตัวว่าเป็นคริสเตียน แต่เขาก็มักจะพูดจาหยาบคายและมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นประจำ. หลังปลดประจำการจากกองทัพ เขาก็ยิ่งเป็นคนก้าวร้าวและจงเกลียดจงชังมากขึ้น. เขาเล่าว่า “ผมมีเรื่องชกต่อยอยู่เสมอ. ผมไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรและไม่กลัวตายด้วย. ผมยังคงพูดจาหยาบคายและมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ. และแล้วภรรยาของผมซึ่งเป็นพยานพระยะโฮวาสนับสนุนผมให้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล.”
เดนนิสต่อต้านความพยายามของภรรยา. อย่างไรก็ตาม ความประพฤติที่ดีแบบคริสเตียนของเธอทำให้ความคิดในแง่ลบของเขาอ่อนลง. ในที่สุด เดนนิสก็ไปยังการประชุมคริสเตียนกับภรรยาและลูก ๆ. หลังจากนั้น เดนนิสเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและก้าวหน้าเป็นอย่างดี. เขาเลิกสูบบุหรี่ที่ติดมานานถึง 28 ปีและเลิกคบกับเพื่อนฝูงที่พัวพันกับสิ่งที่เขาพยายามจะเลิก. เดนนิสกล่าวด้วยความขอบพระคุณพระยะโฮวาว่า “ผมมีชีวิตครอบครัวที่ดีขึ้น. เราไปประชุมและประกาศด้วยกันเป็นครอบครัว. ลูกของผมทั้งสองคนไม่หวาดกลัวผมอีกแล้ว เพราะผมเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และเลิกพูดจาหยาบคาย. เราสามารถพูดคุยและชื่นชมยินดีกับการสนทนาเรื่องพระคัมภีร์. ถ้าผมไม่ได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ผมก็คงไม่มีวันนี้เพราะผมเคยเป็นคนโมโหร้ายมาก.”
ครอบครัวจะมีความสุขได้เมื่อพยายามทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา. ประสบการณ์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า แม้มีเพียงคนเดียวในครอบครัวที่นำหลักการของคัมภีร์ไบเบิลไปใช้ ก็ยังดีกว่าไม่มีใครใช้เลย. การสร้างครอบครัวที่ปฏิบัติตามหลักการคริสเตียนไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งต้องอาศัยทักษะและเวลา. แต่ครอบครัวที่พยายามทำเช่นนั้นมั่นใจได้ว่า พระยะโฮวาจะทำให้ความพยายามของพวกเขาเกิดผล. พวกเขาจะกล่าวเช่นเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญว่า “ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาแต่พระยะโฮวา.”—บทเพลงสรรเสริญ 121:2.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 4 ดูปฏิทินปี 2005 ของพยานพระยะโฮวา เดือนพฤษภาคม/มิถุนายน.
[คำโปรยหน้า 9]
“แต่ละครอบครัวในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดี มีนามเนื่องด้วย” พระเจ้า.—เอเฟโซ 3:15, ล.ม.
[กรอบหน้า 8]
พระยะโฮวาถือว่าสถาบันครอบครัวมีค่าสูงยิ่ง
“พระเจ้าได้ทรงอวยพระพรแก่มนุษย์นั้น, ตรัสแก่เขาว่า, ‘จงบังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน.’ ”—เยเนซิศ 1:28.
“ทุก ๆ คนที่เกรงกลัวพระยะโฮวา . . . ก็เป็นผาสุก. . . . ภรรยาของท่านที่อยู่ภายในเรือนของท่านจะเป็นดุจเถาองุ่นที่เกิดผลดก.”—บทเพลงสรรเสริญ 128:1, 3.