ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

มารีนครโบราณอันโดดเด่นแห่งทะเลทราย

มารีนครโบราณอันโดดเด่นแห่งทะเลทราย

มารี​นคร​โบราณ​อัน​โดด​เด่น​แห่ง​ทะเล​ทราย

“ข้าพเจ้า​รู้สึก​ดีใจ​จน​บอก​ไม่​ถูก​ขณะ​เดิน​มา​ที่​ห้อง​นอน​ใน​คืน​นั้น​หลัง​จาก​ฉลอง​ความ​โชค​ดี​ของ​พวก​เรา​กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน” อองเดร ปาโร นัก​โบราณคดี​ชาว​ฝรั่งเศส​เล่า. ใน​เดือน​มกราคม 1934 ที่​เทล ฮารีรี ใกล้​กับ​เมือง​อาบู เคมัล​ซึ่ง​เป็น​เมือง​เล็ก ๆ บน​ฝั่ง​แม่น้ำ​ยูเฟรทิส​ใน​ซีเรีย ปาโร​และ​ทีม​งาน​ของ​เขา​ขุด​พบ​รูป​ปั้น​ที่​มี​คำ​จารึก​ว่า “ลามกี-มารี กษัตริย์​แห่ง​มารี มหา​ปุโรหิต​แห่ง​เอนลิล.” พวก​เขา​ตื่นเต้น​กับ​การ​ค้น​พบ​ครั้ง​นี้.

ใน​ที่​สุด​ก็​ค้น​พบ​เมือง​มารี! เหตุ​ใด​การ​ค้น​พบ​เมือง​นี้​จึง​น่า​สนใจ​สำหรับ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์?

เหตุ​ใด​จึง​น่า​สนใจ?

แม้​ข้อ​เขียน​โบราณ​จะ​ช่วย​ให้​เรา​รู้​ว่า​เมือง​มารี​มี​อยู่​จริง แต่​สถาน​ที่​ตั้ง​ของ​เมือง​นี้​เป็น​เรื่อง​ลึกลับ​มา​นาน. ตาม​ที่​อาลักษณ์​ชาว​ซูเมอเรียน​จารึก​ไว้ มารี​เป็น​ราชธานี​ของ​ราชวงศ์​หนึ่ง​ที่​อาจ​เคย​ปกครอง​ดินแดน​เมโสโปเตเมีย​ทั้ง​หมด​มา​ครั้ง​หนึ่ง. เนื่อง​จาก​เมือง​มารี​อยู่​บน​ฝั่ง​แม่น้ำ​ยูเฟรทิส จึง​ตั้ง​อยู่ ณ ศูนย์กลาง​ของ​เส้น​ทาง​การ​ค้า​ที่​เชื่อม​ระหว่าง​อ่าว​เปอร์เซีย​กับ​อัสซีเรีย, เมโสโปเตเมีย, อะนาโตเลีย, และ​ชายฝั่ง​เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่ง​เป็น​ทำเล​ที่​เหมาะ​อย่าง​มาก. สินค้า​ที่​ผ่าน​เส้น​ทาง​นี้​มี​ทั้ง​ไม้, โลหะ, และ​หิน ซึ่ง​ทั้ง​หมด​นี้​เมโสโปเตเมีย​ขาด​แคลน​มาก. การ​เก็บ​ภาษี​ค่า​ผ่าน​ทาง​สร้าง​ราย​ได้​มหาศาล​ให้​แก่​เมือง​มารี และ​ทำ​ให้​เมือง​นี้​มี​อิทธิพล​เหนือ​ภูมิภาค​นี้. อย่าง​ไร​ก็​ตาม อิทธิพล​ของ​เมือง​นี้​ก็​มา​ถึง​จุด​จบ​เมื่อ​ดินแดน​ซีเรีย​ถูก​พิชิต​โดย​ซาร์กอน​แห่ง​อัก​กาด.

ประมาณ 300 ปี​หลัง​ชัย​ชนะ​ของ​ซาร์กอน เมือง​มารี​ถูก​ปกครอง​โดย​ผู้​สำเร็จ​ราชการ​หลาย​รุ่น. ผู้​สำเร็จ​ราชการ​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​เมือง​มารี​มั่งคั่ง​ขึ้น​มา​อีก​ครั้ง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมือง​นี้​ก็​ตก​ต่ำ​ลง​เมื่อ​มา​ถึง​ยุค​ของ​ผู้​ปกครอง​คน​สุด​ท้าย คือ​ซิมรี-ลิม. ซิมรี-ลิม พยายาม​เสริม​ความ​เข้มแข็ง​ให้​แก่​จักรวรรดิ​ของ​ตน​โดย​อาศัย​กำลัง​ทหาร, สนธิสัญญา, และ​การ​สร้าง​พันธมิตร​โดย​อาศัย​การ​สมรส. แต่​ประมาณ​ปี 1760 ก่อน​สากล​ศักราช กษัตริย์​ฮัมมูราบี​แห่ง​บาบิโลน​ได้​พิชิต​และ​ทำลาย​เมือง​นี้ นำ​จุด​จบ​มา​สู่​เมือง​ที่​ปาโร​เรียก​ว่า “หนึ่ง​ใน​เมือง​ที่​มี​อารยธรรม​เจริญ​รุ่งเรือง​ที่​สุด​แห่ง​โลก​โบราณ.”

เมื่อ​กองทัพ​ของ​ฮัมมูราบี​ทำลาย​เมือง​มารี พวก​ทหาร​ทำ​สิ่ง​หนึ่ง​ซึ่ง​เป็น​การ​ช่วย​นัก​โบราณคดี​และ​นัก​ประวัติศาสตร์​สมัย​ปัจจุบัน​ทาง​อ้อม. เมื่อ​กองทัพ​รื้อ​กำแพง​อิฐ​ที่​ทำ​จาก​โคลน​ซึ่ง​ไม่​ได้​เผา​ลง​มา​ทับ​ถม​สิ่ง​ปลูก​สร้าง​ต่าง ๆ บาง​อาคาร​จม​อยู่​ใต้​อิฐ​เหล่า​นี้​ลึก​ถึง 5 เมตร วิธี​นี้​เป็น​การ​ช่วย​ไม่​ให้​สิ่ง​ปลูก​สร้าง​เหล่า​นี้​ทรุดโทรม​ลง​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป. นัก​โบราณคดี​ขุด​พบ​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​วิหาร​และ​พระ​ราชวัง รวม​ทั้ง​วัตถุ​อื่น ๆ มาก​มาย​ที่​มนุษย์​ทำ​ขึ้น​และ​คำ​จารึก​นับ​พัน ๆ ชิ้น​ที่​ให้​ข้อมูล​เกี่ยว​กับ​อารยธรรม​โบราณ.

เหตุ​ใด​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​เมือง​มารี​จึง​เป็น​เรื่อง​ที่​น่า​สนใจ​สำหรับ​เรา? ขอ​พิจารณา​ช่วง​เวลา​ที่​อับราฮาม​ปฐม​บรรพบุรุษ​มี​ชีวิต​อยู่. อับราฮาม​เกิด​ใน​ปี 2018 ก่อน ส.ศ. หลัง​น้ำ​ท่วม​โลก 352 ปี. ท่าน​เป็น​คน​ชั่ว​อายุ​ที่​สิบ​นับ​จาก​โนฮา. อับราฮาม​ออก​จาก​เมือง​อูร์​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ตาม​พระ​บัญชา​ของ​พระเจ้า​เพื่อ​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​เมือง​ฮาราน. ใน​ปี 1943 ก่อน ส.ศ. อับราฮาม​ซึ่ง​มี​อายุ​ได้ 75 ปี​แล้ว​เดิน​ทาง​ออก​จาก​ฮาราน​ไป​ยัง​ดินแดน​คะนาอัน. ปาโอโล มาตีโอ นัก​โบราณคดี​ชาว​อิตาลี​กล่าว​ว่า “อับราฮาม​เดิน​ทาง​จาก​เมือง​อูร์​ไป​ยัง​เยรูซาเลม [ใน​คะนาอัน] ใน​สมัย​ที่​เมือง​มารี​ยัง​มี​อยู่.” ด้วย​เหตุ​นี้ การ​ค้น​พบ​เมือง​มารี​จึง​มี​ประโยชน์​อย่าง​มาก โดย​ช่วย​ให้​เรา​เห็น​ว่า​โลก​ใน​สมัย​ที่​อับราฮาม​ผู้​รับใช้​ที่​ซื่อ​สัตย์​ของ​พระเจ้า​มี​ชีวิต​อยู่​นั้น​เป็น​อย่าง​ไร. *เยเนซิศ 11:10–12:4.

ซาก​ปรัก​หัก​พัง​เหล่า​นี้​เผย​ให้​เห็น​อะไร?

ศาสนา​เฟื่องฟู​ใน​เมือง​มารี​เหมือน​กับ​ทั่ว​ทุก​แห่ง​ใน​เมโสโปเตเมีย. มี​การ​ถือ​ว่า หน้า​ที่​ของ​มนุษย์​คือ​การ​รับใช้​เทพเจ้า. ก่อน​ที่​จะ​ทำ​การ​ตัดสิน​ใจ​ใด ๆ ที่​สำคัญ​ต้อง​ถาม​พระ​ประสงค์​ของ​เทพเจ้า​เสมอ. นัก​โบราณคดี​พบ​ซาก​วิหาร​หก​แห่ง. ใน​จำนวน​นี้​มี​วิหาร​แห่ง​ราชสีห์ (บาง​คน​ถือ​ว่า​เป็น​วิหาร​ดากาน ซึ่ง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เรียก​ว่า​พระ​ดาโฆน) และ​อาราม​แห่ง​อิชทาร์ เทพ​ธิดา​แห่ง​การ​เจริญ​พันธุ์ รวม​ทั้ง​อาราม​ของ​สุริยเทพ​ชามาช. เดิม​ที​วิหาร​เหล่า​นี้​มี​รูป​ปั้น​เทพเจ้า​องค์​หนึ่ง​ซึ่ง​ผู้​คน​จะ​มา​ถวาย​เครื่อง​สักการะ​บูชา​และ​อธิษฐาน​ต่อ​หน้า​รูป​ปั้น​นี้. คน​ที่​มา​สักการะ​บูชา​จะ​วาง​รูป​จำลอง​ของ​ตน​เอง​ที่​มี​ใบ​หน้า​ยิ้ม​แย้ม​ใน​ท่า​อธิษฐาน​บน​แท่น​ใน​อาราม โดย​เชื่อ​ว่า​รูป​ปั้น​นั้น​เป็น​ตัว​แทน​การ​สวด​ภาวนา​ที่​ยาว​นาน. ปาโร​กล่าว​ว่า “รูป​ปั้น​นั้น​เป็น​เหมือน​เทียน​ที่​ชาว​คาทอลิก​ทุก​วัน​นี้​ใช้​ใน​การ​นมัสการ แต่​สำคัญ​กว่า​ใน​แง่​ที่​ว่า​รูป​ปั้น​นี้​เป็น​ตัว​แทน​ของ​ผู้​ที่​ทำ​การ​สักการะ​บูชา​เลย​ที​เดียว.”

การ​ค้น​พบ​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​บริเวณ​เทล ฮารีรี คือ ส่วน​ที่​เหลือ​อยู่​ของ​พระ​ราชวัง​อัน​ใหญ่​โต​ซับซ้อน ซึ่ง​เรียก​กัน​ตาม​ชื่อ​ของ​ผู้​ครอบครอง​คน​สุด​ท้าย​คือ กษัตริย์​ซิมรี-ลิม. ลุย-อูก แวง​ซอง​นัก​โบราณคดี​ชาว​ฝรั่งเศส พรรณนา​พระ​ราชวัง​นี้​ว่า​เป็น “อัญมณี​แห่ง​สถาปัตยกรรม​โบราณ​ของ​ประเทศ​ทาง​ตะวัน​ออก.” พระ​ราชวัง​นี้​ครอบ​คลุม​เนื้อ​ที่​มาก​กว่า 15 ไร่ มี​ประมาณ 300 ห้อง​รวม​ทั้ง​ลาน​กว้าง. ว่า​กัน​ว่า​พระ​ราชวัง​นี้​เป็น​หนึ่ง​ใน​สิ่ง​ปลูก​สร้าง​อัน​มหัศจรรย์​ของ​โลก​สมัย​โบราณ​ด้วย​ซ้ำ. ชอร์ช รู แสดง​ความ​เห็น​ของ​เขา​ไว้​ใน​หนังสือ​ที่​ชื่อ​อิรัก​ใน​สมัย​โบราณ (ภาษา​อังกฤษ) ว่า “พระ​ราชวัง​นี้​มี​ชื่อเสียง​เลื่อง​ลือ​มาก​จน​กษัตริย์​แห่ง​เมือง​อูการิต​ที่​อยู่​บน​ชายฝั่ง​ทะเล​ของ​ซีเรีย​ตั้งใจ​ส่ง​ราชบุตร​มา​ไกล​ถึง​ราว ๆ 600 กิโลเมตร​เพื่อ​เยี่ยม​ชม ‘ราชวัง​ของ​ซิมรี-ลิม.’ ”

ก่อน​จะ​เข้า​ไป​ถึง​ลาน​ที่​กว้าง​ใหญ่​เป็น​พิเศษ ผู้​ที่​มา​เยี่ยม​ชม​จะ​เข้า​ไป​ยัง​พระ​ราชวัง​ที่​มี​กำแพง​แน่น​หนา​โดย​ผ่าน​ทาง​เข้า​ทาง​เดียว​ที่​มี​หอคอย​ขนาบ​ทั้ง​สอง​ด้าน. บน​บัลลังก์​ที่​ตั้ง​อยู่​บน​พื้น​ยก​ระดับ ซิมรี-ลิม กษัตริย์​องค์​สุด​ท้าย​แห่ง​เมือง​มารี​เคย​นั่ง​บัญชา​การ​ทหาร, ดู​แล​การ​ค้า, และ​จัด​การ​เรื่อง​ราว​ใน​บ้าน​เมือง; ประกาศ​การ​พิพากษา; และ​ต้อนรับ​แขก​เมือง​รวม​ถึง​เหล่า​ราชทูต. มี​ที่​พัก​สำหรับ​อาคันตุกะ ซึ่ง​กษัตริย์​จะ​จัด​เลี้ยง​ต้อนรับ​อย่าง​ยิ่ง​ใหญ่​เป็น​ประจำ​ด้วย​เหล้า​องุ่น​และ​ความ​บันเทิง. อาหาร​ก็​มี​ทั้ง​เนื้อ​วัว, เนื้อ​แกะ, เนื้อ​กวาง, ปลา, และ​ไก่ ซึ่ง​มี​ทั้ง​ย่าง, ปิ้ง, หรือ​ต้ม โดย​อาหาร​ทุก​ชนิด​จะ​ราด​ด้วย​ซอส​กระเทียม​รส​จัด​รวม​ทั้ง​มี​ผัก​หลาก​หลาย​ชนิด​และ​เนย​แข็ง. ของ​หวาน​ก็​ประกอบ​ด้วย​ผลไม้​ซึ่ง​มี​ทั้ง​สด, แห้ง, หรือ​เคลือบ​น้ำตาล​และ​เค้ก​ที่​ประณีต​สวย​งาม. มี​การ​เสิร์ฟ​เบียร์​และ​เหล้า​องุ่น​ให้​แขก​เพื่อ​ดับ​กระหาย.

ใน​พระ​ราชวัง​ก็​มี​มาตรการ​ด้าน​สุขอนามัย​ที่​ดี​ด้วย. ห้อง​น้ำ​ที่​ถูก​ค้น​พบ​มี​ถัง​น้ำ​ดิน​เผา​และ​โถ​ส้วม​ที่​ไม่​มี​ที่​นั่ง. มี​การ​ยา​ชัน​พื้น​และ​ส่วน​ล่าง​ของ​กำแพง​ห้อง​น้ำ​เพื่อ​กัน​น้ำ. น้ำ​เสีย​จะ​ไหล​ผ่าน​ราง​น้ำ​ที่​ก่อ​ด้วย​อิฐ​และ​ท่อ​น้ำ​ที่​ทำ​จาก​ดิน​เหนียว​ที่​ยา​ชัน​ไว้​เพื่อ​กัน​น้ำ ซึ่ง​ยัง​คง​ใช้​การ​ได้​แม้​เวลา​จะ​ล่วง​เลย​มา​ถึง 3,500 ปี​แล้ว​ก็​ตาม. เมื่อ​นาง​สนม​สาม​คน​จาก​ฮาเร็ม​ของ​กษัตริย์​เป็น​โรค​ที่​ทำ​ให้​ถึง​ตาย มี​การ​วาง​มาตรการ​อย่าง​เข้มงวด​เพื่อ​ป้องกัน​โรค. หญิง​ที่​ป่วย​หนัก​คน​หนึ่ง​ถูก​แยก​ไว้​ต่าง​หาก​และ​ถูก​กัก​ตัว​ไว้​เพื่อ​ควบคุม​โรค​ติด​ต่อ. ข้อ​ความ​จารึก​โบราณ​กล่าว​ว่า “ไม่​ควร​มี​ใคร​ดื่ม​จาก​ถ้วย​ของ​นาง, กิน​ร่วม​โต๊ะ​กับ​นาง, นั่ง​บน​ที่​นั่ง​ของ​นาง.”

เรา​เรียน​อะไร​ได้​จาก​ข้อ​เขียน​ที่​ถูก​ค้น​พบ?

ปาโร​และ​ทีม​งาน​ของ​เขา​ค้น​พบ​แผ่น​จารึก​อักษร​รูป​ลิ่ม​ประมาณ 20,000 แผ่น​ซึ่ง​เขียน​ใน​ภาษา​อัก​กาด. แผ่น​จารึก​มี​ทั้ง​จดหมาย​และ​ข้อ​ความ​เกี่ยว​กับ​การ​บริหาร​และ​เศรษฐกิจ. ใน​จำนวน​ข้อ​ความ​เหล่า​นี้ มี​เพียง​หนึ่ง​ใน​สาม​เท่า​นั้น​ที่​ถูก​นำ​ไป​ตี​พิมพ์. กระนั้น เอกสาร​ที่​นำ​ไป​ตี​พิมพ์​รวม​เป็น​หนังสือ​ได้​ถึง 28 เล่ม. ข้อ​ความ​เหล่า​นี้​มี​คุณค่า​ขนาด​ไหน? ชอง-โคลด มาเกอรง ผู้​อำนวย​การ​ภารกิจ​ด้าน​โบราณคดี​เกี่ยว​กับ​เมือง​มารี​กล่าว​ว่า “ก่อน​ที่​จะ​ค้น​พบ​ข้อ​เขียน​เกี่ยว​กับ​เมือง​มารี เรา​แทบ​ไม่​รู้​อะไร​เลย​เกี่ยว​กับ​ประวัติศาสตร์, อารยธรรม, และ​ชีวิต​ประจำ​วัน​ของ​ผู้​คน​ใน​ดินแดน​เมโสโปเตเมีย​และ​ซีเรีย​ใน​ช่วง​ต้น ๆ ของ​สหัสวรรษ​ที่​สอง​ก่อน ส.ศ. แต่​โดย​ทาง​แผ่น​จารึก​อักษร​รูป​ลิ่ม​เหล่า​นี้ เรา​จึง​มี​โอกาส​รู้​ประวัติศาสตร์​ทั้ง​หมด. ดัง​ที่​ปาโร​กล่าว​ไว้ ข้อ​เขียน​เหล่า​นี้ “เปิด​เผย​ว่า วิถี​ชีวิต​ของ​ผู้​คน​ที่​จารึก​ใน​ข้อ​เขียน​เหล่า​นี้ คล้ายคลึง​กัน​อย่าง​มาก​กับ​วิถี​ชีวิต​ของ​ปฐม​บรรพบุรุษ​ที่​พระ​คัมภีร์​ภาค​พันธสัญญา​เดิม​บันทึก​ไว้.”

แผ่น​จารึก​ที่​พบ​ใน​เมือง​มารี​ยัง​ช่วย​ให้​เรา​เข้าใจ​ข้อ​ความ​บาง​ตอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​มาก​ขึ้น. ตัว​อย่าง​เช่น แผ่น​จารึก​เหล่า​นั้น​บ่ง​ชี้​ว่า การ​ยึด​ภรรยา​และ​นาง​สนม​ของ​ศัตรู​เป็น “กิจ​ปฏิบัติ​ทั่ว​ไป​ของ​กษัตริย์​ใน​สมัย​นั้น.” ดัง​นั้น การ​ที่​อะฮีโธเฟล​ผู้​คิด​คด​ทรยศ​แนะ​นำ​ให้​อับซาโลม​โอรส​ของ​ดาวิด​ไป​มี​ความ​สัมพันธ์​กับ​นาง​สนม​ของ​กษัตริย์​จึง​ไม่​ใช่​เรื่อง​แปลก​แต่​อย่าง​ใด.—2 ซามูเอล 16:21, 22.

นับ​ตั้ง​แต่​ปี 1933 เป็น​ต้น​มา มี​การ​ขุด​ค้น​ใน​เทล ฮารีรี​ถึง 41 โครงการ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม มา​ถึง​ตอน​นี้​การ​สำรวจ​ใน​เมือง​มารี​ทำ​ได้​เพียง 50 ไร่​จาก​พื้น​ที่​ทั้ง​หมด​ที่​มี​ถึง 675 ไร่. ดู​เหมือน​ว่า ยัง​จะ​ต้อง​มี​การ​สำรวจ​อัน​น่า​ทึ่ง​อีก​มาก​ใน​เมือง​มารี นคร​โบราณ​อัน​โดด​เด่น​แห่ง​ทะเล​ทราย.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 8 ดู​เหมือน​เป็น​ไป​ได้​ด้วย​ว่า​ชาว​ยิว​ที่​ถูก​เนรเทศ​ไป​ยัง​บาบิโลน​หลัง​จาก​กรุง​เยรูซาเลม​ถูก​ทำลาย​ใน​ปี 607 ก่อน ส.ศ. เดิน​ทาง​ผ่าน​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​เมือง​มารี​ด้วย.

[แผนที่​หน้า 10]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

อ่าว​เปอร์เซีย

อูร์

เมโสโปเตเมีย

ยูเฟรทิส

มารี

อัสซีเรีย

ฮาราน

อะนาโตเลีย

คะนาอัน

เยรูซาเลม

ทะเล​เมดิเตอร์เรเนียน (ทะเล​ใหญ่)

[ภาพ​หน้า 11]

เอกสาร​ฉบับ​นี้​บอก​ว่า กษัตริย์​เอียห์ดุน-ลิม​แห่ง​มารี​โอ้อวด​เกี่ยว​กับ​งาน​ก่อ​สร้าง​ของ​ท่าน

[ภาพ​หน้า 11]

การ​ค้น​พบ​รูป​ปั้น​ลามกี-มารี​ยัง​ผล​ให้​มี​การ​ระบุ​สถาน​ที่​ตั้ง​ของ​เมือง​มารี​ได้​อย่าง​แน่ชัด

[ภาพ​หน้า 12]

เวที​ของ​พระ​ราชวัง​อาจ​เป็น​ที่​ตั้ง​ของ​รูป​ปั้น​เทพ​ธิดา

[ภาพ​หน้า 12]

อีบิฮิล ข้าราชการ​ชั้น​สูง​แห่ง​มารี กำลัง​อธิษฐาน

[ภาพ​หน้า 12]

ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​เมือง​มารี แสดง​ให้​เห็น​ว่า​เมือง​นี้​สร้าง​ด้วย​อิฐ​ที่​ทำ​จาก​โคลน​ซึ่ง​ไม่​ได้​เผา

[ภาพ​หน้า 12]

ห้อง​อาบ​น้ำ​ของ​พระ​ราชวัง

[ภาพ​หน้า 13]

แผ่น​ศิลา​จารึก​แสดง​ชัย​ชนะ​ของ​นาราม-ซิน ผู้​พิชิต​เมือง​มารี

[ภาพ​หน้า 13]

แผ่น​จารึก​อักษร​รูป​ลิ่ม​ประมาณ 20,000 แผ่น​ถูก​ค้น​พบ​ใน​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​ของ​พระ​ราชวัง

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 10]

© Mission archéologique française de Tell Hariri - Mari (Syrie)

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 11]

Document: Musée du Louvre, Paris; statue: © Mission archéologique française de Tell Hariri - Mari (Syrie)

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 12]

Statue: Musée du Louvre, Paris; podium and bathroom: © Mission archéologique française de Tell Hariri - Mari (Syrie)

[ที่​มา​ของ​ภาพ​หน้า 13]

Victory stele: Musée du Louvre, Paris; palace ruins: © Mission archéologique française de Tell Hariri - Mari (Syrie)