ชื่นชมเต็มที่กับ “ชีวิตปัจจุบัน”!
เรื่องราวชีวิตจริง
ชื่นชมเต็มที่กับ “ชีวิตปัจจุบัน”!
เล่าโดยเทด บัคกิงแฮม
ผมเป็นผู้เผยแพร่เต็มเวลามาแล้วหกปี ครั้นแต่งงานได้หกเดือนก็ล้มป่วยกะทันหันด้วยโรคโปลิโอ. เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 1950 และอายุผมก็เพิ่ง 24 ปี. ระหว่างอยู่ในโรงพยาบาลเก้าเดือน ผมคิดหนักเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง. ผมไร้สมรรถภาพเสียแล้วในหลาย ๆ ด้าน อนาคตของผมและจอยซ์ภรรยาจะเป็นอย่างไร?
เมื่อปี 1938 พ่อของผมซึ่งเป็นคนไม่เคร่งศาสนารับหนังสือเล่มหนึ่งชื่อการปกครอง. * การที่พ่อรับหนังสืออาจเนื่องมาจากความปั่นป่วนทางการเมืองและคาดการณ์ว่าจะเกิดสงคราม. เท่าที่รู้ ท่านไม่เคยอ่านเล่มนั้นเลย แต่แม่ซึ่งฝักใฝ่ศาสนามากกลับเป็นคนได้อ่าน. ข่าวสารในหนังสือส่งผลกระทบต่อแม่ทันที. ท่านถอนตัวจากคริสตจักรแห่งอังกฤษ และแม้จะถูกพ่อต่อต้าน แต่แม่ก็ได้เข้ามาเป็นพยานสัตย์ซื่อของพระยะโฮวาและคงสถานะเช่นนั้นตราบเท่าวันตายเมื่อปี 1990.
แม่พาผมไปยังการประชุมคริสเตียนครั้งแรกที่หอประชุมในเมืองเอปซอม ทางภาคใต้ของลอนดอน. ประชาคมจัดการประชุมในห้องซึ่งเคยเป็นร้านค้ามาก่อน และเราได้ฟังแผ่นเสียงบันทึกคำบรรยายของเจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด ผู้ดูแลกิจการงานของพยานพระยะโฮวาสมัยนั้น. ผมซาบซึ้งในคำบรรยายนั้นมากจริง ๆ.
ภัยอันตรายเพิ่มมากขึ้นในช่วงการทิ้งระเบิดโจมตีลอนดอนแบบสายฟ้าแลบ. ดังนั้น ในปี 1940 พ่อจึงตัดสินใจย้ายครอบครัวไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่าคือเมดเดนเฮด เมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกของลอนดอนราว 45 กิโลเมตร. การย้ายคราวนี้เป็นประโยชน์ เพราะสมาชิก 30 คนของประชาคมที่นั่นเป็นแหล่งแห่งการสนับสนุนเป็นอย่างดี. เฟรด สมิท คริสเตียน
ที่เข้มแข็งมั่นคงฝ่ายวิญญาณซึ่งรับบัพติสมาในปี 1917 ช่วยเอาใจใส่สนับสนุนและฝึกอบรมผมเป็นส่วนตัว จนกระทั่งผมมีคุณสมบัติเป็นผู้ประกาศที่มีประสิทธิภาพ. ผมยังคงสำนึกบุญคุณอยู่เสมอ เนื่องด้วยตัวอย่างของเขาและการช่วยเหลือด้วยความรัก.การเข้าสู่งานรับใช้เต็มเวลา
ปี 1941 พออายุ 15 ปี ผมได้รับบัพติสมาในแม่น้ำเทมส์ อากาศวันนั้นของเดือนมีนาคมหนาวเย็น. จิมพี่ชายคนโตได้สมัครเป็นผู้เผยแพร่เต็มเวลาอยู่ก่อนแล้ว. เวลานี้ จิมพร้อมด้วยแมจภรรยาอยู่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม หลังจากเกือบตลอดชีวิตของเขาได้รับใช้พระยะโฮวาในงานมอบหมายให้เดินทางดูแลหมวดและภาคทั่วบริเตน. โรบีนา น้องสาวของผมและแฟรงก์สามียังคงเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาเช่นกัน.
ในเวลานั้นผมทำงานเป็นนักบัญชีในโรงงานผลิตเสื้อผ้า. วันหนึ่งผู้อำนวยการฝ่ายจัดการเรียกผมเข้าพบที่ห้องทำงานของเขา และเสนองานซึ่งมีท่าว่ามั่นคงดีให้ผมทำในหน้าที่เป็นฝ่ายจัดซื้อของบริษัท. แต่ก่อนหน้านั้น ผมคิดถึงเรื่องการติดตามตัวอย่างพี่ชายของผม ดังนั้น ผมจึงได้ชี้แจงให้เหตุผลแก่นายจ้างและปฏิเสธข้อเสนออย่างสุภาพ. ผมประหลาดใจเมื่อเขาชมเชยผมด้วยความรู้สึกจากใจ เพราะผมมุ่งติดตามกิจกรรมคริสเตียนที่มีคุณค่าเช่นนั้น. ดังนั้น ภายหลังการประชุมภาคที่นอร์ทแทมป์ตัน ในปี 1944 ผมได้มาเป็นผู้เผยแพร่ข่าวดีเต็มเวลา.
เขตงานมอบหมายแรกของผมอยู่ที่เมืองเอ็กเซเทอร์ ในเขตเดวอน. ตอนนั้นเมืองเอ็กเซเทอร์เพิ่งฟื้นตัวหลังการทิ้งระเบิดในช่วงสงคราม. ไพโอเนียร์สองคนคือแฟรงก์กับรูท มิดเดิลทันกรุณาผมมาก เขาแบ่งห้องให้ผมเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เขาอยู่ก่อนแล้ว. อายุผมเพิ่ง 18 แทบไม่มีประสบการณ์ด้านซักรีดและทำอาหาร แต่สภาพการณ์ก็ดีขึ้นขณะที่ผมพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ.
เพื่อนของผมในงานเผยแพร่คือวิกเตอร์ เกิร์ด ชาวไอริชวัย 50 ปี เขาประกาศให้คำพยานตั้งแต่ทศวรรษ 1920. เขาสอนผมจัดตารางเวลาอย่างที่เป็นประโยชน์, สอนผมพัฒนาความสนใจให้ลึกซึ้งในการอ่านพระคัมภีร์และให้หยั่งรู้คุณค่าของคัมภีร์ฉบับแปลต่าง ๆ. ช่วงหลายปีเหล่านั้นมีความหมายและมีแรงจูงใจให้ผมได้พัฒนาบุคลิกภาพ ตัวอย่างของวิกเตอร์ที่แสดงความแน่วแน่มั่นคงเป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่ทีเดียว.
ข้อท้าทายในเรื่องความเป็นกลาง
สงครามใกล้จะเลิก แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังคงระดมเกณฑ์ชายหนุ่มไปเป็นทหาร. ผมเคยไปแสดงตัวต่อศาลเมืองเมดเดนเฮดในปี 1943 เพื่อขอรับการยกเว้นฐานะผู้เผยแพร่กิตติคุณ. แม้คำร้องของผมไม่ได้ผล ผมตัดสินใจย้ายไปยังเมืองเอ็กเซเทอร์อันเป็นเขตมอบหมาย. ดังนั้น ณ เอ็กเซเทอร์นี้เอง ผมถูกหมายเรียกให้ไปรายงานตัวที่ศาลท้องที่. ผมถูกตัดสินต้องโทษจำคุกและทำงานหนักนานหกเดือน ผู้พิพากษาศาลท้องที่บอกว่าเขาเสียใจที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ตัดสินลงโทษผมให้นานกว่านี้. หลังการต้องโทษหกเดือนผ่านไป เขาส่งผมกลับเข้าคุกต่ออีกสี่เดือน.
เนื่องจากผมเป็นพยานฯ คนเดียวในคุก พวกผู้คุมเรียกผมว่ายะโฮวา. พอถึงเวลาเรียกชื่อ ผมรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องขานรับชื่อนี้ แต่จริง ๆ แล้วผมถือว่าเป็นประโยชน์ที่ได้ยินเสียงป่าวร้องออกพระนามพระเจ้าทุก ๆ วัน! เสียงเรียกชื่อดัง ๆ แบบนี้ทำให้นักโทษคนอื่น ๆ รู้ว่า เนื่องจากสติรู้สึกผิดชอบของผมฐานะพยานพระยะโฮวา ผมถึงได้มาอยู่ท่ามกลางพวกเขา. ในเวลาต่อมา นอร์มัน คาสโตรถูกส่งมาที่เรือนจำแห่งเดียวกัน ชื่อก็เลยเปลี่ยนไป. เขาตั้งชื่อให้เราสองคนว่าโมเซและอาโรน.
เขาย้ายผมออกจากเรือนจำที่เอ็กเซเทอร์ไปยังเรือนจำบริสตอล และในที่สุดไปที่วินเชสเตอร์. สภาพการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าดีเสมอไป แต่สิ่งที่ช่วยได้คืออารมณ์ขัน. ผมกับนอร์มันดีใจที่ได้ร่วมกันรำลึกการวายพระชนม์ของพระคริสต์ขณะอยู่ในเรือนจำวินเชสเตอร์. ฟรันซิส คุกได้ไปเยี่ยมเราในเรือนจำ เขาเป็นผู้บรรยายที่ดีเยี่ยม ณ การประชุมอนุสรณ์ที่นั่น.
การเปลี่ยนแปลงในปีต่าง ๆ หลังสงคราม
ณ การประชุมใหญ่ในเมืองบริสตอล ปี 1946 นั้น มีการออกหนังสือคู่มือศึกษาพระคัมภีร์ “จงให้พระเจ้าเป็นองค์สัตย์จริง” ผมได้รู้จักสาวงามชื่อจอยซ์ มัวร์ เธอเป็นไพโอเนียร์ในเขตเดวอนเช่นเดียวกัน. มิตรภาพของเราผลิบาน และสี่ปีต่อมาเราแต่งงานกันที่เมืองทิเวอร์ตัน ผมมาอยู่ที่เมืองนี้ตั้งแต่ปี 1947. เราแต่งห้องที่ได้จ่ายค่าเช่าสัปดาห์ละ 15 ชิลลิง ( 50 บาท) ให้เป็นวิมานรักของเรา. ชีวิตช่วงนั้นมีความสุขจริง ๆ!
ช่วงปีแรกในชีวิตสมรสของเรา มีการโยกย้ายเราลงใต้ไปถึงบริกซ์แฮม เมืองท่าที่น่าอยู่ ซึ่งเริ่มพัฒนาวิธีลากอวนจับปลาเป็นแห่งแรก. แต่เราไม่ได้อยู่ที่นั่นนาน ผมล้มป่วยด้วยโรคโปลิโอระหว่างเดินทางเข้าร่วมการประชุมใหญ่ที่ลอนดอน. ผมป่วยหนักเข้าขั้นโคม่า. หลังจากเข้ารับการรักษาเก้าเดือนในโรงพยาบาล ในที่สุดผมก็ออกจากโรงพยาบาลดังได้กล่าวไว้ข้างต้น. มือข้างขวาและขาทั้งสองข้างของผมได้รับผลกระทบมาก และผมต้องใช้ไม้เท้า อาการตอนนี้ก็ยังไม่ปกติ. ภรรยาของผมเป็นเพื่อนแสนดีร่าเริงอยู่เสมอ และเป็นแหล่งให้การหนุนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจัดการเพื่อจะทำงานรับใช้เต็มเวลาได้ต่อ ๆ ไป. แต่มาถึงขั้นนี้ เราจะทำอะไรล่ะ? ไม่นาน ผมก็ได้เรียนรู้ว่าพระหัตถ์พระยะโฮวาไม่สั้นเกินที่จะช่วยเรา.
ปีถัดมาเราได้ไปร่วมการประชุมใหญ่ที่วิมเบิลดัน กรุงลอนดอน. เวลานั้น ผมเดินได้โดยไม่ต้องอาศัยไม้เท้า. ณ การประชุม เราได้พบไพรซ์ ฮิวส์ ซึ่งดูแลการงานในบริเตนในเวลานั้น. เขาทักทายผมทันทีว่า “ดีจัง! เราต้องการคุณเป็นผู้ดูแลหมวด!” คำพูดเช่นนี้ให้กำลังใจมากจริง ๆ อย่างที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน! สุขภาพของผมแข็งแรงพอจะทำงานไหวไหม? ผมกับจอยซ์ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เมื่อได้รับการฝึกอบรมหนึ่งสัปดาห์และวางใจพระยะโฮวาเต็มที่ เราก็เดินทางกลับไปที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ ที่นั่นผมได้รับมอบหมายให้รับใช้ฐานะผู้ดูแลหมวด. ตอนนั้น อายุผมแค่ 25 ปี แต่ผมยังคงรำลึกด้วยความหยั่งรู้ค่าอย่างซาบซึ้งต่อความกรุณาและความอดทนของพยานฯ เหล่านั้นที่อำนวยประโยชน์แก่ผมมากเหลือเกิน.
ว่ากันถึงขอบเขตกิจกรรมในระบอบของพระเจ้า ผมกับจอยซ์ได้ประสบว่าการเยี่ยมประชาคมต่าง ๆ ทำให้เราใกล้ชิดคริสเตียนพี่น้องชายหญิงของเราได้มากที่สุด. เราไม่มีรถยนต์ ฉะนั้น เราเดินทางโดยรถไฟ หรือไม่ก็รถโดยสารประจำทาง. ถึงแม้ผมยังต้องปรับตัวให้เข้ากับขีดจำกัดสืบเนื่องจากความเจ็บป่วย แต่เราชื่นชมที่มีโอกาสได้ทำงานรับใช้พิเศษนี้กระทั่ง
ปี 1957. นับว่าเป็นชีวิตที่น่าพอใจจริง ๆ แต่ปีนั้นเราเจอการท้าทายอีกอย่างหนึ่ง.ก้าวสู่งานรับใช้ฐานะมิชชันนารี
เราตื่นเต้นดีใจมากเมื่อได้รับคำเชิญให้เข้าเรียนในรุ่นที่ 30 ของโรงเรียนกิเลียด. ผมรับมือได้ดีกับอาการอัมพาต ดังนั้น ผมและจอยซ์ตกลงรับคำเชิญด้วยความยินดี. เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าพระยะโฮวาประทานกำลังให้เราเสมอ หากเราตั้งใจทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. การฝึกอบรมอย่างคร่ำเคร่งจากหลักสูตรห้าเดือนของโรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียด บนบริเวณพื้นที่อันสวยงามแห่งเซาท์แลนซิง รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว. นักเรียนส่วนใหญ่เป็นคู่สามีภรรยาซึ่งเดินทางเยี่ยมหมวด. เมื่อมีการถามนักเรียนในชั้นว่ามีใครบ้างอยากอาสาเป็นมิชชันนารีทำงานในต่างแดน เราอยู่ในกลุ่มที่พร้อมจะไป. เราจะไปที่ไหน? เราถูกมอบหมายให้ไปประเทศยูกันดาทางแอฟริกาตะวันออก!
เนื่องจากตอนนั้นงานของพยานพระยะโฮวาในยูกันดาถูกสั่งห้าม ผมได้รับคำแนะนำให้ตั้งหลักปักฐานอยู่ในประเทศและหางานทำ. หลังการเดินทางระยะไกลทั้งทางรถไฟและทางเรือ เราก็มาถึงกรุงกัมปาลา ประเทศยูกันดา. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่ค่อยชอบใจที่เห็นเราและอนุญาตให้เราอยู่แค่สองสามเดือนแล้วทีหลังก็มีคำสั่งให้เราเดินทางออกนอกประเทศ. เมื่อได้รับคำชี้แนะจากสำนักงานใหญ่ เราจึงเดินทางต่อไปยังโรดีเซียเหนือ (ปัจจุบันคือแซมเบีย). ที่นั่น เราดีใจมากเมื่อได้มาเจอนักเรียนร่วมรุ่นสี่คนจากกิเลียดอีกครั้งหนึ่ง—แฟรงก์กับแคร์รี ลูอิส และเฮส์กับแฮเรียต ฮอสกินส์. หลังจากนั้นไม่นาน เราถูกมอบหมายให้ไปโรดีเซียใต้ (ปัจจุบันคือซิมบับเว).
เราเดินทางโดยรถไฟ และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นน้ำตกวิกตอเรียที่ใหญ่โตน่าตื่นตาตื่นใจก่อนจะถึงเมืองบูลาวาโย. เราพักอยู่ชั่วคราวกับครอบครัวแมคลักกี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มพยานฯ รุ่นแรกที่ตั้งหลักแหล่งที่นั่น. นับว่าเป็นโอกาสดีมากที่เราได้รู้จักครอบครัวนี้ตลอด 16 ปีต่อมา.
ปรับสภาพให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลง
หลังการอบรมนานสองสัปดาห์เพื่อให้คุ้นเคยเขตงานในแอฟริกา ผมก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ดูแลภาค. การประกาศให้คำพยานแก่ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามป่าละเมาะของแอฟริกานั้นจะต้องขนเอาน้ำ, อาหาร, เครื่องนอน, เสื้อผ้า, เครื่องฉายภาพยนตร์พร้อมทั้งจอและเครื่องปั่นไฟ, และสิ่งจำเป็นอีกหลายอย่างไปด้วย. ของทั้งหมดใส่ลงในรถบรรทุกที่แข็งแรงพาเราสมบุกสมบันผ่านภูมิประเทศที่ขรุขระไปได้.
ผมทำงานกับผู้ดูแลหมวดชาวแอฟริกาหลายคนในขณะที่จอยซ์ทำงานอย่างเพลิดเพลินด้วยการช่วยภรรยาและลูกของผู้ดูแลเหล่านั้นที่ร่วมสมทบด้วย. การเดินในทุ่งหญ้าแอฟริกานั้นอาจทำให้เหนื่อย โดยเฉพาะช่วงกลางวันเมื่ออากาศร้อนอบอ้าว แต่ในไม่ช้าผมก็พบว่าภูมิอากาศแบบนี้
ช่วยผมรับมือได้ง่ายขึ้นกับความบกพร่องด้านสุขภาพร่างกาย ด้วยเหตุนี้ผมรู้สึกขอบคุณ.ประชาชนโดยทั่วไปยากจน. หลายคนจมอยู่กับธรรมเนียมประเพณีและการเชื่อโชคลางและทำตามประเพณีที่ให้มีสามีหรือภรรยาได้หลายคน กระนั้น คนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขานับถือคัมภีร์ไบเบิลอย่างมาก. บางพื้นที่ ประชาคมได้จัดการประชุมใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ และเวลาพลบค่ำก็อาศัยแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่แขวนไว้. เราตระหนักเสมอถึงความครั่นคร้ามน่าเกรงขามขณะศึกษาพระคำของพระเจ้าใต้ท้องฟ้าที่ระยิบระยับด้วยแสงดาว ส่วนที่เลิศเลอแห่งการสร้างสรรค์ของพระองค์.
การฉายภาพยนตร์ของสมาคมว็อชเทาเวอร์ในเขตสงวนของแอฟริกาเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งซึ่งไม่อาจลืมเสียได้. ประชาคมหนึ่งอาจมีพยานฯ 30 คน แต่พอถึงเวลาฉายภาพยนตร์ บ่อยครั้งเราคาดหมายได้ว่าจะมี 1,000 คนมาชม หรือมากกว่านั้น!
แน่นอน ในประเทศเขตร้อน คนเราอาจเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นครั้งคราว แต่การคิดในแง่บวกตลอดเวลาเป็นสิ่งสำคัญ. ผมกับจอยซ์เรียนรู้วิธีการดูแลเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว เป็นต้นว่า ผมเรียนรู้ที่จะช่วยตัวเองเมื่อจับไข้มาลาเรียเป็นพัก ๆ และจอยซ์รู้วิธีรับมือกับโรคบิด.
ต่อมา เราได้รับมอบหมายไปทำงานที่สำนักงานสาขาในซอลิสเบอรี (ปัจจุบันคือฮาราเร) นับว่าเป็นสิทธิพิเศษที่ได้ทำงานเคียงข้างกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาที่นั่น อาทิ เลสเตอร์ เดวีย์ และจอร์จกับรูบี แบรดเลย์. รัฐบาลแต่งตั้งผมให้ปฏิบัติงานฐานะนายทะเบียนสมรส ผมสามารถจัดการให้พี่น้องชาวแอฟริกาสมรสกันได้ ด้วยเหตุนั้น สายสมรสของคริสเตียนภายในประชาคมได้รับการเสริมให้แน่นแฟ้นมั่นคง. หลังจากนั้นไม่กี่ปี ผมได้รับมอบสิทธิพิเศษอีกอย่างหนึ่ง. ผมต้องไปเยี่ยมประชาคมต่าง ๆ ในประเทศ ยกเว้นประชาคมที่พูดภาษาบันตู. ผมกับจอยซ์ชื่นชมที่ได้รู้จักพี่น้องของเราในช่วงสิบกว่าปีของการเดินทางเยี่ยม และรู้สึกปีติยินดีเมื่อเห็นพวกเขาก้าวหน้าในทางแห่งความจริง. ระหว่างนั้น เราได้เดินทางเยี่ยมพวกพี่น้องในบอตสวานาและโมซัมบิกด้วย.
ย้ายไปประเทศอื่นอีก
หลังจากอยู่ทางตอนใต้ของแอฟริกาอย่างมีความสุขเป็นเวลาหลายปี เราได้รับมอบหมายให้ไปที่ประเทศเซียร์ราลีโอน แอฟริกาตะวันตก ในปี 1975. ไม่นานหลังจากนั้น เราปักหลักอยู่ที่สำนักงานสาขาเพื่อทำงานมอบหมายใหม่ แต่อยู่ได้ไม่นาน. ผมล้มป่วยและอ่อนเปลี้ยสะบักสะบอม เนื่องจากจับไข้มาลาเรีย และในที่สุดจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในลอนดอน ที่นี่เองที่ผมได้รับการชี้แนะไม่ให้กลับไปแอฟริกาอีก. เมื่อเป็นเช่นนี้เรารู้สึกเศร้าเสียใจ กระนั้นก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวเบเธลที่ลอนดอน. นอกจากนั้น มีพี่น้องชาวแอฟริกาจำนวนมากที่ร่วมกับหลายประชาคมในลอนดอนทำให้เรารู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ที่บ้าน. ครั้นสุขภาพของผมกระเตื้องขึ้น เราก็ปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรใหม่ เขาให้ผมดูแลแผนกจัดซื้อ. อาศัยการแผ่ขยายมากมายที่เราพบเห็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา งานนี้น่าสนใจ.
ช่วงต้นทศวรรษ 1990 จอยซ์ภรรยาที่รักล้มป่วยมีอาการอักเสบของประสาทบังคับการเคลื่อนไหว และเสียชีวิตในปี 1994. เธอได้พิสูจน์ตัวเป็นภรรยาที่มีความรัก, ภักดี, และซื่อสัตย์ เต็มใจเสมอที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ที่ผันผวนซึ่งเราเผชิญด้วยกัน. เพื่อจะรับมือกับการสูญเสียเช่นนี้ ผมได้พบว่าจำเป็นต้องรักษามุมมองฝ่ายวิญญาณให้กระจ่างชัดต่อ ๆ ไป และมองไปข้างหน้า. การอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยผมให้ยึดมั่นกับตารางเวลาที่ดีทั้งในงานรับใช้และการนมัสการ รวมถึงงานประกาศได้ช่วยให้ความคิดจิตใจของผมหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วย.—สุภาษิต 3:5, 6.
การรับใช้ที่เบเธลเป็นสิทธิพิเศษและเป็นวิถีชีวิตที่ดีงาม. ผมได้ทำงานร่วมกับหนุ่มสาวหลายคนและร่วมความชื่นชมยินดีด้วยกัน. พระพรประการหนึ่งคือที่นี่ในลอนดอน เราได้ต้อนรับแขกที่มาเยือนจำนวนมาก. บางครั้งผมพบเพื่อน ๆ ที่รักซึ่งมาจากเขตมอบหมายในแอฟริกา และได้ย้อนรำลึกเรื่องราวในความทรงจำอย่างน่าชื่นใจ. สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้ผมชื่นชมเต็มที่กับ “ชีวิตปัจจุบัน” และคิดคำนึงถึง “ชีวิตในอนาคต” ด้วยความมั่นใจและด้วยความหวัง.—1 ติโมเธียว 4:8.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 5 จัดพิมพ์ในปี 1928 โดยพยานพระยะโฮวา แต่ไม่พิมพ์อีกแล้ว.
[ภาพหน้า 25]
กับคุณแม่ของผม ปี 1946
[ภาพหน้า 26]
กับจอยซ์ในวันแต่งงาน ปี 1950
[ภาพหน้า 26]
ณ การประชุมใหญ่ที่เมืองบริสตอล ปี 1953
[ภาพหน้า 27]
รับใช้กลุ่มโดดเดี่ยว (ภาพบน) และประชาคมหนึ่ง (ภาพซ้าย) ในโรดีเซียใต้ ปัจจุบันคือซิมบับเว