ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ฟิโลแห่งอะเล็กซานเดรียผู้เพิ่มการคาดเดาเข้ากับพระคัมภีร์

ฟิโลแห่งอะเล็กซานเดรียผู้เพิ่มการคาดเดาเข้ากับพระคัมภีร์

ฟิโล​แห่ง​อะเล็กซานเดรีย​ผู้​เพิ่ม​การ​คาด​เดา​เข้า​กับ​พระ​คัมภีร์

ใน​ปี 332 ก่อน​สากล​ศักราช อะเล็กซานเดอร์​มหาราช​บุก​เข้า​ไป​ใน​อียิปต์. ก่อน​จะ​เคลื่อน​ทัพ​ต่อ​ไป​ทาง​ตะวัน​ออก​เพื่อ​พิชิต​โลก เขา​ได้​สร้าง​เมือง​หนึ่ง​ขึ้น​และ​ให้​ชื่อ​ว่า​อะเล็กซานเดรีย. เมือง​นี้​กลาย​เป็น​ศูนย์กลาง​วัฒนธรรม​กรีก. ครั้น​ถึง​ประมาณ​ปี 20 ก่อน ส.ศ. ผู้​พิชิต​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​เกิด​มา​ใน​เมือง​นี้ อาวุธ​ของ​เขา​ไม่​ใช่​หอก​หรือ​ดาบ หาก​แต่​เป็น​การ​หา​เหตุ​ผล​ใน​แนว​ปรัชญา. เขา​เป็น​ที่​รู้​จัก​ใน​ชื่อ​ฟิโล​แห่ง​อะเล็กซานเดรีย หรือ​ฟิโล จูเดอุส เพราะ​พื้นเพ​เป็น​ชาว​ยิว.

เมื่อ​กรุง​เยรูซาเลม​ถูก​ทำลาย​ใน​ปี 607 ก่อน ส.ศ. ชาว​ยิว​ต้อง​กระจัด​กระจาย​ไป​ตั้ง​ถิ่น​ฐาน​ใน​ที่​ต่าง ๆ จึง​มี​ชาว​ยิว​จำนวน​มาก​เข้า​มา​อาศัย​ใน​อียิปต์. หลาย​พัน​คน​อาศัย​อยู่​ใน​อะเล็กซานเดรีย. แต่​เกิด​มี​ปัญหา​ระหว่าง​ชาว​ยิว​กับ​ชาว​กรีก. ชาว​ยิว​ไม่​ยอม​นมัสการ​เทพเจ้า​ของ​ชาว​กรีก ส่วน​ชาว​กรีก​ก็​ดูถูก​พระ​คัมภีร์​ภาษา​ฮีบรู. ฟิโล​ได้​รับ​การ​ศึกษา​แบบ​ชาว​กรีก แต่​ถูก​เลี้ยง​ดู​แบบ​ชาว​ยิว เขา​จึง​คุ้น​เคย​ดี​กับ​ความ​ขัด​แย้ง​ดัง​กล่าว. เขา​เชื่อ​ว่า​ศาสนา​ยิว​เป็น​ศาสนา​แท้. แต่​ฟิโล​ไม่​เหมือน​คน​ส่วน​มาก เขา​หา​ทาง​จะ​ทำ​ให้​คน​ต่าง​ชาติ​สนใจ​พระเจ้า​ใน​แบบ​สันติ​วิธี. เขา​ต้องการ​ทำ​ให้​ศาสนา​ยิว​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ของ​คน​เหล่า​นั้น.

ข้อ​เขียน​เก่า แต่​ความ​หมาย​ใหม่

ภาษา​หลัก​ของ​ฟิโล​คือ​ภาษา​กรีก เช่น​เดียว​กับ​ชาว​ยิว​จำนวน​มาก​ใน​อะเล็กซานเดรีย. ดัง​นั้น เขา​จึง​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​โดย​ใช้​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​ฉบับ​กรีก​เซปตัวจินต์​เป็น​พื้น​ฐาน. เมื่อ​เขา​พิจารณา​ข้อ​ความ​ใน​ฉบับ​เซปตัวจินต์ เขา​ก็​มั่น​ใจ​ว่า​พระ​คัมภีร์​มี​หลัก​ปรัชญา​พื้น​ฐาน​แฝง​อยู่​และ​โมเซ​เป็น “นัก​ปรัชญา​อัจฉริยะ.”

หลาย​ศตวรรษ​ก่อน​หน้า​นั้น พวก​ปราชญ์​ชาว​กรีก​รู้สึก​ว่า​ยาก​ที่​จะ​ยอม​รับ​เรื่อง​ราว​ต่าง ๆ เกี่ยว​กับ​เทพเจ้า​และ​เทพ​ธิดา ทั้ง​ยักษ์​และ​มาร​ใน​เทพนิยาย​กรีก​โบราณ. พวก​เขา​จึง​นำ​นิยาย​ปรัมปรา​เหล่า​นั้น​มา​ตี​ความ​เสีย​ใหม่. เจมส์ ดรัมมอนด์ ปราชญ์​ด้าน​ศิลปวิทยา​สมัย​กรีก​และ​โรมัน​ได้​กล่าว​เกี่ยว​กับ​วิธี​การ​ที่​คน​เหล่า​นั้น​ใช้​ดัง​นี้: “นัก​ปรัชญา​จะ​เริ่ม​มอง​หา​ความ​หมาย​ที่​แฝง​อยู่​ใต้​พื้น​ผิว​ที่​เป็น​เรื่อง​เล่า​ใน​ตำนาน​ต่าง ๆ แล้ว​ก็​สรุป​เอา​จาก​เนื้อหา​ที่​น่า​รังเกียจ​และ​ไร้​สาระ​ของ​ตำนาน​เหล่า​นั้น​ว่า​ผู้​ประพันธ์​คง​ต้อง​เจตนา​ซ่อน​ความ​จริง​ที่​ลึกซึ้ง​และ​ให้​ความ​กระจ่าง​แจ้ง​บาง​อย่าง​ไว้.” วิธี​การ​นี้​เรียก​ว่า​การ​ตี​ความ​โดย​การ​อุปมา​อุปไมย และ​เป็น​วิธี​ที่​ฟิโล​พยายาม​ใช้​เพื่อ​อธิบาย​พระ​คัมภีร์.

เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง ลอง​พิจารณา​เยเนซิศ 3:22 ใน​ฉบับ​เซปตัวจินต์ ของ​แบกสเตอร์ ซึ่ง​กล่าว​ว่า “พระเจ้า​ทรง​ทำ​เสื้อ​หนัง​ให้​อาดาม​กับ​ภรรยา​ของ​เขา และ​ทรง​สวม​ให้​เขา​ทั้ง​สอง.” ชาว​กรีก​รู้สึก​ว่า​พระเจ้า​องค์​สูง​สุด​ทรง​สูง​ส่ง​เกิน​กว่า​จะ​ทำ​เสื้อ​ผ้า​ให้​มนุษย์. ดัง​นั้น ฟิโล​จึง​เห็น​ความ​หมาย​เชิง​สัญลักษณ์​ใน​ข้อ​นี้​และ​กล่าว​ว่า “เสื้อ​หนัง​เป็น​การ​กล่าว​โดย​นัย​ถึง​เนื้อหนัง​มนุษย์​ตาม​ธรรมชาติ ซึ่ง​ก็​คือ​ร่าง​กาย​ของ​เรา​นี้​เอง เพราะ​แรก​สุด​เมื่อ​พระเจ้า​ทรง​สร้าง​เชาวน์​ปัญญา​หนึ่ง​ขึ้น ทรง​เรียก​ว่า​อาดาม ต่อ​มา พระองค์​ทรง​สร้าง​ประสาท​รับ​รู้​ภาย​นอก แล้ว​ประทาน​ชื่อ​ว่า​ชีวิต. ขั้น​ที่​สาม พระองค์​ทรง​เห็น​ว่า​จำเป็น​ต้อง​สร้าง​ร่าง​กาย​ขึ้น และ​ทรง​เรียก​กาย​นั้น​ด้วย​คำ​ที่​มี​ความ​หมาย​เป็น​นัย​คือ เสื้อ​หนัง.” โดย​วิธี​นี้ ฟิโล​พยายาม​ทำ​ให้​การ​ที่​พระเจ้า​สวม​เสื้อ​ผ้า​ให้​อาดาม​กับ​ฮาวา​กลาย​เป็น​ประเด็น​ทาง​ปรัชญา​ที่​ต้อง​ขบ​คิด.

นอก​จาก​นี้ ขอ​พิจารณา​เยเนซิศ 2:10-14 ซึ่ง​พรรณนา​แหล่ง​น้ำ​ใน​สวน​เอเดน​และ​กล่าว​ถึง​แคว​สี่​สาย​ที่​ไหล​ออก​จาก​สวน​นั้น. ฟิโล​พยายาม​ที่​จะ​มอง​หา​ความ​หมาย​ลึก​ที่​อยู่​ใน​คำ​ต่าง ๆ และ​มอง​ลึก​กว่า​ความ​เป็น​สถาน​ที่. หลัง​จาก​ได้​ให้​ความ​เห็น​เกี่ยว​กับ​แผ่นดิน​ไป​แล้ว เขา​กล่าว​ว่า “บาง​ที​ข้อ​ความ​นี้​อาจ​มี​ความ​หมาย​เชิง​อุปมา​แฝง​อยู่​ด้วย เพราะ​แคว​สี่​สาย​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​คุณธรรม​สี่​ประการ.” เขา​คิด​ว่า​แคว​พีโซน​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​ความ​สุขุม​รอบคอบ, แคว​ฆีโฮน​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​ความ​เคร่ง​ขรึม, แคว​ฮิเดะเค็ล (ไทกริส) เป็น​สัญลักษณ์​ของ​ความ​แข็ง​แกร่ง, และ​แคว​ฟะราธ (ยูเฟรทิส) หมาย​ถึง​ความ​ยุติธรรม. ด้วย​เหตุ​นี้ การ​อุปมา​อุปไมย​โดย​ใช้​สัญลักษณ์​จึง​เข้า​มา​แทน​ที่​ภูมิศาสตร์.

ฟิโล​ใช้​วิธี​การ​ตี​ความ​โดย​การ​อุปมา​อุปไมย​เพื่อ​วิเคราะห์​บันทึก​เรื่อง​การ​สร้าง, เรื่อง​ของ​คายิน​ที่​ฆ่า​เฮเบล, เรื่อง​น้ำ​ท่วม​ใหญ่​สมัย​โนฮา, การ​ทำ​ให้​ภาษา​สับสน​ที่​บาเบล, และ​บัญญัติ​ของ​โมเซ​อีก​หลาย​ข้อ. ดัง​ที่​เห็น​จาก​ตัว​อย่าง​ใน​ย่อ​หน้า​ก่อน ฟิโล​มัก​ยอม​รับ​ข้อ​ความ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​มี​ความ​หมาย​ตาม​ตัว​อักษร จาก​นั้น​จึง​เสนอ​ความ​เข้าใจ​ใน​รูป​แบบ​สัญลักษณ์​ของ​ตน​เอง โดย​ใช้​คำ​พูด​ทำนอง​นี้ “บาง​ที​เรา​อาจ​ต้อง​มอง​ดู​ถ้อย​คำ​เหล่า​นี้​ใน​ลักษณะ​ของ​อุปมา​อุปไมย.” ใน​ข้อ​เขียน​ของ​ฟิโล มี​การ​ใช้​สัญลักษณ์​แทน​สิ่ง​ต่าง ๆ มาก​มาย แต่​น่า​เสียดาย​ที่​ความ​หมาย​ที่​ชัดเจน​ของ​พระ​คัมภีร์​ต้อง​เลือน​หาย​ไป.

ใคร​คือ​พระเจ้า?

ฟิโล​สนับสนุน​เรื่อง​การ​ดำรง​อยู่​ของ​พระเจ้า​ด้วย​ตัว​อย่าง​ที่​มี​พลัง. หลัง​จาก​พรรณนา​ถึง​แผ่นดิน, แม่น้ำ, ดาว​เคราะห์, และ​ดวง​ดาว​ต่าง ๆ แล้ว เขา​สรุป​ว่า “โลก​เป็น​สิ่ง​ที่​ถูก​สร้าง​อย่าง​วิจิตร​บรรจง​ที่​สุด​ใน​บรรดา​สิ่ง​ต่าง ๆ ทั้ง​หมด ราว​กับ​ว่า​ถูก​ประกอบ​ขึ้น​โดย​ผู้​ที่​มี​ความ​สามารถ​ทุก​ประการ​และ​มี​ความ​รู้​ครบ​ถ้วน​สมบูรณ์​ที่​สุด. เพราะ​เหตุ​นี้​เรา​จึง​คิด​ว่า​พระเจ้า​ทรง​ดำรง​อยู่.” นี่​เป็น​การ​หา​เหตุ​ผล​ที่​ถูก​ต้อง.—โรม 1:20.

แต่​เมื่อ​ฟิโล​อธิบาย​ลักษณะ​ของ​พระเจ้า​องค์​ทรง​ฤทธานุภาพ​ทุก​ประการ คำ​พูด​ของ​เขา​ไกล​จาก​ความ​จริง​ไป​มาก. ฟิโล​อ้าง​ว่า​พระเจ้า “ไม่​มี​คุณลักษณะ​พิเศษ​อะไร” และ​บอก​ว่า​พระเจ้า “ไม่​อาจ​เข้าใจ​ได้.” ฟิโล​ไม่​สนับสนุน​ความ​พยายาม​ใด ๆ ที่​จะ​รู้​จัก​พระเจ้า โดย​กล่าว​ว่า “การ​พยายาม​มาก​ไป​กว่า​นี้​เพื่อ​จะ​สืบ​หา​แก่น​แท้​หรือ​คุณลักษณะ​พิเศษ​ของ​พระเจ้า​เป็น​เรื่อง​โง่​เขลา​ที่​สุด.” ความ​คิด​เช่น​นี้​ไม่​ได้​มา​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล แต่​มา​จาก​นัก​ปรัชญา​นอก​รีต​ที่​ชื่อ เพลโต.

ฟิโล​กล่าว​ไว้​ว่า​พระเจ้า​อยู่​เหนือ​ความ​เข้าใจ​ของ​มนุษย์​มาก​นัก จึง​เป็น​ไป​ไม่​ได้​ที่​จะ​เรียก​พระองค์​ด้วย​พระ​นาม​เฉพาะ. ฟิโล​กล่าว​ว่า “ฉะนั้น จึง​เป็น​เรื่อง​ที่​มี​เหตุ​ผล​ที​เดียว​ที่​ว่า​ไม่​มี​นาม​เฉพาะ​ใด​จะ​เหมาะ​สม​กับ​พระองค์ ผู้​ซึ่ง​แท้​จริง​แล้ว​เป็น​พระเจ้า​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่.” ช่าง​ขัด​แย้ง​กับ​ความ​จริง​สัก​เพียง​ไร!

คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ชัดเจน​ว่า​พระเจ้า​ทรง​มี​พระ​นาม​เฉพาะ. บทเพลง​สรรเสริญ 83:18 กล่าว​ว่า “พระองค์​ผู้​เดียว, ผู้​ทรง​พระ​นาม​ว่า​พระ​ยะโฮวา เป็น​พระเจ้า​ใหญ่​ยิ่ง​ทรง​ครอบครอง​ทั่ว​แผ่นดิน​โลก.” ยะซายา 42:8 ยก​คำ​ตรัส​ของ​พระเจ้า​มา​กล่าว​ที่​ว่า “เรา​คือ​ยะโฮวา, นาม​นี้​เป็น​นาม​ของ​เรา.” ทำไม​ชาว​ยิว​ที่​รู้​ข้อ​คัมภีร์​เหล่า​นี้​ดี​อย่าง​ฟิโล​จึง​สอน​ว่า​พระเจ้า​ไม่​มี​พระ​นาม? นั่น​เป็น​เพราะ​ผู้​ที่​เขา​พรรณนา​นั้น​ไม่​ใช่​พระเจ้า​องค์​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล หาก​แต่​เป็น​เทพเจ้า​ไร้​นาม​และ​ไม่​อาจ​เข้า​ถึง​ได้​ของ​ปรัชญา​กรีก.

จิตวิญญาณ​คือ​อะไร?

ฟิโล​สอน​ว่า​จิตวิญญาณ​แยก​ต่าง​หาก​จาก​ร่าง​กาย. เขา​กล่าว​ว่า​มนุษย์ “ประกอบ​ด้วย​ร่าง​กาย​และ​จิตวิญญาณ.” จิตวิญญาณ​ตาย​ได้​ไหม? ขอ​ให้​สังเกต​คำ​อธิบาย​ของ​ฟิโล​ที่​ว่า “เมื่อ​เรา​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่ ร่าง​กาย​ของ​เรา​ก็​มี​ชีวิต​อยู่​แม้​จิตวิญญาณ​ของ​เรา​จะ​ตาย​ไป​แล้ว​และ​ฝัง​อยู่​ใน​ร่าง​ของ​เรา​เสมือน​อยู่​ใน​ที่​ฝัง​ศพ. แต่​เมื่อ​ร่าง​กาย​ของ​เรา​ตาย เมื่อ​นั้น​จิตวิญญาณ​ของ​เรา​จะ​ดำรง​อยู่​ใน​แบบ​ที่​เหมาะ​กับ​จิตวิญญาณ​ตาม​ที่​ควร​จะ​เป็น โดย​ถูก​ปลด​ปล่อย​จาก​กาย​ที่​ชั่ว​ซึ่ง​ตาย​แล้ว.” สำหรับ​ฟิโล การ​ตาย​ของ​จิตวิญญาณ​มี​ความ​หมาย​เป็น​นัย. จิตวิญญาณ​ไม่​เคย​ตาย​จริง ๆ. จิตวิญญาณ​เป็น​อมตะ.

แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​อย่าง​ไร​เรื่อง​จิตวิญญาณ? เยเนซิศ 2:7 กล่าว​ว่า “พระ​ยะโฮวา​เจ้า​ได้​ทรง​สร้าง​มนุษย์​ด้วย​ผงคลี​ดิน, ระบาย​ลม​แห่ง​ชีวิต​เข้า​ทาง​จมูก​ให้​มี​ชีวิต​หายใจ​เข้า​ออก; มนุษย์​จึง​เกิด​เป็น​จิตต์​วิญญาณ​มี​ชีวิต​อยู่.” ตาม​ที่​กล่าว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล มนุษย์​ไม่​ได้​มี จิตวิญญาณ แต่​พวก​เขา​เป็น จิตวิญญาณ.

คัมภีร์​ไบเบิล​ยัง​สอน​ด้วย​ว่า​จิตวิญญาณ​ไม่​เป็น​อมตะ. ยะเอศเคล 18:4 กล่าว​ว่า “จิตวิญญาณ​ที่​ได้​ทำ​บาป, จิตวิญญาณ​นั้น​จะ​ตาย​เอง.” จาก​ข้อ​คัมภีร์​เหล่า​นี้ เรา​สามารถ​ได้​ข้อ​สรุป​ที่​ถูก​ต้อง​ว่า มนุษย์​คือ​จิตวิญญาณ. ฉะนั้น เมื่อ​มนุษย์​ตาย จิตวิญญาณ​ก็​ตาย.—เยเนซิศ 19:19. *

หลัง​จาก​ฟิโล​เสีย​ชีวิต ชาว​ยิว​ไม่​ได้​ให้​ความ​สนใจ​เขา​มาก​นัก. แต่​คริสต์​ศาสนจักร​กลับ​ยอม​รับ​เขา. ยูเซบิอุส​และ​ผู้​นำ​คน​อื่น ๆ ของ​คริสตจักร​เชื่อ​ว่า​ฟิโล​ได้​เปลี่ยน​มา​นับถือ​ศาสนา​คริสเตียน. เจโรม​กล่าว​ถึง​ชื่อ​ของ​ฟิโล​รวม​กับ​ราย​ชื่อ​นัก​เขียน​แห่ง​คริสตจักร​โบราณ. ผู้​ที่​เก็บ​รักษา​ข้อ​เขียน​ของ​ฟิโล​ไว้​กลับ​กลาย​เป็น​คริสเตียน​ที่​ออก​หาก แทน​ที่​จะ​เป็น​ชาว​ยิว.

ข้อ​เขียน​ของ​ฟิโล​นำ​ไป​สู่​การ​ปฏิวัติ​ทาง​ศาสนา. อิทธิพล​ของ​เขา​ทำ​ให้​คริสเตียน​ใน​นาม​รับ​เอา​หลัก​คำ​สอน​ที่​ไม่​เป็น​ไป​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​เรื่อง​จิตวิญญาณ​อมตะ. และ​คำ​สอน​ของ​ฟิโล​เกี่ยว​กับ​โลโกส (หรือ​พระ​วาทะ) ก่อ​ให้​เกิด​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ ซึ่ง​ไม่​ได้​เป็น​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​แต่​เป็น​คำ​สอน​ของ​ศาสนา​คริสเตียน​ที่​ออก​หาก.

อย่า​หลง​เชื่อ

ขณะ​ที่​ฟิโล​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู เขา​คอย​ดู​ให้​แน่​ใจ​ว่า​ไม่​ได้ “มอง​ข้าม​ความ​หมาย​เชิง​อุปมา​ใด ๆ ที่​อาจ​ซ่อน​อยู่​ใน​ภาษา​ธรรมดา ๆ.” อย่าง​ไร​ก็​ตาม ใน​พระ​บัญญัติ 4:2 โมเซ​ได้​กล่าว​ถึง​พระ​บัญญัติ​ของ​พระเจ้า​ว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​อย่า​ได้​เพิ่ม​เติม​คำ​ที่​เรา​สั่ง​สอน​เจ้า​ทั้ง​หลาย, และ​อย่า​ได้​ลด​หย่อน​จาก​ถ้อย​คำ​นั้น, เพื่อ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ประพฤติ​ตาม​ข้อ​บัญญัติ​แห่ง​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​เจ้า ซึ่ง​เรา​ได้​สั่ง​เจ้า​ทั้ง​หลาย.” ด้วย​การ​กระทำ​ซึ่ง​ดู​เหมือน​ว่า​เป็น​เจตนา​ดี​ทั้ง​สิ้น ฟิโล​ได้​เพิ่ม​การ​คาด​เดา​ซึ่ง​เป็น​เหมือน​ชั้น​หมอก​หนา​ทึบ​ที่​บดบัง​คำ​สอน​อัน​ชัดเจน​แห่ง​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ที่​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ.

อัครสาวก​เปโตร​กล่าว​ว่า “เพราะ​ว่า​เมื่อ​เรา​ได้​สำแดง​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทราบ​ถึง​ฤทธิ์​เดช​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​ของ​เรา และ​การ​ที่​พระองค์​จะ​เสด็จ​มา​นั้น, เรา​ไม่​ได้​คล้อย​ตาม​นิยาย​ที่​เขา​คิด​แต่ง​ไว้​ด้วย​ความ​เฉลียวฉลาด.” (2 เปโตร 1:16) ต่าง​จาก​ข้อ​เขียน​ของ​ฟิโล คำ​แนะ​นำ​ที่​เปโตร​ให้​กับ​ประชาคม​คริสเตียน​สมัย​แรก ๆ อาศัย​ข้อ​เท็จ​จริง​และ​การ​ชี้​นำ​โดย​พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า ซึ่ง​เป็น “พระ​วิญญาณ​แห่ง​ความ​จริง” ที่​นำ​พวก​เขา​ไป​สู่​ความ​จริง​ทุก​อย่าง.—โยฮัน 16:13.

ถ้า​คุณ​สนใจ​จะ​นมัสการ​พระเจ้า​แห่ง​คัมภีร์​ไบเบิล คุณ​จำเป็น​ต้อง​มี​การ​ชี้​นำ​ที่​ถูก​ต้อง ไม่​ใช่​การ​ตี​ความ​ที่​อาศัย​ความ​คิด​ของ​มนุษย์​เป็น​หลัก. คุณ​จำเป็น​ต้อง​มี​ความ​รู้​ถ่องแท้​เกี่ยว​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์ และ​เพื่อ​จะ​เป็น​นัก​ศึกษา​ที่​มี​ความ​จริง​ใจ คุณ​ต้อง​มี​ความ​ถ่อม​ใจ. ถ้า​คุณ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​เจตคติ​ที่​ดี​เช่น​นั้น คุณ​จะ​ได้​รู้ ‘คำ​จารึก​อัน​ศักดิ์สิทธิ์​ซึ่ง​มี​ฤทธิ์​อาจ​ให้​คุณ​ได้​ปัญญา​ถึง​ที่​รอด​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์.’ คุณ​จะ​เห็น​ว่า​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​สามารถ​ทำ​ให้​คุณ “เป็น​ผู้​รอบคอบ, คือ​เป็น​ผู้​ที่​ได้​ถูก​เตรียม​ไว้​พร้อม​แล้ว​สำหรับ​การ​ดี​ทุก​อย่าง.”—2 ติโมเธียว 3:15-17.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 18 สารานุกรม​เดอะ จูวิช ปี 1910 ได้​ให้​ความ​เห็น​เรื่อง​จิตวิญญาณ​ไว้​ว่า “ความ​เชื่อ​ที่​ว่า​จิตวิญญาณ​ยัง​มี​อยู่​หลัง​จาก​ร่าง​กาย​สูญ​สลาย​ไป​แล้ว​เป็น​การ​คาด​คะเน​ทาง​ปรัชญา​หรือ​ทาง​เทววิทยา​มาก​กว่า​จะ​เป็น​ความ​เชื่อ​ดั้งเดิม ฉะนั้น​จึง​ไม่​มี​การ​สอน​เรื่อง​นี้​ใน​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​ไม่​ว่า​ที่​ใด.”

[กรอบ/ภาพ​หน้า 10]

เมือง​ของ​ฟิโล

ฟิโล​อาศัย​และ​ทำ​งาน​ใน​เมือง​อะเล็กซานเดรีย​ของ​อียิปต์. เป็น​เวลา​หลาย​ร้อย​ปี​ที่​เมือง​นี้​เป็น​ศูนย์กลาง​แห่ง​หนังสือ​ของ​โลก​และ​การ​ถก​ปัญหา​ของ​เหล่า​ผู้​คง​แก่​เรียน.

นัก​เรียน​จะ​เล่า​เรียน​กับ​ผู้​คง​แก่​เรียน​ที่​มี​ชื่อเสียง​ซึ่ง​สอน​อยู่​ตาม​โรง​เรียน​ต่าง ๆ ใน​เมือง. ห้อง​สมุด​ของ​อะเล็กซานเดรีย​มี​ชื่อเสียง​ไป​ทั่ว​โลก. เหล่า​บรรณารักษ์​พยายาม​หา​สำเนา​ของ​หนังสือ​ทุก​เล่ม​ที่​มี​การ​เขียน​กัน จน​มี​หนังสือ​หลาย​แสน​เล่ม​อยู่​ใน​ห้อง​สมุด.

ต่อ​มา การ​ยอม​รับ​นับถือ​ที่​โลก​ให้​กับ​อะเล็กซานเดรีย​และ​คลัง​ความ​รู้​มหาศาล​ของ​เมือง​นี้​ก็​ค่อย ๆ ลด​ลง. บรรดา​จักรพรรดิ​แห่ง​โรม​ได้​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​เมือง​ของ​ตน​มาก​กว่า และ​ยุโรป​กลาย​เป็น​ศูนย์กลาง​วัฒนธรรม. อะเล็กซานเดรีย​เสื่อม​ลง​ถึง​ขีด​สุด​ใน​ศตวรรษ​ที่​เจ็ด​สากล​ศักราช​เมื่อ​ผู้​บุกรุก​พิชิต​เมือง​นี้​ได้. จน​บัด​นี้ นัก​ประวัติศาสตร์​ยัง​คง​คร่ำ​ครวญ​ถึง​ห้อง​สมุด​อัน​ลือ​ชื่อ​ที่​สูญ​เสีย​ไป บาง​คน​ถึง​กับ​อ้าง​ว่า​อารยธรรม​ของ​มนุษย์​ล้า​หลัง​ไป​ถึง 1,000 ปี.

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

L. Chapons/Illustrirte Familien-Bibel nach der deutschen Uebersetzung Dr. Martin Luthers

[กรอบ​หน้า 12]

การ​ตี​ความ​โดย​การ​อุปมา​อุปไมย​ใน​ปัจจุบัน

อุปมา​นิทัศน์​ส่วน​ใหญ่​มัก​เป็น “เรื่อง​ที่​แต่ง​ขึ้น​โดย​สมมุติ​ให้​บุคคล​หรือ​สิ่ง​ที่​เป็น​นามธรรม​มี​ความ​หมาย​สอง​นัย.” ข้อ​เขียน​ที่​ใช้​อุปมา​นิทัศน์​กล่าว​กัน​ว่า​เป็น​การ​ใช้​สัญลักษณ์​แทน​ที่​สิ่ง​สำคัญ​กว่า​ซึ่ง​แฝง​อยู่. เช่น​เดียว​กับ​ฟิโล​แห่ง​อะเล็กซานเดรีย ครู​สอน​ศาสนา​บาง​คน​ใน​ทุก​วัน​นี้​ใช้​วิธี​การ​ตี​ความ​โดย​การ​อุปมา​อุปไมย​เพื่อ​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล.

ขอ​พิจารณา​เยเนซิศ​บท​ที่ 1-11 ซึ่ง​บันทึก​เรื่อง​ราว​ตั้ง​แต่​การ​สร้าง​มนุษย์​จน​ถึง​เมื่อ​พระเจ้า​ทรง​ทำ​ให้​มนุษย์​กระจัด​กระจาย​ไป​จาก​หอ​บาเบล. เดอะ นิว อเมริกัน ไบเบิล ซึ่ง​เป็น​ฉบับ​แปล​ของ​คาทอลิก กล่าว​ถึง​บันทึก​ตอน​ดัง​กล่าว​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า “เพื่อ​จะ​ทำ​ให้​ความ​จริง​ที่​มี​อยู่​ใน​บท​เหล่า​นั้น​เป็น​ที่​เข้าใจ​ได้​สำหรับ​ชาว​อิสราเอล​ซึ่ง​ต้อง​เป็น​ผู้​รักษา​ความ​จริง​เหล่า​นั้น​ไว้ จึง​ต้อง​มี​การ​ถ่ายทอด​ความ​จริง​ออก​มา​โดย​อาศัย​แนว​คิด​ที่​รู้​จัก​กัน​ดี​ใน​หมู่​ผู้​คน​สมัย​นั้น. ด้วย​เหตุ​นี้ ความ​จริง​จึง​ต้อง​แยก​ออก​มา​อย่าง​ชัดเจน​จาก​ข้อ​ความ​ตาม​ตัว​อักษร​ซึ่ง​เป็น​เหมือน​เสื้อ​ผ้า​ที่​หุ้ม​ห่อ​อยู่​ภาย​นอก.” นี่​เป็น​การ​กล่าว​ว่า เยเนซิศ​บท 1-11 ไม่​ควร​ถือ​เอา​ตาม​ตัว​อักษร. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น ข้อ​ความ​เหล่า​นั้น​เป็น​เหมือน​เสื้อ​ผ้า​ที่​ปิด​คลุม​ร่าง​กาย​อยู่ กล่าว​คือ​ปิด​คลุม​ความ​หมาย​ที่​อยู่​ลึก​ลง​ไป.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​เยซู​ทรง​สอน​ว่า​ถ้อย​คำ​ใน​บท​ดัง​กล่าว​ของ​พระ​ธรรม​เยเนซิศ​เป็น​ความ​จริง​ตาม​ตัว​อักษร. (มัดธาย 19:4-6; 24:37-39) อัครสาวก​เปาโล​กับ​เปโตร​ก็​สอน​อย่าง​นั้น​เช่น​กัน. (กิจการ 17:24-26; 2 เปโตร 2:5; 3:6, 7) นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​จริง​ใจ​ไม่​ยอม​รับ​การ​อธิบาย​ที่​ไม่​สอดคล้อง​ลง​รอย​กับ​พระ​คำ​ทั้ง​เล่ม​ของ​พระเจ้า.

[ภาพ​หน้า 9]

ประภาคาร​ใหญ่​แห่ง​อะเล็กซานเดรีย

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Archives Charmet/Bridgeman Art Library