เยาวชนทั้งหลาย จงสรรเสริญพระยะโฮวา!
เยาวชนทั้งหลาย จงสรรเสริญพระยะโฮวา!
“จงสรรเสริญพระยะโฮวาจากแผ่นดินโลก . . . ชายหนุ่มและหญิงสาวพรหมจารี.”—บทเพลงสรรเสริญ 148:7, 12.
1, 2. (ก) เด็กหลายคนรู้ดีว่าพวกเขามีข้อจำกัดแบบใดบ้าง? (ข) ทำไมเด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกไม่พอใจที่พ่อแม่วางข้อจำกัดแก่พวกเขา?
เด็ก ๆ มักรู้ดีว่าอะไรที่พวกเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ. หลายคนบอกได้ทันทีว่าพวกเขาต้องอายุเท่าไรจึงจะข้ามถนนได้เอง ไม่ต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ หรือที่จะได้รับอนุญาตให้ขับรถ. บางครั้ง เด็ก ๆ อาจรู้สึกว่าบ่อยครั้งเหลือเกินที่คำขอของเขาได้รับคำตอบว่า “รอให้ลูกโตกว่านี้เสียก่อน.”
2 เยาวชนทั้งหลาย คุณรู้ที่พ่อแม่ของคุณรู้สึกว่าเป็นการสุขุมที่จะวางข้อจำกัดดังกล่าว บางที เพื่อปกป้องคุณ. คุณรู้อย่างแน่นอนด้วยว่าการที่คุณเชื่อฟังพ่อแม่ทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย. (โกโลซาย 3:20) แต่คุณเคยรู้สึกไหมว่า เนื่องด้วยข้อจำกัดเหล่านั้น มันเหมือนกับว่าชีวิตของคุณยังไม่ได้เริ่มต้นจริง ๆ? อะไร ๆ ที่สำคัญก็ต้องรอให้โตกว่านี้ก่อนถึงจะทำได้อย่างนั้นหรือ? นั่นไม่จริงเลย! มีงานอย่างหนึ่งที่กำลังทำกันอยู่ซึ่งเป็นงานที่สำคัญยิ่งกว่าสิทธิพิเศษอื่นใดที่คุณอาจจะคอยอยู่. พวกคุณที่เป็นเยาวชนได้รับอนุญาต ให้ร่วม ทำงานสำคัญนี้ด้วยไหม? คุณไม่ใช่แค่ได้รับอนุญาต แต่แท้ที่จริงแล้ว พระผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดทรงเชิญ คุณมีส่วนร่วมในงานนี้ด้วยพระองค์เอง!
3. พระยะโฮวาเชิญเยาวชนให้เข้าร่วมในงานพิเศษอะไร และเราจะพิจารณาคำถามอะไรบ้างในตอนนี้?
3 เรากำลังพูดถึงงานอะไร? ขอสังเกตถ้อยคำในข้อคัมภีร์หลักของบทความนี้: “จงสรรเสริญพระยะโฮวาจากแผ่นดินโลก . . . ชายหนุ่มและหญิงสาวพรหมจารี คนแก่กับฝูงเด็ก.” (บทเพลงสรรเสริญ 148:7, 12) ข้อคัมภีร์นี้กล่าวถึงสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่สำหรับคุณ นั่นคือคุณสามารถสรรเสริญพระยะโฮวา. ในฐานะเยาวชนคนหนึ่ง คุณตื่นเต้นไหมที่ได้มีส่วนร่วมในงานนี้? เยาวชนหลายคนรู้สึกเช่นนั้น. เพื่อจะเห็นว่าทำไมคุณควรรู้สึกอย่างนั้น ขอเรามาพิจารณาคำถามด้วยกันสามข้อ. หนึ่ง: ทำไม คุณควรสรรเสริญพระยะโฮวา? สอง: คุณจะสรรเสริญพระองค์อย่างมีประสิทธิภาพได้โดยวิธีใด? สาม: ควรจะเริ่มสรรเสริญพระยะโฮวาเมื่อไร ดี?
ทำไมจึงสรรเสริญพระยะโฮวา?
4, 5. (ก) ตามที่กล่าวในบทเพลงสรรเสริญบท 148 เราอยู่ในสภาพการณ์อะไรที่น่าประทับใจ? (ข) สิ่งทรงสร้างที่พูดและคิดหาเหตุผลไม่ได้จะยังสรรเสริญพระยะโฮวาได้อย่างไร?
4 เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่เราสรรเสริญพระยะโฮวาก็เพราะพระองค์เป็นพระผู้สร้าง. บทเพลงสรรเสริญบท 148 ช่วยเราใส่ใจความจริงข้อนี้. ขอลองนึกภาพดู: ถ้าคุณเข้าไปใกล้คนกลุ่มใหญ่ที่ร่วมร้องประสานเสียงกันด้วยบทเพลงที่ไพเราะและซาบซึ้งกินใจ คุณจะรู้สึกอย่างไร? แล้วหากคุณรู้ว่าเนื้อร้องของเพลงนั้นกล่าวถึงเรื่องที่เป็นความจริง ถ่ายทอดแนวคิดที่คุณรู้ว่าสำคัญ, ก่อความยินดี, และชูใจล่ะ? คุณจะรู้สึกอยากเรียนเนื้อร้องของเพลงนั้นและร่วมร้องเพลงกับพวกเขาด้วยไหม? พวกเราส่วนใหญ่คงจะอยากทำเช่นนั้นแน่ ๆ. บทเพลงสรรเสริญบท 148 แสดงให้เห็นว่าคุณอยู่ในสภาพการณ์ที่คล้าย ๆ กันนั้น แต่ดีเยี่ยมกว่ามาก. บทเพลงสรรเสริญบทดังกล่าวพรรณนาถึงสิ่งทรงสร้างหมู่ใหญ่ ทั้งหมดสรรเสริญพระยะโฮวาอย่างพร้อมเพรียงกัน. แต่ขณะที่คุณอ่านบทเพลงสรรเสริญบทนี้ คุณอาจสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดธรรมดา. สิ่งนั้นคืออะไร?
5 สิ่งทรงสร้างจำนวนมากที่สรรเสริญพระยะโฮวาตามที่กล่าวในบทเพลงสรรเสริญบท 148 นั้นพูดและคิดหาเหตุผลไม่ได้. ตัวอย่างเช่น เราอ่านข้อต่าง ๆ ที่บอกว่าดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์, ดวงดาว, หิมะ, ลม, ภูเขา, และเนินเขา ต่างสรรเสริญพระยะโฮวา. สิ่งทรงสร้างที่ไร้ชีวิตเหล่านี้สรรเสริญพระยะโฮวาโดยวิธีใด? (ข้อ 3, 8, 9) ที่จริงแล้ว ก็ในวิธีเดียวกับที่ต้นไม้, สิ่งมีชีวิตในทะเล, และสัตว์ต่าง ๆ ได้ทำ. (ข้อ 7, 9, 10) คุณเคยเฝ้าดูภาพที่สวยงามของอาทิตย์ยามอัสดง, หรือมองดูดวงจันทร์เต็มดวงลอยผ่านหมู่ดาวในท้องฟ้า, หรือหัวเราะด้วยความสนุกสนานขณะดูสัตว์กำลังเล่นกัน, หรือตะลึงงันกับภูมิประเทศที่งดงามไหม? ถ้าเคยก็แสดงว่าคุณ “ได้ยิน” เสียงร้องสรรเสริญพระเจ้าจากสิ่งทรงสร้าง. สรรพสิ่งที่พระยะโฮวาได้สร้างเตือนใจเราว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ และตลอดทั่วทั้งเอกภพไม่มีใครอีกแล้วที่มีฤทธิ์อำนาจ, ปัญญา, หรือความรักที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้น.—โรม 1:20; วิวรณ์ 4:11.
6, 7. (ก) บทเพลงสรรเสริญบท 148 กล่าวถึงสิ่งมีชีวิตที่มีเชาวน์ปัญญาประเภทใดที่สรรเสริญพระยะโฮวา? (ข) ทำไมเราอาจถูกกระตุ้นให้สรรเสริญพระยะโฮวา? จงยกตัวอย่าง.
6 บทเพลงสรรเสริญบท 148 ยังกล่าวถึงสิ่งที่มีเชาวน์ปัญญาที่สรรเสริญพระยะโฮวาด้วย. ในข้อ 2 เราอ่านพบว่า “พลโยธา” ในสวรรค์ของพระยะโฮวา ซึ่งก็คือเหล่าทูตสวรรค์ สรรเสริญพระองค์. ในข้อ 11 มนุษย์ผู้มีอำนาจและอิทธิพล เช่น ผู้ปกครองบ้านเมืองและตุลาการ ได้รับคำเชิญให้ร่วมสรรเสริญพระองค์. หากทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์มีความยินดีในการสรรเสริญพระยะโฮวา มนุษย์ธรรมดาจะกล่าวได้อย่างถูกต้องหรือว่าตัวเขาสำคัญเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น? ต่อจากนั้น ในข้อ 12 กับ 13 เยาวชนได้รับคำเชิญให้ร่วมสรรเสริญพระยะโฮวาเช่นกัน. คุณรู้สึกถูกกระตุ้นให้อยากทำเช่นนั้นไหม?
7 ขอพิจารณาตัวอย่างหนึ่ง. หากคุณมีเพื่อนสนิทที่มีความสามารถที่น่าทึ่ง อาจเป็นด้านกีฬา, ศิลปะ, หรือดนตรี คุณจะเล่าเรื่องของเขาให้สมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนคนอื่น ๆ ฟังไหม? คุณคงเล่าแน่ ๆ. การเรียนรู้เกี่ยวกับสารพัดสิ่งที่พระยะโฮวาทรงกระทำก็จะมีผลกระทบในทำนองเดียวกันนั้นต่อเรา. ตัวอย่างเช่น บทเพลงสรรเสริญ 19:1, 2 (ล.ม.) กล่าวว่าท้องฟ้าที่ดารดาษด้วยดวงดาวทำให้มี “ถ้อยคำพรั่งพรูออกมา.” ในส่วนที่เกี่ยวกับเรา เมื่อเราคิดนึกถึง สิ่งต่าง ๆ อันน่าทึ่งที่พระยะโฮวาทรงกระทำ เราก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับคนอื่น ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าของเรา.
8, 9. ด้วยเหตุผลอะไรบ้างที่พระยะโฮวาต้องการให้เราสรรเสริญพระองค์?
8 เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่เราจะสรรเสริญพระยะโฮวาก็คือพระองค์ประสงค์ให้เราทำเช่นนั้น. เพราะเหตุใด? เพราะพระองค์จำต้องได้รับคำชมจากมนุษย์หรือ? เปล่าเลย. เราที่เป็นมนุษย์ต้องได้คำชมบ้างในบางครั้ง แต่พระยะโฮวาสูงส่งกว่าเรามาก. (ยะซายา 55:8) พระองค์ไม่ขาดความมั่นใจในตัวเองหรือในคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์. (ยะซายา 45:5) ถึงกระนั้น พระองค์ประสงค์ให้เราสรรเสริญพระองค์และทรงยินดีเมื่อเราทำเช่นนั้น. เพราะเหตุใด? ขอพิจารณาเหตุผลสองประการ. ประการแรก พระองค์รู้ว่าเรามีความจำเป็นที่จะสรรเสริญพระองค์. พระองค์สร้างเราให้มีความจำเป็นฝ่ายวิญญาณ ความจำเป็นที่จะนมัสการ. (มัดธาย 5:3) พระยะโฮวาทรงยินดีที่เห็นเราสนองความจำเป็นดังกล่าวเหมือนกับที่พ่อแม่มีความยินดีเมื่อเห็นคุณรับประทานอาหารที่ท่านรู้ว่ามีประโยชน์ต่อคุณ.—โยฮัน 4:34.
9 ประการที่สอง พระยะโฮวารู้ว่าคนอื่น ๆ จำเป็นต้องได้ยินเราสรรเสริญพระองค์. อัครสาวกเปาโลเขียนถึงหนุ่มติโมเธียวว่า “จงเอาใจใส่ตัวท่านและการสอนของท่านอยู่เสมอ. จงจดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านี้ เพราะด้วยการทำอย่างนี้ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนที่ฟังท่านให้รอด.” (1 ติโมเธียว 4:16, ล.ม.) ใช่แล้ว เมื่อคุณสอนคนอื่น ๆ เกี่ยวกับพระยะโฮวาพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์ พวกเขาอาจได้มารู้จักกับพระยะโฮวาเช่นกัน. ความรู้เช่นนั้นอาจทำให้พวกเขาได้รับความรอดและมีชีวิตนิรันดร์!—โยฮัน 17:3.
10. ทำไมเราจึงรู้สึกถูกกระตุ้นที่จะสรรเสริญพระเจ้า?
10 ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เราสรรเสริญพระยะโฮวา. ขอนึกถึงตัวอย่างเกี่ยวกับเพื่อนที่มีความสามารถน่าทึ่งของคุณอีกครั้งหนึ่ง. หากคุณได้ยินใครพูดไม่จริงเกี่ยวกับตัวเขา ทำให้เขาเสียชื่อเสียง คุณก็ยิ่งจะตั้งใจยกย่องสรรเสริญเขาไม่ใช่หรือ? มีการกล่าวถึงพระยะโฮวาผิด ๆ อย่างกว้างขวางในโลกนี้. (โยฮัน 8:44; วิวรณ์ 12:9) ผู้ที่รักพระองค์จึงรู้สึกถูกกระตุ้นที่จะบอกผู้คนให้รู้ความจริงเกี่ยวกับพระองค์ แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง. คุณปรารถนาเช่นกันไหมที่จะแสดงความรักและความหยั่งรู้ค่าต่อพระยะโฮวา และแสดงให้เห็นว่าคุณต้องการให้พระองค์เป็นผู้ครอบครอง ไม่ใช่ซาตานศัตรูตัวเอ้ของพระองค์? คุณสามารถทำสิ่งที่กล่าวมานี้ทั้งหมดด้วยการสรรเสริญพระยะโฮวา. ดังนั้น คำถามถัดไปคือคุณจะสรรเสริญพระองค์ได้โดยวิธีใด.
วิธีที่เยาวชนบางคนสรรเสริญพระยะโฮวา
11. ตัวอย่างอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงว่าเด็ก ๆ มีประสิทธิภาพทีเดียวในการสรรเสริญพระยะโฮวา?
11 คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่าบ่อยครั้งเด็ก ๆ มีประสิทธิภาพทีเดียวในการสรรเสริญพระยะโฮวา. ตัวอย่างเช่น มีเด็กหญิงชาวอิสราเอลที่ถูกพวกซีเรียจับตัวไปเป็นเชลย. เธอกล่าวคำพยานอย่างกล้าหาญเกี่ยวกับอะลีซาผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาแก่นายหญิงของเธอ. คำพูดของเด็กหญิงคนนี้นำไปสู่การอัศจรรย์และการให้คำพยานเป็นอย่างดี. (2 กษัตริย์ 5:1-17) พระเยซูให้คำพยานอย่างกล้าหาญเช่นกันเมื่อเป็นเด็ก. ในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของพระเยซูซึ่งจะสามารถนำมาบันทึกในพระคัมภีร์นั้น พระยะโฮวาทรงเลือกเหตุการณ์หนึ่ง นั่นคือตอนที่พระเยซูมีพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระองค์ไต่ถามครูสอน ศาสนา ณ พระวิหารในกรุงเยรูซาเลมอย่างกล้าหาญ และทำให้ครูเหล่านั้นประหลาดใจในความเข้าใจของพระองค์ในเรื่องแนวทางของพระยะโฮวา.—ลูกา 2:46-49.
12, 13. (ก) พระเยซูทรงกระทำอะไรในพระวิหารไม่กี่วันก่อนพระองค์จะสิ้นพระชนม์ และเกิดผลกระทบเช่นไรต่อผู้คนที่อยู่ที่นั่น? (ข) พระเยซูรู้สึกเช่นไรต่อคำสรรเสริญของเด็ก ๆ?
12 เมื่อเป็นผู้ใหญ่ พระเยซูก่อแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ สรรเสริญพระยะโฮวาเช่นกัน. เพื่อเป็นตัวอย่าง ไม่กี่วันก่อนพระเยซูจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ใช้เวลาอยู่ที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเลม. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า พระองค์ทรงกระทำ “การอัศจรรย์” หลายประการที่นั่น. พระองค์ขับไล่บรรดาผู้ที่ทำให้สถานศักดิ์สิทธิ์เป็นถ้ำของพวกโจร. พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดและคนง่อย. ทุก ๆ คนที่อยู่ที่นั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้นำศาสนา น่าจะรู้สึกถูกกระตุ้นให้สรรเสริญพระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์ ซึ่งเป็นพระมาซีฮา. แต่น่าเศร้าที่หลายคนในตอนนั้นไม่ได้เอ่ยคำสรรเสริญดังกล่าว. พวกเขารู้ว่าพระเยซูเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มา แต่ก็กลัวพวกผู้นำศาสนา. อย่างไรก็ตาม มีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้พูดออกมาอย่างกล้าหาญ. คุณรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? คัมภีร์ไบเบิลรายงานว่า “เมื่อพวกปุโรหิตใหญ่กับพวกอาลักษณ์ได้เห็นการอัศจรรย์ที่ [พระเยซู] ทรงกระทำ, ทั้งได้ยินหมู่เด็กร้องในโบสถ์ว่า, ‘ให้ราชโอรสแห่งดาวิดทรงสำราญเถิด,’ เขาทั้งหลายก็พากันแค้นเคือง, จึงทูลพระองค์ว่า, ‘ท่านไม่ได้ยินคำที่เขาร้องหรือ?’ ”—มัดธาย 21:15, 16; โยฮัน 12:42.
13 พวกปุโรหิตหวังจะให้พระเยซูห้ามปรามเด็ก ๆ ให้หยุดสรรเสริญพระองค์. พระองค์ทำอย่างนั้นไหม? ตรงกันข้ามเลย! พระองค์ตรัสตอบพวกปุโรหิตว่า “ได้ยินแล้ว, พวกท่านยังไม่เคยอ่านหรือว่า, ‘เสียงที่ออกจากปากเด็กอ่อนและทารกนั้นก็เป็นคำสรรเสริญอันจริงแท้?’ ” เห็นได้ชัดว่า พระเยซูกับพระบิดาของพระองค์พึงพอพระทัยกับคำสรรเสริญของเด็ก ๆ. เด็กเหล่านี้ทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่ซึ่งอยู่ที่นั่นทุกคนน่าจะทำ. ในความคิดของเด็กเหล่านี้ สิ่งทั้งปวงดูเหมือนจะชัดแจ้งอยู่แล้ว. พวกเขาเห็นชายผู้นี้ทำการอัศจรรย์ พูดด้วยความกล้าหาญและความเชื่อ และแสดงให้เห็นถึงความรักอันแรงกล้าต่อพระเจ้าและประชาชนของพระองค์. บุรุษผู้นี้อ้างว่าเขาเป็น “ราชโอรสแห่งดาวิด” พระมาซีฮาตามคำสัญญา และเขาก็เป็นอย่างที่อ้างนั้น. เด็กกลุ่มนี้ได้พระพรสำหรับความเชื่อของตน โดยมีสิทธิพิเศษในการทำให้คำพยากรณ์สำเร็จเป็นจริง.—บทเพลงสรรเสริญ 8:2.
14. ของประทานที่เยาวชนมีนั้นทำให้พวกเขาเหมาะที่จะสรรเสริญพระเจ้าอย่างไร?
14 เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างเหล่านี้? เยาวชนสามารถเป็นผู้สรรเสริญพระยะโฮวาที่มีประสิทธิภาพทีเดียว. บ่อยครั้งพวกเขามีพรสวรรค์ในการมองเห็นความจริงอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา และแสดงความเชื่อของตนอย่างจริงจังและกระตือรือร้น. นอกจากนี้ พวกเขามีของประทานตามที่กล่าวในสุภาษิต 20:29 ว่า “สง่าของชายฉกรรจ์ก็คือความล่ำสันแข็งแรงของเขา.” ใช่แล้ว เยาวชนทั้งหลาย คุณมีกำลังเรี่ยวแรง ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าอย่างแท้จริงในการสรรเสริญพระยะโฮวา. คุณจะใช้ของประทานเหล่านี้อย่างที่เกิดผลประโยชน์ได้อย่างไร?
คุณจะสรรเสริญพระยะโฮวาได้โดยวิธีใด?
15. จำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นแบบใดเพื่อจะสรรเสริญพระยะโฮวาอย่างมีประสิทธิภาพ?
15 การมีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นที่หัวใจ. คุณจะไม่สามารถสรรเสริญพระยะโฮวาได้อย่างมีประสิทธิภาพหากคุณมัดธาย 22:37) คุณได้มารู้จักพระยะโฮวาเป็นส่วนตัวไหมจากการศึกษาพระคำของพระองค์ด้วยตัวคุณเอง? การเรียนรู้ดังกล่าวน่าจะก่อให้เกิดผลที่ดีคือความรู้สึกรักพระยะโฮวา. ปกติแล้วความรักเช่นนั้นจะแสดงออกด้วยการสรรเสริญพระองค์. เมื่อแรงกระตุ้นของคุณแจ่มชัดและแรงกล้า คุณก็พร้อมจะสรรเสริญพระยะโฮวาอย่างกระตือรือร้น.
ทำไปเพียงเพราะคนอื่นต้องการให้คุณทำ. อย่าลืมว่าบัญญัติข้อสำคัญที่สุดก็คือ “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตต์ของเจ้า, และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า.” (16, 17. ความประพฤติมีบทบาทอย่างไรในการสรรเสริญพระยะโฮวา? จงยกตัวอย่าง.
16 ตอนนี้ ก่อนจะพิจารณาสิ่งที่คุณจะพูด จงพิจารณาวิธีที่คุณจะประพฤติ. หากเด็กหญิงชาวอิสราเอลที่อยู่ในสมัยอะลีซานั้นเป็นคนไม่สุภาพ, ไม่นอบน้อม, หรือไม่ซื่อสัตย์ คุณคิดว่าชาวซีเรียที่จับเธอไปเป็นเชลยจะรับฟังคำพูดของเธอที่กล่าวถึงผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาไหม? คงจะไม่. ในทำนองเดียวกัน ผู้คนคงจะยินดีรับฟังคุณมากกว่าหากพวกเขาเห็นว่าคุณให้ความนับถือผู้อื่น, ซื่อสัตย์, และมีกิริยามารยาทเรียบร้อย. (โรม 2:21) ขอพิจารณาตัวอย่างหนึ่ง.
17 เด็กผู้หญิงอายุ 11 ปีคนหนึ่งในโปรตุเกสเผชิญความกดดันที่โรงเรียนให้ร่วมฉลองเทศกาลที่ขัดกับสติรู้สึกผิดชอบของเธอที่ได้รับการฝึกฝนโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิล. เธออธิบายให้ครูฟังด้วยความนับถือว่าทำไมเธอเข้าร่วมด้วยไม่ได้ แต่ครูเยาะเย้ยเธอ. เมื่อเวลาผ่านไป ครูคนนี้พยายามทำให้เธอรู้สึกอับอายหลายต่อหลายครั้ง โดยเอาเรื่องศาสนาของเธอขึ้นมากล่าวล้อให้เป็นที่ขบขัน. อย่างไรก็ตาม เด็กผู้หญิงคนนี้แสดงความเคารพนับถือต่อ ๆ ไป. หลายปีต่อมา พี่น้องหญิงคนนี้รับใช้ฐานะไพโอเนียร์ประจำหรือผู้เผยแพร่เต็มเวลา. ณ การประชุมภาคครั้งหนึ่ง เธอเฝ้าดูผู้คนที่กำลังรับบัพติสมาและจำคนหนึ่งในนั้นได้. ครูของเธอสมัยเป็นเด็กนั่นเอง! หลังจากสวมกอดกันพร้อมด้วยน้ำตา สตรีที่มีอายุมากกว่าผู้นี้บอกกับเด็กสาวว่า เธอไม่เคยลืมการประพฤติที่แสดงความนับถือของนักเรียนคนนี้เลย. มีพยานฯ คนหนึ่งไปเยี่ยมเธอ และเธอได้เล่าให้พยานฯ คนนั้นฟังถึงความประพฤติของอดีตนักเรียนของเธอ. ผลก็คือ มีการเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล และผู้หญิงคนนี้ได้รับเอาความจริง. ใช่แล้ว ความประพฤติของคุณสามารถเป็นวิธีสรรเสริญพระยะโฮวาที่มีประสิทธิภาพทีเดียว!
18. เยาวชนอาจทำอะไรได้หากเขารู้สึกลังเลที่จะเริ่มการสนทนาเรื่องคัมภีร์ไบเบิลและพระยะโฮวาพระเจ้า?
18 บางครั้งคุณรู้สึกไหมว่ายากที่จะเริ่มการสนทนาเรื่องความเชื่อของคุณที่โรงเรียน? ไม่ใช่คุณคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น. อย่างไรก็ดี คุณสามารถทำอะไรบางอย่างได้เพื่อให้คนอื่น ๆ อยากรู้เกี่ยวกับความเชื่อของคุณ. ตัวอย่างเช่น คุณอาจนำเอาหนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิลไปอ่านด้วยระหว่างพักกลางวันหรือช่วงอื่น ๆ ที่สามารถทำได้. เพื่อนนักเรียนอาจถามว่าคุณกำลังอ่านอะไร. โดยการตอบคำถามและบอกเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเห็นว่าน่าสนใจในบทความหรือหนังสือที่คุณกำลังอ่าน คุณอาจพบว่าการสนทนาที่ดีได้เริ่มไปแล้วโดยไม่ทันรู้ตัว. อย่าลืมถามคำถาม เพื่อจะรู้ว่าเพื่อนนักเรียนของคุณเชื่ออะไร. จงรับฟังด้วยความนับถือ และแบ่งปันสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากคัมภีร์ไบเบิล. ดังประสบการณ์ในหน้า 29 แสดงให้เห็น เยาวชนหลายคนกำลังสรรเสริญพระเจ้าที่โรงเรียน. การทำเช่นนี้ก่อความยินดีอย่างมากแก่พวกเขาและช่วยให้หลายคนมารู้จักพระยะโฮวา.
19. เยาวชนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการประกาศตามบ้านเรือนได้อย่างไร?
19 การประกาศตามบ้านเรือนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการสรรเสริญพระยะโฮวา. หากคุณยังไม่ได้เข้าร่วมในงานนี้ ทำไมไม่ตั้งเป้าล่ะ? หากคุณได้ทำงานนี้อยู่แล้ว มีเป้าอย่างอื่นอีกไหมที่คุณอาจตั้งให้กับตัวเองได้? ตัวอย่าง1 ติโมเธียว 4:15) ยิ่งคุณสรรเสริญพระยะโฮวาในวิธีต่าง ๆ เหล่านี้มากเท่าใด คุณจะยิ่งมีประสิทธิภาพและมีความสุขในงานรับใช้มากขึ้นเท่านั้น.
เช่น แทนที่จะเพียงพูดเหมือน ๆ กันทุกบ้าน ให้หาวิธีต่าง ๆ ที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยขอคำแนะนำจากพ่อแม่ของคุณและคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์. เรียนรู้วิธีใช้คัมภีร์ไบเบิลให้มากขึ้น, วิธีการกลับเยี่ยมที่บังเกิดผล, และวิธีเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์. (คุณควรเริ่มสรรเสริญพระยะโฮวาเมื่อไร?
20. ทำไมเยาวชนไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าตนยังเด็กเกินไปที่จะสรรเสริญพระยะโฮวา?
20 ในคำถามสามข้อที่มีการพิจารณาในบทความนี้ คำถามข้อสุดท้ายตอบง่ายที่สุด. ขอสังเกตคำตอบที่ตรงไปตรงมาจากคัมภีร์ไบเบิลดังนี้: “ในปฐมวัยของเจ้าจงระลึกถึงพระองค์ผู้ได้ทรงสร้างตัวเจ้านั้น.” (ท่านผู้ประกาศ 12:1) ถูกแล้ว เวลาที่ควรจะเริ่มสรรเสริญพระยะโฮวาก็คือเดี๋ยวนี้. คุณอาจรีบพูดว่า “ฉันยังเด็กเกินไปที่จะสรรเสริญพระยะโฮวา ยังขาดประสบการณ์. ฉันควรจะรอให้โตกว่านี้ก่อน.” คุณไม่ใช่คนแรกที่รู้สึกเช่นนั้น. ตัวอย่างเช่น ยิระมะยาในวัยหนุ่มทูลพระยะโฮวาว่า “โอ้ยะโฮวาพระเจ้า, ดูเถิด, ข้าพเจ้าพูดไม่ได้, เพราะข้าพเจ้าเป็นเด็กอยู่.” พระยะโฮวาเสริมความมั่นใจท่านว่าไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องกลัว. (ยิระมะยา 1:6, 7) เช่นเดียวกัน เราไม่มีอะไรจะต้องกลัวเมื่อเราสรรเสริญพระยะโฮวา. ไม่มีความเสียหายใดที่อาจเกิดขึ้นกับเราที่พระยะโฮวาไม่สามารถจะลบล้างให้หมดสิ้นได้.—บทเพลงสรรเสริญ 118:6.
21, 22. ทำไมเยาวชนที่สรรเสริญพระยะโฮวาจึงเปรียบดุจน้ำค้าง และทำไมการเปรียบเช่นนี้จึงให้กำลังใจ?
21 ดังนั้น เราขอสนับสนุนคุณผู้เป็นเยาวชนทั้งหลายว่า อย่าลังเลใจที่จะสรรเสริญพระยะโฮวา! เวลานี้ ขณะเมื่อคุณเป็นเยาวชนนี่แหละเป็นเวลาเหมาะที่สุดที่คุณจะเข้าร่วมในงานสำคัญที่สุดที่มีการทำกันบนแผ่นดินโลกในทุกวันนี้. เมื่อคุณร่วมในงานนี้ คุณกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยอดเยี่ยม นั่นคือ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแห่งเหล่าผู้สรรเสริญพระยะโฮวาทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก. พระยะโฮวาทรงปีติยินดีที่คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้. ขอสังเกตถ้อยคำที่มีขึ้นโดยการดลใจซึ่งผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญทูลพระยะโฮวาว่า “ไพร่พลของท่านเต็มใจสมัครจัดขบวนแห่อันประดับด้วยเครื่องบริสุทธิ์ในวันที่แสดงฤทธิ์เดชของท่าน: แล้วท่านจะได้พรรคพวกชายหนุ่มดุจน้ำค้าง, ออกมาจากครรภ์แห่งแสงอรุณ.”—บทเพลงสรรเสริญ 110:3.
22 น้ำค้างที่ต้องแสงอาทิตย์ยามเช้าระยิบระยับเป็นภาพที่งดงามมิใช่หรือ? น้ำค้างก่อความสดชื่น, ส่องแสงแวววับ, และมีจำนวนมากมายเหลือที่จะนับได้จริง ๆ. นี่เป็นภาพที่พระยะโฮวาทรงเห็นพวกคุณที่เป็นเยาวชนกำลังสรรเสริญพระองค์อย่างซื่อสัตย์อยู่ในสมัยอันวิกฤตินี้. เห็นได้ชัดว่า การที่คุณเลือกสรรเสริญพระยะโฮวาทำให้พระองค์มีพระทัยยินดี. (สุภาษิต 27:11) ดังนั้น ในทุกทางที่ทำได้ เยาวชนทั้งหลาย จงสรรเสริญพระยะโฮวา!
คุณจะตอบอย่างไร?
• มีเหตุผลสำคัญอะไรบ้างที่จะสรรเสริญพระยะโฮวา?
• ตัวอย่างอะไรบ้างจากคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงว่าเยาวชนมีประสิทธิภาพทีเดียวในการสรรเสริญพระยะโฮวา?
• เยาวชนจะสรรเสริญพระยะโฮวาได้โดยวิธีใดในทุกวันนี้?
• เยาวชนควรเริ่มสรรเสริญพระยะโฮวาเมื่อไร และทำไม?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 25]
ถ้าเพื่อนของคุณมีความสามารถที่น่าทึ่ง คุณจะไม่เล่าให้คนอื่น ๆ ฟังหรือ?
[ภาพหน้า 27]
เพื่อนนักเรียนอาจสนใจความเชื่อของคุณ
[ภาพหน้า 28]
ถ้าคุณต้องการจะปรับปรุงคุณภาพงานประกาศ จงขอคำแนะนำจากพยานฯ ที่มีประสบการณ์มากกว่า