ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

พระยะโฮวาประทานบำเหน็จบริบูรณ์แก่บรรดาผู้รักษาทางของพระองค์

พระยะโฮวาประทานบำเหน็จบริบูรณ์แก่บรรดาผู้รักษาทางของพระองค์

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

พระ​ยะโฮวา​ประทาน​บำเหน็จ​บริบูรณ์​แก่​บรรดา​ผู้​รักษา​ทาง​ของ​พระองค์

เล่า​โดย โรมูอัลด์ สตัฟสกี

เมื่อ​เกิด​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่​สอง​ใน​เดือน​กันยายน ปี 1939 ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​ประเทศ​โปแลนด์​เป็น​ยุทธภูมิ​ที่​มี​การ​สู้​รบ​อย่าง​ดุเดือด. ผม​ก็​เหมือน​เด็ก​ชาย​วัย​เก้า​ขวบ​คน​อื่น ๆ ที่​อยาก​รู้​อยาก​เห็น จึง​เดิน​ไป​ดู​สมรภูมิ​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล. ผม​เห็น​ศพ​ที่​น่า​สยดสยอง​เกลื่อน​กลาด​บน​พื้น​ดิน และ​กลุ่ม​ควัน​โขมง​จน​แทบ​หายใจ​ไม่​ออก. ถึง​แม้​ผม​กำลัง​คิด​เรื่อง​สำคัญ​ที่​ว่า​จะ​กลับ​บ้าน​อย่าง​ไร​ให้​ปลอด​ภัย ก็​มี​คำ​ถาม​เกิด​ขึ้น​ใน​ใจ เช่น “ทำไม​พระเจ้า​ยอม​ให้​สิ่ง​ร้าย ๆ เช่น​นี้​เกิด​ขึ้น? พระเจ้า​เข้า​ข้าง​ฝ่าย​ไหน?”

ไม่​นาน​ก่อน​สงคราม​เลิก เยาวชน​ชาย​ถูก​เกณฑ์​ไป​ทำ​งาน​ให้​ฝ่าย​เยอรมนี. ใคร​ก็​ตาม​ที่​กล้า​ขัด​ขืน​ถูก​แขวน​บน​ต้น​ไม้​หรือ​แขวน​ไว้​ที่​สะพาน​พร้อม​กับ​ป้าย​ติด​หน้า​อก​ว่า “คน​ทรยศ” หรือ “ผู้​บ่อน​ทำลาย.” เรา​อยู่​ที่​เมือง​กดีเนีย​ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ระหว่าง​กอง​กำลัง​ของ​ทั้ง​สอง​ฝ่าย. เมื่อ​พวก​เรา​ออก​ไป​ตัก​น้ำ​นอก​เมือง ลูก​กระสุน​และ​สะเก็ด​ระเบิด​แหวก​หวือ​ข้าม​ศีรษะ​เรา และ​เฮนริก​น้อง​ชาย​ของ​ผม​ได้​รับ​บาดเจ็บ​จน​ถึง​แก่​ความ​ตาย. เนื่อง​ด้วย​สถานการณ์​เลว​ร้าย​น่า​กลัว แม่​จึง​พา​พวก​เรา​เด็ก ๆ สี่​คน​หลบ​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ห้อง​ใต้​ถุน​ตึก​เพื่อ​ความ​ปลอด​ภัย. เมื่อ​อยู่​ที่​นั่น เอยูเกนีอุส​น้อง​ชาย​วัย​สอง​ขวบ​ก็​เสีย​ชีวิต​ด้วย​โรค​คอ​ตีบ.

ผม​ถาม​ตัว​เอง​อีก​ครั้ง​ว่า “พระเจ้า​อยู่​ที่​ไหน? ทำไม​พระองค์​ปล่อย​ให้​มี​ความ​ทุกข์​ยาก​เช่น​นี้?” ถึง​แม้​ผม​เป็น​ชาว​คาทอลิก​ที่​กระตือรือร้น​และ​ไป​โบสถ์​เป็น​ประจำ ผม​หา​คำ​ตอบ​ไม่​ได้.

ผม​รับ​เอา​ความ​จริง

คำ​ถาม​ของ​ผม​ได้​คำ​ตอบ​จาก​แหล่ง​ที่​ไม่​คาด​คิด. สงคราม​ยุติ​ลง​ใน​ปี 1945 พอ​ย่าง​เข้า​ปี 1947 พยาน​พระ​ยะโฮวา​คน​หนึ่ง​ได้​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา​ใน​กดีเนีย. แม่​ของ​ผม​ได้​สนทนา​กับ​พยาน​ฯ และ​ผม​ได้​ยิน​เรื่อง​ที่​เขา​คุย​กัน​บ้าง. เนื่อง​จาก​เมื่อ​ฟัง​ดู​ก็​มี​เหตุ​มี​ผล​ดี ดัง​นั้น​พวก​เรา​ขาน​รับ​คำ​เชิญ​ไป​ยัง​การ​ประชุม​คริสเตียน. หนึ่ง​เดือน​ถัด​มา แม้​ยัง​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​เต็ม​ที่ ผม​ก็​ร่วม​สมทบ​กลุ่ม​พยาน​ฯ ท้องถิ่น​และ​ออก​ไป​ประกาศ​ให้​คน​อื่น​ฟัง​เรื่อง​โลก​ที่​ดี​กว่า โลก​ที่​จะ​ไม่​มี​สงคราม​และ​การ​ชั่ว​ร้าย​ใด ๆ ทั้ง​สิ้น. งาน​นี้​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ชื่นชม​ยินดี​มาก.

เดือน​กันยายน 1947 ผม​ได้​รับ​บัพติสมา ณ การ​ประชุม​หมวด​ที่​เมือง​โซพอต. ใน​เดือน​พฤษภาคม​ปี​ถัด​ไป ผม​เริ่ม​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ประจำ ด้วย​การ​สละ​เวลา​ส่วน​ใหญ่​ออก​ไป​ประกาศ​ข่าวสาร​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​ผู้​อื่น. นัก​ศาสนา​ใน​ท้องถิ่น​ไม่​พอ​ใจ​และ​ได้​ยุยง​ให้​ใช้​ความ​รุนแรง​ขัด​ขวาง​งาน​ของ​เรา. คราว​หนึ่ง ฝูง​ชน​ที่​โกรธ​แค้น​รุม​ทำ​ร้าย ขว้าง​ปา​ก้อน​หิน​และ​ทุบ​ตี​พวก​เรา​อย่าง​ร้ายกาจ. อีก​โอกาส​หนึ่ง พวก​แม่ชี​และ​นัก​บวช​ได้​ยุยง​ฝูง​ชน​ให้​จู่​โจม​เรา. พวก​เรา​ได้​เข้า​ไป​หลบ​ภัย​ใน​สถานี​ตำรวจ แต่​ฝูง​ชน​ล้อม​อาคาร​ไว้​และ​ข่มขู่​จะ​ทุบ​ตี​เรา. ใน​ที่​สุด มี​การ​เพิ่ม​กำลัง​เจ้าหน้าที่​ตำรวจ เรา​จึง​ออก​ไป​ได้​พร้อม​กับ​มี​กอง​กำลัง​คุ้ม​กัน​แน่น​หนา.

สมัย​นั้น ใน​ละแวก​ที่​พวก​เรา​ออก​ไป​ประกาศ​เผยแพร่​นั้น​ยัง​ไม่​มี​ประชาคม. บาง​ครั้ง​เรา​พัก​แรม​กลางแจ้ง​ใน​ป่า. เรา​มี​ความ​สุข​ที่​สามารถ​ประกาศ​ให้​คำ​พยาน​ทั้ง ๆ ที่​สถานการณ์​ไม่​เอื้ออำนวย. เวลา​นี้​มี​หลาย​ประชาคม​ที่​เข้มแข็ง​ใน​แถบ​นั้น.

รับใช้​ที่​เบเธล​และ​ถูก​จับ

ปี 1949 ผม​ได้​รับ​เชิญ​ไป​ทำ​งาน​ที่​เบเธล​ใน​เมือง​วูช. ที่​จะ​ได้​รับใช้​ที่​นั่น​นับ​ว่า​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​จริง ๆ! น่า​เสียดาย ผม​อยู่​ที่​นั่น​ได้​ไม่​นาน. เดือน​มิถุนายน 1950 หนึ่ง​เดือน​ก่อน​งาน​ของ​เรา​ถูก​สั่ง​ระงับ ผม​พร้อม​กับ​พี่​น้อง​คน​อื่น ๆ ที่​เบเธล​ถูก​จับ. ผม​ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​คุก และ​ได้​เผชิญ​หน้า​กับ​วิธี​การ​สอบสวน​ที่​แสน​หฤโหด.

เนื่อง​จาก​พ่อ​ของ​ผม​ทำ​งาน​บน​เรือ​ที่​เดิน​ทาง​ไป​นิวยอร์ก​เป็น​ประจำ เจ้าหน้าที่​ที่​สอบสวน​จึง​พยายาม​จะ​ให้​ผม​ยอม​รับ​ว่า​พ่อ​เป็น​สาย​ลับ​ให้​ฝ่าย​สหรัฐ. ผม​ต้อง​อด​ทน​การ​สอบสวน​ที่​ไร้​ความ​ปรานี. นอก​จาก​นั้น เจ้าหน้าที่​สี่​คน​พยายาม​พร้อม​กัน​ที่​จะ​ให้​ผม​ใส่​ความ​ปรักปรำ​บราเดอร์​วิลเฮล์ม ไชเดอร์ ซึ่ง​ตอน​นั้น​เป็น​ผู้​ดู​แล​กิจกรรม​ของ​พยาน​ฯ ใน​ประเทศ​โปแลนด์. พวก​เขา​เอา​ตะบอง​ตี​ส้น​เท้า​ผม​จน​แตก​เป็น​แผล​มี​เลือด​ไหล. ขณะ​นอน​แผ่​บน​พื้น ผม​มี​ความ​รู้สึก​ว่า​ทน​ต่อ​ไป​ไม่​ไหว​แล้ว ผม​ร้อง​เรียก​เสียง​ดัง​ว่า “พระ​ยะโฮวา โปรด​ช่วย​ข้าพเจ้า​ด้วย!” ผู้​ข่มเหง​แปลก​ใจ​และ​หยุด​ตี​กลาง​คัน. เพียง​ประเดี๋ยว​เดียว พวก​เขา​ก็​หลับ. ผม​รู้สึก​ผ่อน​คลาย​และ​ได้​เรี่ยว​แรง​คืน​มา. เหตุ​การณ์​ครั้ง​นี้​ทำ​ให้​ผม​มั่น​ใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ผู้​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ทรง​ตอบ​คำ​ขอ​ของ​ผู้​รับใช้​ที่​ได้​อุทิศ​ตัว​เมื่อ​เขา​ร้อง​เรียก​พระองค์. ความ​เชื่อ​ของ​ผม​เข้มแข็ง​มั่นคง​ขึ้น และ​เป็น​บทเรียน​สอน​ผม​ให้​ไว้​วางใจ​พระเจ้า​อย่าง​เต็ม​เปี่ยม.

รายงาน​สรุป​ผล​การ​สอบสวน​รวม​ถึง​คำ​ให้​การ​ที่​ไม่​เป็น​จริง​ซึ่ง​เขา​อ้าง​ว่า​ได้​จาก​ผม. เมื่อ​ผม​คัดค้าน นาย​ตำรวจ​คน​หนึ่ง​บอก​ผม​ว่า “นาย​ไป​ให้​การ​ใน​ชั้น​ศาล​เอง!” นัก​โทษ​ใน​ห้อง​ขัง​เดียว​กัน​แสดง​ความ​เป็น​มิตร​โดย​บอก​ผม​ว่า​ไม่​ต้อง​วิตก เพราะ​รายงาน​สรุป​ผล​นั้น​อัยการ​ฝ่าย​ทหาร​จะ​ต้อง​สอบ​ทวน​ความ​จริง​อีก​ครั้ง ซึ่ง​ผม​จะ​มี​โอกาส​แก้​ข้อ​กล่าวหา​เท็จ​นั้น. แล้ว​ก็​เป็น​จริง​อย่าง​นั้น.

งาน​เยี่ยม​หมวด​และ​ถูก​จำ​คุก​อีก

เดือน​มกราคม 1951 ผม​ได้​รับ​อิสรภาพ. หนึ่ง​เดือน​ต่อ​มา ผม​เริ่ม​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง. แม้​มี​การ​สั่ง​ห้าม แต่​ผม​ก็​ได้​ทำ​งาน​กับ​พี่​น้อง​หลาย​คน​เพื่อ​เสริม​สร้าง​ประชาคม​ให้​เข้มแข็ง​และ​ช่วย​เพื่อน​พยาน​ฯ ที่​กระเจิดกระเจิง​เนื่อง​จาก​การ​ทำ​งาน​ตาม​หน้า​ที่​ของ​ตำรวจ​สันติบาล. เรา​สนับสนุน​พวก​พี่​น้อง​ให้​ทำ​งาน​รับใช้​ต่อ​ไป. และ​ใน​ปี​ต่อ ๆ มา พี่​น้อง​เหล่า​นี้​ได้​เป็น​กำลังใจ​ให้​การ​เกื้อ​หนุน​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​และ​ช่วย​งาน​พิมพ์​และ​งาน​แจก​จ่าย​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​อย่าง​ลับ ๆ.

วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​เมษายน ปี 1951 หลัง​การ​ร่วม​ประชุม​คริสเตียน ผม​ถูก​เจ้าหน้าที่​สันติบาล​จับ​กุม​ตัว​ได้​ที่​ถนน หลัง​การ​เฝ้า​ติด​ตาม​ดู​อย่าง​ใกล้​ชิด. เนื่อง​จาก​ผม​ไม่​ยอม​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​เขา พวก​เขา​จึง​พา​ผม​ไป​ยัง​เรือน​จำ​ไบด์กอเซส​และ​เริ่ม​การ​สอบสวน​ผม​ใน​คืน​นั้น​เลย. ผม​ถูก​สั่ง​ให้​ยืน​พิง​ฝา​ผนัง​ห้อง​นาน​ถึง​หก​วัน​หก​คืน โดย​ไม่​ได้​กิน​อาหาร​ไม่​ได้​ดื่ม​น้ำ มิ​หนำ​ซ้ำ​ห้อง​ยัง​เต็ม​ไป​ด้วย​ควัน​บุหรี่​ของ​พวก​เจ้าหน้าที่. เขา​ใช้​ตะบอง​ตี​ผม​แล้ว​เอา​บุหรี่​จี้. ครั้น​ผม​เป็น​ลม​หมด​สติ เขา​ก็​เอา​น้ำ​สาด​ให้​ฟื้น​และ​เริ่ม​สอบสวน​อีก. ผม​ทูล​ขอ​พละกำลัง​จาก​พระ​ยะโฮวา​เพื่อ​จะ​อด​ทน​ได้​และ​พระองค์​ทรง​อุปถัมภ์​ผม.

การ​ติด​คุก​ที่​ไบด์กอเซส​มี​ข้อ​ดี​อย่าง​หนึ่ง. ผม​สามารถ​บอก​เล่า​ความ​จริง​จาก​พระ​คัมภีร์​แก่​ผู้​คน​ที่​นั่น​ซึ่ง​ไม่​อาจ​เข้า​ถึง​ด้วย​วิธี​อื่น. และ​จริง ๆ แล้ว มี​หลาย​โอกาส​ที่​จะ​ให้​คำ​พยาน. เนื่อง​จาก​สภาพการณ์​ของ​เขา​น่า​เศร้า​สลด​และ​บ่อย​ครั้ง​สิ้น​หวัง นัก​โทษ​เหล่า​นั้น​พร้อม​จะ​ฟัง​และ​เปิด​ใจ​รับ​ข่าว​ดี.

การ​เปลี่ยน​แปลง​สำคัญ​สอง​ครั้ง

ไม่​นาน​หลัง​จาก​ได้​รับ​อิสรภาพ​ใน​ปี 1952 ผม​ได้​มา​พบ​เนลา ไพโอเนียร์​หญิง​ที่​กระตือรือร้น. เธอ​เคย​เผยแพร่​เต็ม​เวลา​ทาง​ภาค​ใต้​ของ​โปแลนด์. ต่อ​มา เธอ​ทำ​งาน​ใน “โรง​ทำ​ขนมปัง” ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ที่​เรา​ตั้ง ที่​จริง​ก็​คือ​สถาน​ที่​มิดชิด​ลับ​ตา​คน ซึ่ง​เรา​ได้​พิมพ์​สรรพหนังสือ​ที่​นี่. งาน​นี้​จัด​ว่า​เป็น​งาน​ที่​ยาก​เพราะ​ต้อง​ตื่น​ตัว​เฝ้า​ระวัง​และ​สละ​ตัว​เอง. ปี 1954 เรา​แต่งงาน​กัน​และ​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ด้วย​กัน​อย่าง​ต่อ​เนื่อง กระทั่ง​ลิเดีย​ลูก​สาว​ของ​เรา​เกิด​มา. แล้ว​เรา​ตก​ลง​กัน​ว่า​เพื่อ​ผม​จะ​สามารถ​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด​ต่อ​ไป​ได้ เนลา​จะ​หยุด​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา กลับ​ไป​อยู่​บ้าน และ​ดู​แล​ลูก​สาว​ของ​เรา.

ปี​เดียว​กัน​นั้น เรา​เผชิญ​การ​ตัดสิน​ใจ​ครั้ง​สำคัญ​อีก​เรื่อง​หนึ่ง. ผม​ถูก​ทาบทาม​ให้​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​ภาค ซึ่ง​เป็น​เขต​งาน​ที่​กว้าง​ใหญ่​คลุม​พื้น​ที่​หนึ่ง​ใน​สาม​ของ​ประเทศ​โปแลนด์. เรา​ใคร่ครวญ​เรื่อง​นี้​ด้วย​การ​อธิษฐาน. ผม​ตระหนัก​ดี​ว่า​การ​เสริม​กำลัง​พี่​น้อง​ให้​เข้มแข็ง​ภาย​ใต้​การ​สั่ง​ห้าม​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​เพียง​ใด. ช่วง​นั้น​มี​พี่​น้อง​หลาย​คน​ถูก​จับ​กุม​คุม​ขัง ด้วย​เหตุ​นี้ การ​หนุน​กำลัง​ฝ่าย​วิญญาณ​จึง​เป็น​สิ่ง​จำเป็น​อย่าง​ยิ่ง. ด้วย​การ​สนับสนุน​ของ​เนลา ผม​ตก​ลง​รับ​หน้า​ที่​มอบหมาย​นี้. พระ​ยะโฮวา​ทรง​ช่วย​ผม​ใน​งาน​รับใช้​ด้าน​นี้​ตลอด 38 ปี.

รับผิดชอบ​ดู​แล​งาน​ใน “โรง​ทำ​ขนมปัง”

ระหว่าง​ช่วง​นั้น ผู้​ดู​แล​ภาค​มี​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ดู​แล “โรง​ทำ​ขนมปัง” ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ใน​ที่​โดด​เดี่ยว พ้น​สายตา​ผู้​คน. ตำรวจ​สะกด​รอย​ตาม​เรา​ไม่​รู้​จัก​หยุด พยายาม​หา​จน​พบ​แล้ว​สั่ง​ปิด​โรง​พิมพ์​ของ​เรา. พวก​เขา​ทำ​สำเร็จ​เป็น​บาง​ครั้ง แต่​เรา​ก็​ไม่​เคย​ขาด​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​จำเป็น​เลย. เห็น​ได้​ชัด​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​พวก​เรา.

ผู้​ที่​จะ​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ปฏิบัติ​ภารกิจ​การ​พิมพ์​ซึ่ง​เป็น​งาน​หนัก​และ​อันตราย​นั้น​ต้อง​เป็น​คน​ซื่อ​สัตย์, ตื่น​ตัว, เสีย​สละ​ตัว​เอง, และ​เชื่อ​ฟัง. คุณสมบัติ​ประการ​ต่าง ๆ ตาม​ที่​ว่า​นี้​ทำ​ให้ “โรง​ทำ​ขนมปัง” ดำเนิน​งาน​ไป​ได้​อย่าง​ปลอด​อันตราย. การ​หา​สถาน​ที่​สำหรับ​การ​พิมพ์​อย่าง​ลับ ๆ นั้น​ไม่​ง่าย. ที่​ทาง​บาง​แห่ง​ดู​เหมือน​ว่า​เหมาะ แต่​พี่​น้อง​แถบ​นั้น​ไม่​ค่อย​ระวัง​ตัว. บาง​แห่ง​พี่​น้อง​ก็​สุขุม​รอบคอบ​ดี ทว่า​สถาน​ที่​ไม่​เอื้ออำนวย. พวก​พี่​น้อง​เต็ม​ใจ​เสีย​สละ​อย่าง​มาก​ที​เดียว. ผม​หยั่ง​รู้​ค่า​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​เหล่า​นั้น​ทุก​คน​ที่​ผม​ได้​รับ​เกียรติ​ให้​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​พวก​เขา.

การ​ป้องกัน​และ​รักษา​ข่าว​ดี

ระหว่าง​ช่วง​หลาย​ปี​ที่​ยาก​ลำบาก​นั้น พวก​เรา​ถูก​กล่าว​โทษ​เนือง ๆ ว่า​เข้า​ร่วม​กิจกรรม​ที่​ผิด​กฎหมาย ล้ม​ล้าง​ระบอบ​การ​ปกครอง และ​ถูก​นำ​ตัว​ขึ้น​ศาล. นี่​เป็น​ปัญหา​เพราะ​เรา​ไม่​มี​ทนาย​แก้​ต่าง. ทนาย​ความ​บาง​คน​ก็​แสดง​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ แต่​ส่วน​มาก​จะ​ขยาด​ชุมชน​และ​ไม่​อยาก​เสี่ยง​ที่​จะ​สร้าง​ความ​ไม่​พอ​ใจ​ให้​แก่​ผู้​มี​อำนาจ​ปกครอง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทราบ​สิ่ง​ที่​เรา​ต้องการ และ​พระองค์​ทรง​พลิก​ผัน​สถานการณ์​ภาย​ใน​เวลา​อัน​ควร.

อโลไอซี โปรสตัก ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​จาก​กราโกว์​ถูก​ปฏิบัติ​อย่าง​เหี้ยม​โหด​ระหว่าง​การ​สอบสวน​จน​ต้อง​เข้า​รับ​การ​รักษา​ใน​โรง​พยาบาล​เรือน​จำ. การ​ยืนหยัด​มั่นคง​ของ​เขา​ทั้ง ๆ ที่​ถูก​ทรมาน​ทั้ง​ใจ​และ​กาย​เช่น​นั้น เป็น​เหตุ​ให้​เขา​ได้​รับ​ความ​นับถือ​และ​ยกย่อง​จาก​นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ ใน​โรง​พยาบาล. หนึ่ง​ใน​จำนวน​นี้​ได้​แก่​ทนาย​ความ​ชื่อ​วีโตลด์ ลิส-โอลเชฟสกี ซึ่ง​รู้สึก​ประทับใจ​ใน​ความ​กล้า​ของ​บราเดอร์​โป​รส​ตัก. ทนาย​ความ​คน​นี้​พูด​คุย​กับ​เขา​หลาย​ครั้ง​และ​ได้​ให้​คำ​มั่น​ว่า “ทันที​ที่​ผม​ถูก​ปล่อย​ตัว​และ​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​ว่า​ความ​ได้​อีก ผม​จะ​เต็ม​ใจ​และ​ยินดี​แก้​ต่าง​ให้​ฝ่าย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.” แล้ว​เขา​ก็​ทำ​อย่าง​ที่​พูด.

นาย​โอลเชฟสกี​มี​ทีม​ทนาย​ความ​ของ​เขา​เอง ซึ่ง​การ​ยึด​มั่น​ของ​เขา​ต่อ​คำ​สัญญา​ที่​ว่า​จะ​ช่วย​พวก​เรา​นั้น​น่า​ชมเชย​จริง ๆ. ใน​ช่วง​เวลา​ที่​การ​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​เป็น​ไป​อย่าง​รุนแรง​ที่​สุด​นั้น ทนาย​ความ​กลุ่ม​นี้​ช่วย​แก้​คดี​ให้​พี่​น้อง​ประมาณ 30 คดี​ต่อ​เดือน—หนึ่ง​วัน​หนึ่ง​คดี! เนื่อง​จาก​นาย​โอลเชฟสกี​จำเป็น​ต้อง​ได้​ข้อมูล​ที่​ถูก​ต้อง​ของ​ทุก​คดี ผม​จึง​ได้​รับ​มอบ​หน้า​ที่​ให้​ติด​ต่อ​กับ​เขา. ผม​ทำ​งาน​กับ​เขา​ร่วม​เจ็ด​ปี คือ​ช่วง​ระหว่าง​ทศวรรษ 1960 ถึง​ทศวรรษ 1970.

ผม​ได้​เรียน​รู้​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​งาน​กฎหมาย​ระหว่าง​ปี​เหล่า​นั้น. บ่อย​ครั้ง ผม​ได้​เฝ้า​สังเกต​การ​พิจารณา​คดี ความ​คิด​เห็น​ของ​ทนาย​ความ ทั้ง​ใน​แง่​บวก​และ​แง่​ลบ วิธี​การ​แก้​ต่าง​ทาง​กฎหมาย และ​การ​ให้​พยาน​หลักฐาน​ของ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ที่​ถูก​กล่าวหา. ทั้ง​หมด​นี้​เป็น​ประโยชน์​มาก​ต่อ​การ​ช่วยเหลือ​พี่​น้อง​ของ​เรา โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​พวก​พี่​น้อง​ที่​ถูก​เรียก​ไป​ให้​การ​เป็น​พยาน​ใน​ศาล​พึง​รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร และ​จะ​นิ่ง​เงียบ​เมื่อ​ไร.

ระหว่าง​คดี​กำลัง​ดำเนิน​อยู่ นาย​โอลเชฟสกี​มัก​จะ​ค้าง​คืน​ที่​บ้าน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ไม่​ใช่​เพราะ​เขา​ไม่​มี​เงิน​จ่าย​ค่า​โรงแรม แต่​ตาม​ที่​เขา​เคย​พูด​ครั้ง​หนึ่ง​ว่า “ก่อน​การ​พิจารณา​คดี ผม​ต้องการ​หายใจ​ลึก ๆ สูด​เอา​ทัศนคติ​ของ​พวก​คุณ​ไว้.” ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​เขา หลาย​คดี​จบ​ลง​อย่าง​น่า​พอ​ใจ. เขา​ว่า​ความ​ให้​ผม​หลาย​ครั้ง​ที​เดียว และ​ไม่​เคย​รับ​เงิน​จาก​ผม​เลย. ณ โอกาส​หนึ่ง เขา​ไม่​ยอม​รับ​เงิน​ค่า​ว่า​ความ​ถึง 30 คดี. เพราะ​เหตุ​ใด? เขา​บอก​ว่า “ผม​ต้องการ​บริจาค​แม้​จะ​เล็ก​น้อย​เพื่อ​สนับสนุน​การ​งาน​ของ​พวก​คุณ.” และ​นั่น​เป็น​เงิน​จำนวน​ไม่​ใช่​น้อย​เลย. การ​งาน​ที่​คณะ​ทนาย​ความ​ของ​นาย​โอลเชฟสกี​ได้​กระทำ​ไม่​พ้น​สายตา​พวก​เจ้าหน้าที่ แต่​ก็​ไม่​ได้​ทำ​ให้​เขา​ท้อ​ใจ​ใน​การ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​พวก​เรา.

ยาก​ที่​จะ​พรรณนา​การ​ให้​คำ​พยาน​อย่าง​ดี​ของ​พวก​พี่​น้อง​ใน​ช่วง​ที่​ถูก​ดำเนิน​คดี. หลาย​คน​ได้​มา​ที่​ศาล​เพื่อ​สังเกต​การ​พิจารณา​คดี​และ​เป็น​กำลังใจ​ให้​แก่​พี่​น้อง​ที่​ถูก​กล่าวหา. ใน​ช่วง​ที่​มี​คดี​ฟ้องร้อง​มาก​ที่​สุด​นั้น ผม​นับ​ได้ 30,000 คน​ที่​ให้​การ​สนับสนุน​ภาย​ใน​ช่วง​เวลา​หนึ่ง​ปี. ถือ​ได้​ว่า​นั่น​คือ​เหล่า​พยาน​ฯ หมู่​ใหญ่​แน่นอน!

เขต​งาน​มอบหมาย​ใหม่

พอ​มา​ถึง​ปี 1989 คำ​สั่ง​ห้าม​กิจการ​ของ​เรา​ได้​เพิกถอน​แล้ว. สาม​ปี​ต่อ​จาก​นั้น ได้​มี​การ​สร้าง​สำนักงาน​สาขา​แล้ว​ก็​มี​การ​อุทิศ. ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​ที่​นั่น​เพื่อ​ทำ​งาน​ฝ่าย​บริการ​ข้อมูล​แก่​โรง​พยาบาล ผม​ตอบรับ​งาน​มอบหมาย​นี้​ด้วย​ความ​ยินดี. คณะ​ทำ​งาน​ของ​เรา​ประกอบ​ด้วย​สาม​บุคคล ได้​ให้​การ​ช่วยเหลือ​พี่​น้อง​ของ​เรา​ที่​ประสบ​ปัญหา​ประเด็น​เรื่อง​เลือด​และ​ช่วย​พวก​เขา​ปก​ป้อง​จุด​ยืน​ของ​ตัว​เอง​ซึ่ง​อาศัย​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​คริสเตียน​เป็น​หลัก.—กิจการ 15:29.

ผม​กับ​ภรรยา​รู้สึก​ขอบคุณ​ที่​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ใน​งาน​เผยแพร่. เนลา​เกื้อ​หนุน​และ​เป็น​กำลังใจ​ให้​ผม​ตลอด​เวลา. ผม​หยั่ง​รู้​ค่า​เสมอ​ว่า ยาม​ใด​ก็​ตาม​ที่​ผม​ยุ่ง​อยู่​กับ​งาน​ใน​หน้า​ที่​มอบหมาย​หรือ​ติด​คุก เลนา​ไม่​เคย​โอด​ครวญ​ที่​ผม​ไม่​ได้​อยู่​ด้วย. ยาม​ยาก​ลำบาก แทน​ที่​เธอ​จะ​ยอม​แพ้​ต่อ​ความ​เครียด​ทาง​ใจ​และ​ทาง​อารมณ์ กลับ​กลาย​เป็น​ว่า​เธอ​พูด​ปลอบโยน​ผู้​อื่น.

ยก​ตัว​อย่าง ใน​ปี 1974 ผม​ถูก​จับ​พร้อม​กับ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​คน​อื่น ๆ. พี่​น้อง​บาง​คน​ที่​รู้​เรื่อง​อยาก​จะ​บอก​ภรรยา​ผม​อย่าง​นุ่มนวล. พอ​คน​เหล่า​นั้น​เห็น​หน้า​เธอ​ก็​ได้​ถาม​ว่า “ซิสเตอร์​เนลา เตรียม​ใจ​ให้​ดี​นะ คุณ​พร้อม​จะ​ฟัง​ข่าว​ร้าย​ไหม?” ที​แรก​เธอ​นิ่ง​เงียบ​ด้วย​ความ​กลัว​เพราะ​คิด​ว่า​ผม​เสีย​ชีวิต​ไป​แล้ว. ครั้น​รู้​เรื่อง​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​จริง ๆ เธอ​พูด​อย่าง​โล่ง​อก​ว่า “เขา​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่! นี่​ไม่​ใช่​การ​ติด​คุก​ครั้ง​แรก​ของ​เขา​นะ​จ๊ะ.” พี่​น้อง​เล่า​ให้​ผม​ฟัง​ที​หลัง​ว่า​พวก​เขา​รู้สึก​ประทับใจ​จริง ๆ ใน​ท่าที​ของ​เธอ​ที่​มอง​ใน​แง่​ดี.

แม้​ว่า​ใน​อดีต​เรา​เคย​ประสบ​ความ​ทุกข์​ลำบาก​แสน​สาหัส​บ้าง แต่​พระ​ยะโฮวา​ได้​ประทาน​บำเหน็จ​แก่​เรา​อย่าง​บริบูรณ์​เสมอ เนื่อง​จาก​เรา​ยึด​มั่น​อยู่​ใน​ทาง​ของ​พระองค์. เรา​ดีใจ​เสีย​นี่​กระไร​ที่​ลิเดีย​ลูก​สาว​ของ​เรา​พร้อม​ด้วย​อัลเฟรด เดรูชา สามี​ของ​เธอ ได้​พิสูจน์​ให้​เห็น​ว่า​เป็น​คู่​สมรส​คริสเตียน​ตัว​อย่าง. ทั้ง​คู่​ได้​อบรม​เลี้ยง​ลูก​ชาย​สอง​คน คือ​คริสโตเฟอร์​และ​โจนาทาน​จน​เติบโต​ได้​เป็น​ผู้​รับใช้​ที่​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า ซึ่ง​เพิ่ม​พูน​ความ​สุข​แก่​เรา. ริชาร์ด​น้อง​ชาย​และ​อูร์​ซู​ลา​น้อง​สาว​ของ​ผม​ก็​ยัง​เป็น​คริสเตียน​ที่​ซื่อ​สัตย์​มา​นาน​หลาย​ปี​เช่น​กัน.

พระ​ยะโฮวา​ไม่​เคย​ทอดทิ้ง​เรา และ​เรา​เอง​ก็​ต้องการ​รับใช้​พระองค์​ด้วย​สิ้น​สุด​หัวใจ​ต่อ ๆ ไป. พวก​เรา​ประสบ​ด้วย​ตัว​เอง​มา​แล้ว​เกี่ยว​ด้วย​ความ​สัตย์​จริง​แห่ง​ถ้อย​คำ​ใน​บทเพลง​สรรเสริญ 37:34 ที่​ว่า “จง​คอย​ท่า​พระ​ยะโฮวา และ​รักษา​ทาง​ของ​พระองค์​ไว้, แล้ว​พระองค์​จะ​ทรง​โปรด​ให้​ท่าน​เลื่อน​ขึ้น​ได้​มฤดก​ที่​แผ่นดิน​นั้น.” เรา​คอย​ท่า​เวลา​นั้น​ด้วย​สุด​หัวใจ​ที​เดียว.

[ภาพ​หน้า 17]

ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ที่​จัด​ขึ้น​ใน​สวน​ของ​พี่​น้อง​ที่​เมือง​กราโกว์ ปี 1964

[ภาพ​หน้า 18]

กับ​เนลา​ภรรยา​และ​ลิเดีย​ลูก​สาว​ของ​เรา ปี 1968

[ภาพ​หน้า 20]

กับ​เด็ก​ชาย​พยาน​ฯ ก่อน​ที่​เขา​จะ​เข้า​รับ​การ​ผ่าตัด​หัวใจ​โดย​ไม่​ใช้​เลือด

[ภาพ​หน้า 20]

กับ​นาย​แพทย์​ไวส์ ศัลยแพทย์​ใหญ่​แผนก​ผ่าตัด​หัวใจ​เด็ก โดย​ไม่​ใช้​เลือด ณ โรง​พยาบาล​แห่ง​หนึ่ง​ที่​กาโตวิส

[ภาพ​หน้า 20]

กับ​เนลา ปี 2002