ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ทรหดดุจทหารของพระคริสต์

ทรหดดุจทหารของพระคริสต์

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ทรหด​ดุจ​ทหาร​ของ​พระ​คริสต์

เล่า​โดย​ยูรี คัปโตลา

“ตอน​นี้​ฉัน​มั่น​ใจ​แล้ว​ว่า​นาย​มี​ความ​เชื่อ​จริง ๆ!” ถ้อย​คำ​ดัง​กล่าว​มา​จาก​แหล่ง​ที่​ไม่​น่า​เป็น​ไป​ได้ คือ​จาก​นาย​ทหาร​โซเวียต และ​คำ​พูด​นั้น​ให้​กำลังใจ​ผม​ทัน​เวลา​ใน​ยาม​ที่​ต้องการ​อย่าง​ยิ่ง. ผม​อยู่​ใน​ระหว่าง​การ​พิจารณา​ตัดสิน​ให้​จำ​คุก​เป็น​เวลา​นาน​และ​ได้​วิงวอน​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​ขอ​การ​ค้ำจุน​จาก​พระ​ยะโฮวา. ผม​กำลัง​เผชิญ​กับ​การ​ต่อ​สู้​อย่าง​ทรหด​และ​ยาว​นาน​ซึ่ง​ต้อง​มี​ความ​อด​ทน​และ​มั่นคง​แน่วแน่.

ผม​เกิด​วัน​ที่ 19 ตุลาคม 1962 และ​เติบโต​ทาง​ภาค​ตะวัน​ตก​ของ​ยูเครน. ปี​เดียว​กัน​นั้น พ่อ​ผม​ชื่อ​ยูรี​เหมือน​กัน​ได้​ติด​ต่อ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ไม่​นาน ท่าน​ก็​ได้​เป็น​คน​แรก​ใน​หมู่​บ้าน​ที่​ได้​เข้า​มา​เป็น​ผู้​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา. กิจกรรม​ที่​พ่อ​ทำ​ไม่​พ้น​การ​เฝ้า​สังเกต​ของ​เจ้าหน้าที่​ฝ่าย​ปกครอง​ที่​คอย​ต่อ​ต้าน​ขัด​ขวาง​เหล่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

อย่าง​ไร​ก็​ดี เพื่อน​บ้าน​ของ​เรา​ส่วน​ใหญ่​นับถือ​พ่อ​แม่​ของ​ผม ทั้ง​นี้​ก็​เพราะ​ท่าน​มี​คุณลักษณะ​แบบ​คริสเตียน​และ​คำนึง​ถึง​ผู้​อื่น. ทั้ง​พ่อ​และ​แม่​ได้​ใช้​ทุก​โอกาส​ปลูกฝัง​ความ​รัก​ต่อ​พระเจ้า​ไว้​ใน​ตัว​ผม​และ​พี่​สาว​กับ​น้อง​สาว​อีก​สอง​คน​ให้​รู้​จัก​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า​ตั้ง​แต่​เยาว์​วัย และ​ด้วย​เหตุ​นี้​จึง​ช่วย​ผม​เผชิญ​ข้อ​ท้าทาย​หลาย ๆ อย่าง​ที่​โรง​เรียน​ได้. ข้อ​ท้าทาย​อย่าง​หนึ่ง​เกิด​ขึ้น​เมื่อ​มี​การ​เรียก​ร้อง​เด็ก​นัก​เรียน​แต่​ละ​คน​ให้​ติด​เครื่องหมาย​แสดง​ตัว​เป็น​สมาชิก​พรรค​ตุลาคม (ของ​รัสเซีย). เนื่อง​จาก​ผม​ต้องการ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​ใน​ฐานะ​คริสเตียน ผม​ไม่​ยอม​ติด​เครื่องหมาย​และ​จึง​ดู​แตกต่าง​จาก​เด็ก​อื่น ๆ อย่าง​เห็น​ได้​ชัด.—โยฮัน 6:15; 17:16.

ต่อ​มา เมื่อ​ผม​เรียน​ชั้น​ประถม​ปี​ที่​สาม มี​คำ​สั่ง​ให้​นัก​เรียน​ทุก​คน​สมทบ​องค์กร​ยุวชน​คอมมิวนิสต์​ที่​เรียก​ว่า​ผู้​บุกเบิก​รุ่น​เยาว์. วัน​หนึ่ง นัก​เรียน​ใน​ชั้น​ได้​ออก​ไป​ประกอบ​พิธี​เข้า​เป็น​สมาชิก​ที่​สนาม​หน้า​โรง​เรียน. ผม​กลัว​มาก กริ่ง​เกรง​ว่า​จะ​ถูก​เยาะเย้ย​ถูก​ตำหนิ. นัก​เรียน​ทุก​คน​เว้น​แต่​ผม​ได้​นำ​เอา​ผ้า​พัน​คอ​สี​แดง​ผืน​ใหม่​มา​จาก​บ้าน และ​นัก​เรียน​ทั้ง​ชั้น​ยืน​เข้า​แถว​อยู่​ตรง​หน้า​ครู​ใหญ่, ครู​ประจำ​ชั้น, และ​นัก​เรียน​รุ่น​พี่. ครั้น​สมาชิก​รุ่น​อาวุโส​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ให้​ผูก​ผ้า​พัน​คอ​แก่​รุ่น​ยุวชน ผม​ก้ม​หน้า​ไม่​กล้า​สบ​ตา หวัง​แต่​เพียง​ว่า​คง​จะ​ไม่​มี​ใคร​สนใจ.

ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​คุก​อัน​ห่าง​ไกล

เมื่อ​อายุ 18 ปี ผม​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​สาม​ปี​เพราะ​รักษา​ฐานะ​ความ​เป็น​กลาง​ของ​คริสเตียน. (ยะซายา 2:4) ผม​ติด​คุก​ปี​แรก​ที่​เมือง​ทรูโดโวเย ใน​แคว้น​วินนิตสกายา​ของ​ยูเครน. ขณะ​อยู่​ที่​นั่น ผม​ได้​พบ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ประมาณ 30 คน. เรา​ถูก​กำหนด​ให้​ทำ​งาน​กลุ่ม​ละ​สอง​คน แต่​ละ​กลุ่ม​ทำ​งาน​แยก​จาก​กัน เนื่อง​จาก​เจ้าหน้าที่​ไม่​ต้องการ​ให้​พวก​เรา​พบ​ปะ​คบหา​กัน.

เดือน​สิงหาคม 1982 ผม​กับ​อีดวร์ด​พยาน​ฯ อีก​คน​หนึ่ง​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​เทือก​เขา​อูรัล​ทาง​เหนือ​ของ​ประเทศ โดย​ให้​นั่ง​ใน​ตู้​รถไฟ​ที่​คุม​ขัง​พร้อม​กับ​นัก​โทษ​อื่น ๆ อีก​กลุ่ม​หนึ่ง. เรา​ต้อง​ทน​อากาศ​ที่​ร้อน​จัด​และ​เบียด​เสียด​กัน​ใน​สภาพ​ที่​ย่ำแย่​นาน​กว่า​แปด​วัน กระทั่ง​มา​ถึง​คุก​ใน​เมือง​โซลีคัมสค์ แคว้น​เปียร์มสกายา. เขา​แยก​ผม​กับ​อีดวร์ด​ขัง​คน​ละ​ห้อง. สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา เขา​ส่ง​ผม​ให้​ไป​อยู่​ทาง​เหนือ​ที่​หมู่​บ้าน​วโยส์ ใน​ภูมิภาค​คราสโนวีเชอสกี.

พาหนะ​ได้​นำ​เรา​ไป​ถึง​ที่​นั่น​ตอน​ดึก และ​คืน​นั้น​มืด​มาก. ถึง​กระนั้น เจ้าหน้าที่​สั่ง​พวก​เรา​เอา​เรือ​ข้าม​แม่น้ำ​ไป. เรา​มอง​ไม่​เห็น​เรือ​และ​แม่น้ำ​เลย! แต่​เรา​ก็​คลำ​ทาง​หา​กระทั่ง​เจอ​เรือ​เข้า​โดย​บังเอิญ และ​ถึง​แม้​รู้สึก​กลัว​แต่​พวก​เรา​ก็​ข้าม​ไป​ได้. พอ​ถึง​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง เรา​ตรง​ไป​ยัง​ที่​ที่​เรา​เห็น​แสง​สว่าง​บน​เนิน​เขา​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล ที่​นั่น​เรา​พบ​เต็นท์​สอง​สาม​หลัง. ที่​นี่​จะ​เป็น​บ้าน​แห่ง​ใหม่​สำหรับ​พวก​เรา. ผม​ได้​อยู่​ใน​เต็นท์​หลัง​ค่อนข้าง​ใหญ่​กับ​นัก​โทษ​อีก​ประมาณ 30 คน. ช่วง​หน้า​หนาว อุณหภูมิ​ลบ 40 องศา​เซลเซียส และ​ความ​อบอุ่น​ภาย​ใน​เต็นท์​มี​ไม่​พอ. งาน​หลัก​ของ​นัก​โทษ​คือ​ตัด​โค่น​ต้น​ไม้ แต่​ผม​ได้​ทำ​งาน​สร้าง​กระท่อม​ให้​นัก​โทษ​อยู่.

อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​ไป​ถึง​ถิ่น​ที่​อยู่​อัน​ห่าง​ไกล​ของ​เรา

ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เพียง​คน​เดียว​ที่​อยู่​ที่​นั่น กระนั้น พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​ทอดทิ้ง​ผม. วัน​หนึ่ง​มี​กล่อง​พัสดุ​จาก​แม่​ส่ง​มา​ให้ ท่าน​ยัง​อยู่​ทาง​ตะวัน​ตก​ของ​ยูเครน. เมื่อ​ผู้​คุม​เปิด​กล่อง สิ่ง​แรก​ที่​เขา​เห็น​คือ​คัมภีร์​ไบเบิล​เล่ม​เล็ก ๆ. เขา​หยิบ​ขึ้น​มา​และ​เริ่ม​พลิก​หน้า​หนังสือ​ดู​ไป​เรื่อย ๆ. ผม​พยายาม​นึก​หา​คำ​พูด​ที่​จะ​ไม่​ให้​เขา​ยึด​เอา​สมบัติ​ฝ่าย​วิญญาณ​อัน​มี​ค่า​ไป. ทันใด​นั้น​เอง​ผู้​คุม​ก็​ถาม​ว่า “หนังสือ​อะไร​นี่?” ก่อน​ผม​คิด​คำ​ตอบ​ได้ จเร​ทหาร​ที่​ยืน​อยู่​ใกล้ ๆ ตอบ​ว่า “อ๋อ พจนานุกรม​นั่น​เอง.” ผม​นิ่ง​เงียบ. (ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:7) จเร​ค้น​ดู​จน​ทั่ว​แล้ว​ก็​ยื่น​กล่อง​พร้อม​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ล้ำ​ค่า​เล่ม​นั้น​ให้​ผม. ผม​ดีใจ​อย่าง​ที่​สุด ผม​สมนาคุณ​เขา​ด้วย​การ​แบ่ง​ลูก​นัท​จาก​กล่อง​ให้​เขา​ไป​บ้าง. ตอน​ที่​ได้​รับ​กล่อง​ของ​ฝาก​นี้ ผม​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​ลืม​ผม. พระองค์​ทรง​ยื่น​พระ​หัตถ์​ช่วยเหลือ​ผม​อย่าง​เอื้อ​อารี​และ​ใฝ่​พระทัย​ดู​แล​ให้​ได้​รับ​สิ่ง​จำเป็น​ฝ่าย​วิญญาณ.—เฮ็บราย 13:5.

ประกาศ​เรื่อย​ไป​มิ​ได้​ขาด

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่​เดือน ผม​ประหลาด​ใจ​เมื่อ​ได้​รับ​จดหมาย​จาก​พี่​น้อง​คริสเตียน​ซึ่ง​ถูก​จำ​คุก​ห่าง​ออก​ไป​ราว ๆ 400 กิโลเมตร. เขา​ขอร้อง​ผม​ให้​ช่วย​สืบ​หา​ชาย​ผู้​สนใจ​คน​หนึ่ง และ​อาจ​อยู่​ใน​ค่าย​เดียว​กัน​กับ​ผม. การ​เขียน​จดหมาย​ไม่​ใช้​รหัส​เช่น​นั้น​ไม่​สู้​ฉลาด​นัก เพราะ​จดหมาย​ของ​เรา​ต้อง​ผ่าน​การ​ตรวจ. ฉะนั้น ไม่​แปลก​ที่​เจ้าหน้าที่​เรียก​ผม​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ทำ​งาน​ของ​เขา​และ​เตือน​ผม​อย่าง​หนักแน่น​ไม่​ให้​ประกาศ. แล้ว​เขา​สั่ง​ให้​ผม​เซ็น​เอกสาร​ที่​ระบุ​ว่า​ผม​จะ​เลิก​พูด​เรื่อง​ศาสนา​ของ​ผม​กับ​คน​อื่น ๆ. ผม​ตอบ​กลับ​ไป​ว่า​ผม​ไม่​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ควร​เซ็น​เอกสาร​นี้ เพราะ​ใคร ๆ ก็​รู้​อยู่​ว่า​ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ผม​บอก​ว่า​นัก​โทษ​คน​อื่น​อยาก​จะ​รู้​สาเหตุ​ที่​ผม​ต้อง​ติด​คุก. ผม​ควร​จะ​ตอบ​พวก​เขา​อย่าง​ไร? (กิจการ 4:20) เจ้าหน้าที่​คน​นี้​รู้​ตัว​ว่า​เขา​ไม่​สามารถ​จะ​ข่มขู่​ผม เขา​จึง​ตัดสิน​ใจ​กำจัด​ผม โดย​จัด​การ​ย้าย​ให้​ไป​อยู่​อีก​ค่าย​หนึ่ง.

เขา​สั่ง​ย้าย​ผม​ไป​ที่​หมู่​บ้าน​วา​ยา ห่าง​ออก​ไป​ประมาณ 200 กิโลเมตร. ที่​นั่น เจ้าหน้าที่​ให้​ความ​นับถือ​จุด​ยืน​ฐานะ​คริสเตียน​ของ​ผม​และ​มอบ​งาน​ให้​ทำ ซึ่ง​ไม่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​หน้า​ที่​ราชการ​ทหาร ที​แรก​ให้​เป็น​ช่าง​ไม้ ต่อ​มา​เป็น​ช่าง​ไฟฟ้า. แต่​งาน​เหล่า​นี้​ก็​แฝง​ข้อ​ท้าทาย​อยู่​ใน​ตัว. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง มี​คำ​สั่ง​ให้​ผม​เก็บ​อุปกรณ์​เครื่อง​มือ​แล้ว​ไป​ที่​สโมสร​ประจำ​หมู่​บ้าน. เมื่อ​ผม​ไป​ถึง พวก​ทหาร​ที่​สโมสร​พา​กัน​ดีใจ. พวก​เขา​มี​ปัญหา​ใน​การ​ติด​ดวง​ไฟ​ประดับ​เครื่องหมาย​ประจำ​หน่วย​ต่าง ๆ ของ​ทหาร​ให้​ทัน​ใช้​การ​ได้. เขา​ต้องการ​ให้​ผม​ช่วย​ซ่อมแซม​หลาย​อย่าง เนื่อง​จาก​อยู่​ใน​ช่วง​เตรียม​งาน​ฉลอง​วัน​กองทัพ​แดง​ของ​คอมมิวนิสต์. หลัง​จาก​ทูล​อธิษฐาน​และ​ใคร่ครวญ​เรื่อง​ที่​ควร​จะ​ทำ​ใน​ขั้น​ต่อ​ไป ผม​ได้​บอก​พวก​เขา​ว่า​ผม​ไม่​สามารถ​ทำ​งาน​แบบ​นั้น. ผม​ให้​เครื่อง​มือ​กับ​พวก​เขา​และ​จาก​ลา​ไป. ผม​ถูก​รายงาน​ตัว​ให้​รอง​ผู้​บัญชา​การ​ทราบ และ​ผม​ประหลาด​ใจ​ที่​เขา​รับ​ฟัง​คำ​ฟ้อง​กล่าวหา​ผม​และ​ตอบ​ดัง​นี้: “ผม​นับถือ​การ​กระทำ​อย่าง​นั้น​ของ​เขา. เขา​เป็น​คน​มี​หลักการ.”

การ​หนุน​ใจ​จาก​แหล่ง​ที่​ไม่​น่า​เป็น​ไป​ได้

ผม​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​เมื่อ​วัน​ที่ 8 มิถุนายน 1984 หลัง​การ​คุม​ขัง​ครบ​สาม​ปี​พอ​ดี. เมื่อ​กลับ​ไป​ที่​ยูเครน ผม​ต้อง​ไป​ขึ้น​ทะเบียน​ที่​กอง​ทหาร​อาสา​สมัคร​ฐานะ​เป็น​อดีต​นัก​โทษ. พวก​เจ้าหน้าที่​บอก​ผม​ว่า ผม​จะ​ถูก​พิจารณา​คดี​อีก​หลัง​จาก​หก​เดือน​และ​คง​จะ​ดี​กว่า​หาก​ผม​จะ​ไป​จาก​ที่​นั่น. ฉะนั้น ผม​จึง​ออก​จาก​ยูเครน​และ​ใน​ที่​สุด​ได้​งาน​ทำ​ที่​ลัตเวีย. ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง ผม​สามารถ​ออก​ประกาศ​และ​ร่วม​ประชุม​กับ​พยาน​ฯ กลุ่ม​เล็ก ๆ ใน​ริกา​เมือง​หลวง​และ​รอบ ๆ เขต​เมือง. อย่าง​ไร​ก็​ดี เพียง​หนึ่ง​ปี​ผ่าน​ไป ผม​ถูก​หมาย​เรียก​เข้า​รับ​ราชการ​ทหาร​อีก. ณ สำนักงาน​เกณฑ์​ทหาร ผม​ได้​แจ้ง​แก่​เจ้าหน้าที่​ว่า​ผม​เคย​ปฏิเสธ​การ​เป็น​ทหาร​ไป​แล้ว. เขา​ตะคอก​กลับ​ว่า “จริง ๆ แล้ว นาย​รู้​ไหม​ว่า​กำลัง​ทำ​อะไร​อยู่? ดู​ซิ​ว่า​นาย​จะ​พูด​อะไร​กับ​ท่าน​ผู้​พัน!”

เขา​พา​ผม​ขึ้น​ไป​ใน​ห้อง​บน​ชั้น​สอง​ซึ่ง​นาย​ทหาร​ยศ​พัน​โท​นั่ง​อยู่​หลัง​โต๊ะ​ยาว. เขา​ตั้งใจ​ฟัง​ขณะ​ที่​ผม​ได้​ชี้​แจง​ฐานะ​ของ​ผม ครั้น​แล้ว​เขา​พูด​ว่า​ผม​ยัง​มี​โอกาส​จะ​ไตร่ตรอง​การ​ตัดสิน​ใจ​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ก่อน​เข้า​พบ​คณะ​กรรมการ​เกณฑ์​ทหาร. เมื่อ​เรา​ออก​มา​ข้าง​นอก​ห้อง​ทำ​งาน​ของ​พัน​โท​คน​นั้น เจ้าหน้าที่​ซึ่ง​ดุ​ด่า​ผม​ตอน​แรก​ยอม​รับ​ดัง​นี้: “ตอน​นี้​ฉัน​มั่น​ใจ​แล้ว​ว่า​นาย​มี​ความ​เชื่อ​จริง ๆ!” เมื่อ​ผม​อยู่​ต่อ​หน้า​คณะ​กรรมการ​ใน​กองทัพ ผม​กล่าว​ซ้ำ​ฐานะ​ความ​เป็น​กลาง​ของ​ผม​อีก และ​เขา​ก็​ได้​ปล่อย​ผม​ไป​ก่อน.

ใน​ช่วง​นั้น ผม​เช่า​หอ​พัก​อยู่. เย็น​วัน​หนึ่ง ผม​ได้​ยิน​เสียง​เคาะ​ประตู​เบา ๆ. พอ​ผม​เปิด​ประตู​ก็​เห็น​ชาย​คน​หนึ่ง​แต่ง​สูท​และ​หิ้ว​กระเป๋า​เอกสาร. เขา​กล่าว​แนะ​นำ​ตัว​เอง​ว่า “ผม​มา​จาก​หน่วย​รักษา​ความ​มั่นคง​และ​หน่วย​สืบ​ราชการ​ลับ. ผม​ทราบ​ว่า​คุณ​ประสบ​ความ​ยุ่งยาก​และ​จะ​ถูก​ดำเนิน​คดี​ใน​ศาล.” ผม​ตอบ​ว่า “ใช่​ครับ.” ชาย​ผู้​นั้น​พูด​ต่อ​ว่า “เรา​สามารถ​ช่วย​คุณ​ได้​ถ้า​คุณ​ตัดสิน​ใจ​จะ​ร่วม​มือ​กับ​พวก​เรา.” ผม​บอก​เขา​ว่า “ไม่ ไม่​มี​ทาง​เป็น​ไป​ได้ ผม​จะ​ต้อง​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​ต่อ​ความ​เชื่อ​ใน​ฐานะ​เป็น​คริสเตียน.” เขา​เลิก​พยายาม​ที่​จะ​โน้ม​น้าว​ผม แล้ว​ลา​กลับ.

กลับ​เข้า​คุก และ​ประกาศ​ต่อ​ไป

วัน​ที่ 26 สิงหาคม 1986 ศาล​เมือง​ริกา​พิจารณา​ตัดสิน​ให้​ผม​ไป​ทำ​งาน​ใช้​แรงงาน​เป็น​เวลา​สี่​ปี และ​ถูก​ส่ง​ตัว​เข้า​เรือน​จำ​กลาง​แห่ง​เมือง​ริกา. ผม​ถูก​ขัง​ใน​ห้อง​ใหญ่​รวม​กับ​นัก​โทษ​อื่น​อีก 40 คน และ​ผม​ได้​พยายาม​ที่​จะ​ประกาศ​แก่​นัก​โทษ​ทุก​คน​ใน​ห้อง​ขัง​นั้น. บาง​คน​อ้าง​ว่า​เขา​เชื่อ​พระเจ้า บาง​คน​เอา​แต่​หัวเราะ. ผม​สังเกต​เห็น​ว่า​มี​การ​แบ่ง​กัน​ออก​เป็น​กลุ่ม ๆ และ​สอง​สัปดาห์​ผ่าน​ไป ผู้​นำ​กลุ่ม​เหล่า​นี้​บอก​ผม​ว่า​จะ​ปล่อย​ให้​ผม​ประกาศ​ไม่​ได้ เนื่อง​จาก​ผม​ไม่​ทำ​ตัว​ให้​เข้า​กับ​กฎ​หมู่​ตาม​ที่​พวก​เขา​ตั้ง​ขึ้น. ผม​อธิบาย​ว่า​ผม​ถูก​จำ​คุก​ก็​เพราะ​เหตุ​นี้​แหละ คือ​ผม​ดำเนิน​ชีวิต​ตาม​กฎเกณฑ์​ที่​แตกต่าง​จาก​คน​อื่น.

ผม​ประกาศ​ต่อ​ไป​อย่าง​สุขุม​รอบคอบ และ​เมื่อ​พบ​คน​ที่​สนใจ​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ ผม​สามารถ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ได้​ถึง​สี่​ราย. ระหว่าง​ที่​มี​การ​สนทนา​ไต่ถาม​กัน พวก​เขา​จะ​จด​หลัก​คำ​สอน​พื้น​ฐาน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ลง​ใน​สมุด​บันทึก. หลัง​สอง​สาม​เดือน​ผ่าน​ไป ผม​ถูก​ส่ง​ตัว​ไป​ทำ​งาน​เป็น​ช่าง​ไฟฟ้า​อยู่​ที่​ค่าย​ใน​เมือง​วัลมีเยรา ซึ่ง​การ​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​เป็น​ไป​อย่าง​เข้มงวด. ที่​นั่น​ผม​สามารถ​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ช่าง​ไฟฟ้า​คน​หนึ่ง สี่​ปี​ต่อ​มา​เขา​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

วัน​ที่ 24 มีนาคม 1988 ผม​ถูก​ย้าย​จาก​ค่าย​ที่​เข้มงวด​มาก​ใน​ด้าน​การ​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​ไป​ยัง​ค่าย​ใน​ท้องถิ่น​ใกล้​เคียง. คราว​นี้​ถือ​เป็น​พระ​พร​จริง ๆ เนื่อง​จาก​เขา​ปล่อย​ให้​ผม​มี​อิสระ​มาก​ขึ้น. ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ทำ​งาน​ด้าน​การ​ก่อ​สร้าง​ใน​หลาย​โครงการ และ​ผม​จ้อง​หา​โอกาส​อยู่​เสมอ​ที่​จะ​ประกาศ. บ่อย​ครั้ง ผม​ไป​ประกาศ​นอก​ค่าย​กระทั่ง​ค่ำ​มืด แต่​ก็​ไม่​มี​เรื่อง​ยุ่งยาก​แต่​อย่าง​ใด​เมื่อ​กลับ​ถึง​ค่าย​ที่​พัก.

พระ​ยะโฮวา​ทรง​อวย​พร​ความ​บากบั่น​ของ​ผม. มี​พยาน​ฯ เพียง​ไม่​กี่​คน​ใน​ละแวก​นั้น แต่​ใน​เมือง​ที่​ค่าย​ตั้ง​อยู่ มี​พยาน​ฯ เพียง​คน​เดียว​เท่า​นั้น เธอ​เป็น​ผู้​สูง​อายุ​ชื่อ​วิลมา ครู​มินยา. ผม​กับ​ซิสเตอร์​ครู​มิน​ยา​เริ่ม​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​หลาย​ราย​กับ​คน​หนุ่ม​สาว. บาง​ครั้ง​ก็​มี​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​จาก​ริกา​มา​เพื่อ​มี​ส่วน​ร่วม​งาน​ประกาศ​และ​ไพโอเนียร์​ประจำ​บาง​คน​เดิน​ทาง​มา​จาก​เลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก​ใน​ปัจจุบัน). ด้วย​การ​สงเคราะห์​ของ​พระ​ยะโฮวา พวก​เรา​ได้​เริ่ม​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​หลาย​ราย และ​ต่อ​มา​ผม​สมัคร​ทำ​งาน​รับใช้​ประเภท​ไพโอเนียร์ ใช้​เวลา​ออก​ประกาศ 90 ชั่วโมง​ต่อ​เดือน.

วัน​ที่ 7 เมษายน 1990 เป็น​วัน​นัด​ทบทวน​คดี​ของ​ผม​ใน​ศาล​ประชาชน​ที่​เมือง​วัลมีเยรา. เมื่อ​เริ่ม​การ​พิจารณา​คดี ผม​จำ​หน้า​อัยการ​ได้. เขา​คือ​ชาย​หนุ่ม​คน​ที่​ผม​เคย​สนทนา​เรื่อง​พระ​คัมภีร์​กับ​เขา​มา​ก่อน! เขา​จำ​ผม​ได้​พร้อม​กับ​ยิ้ม​ให้ แต่​ไม่​พูด​อะไร. ผม​ยัง​จำ​คำ​พูด​ผู้​พิพากษา​ใน​วัน​พิจารณา​คดี​ใน​วัน​นั้น​ที่​ว่า “ยูรี การ​ที่​คุณ​ถูก​จำ​คุก​สี่​ปี​มา​แล้ว​นั้น​เป็น​การ​ตัดสิน​ที่​ไม่​เป็น​ธรรม. เขา​ไม่​น่า​ตัดสิน​ให้​คุณ​ต้อง​โทษ​เลย.” โดย​ไม่​คาด​หมาย ผม​ได้​รับ​อิสรภาพ​ทันที​ทันใด!

ทหาร​ของ​พระ​คริสต์

เดือน​มิถุนายน 1990 ผม​ต้อง​ไป​ขึ้น​ทะเบียน​ทหาร​อีก​ครั้ง​หนึ่ง ณ สำนักงาน​เกณฑ์​ทหาร​เพื่อ​จะ​ได้​สิทธิ​มี​ที่​อยู่​อาศัย​ใน​เมือง​ริกา. ผม​เดิน​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​เดิม​ที่​มี​โต๊ะ​ยาว​ตัว​เดียว​กัน​กับ​ที่​ตั้ง​อยู่​เมื่อ​สี่​ปี​ก่อน​ใน​คราว​ที่​ผม​ตอบ​นาย​ทหาร​ยศ​พัน​โท​ไป​ว่า​ผม​จะ​ไม่​ปฏิบัติ​ราชการ​ใน​กองทัพ. คราว​นี้ เขา​ลุก​ขึ้น​ทักทาย​และ​จับ​มือ​ผม​แล้ว​พูด​ว่า “เป็น​เรื่อง​น่า​อับอาย​จริง ๆ ที่​คุณ​ต้อง​ผ่าน​ความ​ยุ่งยาก​ลำบาก​เหล่า​นี้. ผม​เสียใจ​กับ​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น.”

ผม​ตอบ​เขา​ว่า “ผม​เป็น​ทหาร​ของ​พระ​คริสต์ ผม​ต้อง​ทำ​หน้า​ที่​ให้​สำเร็จ. โดย​การ​ช่วยเหลือ​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล คุณ​ก็​เช่น​กัน​สามารถ​ชื่นชม​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​พระ​คริสต์​ตรัส​สัญญา​ไว้​กับ​สาวก​ของ​พระองค์ นั่น​คือ ชีวิต​ที่​มี​ความ​สุข​และ​อนาคต​ยั่งยืน.” (2 ติโมเธียว 2:3, 4) นาย​พัน​ตอบ​ว่า “ไม่​นาน​มา​นี้ ผม​ซื้อ​พระ​คัมภีร์​ไว้​เล่ม​หนึ่ง และ​ตอน​นี้​กำลัง​อ่าน​อยู่.” ผม​มี​หนังสือ​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก * ติด​ตัว​ไป​ด้วย. ผม​เปิด​ให้​เขา​ดู​บท​ที่​พูด​ถึง​สัญลักษณ์​สมัย​สุด​ท้าย​และ​ชี้​ให้​เห็น​คำ​พยากรณ์​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า​เกี่ยว​ข้อง​อย่าง​ไร​กับ​สมัย​ของ​เรา. ด้วย​ความ​หยั่ง​รู้​ค่า​และ​รู้สึก​ขอบคุณ นาย​พัน​จับ​มือ​ผม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​และ​กล่าว​อวย​พร​ให้​ผม​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​งาน​ที่​ทำ.

ถึง​ตอน​นั้น ทุ่ง​นา​ใน​ลัตเวีย​เหลือง​ได้​เวลา​เก็บ​เกี่ยว​แล้ว. (โยฮัน 4:35) ปี 1991 ผม​เริ่ม​ปฏิบัติ​งาน​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม. ทั่ว​ประเทศ​มี​ผู้​ปกครอง​ที่​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เพียง​สอง​คน! หนึ่ง​ปี​ถัด​มา ประชาคม​หนึ่ง​เดียว​ใน​ลัตเวีย​ได้​แยก​เป็น​สอง​ประชาคม ประชาคม​หนึ่ง​ใช้​ภาษา​ลัตเวีย และ​อีก​ประชาคม​หนึ่ง​ใช้​ภาษา​รัสเซีย. ผม​มี​สิทธิ​พิเศษ​รับใช้​ร่วม​กับ​ประชาคม​ภาษา​รัสเซีย. การ​เจริญ​เติบโต​เร็ว​มาก ปี​ต่อ​มา​ประชาคม​ของ​เรา​จึง​ได้​แยก​เป็น​สาม​ประชาคม! เมื่อ​ผม​มอง​ย้อน​กลับ เห็น​ได้​ชัด​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ได้​ทรง​ชี้​นำ​แกะ​ของ​พระองค์​เข้า​มา​ยัง​องค์การ​ของ​พระองค์.

ปี 1998 ผม​ได้​รับ​แต่ง​ตั้ง​ให้​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​เมือง​เยล​กา​วา ห่าง​จาก​ริกา​ไป​ทาง​ตะวัน​ตก​เฉียง​ใต้​ประมาณ 40 กิโลเมตร. ปี​เดียว​กัน​นั้น ผม​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​แรก​จาก​ลัตเวีย​ที่​ได้​รับ​เชิญ​เข้า​โรง​เรียน​ฝึก​อบรม​เพื่อ​งาน​รับใช้​ซึ่ง​ดำเนิน​การ​สอน​เป็น​ภาษา​รัสเซีย ที่​ซอลเน็คนอเย​ใกล้​นคร​เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย. ขณะ​อยู่​ใน​โรง​เรียน ผม​ได้​มา​ตระหนัก​ว่า​สำคัญ​เพียง​ใด​ที่​พึง​มี​ทัศนะ​ที่​แสดง​ความ​รัก​ต่อ​ประชาชน​เพื่อ​จะ​ประสบ​ความ​สำเร็จ​ใน​งาน​รับใช้. สิ่ง​หนึ่ง​ที่​ประทับใจ​ผม​เป็น​พิเศษ มาก​ยิ่ง​กว่า​สิ่ง​ที่​มี​การ​สอน​ที่​โรง​เรียน​คือ​ความ​รัก​และ​ความ​เอา​ใจ​ใส่​จาก​ครอบครัว​เบเธล​และ​ผู้​สอน.

เหตุ​การณ์​สำคัญ​สุด​ยอด​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ใน​ชีวิต​ของ​ผม​เกิด​ขึ้น​ใน​ปี 2001 เมื่อ​ผม​แต่งงาน​กับ​คารีนา สตรี​คริสเตียน​ที่​น่า​รัก. คารีนา​ได้​สมทบ​กับ​ผม​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ประเภท​ไพโอเนียร์​พิเศษ และ​ทุก ๆ วัน​ผม​มี​กำลังใจ​เมื่อ​เห็น​ภรรยา​กลับ​บ้าน​อย่าง​มี​ความ​สุข​ภาย​หลัง​ออก​ประกาศ​ใน​เขต​งาน. จริง​ที​เดียว การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ความ​ชื่นชม​ยินดี​อัน​ใหญ่​หลวง. ประสบการณ์​ต่าง ๆ ที่​ร้ายกาจ​รุนแรง​ใน​ช่วง​ระบอบ​คอมมิวนิสต์​ได้​สอน​ผม​ให้​วางใจ​พระ​ยะโฮวา​เต็ม​ที่. ไม่​มี​การ​เสีย​สละ​ใด​จะ​มาก​เกิน​ไป​สำหรับ​ผู้​ที่​ปรารถนา​จะ​คง​ไว้​ซึ่ง​มิตรภาพ​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​สนับสนุน​พระ​บรม​เดชานุภาพ​ของ​พระองค์. การ​ช่วยเหลือ​ผู้​คน​เรียน​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​ทำ​ให้​ชีวิต​ผม​มี​จุด​มุ่ง​หมาย. ผม​ถือ​เป็น​เกียรติ​อัน​น่า​พิศวง​ที่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา “ใน​ฐานะ​ทหาร​ที่​ดี​ของ​พระ​คริสต์.”—2 ติโมเธียว 2:3, ล.ม.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 29 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา แต่​เวลา​นี้​งด​พิมพ์​แล้ว.

[ภาพ​หน้า 11]

ผม​ถูก​ตัดสิน​ให้​ทำ​งาน​ใช้​แรงงาน​สี่​ปี​และ​ต้อง​โทษ​จำ​คุก​ที่​เรือน​จำ​กลาง​ริกา

[ภาพ​หน้า 12]

กับ​คารีนา​ใน​งาน​เผยแพร่