ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะรับใช้พระผู้สร้างของฉันเรื่อยไป

ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะรับใช้พระผู้สร้างของฉันเรื่อยไป

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ตั้งใจ​แน่วแน่​แล้ว​ว่า​จะ​รับใช้​พระ​ผู้​สร้าง​ของ​ฉัน​เรื่อย​ไป

เล่า​โดย​กอนสแตนซ์ เบนันตี

สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​นั้น​เร็ว​มาก! คามิลล์​ลูก​สาว​ของ​ฉัน​วัย 1 ขวบ 10 เดือน​เป็น​ไข้​สูง​และ​แค่​ช่วง​หก​วัน​เท่า​นั้น​ก็​เสีย​ชีวิต. ฉัน​ทน​ความ​เศร้า​โศก​เสียใจ​แทบ​ไม่​ไหว. ฉัน​อยาก​จะ​ตาย​ตาม​ไป​ด้วย. ทำไม​พระเจ้า​ยอม​ให้​เกิด​เหตุ​การณ์​แบบ​นี้? ฉัน​รู้สึก​สับสน​วุ่นวาย​ใจ​เสีย​จริง ๆ.

พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​เป็น​ผู้​ย้าย​ถิ่น​จาก​เมือง​กาสเตลลามมาเร เดล โกลโฟ เมือง​หนึ่ง​ใน​เกาะ​ซิซิลี ประเทศ​อิตาลี. ท่าน​ทั้ง​สอง​มา​อยู่​ที่​นคร​นิวยอร์ก ที่​ซึ่ง​ฉัน​เกิด​เมื่อ​วัน​ที่ 8 ธันวาคม 1908. ครอบครัว​เรา​มี​พ่อ​แม่​พร้อม​ด้วย​ลูก​แปด​คน ลูก​ชาย​ห้า​คน​และ​ลูก​สาว​สาม​คน. *

ใน​ปี 1927 พ่อ​ฉัน​คือ​ซานโต คาทันซาโร ได้​เริ่ม​เข้า​ร่วม​ประชุม​กับ​กลุ่ม​เล็ก ๆ ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น. บราเดอร์​โจวานนี เดเชกกา ชาว​อิตาลี​ซึ่ง​รับใช้ ณ สำนักงาน​ใหญ่ (ที่​เรียก​ว่า​เบเธล) ใน​บรุกลิน นิวยอร์ก ได้​จัด​การ​ประชุม​ใกล้​บ้าน​ของ​เรา​ใน​รัฐ​นิวเจอร์ซีย์. ต่อ​มา พ่อ​ก็​เริ่ม​ทำ​งาน​เผยแพร่​และ​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา ท่าน​ได้​ทำ​งาน​ด้าน​นี้​เรื่อย​มา​กระทั่ง​สิ้น​ชีวิต​ใน​ปี 1953.

ตอน​ที่​แม่​อยู่​ใน​วัย​สาว แม่​อยาก​บวช​เป็น​ชี แต่​คุณ​ตา​คุณ​ยาย​ไม่​อนุญาต. ที​แรก ฉัน​คล้อย​ตาม​แม่ คือ​ไม่​ยอม​ร่วม​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พ่อ. แต่​ใน​เวลา​ต่อ​มา ฉัน​สังเกต​เห็น​พ่อ​เปลี่ยน​ไป. ท่าน​อารมณ์​เย็น​ลง, อ่อนโยน​กว่า​เดิม, และ​มี​ความ​สงบ​สุข​ใน​ครอบครัว​มาก​ขึ้น. ฉัน​ชอบ​สภาพ​แบบ​นั้น.

ใน​ระหว่าง​นั้น ฉัน​ได้​พบ​ชาลส์ อายุ​รุ่น​ราว​คราว​เดียว​กับ​ฉัน เขา​เกิด​ที่​บรุกลิน. ครอบครัว​ของ​เขา​มา​จาก​เกาะ​ซิซิลี​เหมือน​ครอบครัว​ฉัน. ไม่​นาน​เรา​ก็​หมั้น​กัน และ​ได้​แต่งงาน​หลัง​จาก​พ่อ​กลับ​จาก​การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปี 1931 ที่​เมือง​โคลัมบัส รัฐ​โอไฮโอ. ภาย​ใน​หนึ่ง​ปี คามิลล์​ลูก​สาว​ของ​เรา​ก็​คลอด. เมื่อ​ลูก​ตาย ฉัน​ระทม​ทุกข์​จน​ไม่​มี​อะไร​จะ​ปลอบโยน​ฉัน​ได้. วัน​หนึ่ง ชาลส์​พูด​ทั้ง​น้ำตา​อาบ​หน้า​ว่า “คามิลล์​เป็น​ลูก​สาว​ของ​ผม เช่น​เดียว​กับ​ที่​เป็น​ลูก​สาว​ของ​คุณ. ชีวิต​เรา​น่า​จะ​ดำเนิน​ต่อ​ไป ปลอบ​ประโลม​กัน​และ​กัน​ไม่​ดี​กว่า​หรือ?”

เรา​รับรอง​เอา​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล

ชาลส์​เตือน​ฉัน​ให้​นึก​ถึง​คำ​บรรยาย ณ งาน​ศพ​ของ​คามิลล์​ที่​พ่อ​ได้​พูด​ถึง​ความ​หวัง​เกี่ยว​กับ​การ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. ฉัน​ถาม​เขา​ว่า “คุณ​เชื่อ​การ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​จริง ๆ หรือ?”

เขา​ตอบ​ว่า “ผม​เชื่อ! ดี​ไหม​ถ้า​เรา​เรียน​รู้​ให้​มาก​ขึ้น​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​อย่าง​ไร​ใน​เรื่อง​นี้?”

คืน​นั้น​ฉัน​นอน​ไม่​หลับ. พอ​หก​โมง​เช้า​ก่อน​พ่อ​ออก​ไป​ทำ​งาน ฉัน​เข้า​ไป​หา​พ่อ​และ​บอก​ว่า​ชาลส์​กับ​ฉัน​ต้องการ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. พ่อ​ดีใจ​มาก​และ​กอด​ฉัน. แม่​ยัง​นอน​อยู่ ได้​ยิน​เสียง​เรา​พูด​กัน. แม่​ถาม​ฉัน​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น. ฉัน​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​อะไร​หรอก​ค่ะ เพียง​แต่​ว่า​ชาลส์​กับ​ลูก​ได้​ตัดสิน​ใจ​จะ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ค่ะ.”

“จำเป็น​แล้ว​ล่ะ​ที่​พวก​เรา​ทุก​คน​จะ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล” นั่น​คือ​คำ​ตอบ​ของ​แม่. ดัง​นั้น พวก​เรา​ทั้ง​พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้​ชาย​ผู้​หญิง​รวม 11 คน​จึง​ได้​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ด้วย​กัน​ฐานะ​เป็น​ครอบครัว.

การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​ปลอบ​ประโลม​ฉัน และ​ความ​หวัง​ก็​ค่อย ๆ ซึมซาบ​เข้า​มา​สู่​จิตใจ​อัน​สับสน​ว้าวุ่น​และ​หมอง​เศร้า. หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา ใน​ปี 1935 ชาลส์​กับ​ฉัน​ก็​เริ่ม​บอก​เล่า​ความ​จริง​แก่​คน​อื่น. เดือน​กุมภาพันธ์ 1937 ภาย​หลัง​การ​ฟัง​คำ​บรรยาย ณ สำนักงาน​ใหญ่​ใน​บรุกลิน​เกี่ยว​กับ​นัย​สำคัญ​ของ​การ​รับ​บัพติสมา​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์ เรา​ก็​ได้​รับ​บัพติสมา​ใน​สระ​น้ำ​ของ​โรงแรม​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล และ​พร้อม​กับ​อีก​หลาย​คน. ฉัน​ดำเนิน​มา​ถึง​ขั้น​นี้​ไม่​ใช่​เพียง​เพราะ​หวัง​ว่า​สัก​วัน​หนึ่ง​จะ​ได้​พบ​ลูก​สาว​อีก แต่​เนื่อง​จาก​ฉัน​ต้องการ​รับใช้​พระ​ผู้​สร้าง ผู้​ซึ่ง​ฉัน​ได้​มา​รู้​จัก​และ​รัก​พระองค์​ด้วย.

เข้า​สู่​งาน​เผยแพร่​เต็ม​เวลา

การ​พูด​คุย​กับ​ผู้​อื่น​ถึง​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​รู้​นั้น​น่า​ตื่นเต้น​และ​ได้​รับ​ผล​ตอบ​แทน โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง เนื่อง​จาก​สมัย​นั้น​มี​หลาย​คน​ตอบรับ​ข่าวสาร​เรื่อง​ราชอาณาจักร​และ​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​งาน​ประกาศ. (มัดธาย 9:37) ใน​ปี 1941 ฉัน​กับ​ชาลส์​สมัคร​เป็น​ไพโอเนียร์ ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เรียก​ผู้​ประกาศ​เผยแพร่​เต็ม​เวลา. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน เรา​ซื้อ​รถ​พ่วง และ​ชาลส์​ได้​ลา​ออก​จาก​โรง​งาน​ตัด​เย็บ​กางเกง​ซึ่ง​เป็น​ธุรกิจ​ของ​ครอบครัว และ​มอบ​ให้​แฟรงก์​น้อง​ชาย​ของ​ฉัน​ดู​แล. ต่อ​มา เรา​รู้สึก​ตื่นเต้น​ดีใจ​เมื่อ​ได้​รับ​จดหมาย​แจ้ง​การ​ถูก​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ. เริ่ม​แรก เรา​รับใช้​ใน​รัฐ​นิวเจอร์ซีย์ และ​ที​หลัง​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​รัฐ​นิวยอร์ก.

ปี 1946 ขณะ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค​ใน​เมือง​บัลติมอร์ รัฐ​แมรีแลนด์ เรา​ได้​รับ​แจ้ง​ให้​ไป​รายงาน​ตัว ณ การ​ประชุม​ต่อ​ผู้​แทน​พิเศษ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ที่​นั่น​เรา​ได้​พบ​นาทาน เอช. นอรร์​และ​มิลตัน จี. เฮนเชล. ท่าน​พูด​กับ​เรา​เรื่อง​งาน​มิชชันนารี และ​โดย​เฉพาะ​งาน​เผยแพร่​ใน​ประเทศ​อิตาลี. ท่าน​ได้​เชิญ​เรา​ให้​ใคร่ครวญ​ถึง​โอกาส​อัน​เป็น​ไป​ได้​ที่​จะ​เข้า​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด.

ท่าน​บอก​เรา​ว่า “คุณ​เอา​เรื่อง​นี้​ไป​คิด​ดู​ก่อน แล้ว​ค่อย​ให้​คำ​ตอบ.” พอ​พ้น​ห้อง​ทำ​งาน​ออก​มา เรา​ต่าง​ก็​มอง​หน้า​กัน แล้ว​เดิน​กลับ​ไป​ที่​ห้อง​นั้น​ทันที. เรา​พูด​ว่า “เรา​คิด​ดู​แล้ว เรา​พร้อม​จะ​ไป​เรียน​ที่​กิเลียด.” สิบ​วัน​หลัง​จาก​นั้น เรา​ก็​ได้​เข้า​เรียน​ใน​รุ่น​ที่​เจ็ด​ของ​โรง​เรียน​กิเลียด.

เรา​จะ​ลืม​เสีย​มิ​ได้​ที่​เรา​ได้​รับ​การ​อบรม​ตลอด​หลาย​เดือน. สิ่ง​ที่​ประทับใจ​เรา​เป็น​พิเศษ​ได้​แก่​ความ​เพียร​อด​ทน​และ​ความ​รัก​ของ​ผู้​สอน ซึ่ง​เตรียม​เรา​ให้​พร้อม​เผชิญ​ความ​ยาก​ลำบาก​ใน​เขต​งาน​ต่าง​แดน. ครั้น​จบ​หลัก​สูตร​ใน​เดือน​กรกฎาคม 1946 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​ประกาศ​ระยะ​หนึ่ง​ใน​นคร​นิวยอร์ก ย่าน​ที่​มี​ประชากร​อิตาลี​อาศัย​อยู่​มาก​พอ​สม​ควร. แล้ว​วัน​สำคัญ​อัน​น่า​ตื่นเต้น​ก็​มา​ถึง! วัน​ที่ 25 มิถุนายน 1947 เรา​ออก​เดิน​ทาง​ไป​อิตาลี เขต​งาน​มิชชันนารี​ของ​เรา.

ปัก​หลัก​อยู่​ใน​เขต​มอบหมาย

เรา​โดยสาร​เรือ​ที่​ถูก​ใช้​ใน​ราชการ​ทหาร​มา​ก่อน. หลัง​จาก​แล่น​เรือ​ข้าม​มหาสมุทร 14 วัน เรือ​ก็​เข้า​เทียบ​ท่า​ที่​เมือง​เจนัว ประเทศ​อิตาลี. เรา​มอง​เห็น​ซาก​ตัว​เมือง​เสียหาย​ยับเยิน​จาก​การ​สู้​รบ​ใน​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ซึ่ง​เพิ่ง​สงบ​ไป​ก่อน​หน้า​นี้​เพียง​สอง​ปี. ยก​ตัว​อย่าง กระจก​หน้าต่าง​ที่​สถานี​รถไฟ​ไม่​มี​เหลือ​เลย​เพราะ​การ​ทิ้ง​ระเบิด. จาก​เมือง​เจนัว เรา​นั่ง​รถไฟ​ขน​สินค้า​ต่อ​ไป​ยัง​เมือง​มิลาน ซึ่ง​สำนักงาน​สาขา​และ​บ้าน​มิชชันนารี​ตั้ง​อยู่​ที่​นั่น.

ยุค​หลัง​สงคราม สภาพ​ความ​เป็น​อยู่​ใน​อิตาลี​แย่​มาก. บ้าน​เมือง​อยู่​ใน​ระหว่าง​ฟื้นฟู​บูรณะ ทว่า​ความ​ยาก​จน​ยัง​แพร่​หลาย​อยู่​ทั่ว​ไป. มิ​ช้า​มิ​นาน สุขภาพ​ร่าง​กาย​ฉัน​เริ่ม​เป็น​ปัญหา. ตาม​ที่​นาย​แพทย์​คน​หนึ่ง​บอก​ภาวะ​หัวใจ​ฉัน​ไม่​สู้​จะ​ดี​เท่า​ที่​ควร เขา​คิด​ว่า​คง​จะ​ดี​กว่า​ถ้า​ฉัน​กลับ​ไป​สหรัฐ. ฉัน​ดีใจ​ที่​เขา​วินิจฉัย​โรค​ไม่​ถูก. เวลา​ล่วง​ผ่าน​ไป 58 ปี ฉัน​ยัง​อยู่​ใน​เขต​งาน​มอบหมาย​ของ​ฉัน​ใน​อิตาลี.

เรา​ไป​อยู่​ใน​เขต​งาน​มอบหมาย​เพียง​ไม่​กี่​ปี พวก​น้อง​ชาย​ของ​ฉัน​ใน​ประเทศ​สหรัฐ​อยาก​ซื้อ​รถยนต์​ให้​เรา​ใช้. แต่​ชาลส์​ตอบ​ปฏิเสธ​อย่าง​นุ่มนวล​สำหรับ​สิ่ง​ที่​น้อง ๆ เสนอ ฉัน​พอ​ใจ​กับ​การ​ตัดสิน​ใจ​ครั้ง​นั้น. เท่า​ที่​เรา​รู้ ไม่​มี​พยาน​ฯ คน​ใด​ใน​อิตาลี​สมัย​นั้น​มี​รถยนต์​ใช้ และ​ชาลส์​ตระหนัก​ว่า​ดี​ที่​สุด​หาก​เรา​จัด​มาตรฐาน​ความ​เป็น​อยู่​ใน​ระดับ​เดียว​กัน​กับ​บรรดา​พี่​น้อง​คริสเตียน​ของ​เรา. กระทั่ง​มา​ใน​ปี 1961 เรา​ถึง​ได้​มี​รถยนต์​เล็ก​คัน​หนึ่ง.

หอ​ประชุม​แห่ง​แรก​ของ​พวก​เรา​ใน​มิลาน​เป็น​ห้อง​ใต้​ถุน พื้น​ห้อง​เป็น​ดิน. ไม่​มี​ห้อง​น้ำ พอ​ฝน​ตก​ที​ไร​ก็​มี​น้ำ​เฉอะ​แฉะ​บน​พื้น เพราะ​ไม่​มี​ท่อ​ระบาย​น้ำ. นอก​จาก​นั้น เรา​มี​หนู​ตัว​เล็ก ๆ วิ่ง​พล่าน​ไป​มา​เป็น​เพื่อน. เวลา​ประชุม มี​หลอด​ไฟฟ้า​เพียง​สอง​ดวง​ให้​ความ​สว่าง. ทั้ง ๆ ที่​ไม่​สะดวก​สบาย​หลาย​อย่าง แต่​เรา​ก็​มี​กำลังใจ​เมื่อ​เห็น​บุคคล​ผู้​จริง​ใจ​มา​ยัง​การ​ประชุม​ของ​เรา​และ​ใน​ที่​สุด​ได้​สมทบ​กับ​เรา​ใน​งาน​ประกาศ.

ประสบการณ์​ต่าง ๆ ใน​ชีวิต​มิชชันนารี

ครั้ง​หนึ่ง เรา​ฝาก​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​สันติภาพ—จะ​ยืนยง​ไหม? ไว้​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง. ตอน​ลา​กลับ ซาน​ตี​นา ภรรยา​ของ​เขา​กำลัง​เข้า​บ้าน​พร้อม​กับ​ถุง​ของชำ​พะรุงพะรัง. เธอ​แสดง​สี​หน้า​ไม่​ค่อย​พอ​ใจ​นัก และ​พูด​ว่า​เธอ​ต้อง​ดู​แล​ลูก​สาว​แปด​คน​และ​ไม่​มี​เวลา​ว่าง​เลย. เมื่อ​ฉัน​กลับ​ไป​เยี่ยม​ซาน​ตี​นา​อีก สามี​ของ​เธอ​ออก​ไป​ข้าง​นอก และ​เธอ​กำลัง​ถัก​ไหมพรม​อยู่. เธอ​พูด​ว่า “ฉัน​ไม่​มี​เวลา​จะ​ฟัง​คุณ นอก​จาก​นั้น ฉัน​อ่าน​หนังสือ​ไม่​ออก.”

ฉัน​อธิษฐาน​เงียบ ๆ ทูล​พระ​ยะโฮวา แล้ว​ถาม​เธอ​ว่า​จะ​ถัก​เสื้อ​สเวตเตอร์​สำหรับ​สามี​ฉัน​ได้​ไหม ฉัน​ยินดี​จ่าย​ค่า​ถัก. สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา ฉัน​ได้​เสื้อ​สเวตเตอร์​และ​ซานตีนา​ก็​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ฉัน​เป็น​ประจำ เรา​ศึกษา​จาก​หนังสือ “ความ​จริง​จะ​ทำ​ให้​ท่าน​เป็น​อิสระ.” ซาน​ตี​นา​ฝึก​เรียน​จน​อ่าน​ได้ และ​แม้​สามี​ต่อ​ต้าน แต่​เธอ​ก็​ก้าว​หน้า​และ​ได้​รับ​บัพติสมา. ลูก​สาว​ห้า​คน​ของ​เธอ​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ และ​ซานตีนา​ยัง​ได้​ช่วย​อีก​หลาย​คน​รับ​เอา​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล.

เดือน​มีนาคม 1951 ฉัน​กับ​ชาลส์​พร้อม​ด้วย​มิชชันนารี​อีก​สอง​คน​คือ​รูท แคนนอน *และ​ลอยซ์ แกลาแฮน ซึ่ง​ต่อ​มา​ได้​แต่งงาน​กับ​บิล เวนเกิร์ต ถูก​ย้าย​ไป​ยัง​เบรเชีย เมือง​ที่​ยัง​ไม่​มี​พยาน​ฯ. เรา​หา​เช่า​อพาร์ตเมนต์​ที่​มี​เครื่อง​เรือน​พร้อม แต่​สอง​เดือน​หลัง​จาก​นั้น เจ้าของ​ห้อง​เช่า​ให้​เรา​ย้าย​ออก​ภาย​ใน 24 ชั่วโมง. เนื่อง​จาก​ไม่​มี​พยาน​ฯ ใน​ละแวก​นั้น เรา​จึง​ต้อง​ไป​เช่า​โรงแรม​อยู่​นาน​เกือบ​สอง​เดือน.

เรา​จำกัด​เรื่อง​อาหาร​การ​กิน​ของ​เรา เช่น อาหาร​มื้อ​เช้า มี​เพียง​กาแฟ​คาปูชิโน​และ​ครัวซอง, อาหาร​มื้อ​เที่ยง​และ​มื้อ​เย็น​ของ​เรา​ก็​มี​ผลไม้​และ​ขนมปัง​กรอบ​กับ​เนย​แข็ง. แม้​ไม่​มี​ความ​สะดวก​สบาย​อยู่​บ้าง แต่​เรา​ก็​มี​ความ​สุข​และ​ได้​รับ​พระ​พร​อย่าง​แท้​จริง. ต่อ​มา เรา​หา​อพาร์ตเมนต์​เล็ก ๆ ได้ และ​วัน​ประชุม​อนุสรณ์​ระลึก​การ​วาย​พระ​ชนม์​ของ​พระ​คริสต์​ใน​ปี 1952 ปรากฏ​ว่า​มี 35 คน​อยู่​พร้อม​หน้า​กัน​ใน​ห้อง​เล็ก​ซึ่ง​เรา​ใช้​เป็น​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร.

รับมือ​ความ​ยาก​ลำบาก

ใน​ช่วง​เวลา​นั้น นัก​บวช​นิกาย​โรมัน​คาทอลิก​ยัง​มี​อิทธิพล​มาก​เหนือ​ประชาชน. ยก​ตัว​อย่าง ขณะ​ที่​เรา​ทำ​การ​เผย​แพร่​ใน​เมือง​เบรเชีย เด็ก​ผู้​ชาย​บาง​คน​ถูก​บาทหลวง​ยุยง​ให้​ขว้าง​ปา​ก้อน​หิน​ใส่​เรา. อย่าง​ไร​ก็​ดี ใน​เวลา​ต่อ​มา​มี 16 คน​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พวก​เรา และ​เพียง​ช่วง​เวลา​สั้น ๆ พวก​เขา​ได้​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ. และ​มี​ใคร​บ้าง​ล่ะ​ท่ามกลาง​คน​เหล่า​นั้น? เด็ก​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ขู่​จะ​ปา​ก้อน​หิน​ใส่​เรา​นั่น​เอง! เวลา​นี้​เขา​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​แห่ง​หนึ่ง​ที่​เมือง​เบรเชีย. ปี 1955 ตอน​ที่​เรา​ออก​จาก​เบรเชีย มี​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร 40 คน​ร่วม​ทำ​งาน​ประกาศ​เผยแพร่​ที่​นั่น.

หลัง​จาก​นั้น เรา​รับใช้​เผยแพร่​ใน​เมือง​เลกฮอร์น (ลิวอร์โน) นาน​สาม​ปี ซึ่ง​พยาน​ฯ ส่วน​ใหญ่​ใน​เมือง​นี้​เป็น​ผู้​หญิง. ทั้ง​นี้​หมาย​ความ​ว่า​พวก​เรา​พี่​น้อง​หญิง​ต้อง​ดู​แล​ทำ​หลาย​หน้า​ที่​ใน​ประชาคม​ซึ่ง​ปกติ​แล้ว​เป็น​งาน​มอบหมาย​ของ​พี่​น้อง​ชาย. จาก​นั้น เรา​ย้าย​ไป​ที่​เจนัว ซึ่ง​เรา​เคย​เริ่ม​งาน​ที่​นี่​เมื่อ 11 ปี​ก่อน. มา​ตอน​นี้ มี​การ​ตั้ง​ประชาคม​ขึ้น​แล้ว. หอ​ประชุม​อยู่​ชั้น​ล่าง​ของ​อพาร์ตเมนต์​ที่​เรา​อาศัย​อยู่.

ทันที​ที่​ไป​ถึง​เมือง​เจนัว ฉัน​ก็​เริ่ม​การ​ศึกษา​กับ​สตรี​ซึ่ง​สามี​เป็น​ทั้ง​อดีต​นัก​มวย​และ​ผู้​จัด​การ​ค่าย​มวย. สตรี​ผู้​นี้​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ไม่​นาน​เท่า​ไร​เธอ​ก็​กลาย​มา​เป็น​พี่​น้อง​คริสเตียน​พยาน​ฯ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม สามี​ได้​ต่อ​ต้าน​และ​ขัด​ขวาง​เป็น​เวลา​หลาย​ปี. ครั้น​แล้ว​เขา​เริ่ม​ไป​กับ​ภรรยา​ยัง​การ​ประชุม​ต่าง ๆ. แทน​ที่​จะ​เข้า​ไป​ใน​หอ​ประชุม เขา​นั่ง​ฟัง​จาก​ข้าง​นอก. หลัง​จาก​เรา​ย้าย​ไป​จาก​เมือง​เจนัว​แล้ว จึง​รู้​ว่า​ผู้​ชาย​คน​นี้​ขอ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. ต่อ​มา​เขา​ได้​รับ​บัพติสมา​และ​กลาย​มา​เป็น​คริสเตียน​ผู้​ดู​แล​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก. เขา​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ตราบ​จน​วัน​ตาย.

นอก​จาก​นั้น ฉัน​ได้​นำ​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​ผู้​หญิง​ซึ่ง​รับ​หมั้น​แล้ว​กับ​ตำรวจ. ที​แรก เขา​แสดง​ความ​สนใจ​อยู่​บ้าง แต่​หลัง​จาก​แต่งงาน ท่าที​เขา​เปลี่ยน​ไป. เขา​ต่อ​ต้าน​ภรรยา และ​เธอ​เลิก​ศึกษา. ภาย​หลัง​เมื่อ​เธอ​กลับ​มา​ศึกษา​ใหม่ สามี​ขู่​ว่า​ถ้า​ยัง​พบ​เรา​ศึกษา​อยู่​ละ​ก็ เขา​จะ​ฆ่า​เสีย​ทั้ง​สอง​คน. แต่​เธอ​ก็​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ ที่​รับ​บัพติสมา. แน่นอน เขา​ไม่​ได้​ฆ่า​เรา. ที่​จริง หลาย​ปี​ต่อ​มา ตอน​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​หมวด​ที่​เมือง​เจนัว มี​คน​มา​ยืน​อยู่​ข้าง​หลัง เอา​มือ​ปิด​ตา​ฉัน​ไว้ และ​ให้​ฉัน​เดา​ว่า​เป็น​ใคร. ฉัน​กลั้น​น้ำตา​ไม่​อยู่​เมื่อ​รู้​ว่า​เขา​คือ​สามี​ของ​ผู้​หญิง​คน​ดัง​กล่าว. หลัง​จาก​สวมกอด​ฉัน​แล้ว เขา​เล่า​ว่า​เขา​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา ณ วัน​นั้น​เอง!

ช่วง​ปี 1964 ถึง 1972 ฉัน​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​ร่วม​เดิน​ทาง​ไป​กับ​ชาลส์​เมื่อ​เขา​เยี่ยม​ให้​การ​เสริม​กำลัง​ฝ่าย​วิญญาณ​แก่​ประชาคม​ต่าง ๆ. เรา​ปฏิบัติ​งาน​เกือบ​ทั่ว​ภาค​เหนือ​ของ​อิตาลี—ใน​ปีดมอนต์, ลอมบาร์ดี, และ​ลิกูเรีย. แล้ว​เรา​กลับ​มา​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​อีก​ใกล้​เมือง​ฟลอเรนซ์ และ​จาก​นั้น​ก็​ที่​เมือง​แวร์เซลลี. ใน​ปี 1977 มี​เพียง​ประชาคม​เดียว​ใน​แวร์เซลลี แต่​ตอน​ที่​เรา​ละ​จาก​ที่​นั่น​ไป​เมื่อ​ปี 1999 มี​สาม​ประชาคม. ปี​นั้น ฉัน​มี​อายุ 91 ปี และ​เรา​ได้​รับ​การ​สนับสนุน​ให้​ย้าย​เข้า​ไป​อยู่​ใน​บ้าน​มิชชันนารี​ที่​กรุง​โรม เป็น​บ้าน​หลัง​เล็ก​สวย​งาม​ใน​บริเวณ​ที่​ค่อนข้าง​สงบ​เงียบ.

เศร้า​ใจ​อีก​วาระ​หนึ่ง

ใน​เดือน​มีนาคม 2002 ชาลส์​ซึ่ง​เคย​เป็น​คน​มี​สุขภาพ​ร่าง​กาย​แข็งแรง​เสมอ แต่​ได้​ล้ม​ป่วย​กะทันหัน. สุขภาพ​เขา​แย่​ลง​เรื่อย ๆ กระทั่ง​เสีย​ชีวิต​เมื่อ​วัน​ที่ 11 พฤษภาคม 2002. เรา​ร่วม​ทุกข์​ร่วม​สุข​กัน​มา​ตลอด​ชีวิต​สมรส​อัน​ยาว​นาน 71 ปี ยาม​เศร้า​โศก​เรา​ร้องไห้​ด้วย​กัน และ​ยาม​สุข​สบาย​เรา​ก็​ชื่นชม​ยินดี​ด้วย​กัน. การ​ตาย​ของ​เขา​เป็น​ความ​สูญ​เสีย​และ​โศก​เศร้า​อย่าง​ยิ่ง​สำหรับ​ฉัน.

ฉัน​มัก​จะ​นึก​ถึง​ภาพ​ชาลส์​ใน​ชุด​เสื้อ​นอก​ติด​กระดุม​สอง​แถว สวม​หมวก​สักหลาด​ซึ่ง​นิยม​ใช้​กัน​ใน​ช่วง​ทศวรรษ 1930. ฉัน​วาด​มโนภาพ​รอย​ยิ้ม​ของ​เขา หรือ​แว่ว​เสียง​หัวเราะ​ที่​เจน​หู. ด้วย​การ​อุปถัมภ์​ค้ำจุน​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​ความ​รัก​ของ​พี่​น้อง​คริสเตียน​ชาย​หญิง​มาก​มาย​หลาย​คน ฉัน​จึง​สามารถ​อด​ทน​ผ่าน​พ้น​ช่วง​ที่​เผชิญ​ความ​โศก​เศร้า​นี้​ได้. ฉัน​เฝ้า​คอย​ด้วย​ใจ​จดจ่อ​ว่า​จะ​พบ​ชาลส์​อีก.

ทำ​งาน​รับใช้​ต่อ ๆ ไป

การ​รับใช้​พระ​ผู้​สร้าง​ของ​ฉัน​เป็น​เรื่อง​วิเศษ​สุด​ใน​ชีวิต​ฉัน. ตลอด​เวลา​หลาย​ปี ‘ฉัน​ได้​ชิม​ดู​และ​รู้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ผู้​ประเสริฐ.’ (บทเพลง​สรรเสริญ 34:8) ฉัน​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ใน​ความ​รัก​ของ​พระองค์​และ​ประสบ​ด้วย​ตัว​เอง​เกี่ยว​กับ​ความ​ใฝ่​พระทัย​ของ​พระองค์. ถึง​แม้​ฉัน​สูญ​เสีย​ลูก​สาว​ไป แต่​พระ​ยะโฮวา​ก็​ได้​ประทาน​ลูก​ชาย​ลูก​สาว​ฝ่าย​วิญญาณ​อีก​หลาย​คน​ให้​ฉัน—อยู่​ทั่ว​อิตาลี—บุตร​ชาย​หญิง​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​หัวใจ​ฉัน​เบิกบาน​ยินดี​และ​นำ​ความ​ปลื้ม​ปีติ​สู่​พระทัย​พระองค์.

สิ่ง​ที่​ฉัน​ชอบ​มาก​ที่​สุด​เสมอ​มา​นั้น​คือ​การ​ได้​พูด​คุย​เรื่อง​พระ​ผู้​สร้าง​กับ​คน​อื่น. เพราะ​เหตุ​นี้ ฉัน​จึง​เผยแพร่​และ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ต่อ​เนื่อง​ไม่​ขาด. บาง​ครั้ง ฉัน​เสียใจ​ที่​ทำ​ได้​ไม่​เต็ม​ที่​เพราะ​สุขภาพ​ไม่​อำนวย. แต่​ก็​ตระหนัก​แก่​ใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทราบ​ขีด​จำกัด​ของ​ฉัน​และ​พระองค์​ทรง​รัก​ฉัน​และ​เห็น​คุณค่า​การ​งาน​ที่​ฉัน​สามารถ​จะ​ทำ​ได้. (มาระโก 12:42) ฉัน​พยายาม​เต็ม​ที่​เพื่อ​ปฏิบัติ​ให้​บรรลุ​ผล​ตาม​ถ้อย​คำ​ใน​บทเพลง​สรรเสริญ 146:2 ที่​ว่า “เมื่อ​ข้าพเจ้า​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​จะ​สรรเสริญ​พระ​ยะโฮวา: จะ​ร้อง​เพลง​สรรเสริญ​พระเจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​ใน​เมื่อ​ข้าพเจ้า​ยัง​มี​ลม​หายใจ.” *

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 5 ประสบการณ์​ของ​แอนเจโล คาทันซาโร​น้อง​ชาย​ฉัน ได้​ตี​พิมพ์​ลง​ใน​หอสังเกตการณ์ (ภาษา​อังกฤษ) ฉบับ 1 เมษายน 1975 หน้า 205-207.

^ วรรค 28 อ่าน​ประวัติ​ชีวิต​ของ​เธอ​ได้​จาก วารสาร​หอสังเกตการณ์ (ภาษา​อังกฤษ) ฉบับ 1 พฤษภาคม 1971 หน้า 277-280.

^ วรรค 41 ซิสเตอร์​เบนันตี​เสีย​ชีวิต​เมื่อ​วัน​ที่ 16 กรกฎาคม 2005 ระหว่าง​เตรียม​พิมพ์​เรื่อง​นี้. อายุ​เธอ 96 ปี.

[ภาพ​หน้า 13]

คามิลล์

[ภาพ​หน้า 14]

วัน​แต่งงาน​ของ​เรา ปี 1931

[ภาพ​หน้า 14]

ที​แรก​แม่​ไม่​สนใจ แต่​กลับ​ตก​ลง​ใจ​ให้​พวก​เรา​ทุก​คน​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล

[ภาพ​หน้า 15]

กับ​บราเดอร์​นอรร์ ณ วัน​จบ​หลัก​สูตร​โรง​เรียน​กิเลียด ปี 1946

[ภาพ​หน้า 17]

กับ​ชาลส์ ไม่​นาน​ก่อน​เขา​เสีย​ชีวิต