“จงรักษาสติของท่านให้ครบถ้วน”
“จงรักษาสติของท่านให้ครบถ้วน”
“คนโง่เชื่อคำบอกเล่าทุกคำ; แต่คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง.”—สุภาษิต 14:15.
1, 2. (ก) ประสบการณ์ของโลตในเมืองโซโดมสอนเราในเรื่องใด? (ข) วลี “จงรักษาสติของท่าน” หมายความเช่นไร?
เมื่ออับราฮามเสนอให้โลตเป็นฝ่ายเลือกที่ดินก่อน สายตาของโลตก็ถูกดึงดูดไปยังบริเวณที่มีน้ำอุดมดี “เหมือนสวนพระยะโฮวา.” ที่แห่งนี้คงต้องดูเหมือนว่าเป็นที่อันสมบูรณ์แบบเหมาะจะตั้งรกรากครอบครัว เนื่องจาก “โลต . . . เลือกที่ราบริมแม่น้ำยาระเดนเป็นส่วนของตน” และตั้งค่ายพักใกล้เมืองโซโดม. อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏภายนอกทำให้เข้าใจผิด เพราะใกล้ ๆ ที่นั่นเป็นที่อยู่ของ “ชาวเมืองซะโดม . . . [ซึ่ง] เป็นคนบาปชั่วลามกจำเพาะพระยะโฮวามาก.” (เยเนซิศ 13:7-13) ขณะที่เหตุการณ์ดำเนินไป โลตกับครอบครัวประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรง. ในที่สุด ท่านกับลูกสาวตกต่ำถึงขนาดที่ต้องอาศัยในถ้ำ. (เยเนซิศ 19:17, 23-26, 30) สิ่งที่ดูเหมือนว่าดีมากสำหรับท่านในตอนแรกกลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเลยทีเดียว.
2 เรื่องที่เกิดขึ้นกับโลตให้บทเรียนแก่ผู้รับใช้พระเจ้าในปัจจุบัน. เมื่อเราจะต้องตัดสินใจ เราต้องตื่นตัวต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นและป้องกันตัวไว้ไม่ให้ถูกหลอกโดยความประทับใจเมื่อแรกเห็น. ดังนั้น จึงนับว่าเหมาะที่พระคำของพระเจ้ากระตุ้นเราว่า “จงรักษาสติของท่านให้ครบถ้วน.” (1 เปโตร 1:13, ล.ม.) ตามที่ผู้คงแก่เรียนด้านคัมภีร์ไบเบิล อาร์. ซี. เอ็ช. เลนสกี ได้กล่าวไว้ ความมีสติเป็น “สภาวะของจิตใจที่สงบ หนักแน่นมั่นคง ซึ่งพิจารณาเปรียบเทียบและประเมินค่าสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้องและจึงทำให้เราตัดสินใจได้ถูกต้อง.” ขอให้เรามาพิจารณาสถานการณ์บางอย่างที่เราจำเป็นต้องมีสติ.
การประเมินโอกาสทางธุรกิจ
3. เหตุใดจึงจำเป็นต้องระมัดระวังหากมีคนยื่นข้อเสนอทางธุรกิจให้เรา?
3 สมมุติว่ามีใครคนหนึ่งที่คนทั่วไปให้ความนับถือ ซึ่งอาจเป็นเพื่อนผู้นมัสการพระยะโฮวาด้วยกันก็ได้ ยื่นข้อเสนอทางธุรกิจให้คุณ. ความคาดหวังในความสำเร็จทำให้เขากระตือรือร้นและเขากระตุ้นคุณให้รีบลงมือโดยเร็วเพื่อจะไม่พลาดโอกาส. คุณอาจเริ่มนึกวาดภาพว่าชีวิตคุณกับครอบครัวจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม อาจถึงกับหาเหตุผลว่าธุรกิจนี้คงจะทำให้คุณสามารถอุทิศเวลามากขึ้นในการทำกิจกรรมกับประชาคม. อย่างไรก็ตาม สุภาษิต 14:15 เตือนว่า “คนโง่เชื่อคำบอกเล่าทุกคำ; แต่คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง.” ด้วยความตื่นเต้นซึ่งก็มักจะมีเป็นธรรมดาในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คุณอาจประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป, มองข้ามอันตรายที่อาจเกิดขึ้น, และไม่ได้พิจารณาอย่างถ่องแท้ในเรื่องความไม่แน่นอนของการทำธุรกิจ. (ยาโกโบ 4:13, 14) ในสถานการณ์อย่างนี้ นับว่าจำเป็นจริง ๆ ที่จะรักษาสติของคุณให้ครบถ้วน!
4. เราจะ ‘มองดูทางเดินของเรา’ ได้โดยวิธีใดเมื่อประเมินข้อเสนอทางธุรกิจ?
4 คนที่รอบคอบจะพิจารณาข้อเสนอทางธุรกิจอย่างระมัดระวังก่อนตัดสินใจ. (สุภาษิต 21:5, ฉบับแปลใหม่) บ่อยครั้ง การพิจารณาอย่างระมัดระวังช่วยเผยให้เห็นอันตรายที่แฝงอยู่. ขอพิจารณาสถานการณ์ต่อไปนี้ที่อาจเกิดขึ้น: ชายคนหนึ่งกำลังหาคนที่จะให้ยืมเงินสำหรับแผนทางธุรกิจของเขาและเสนอว่าคุณจะได้รับกำไรก้อนโตหากคุณให้เขากู้ยืมเงิน. ข้อเสนอนั้นอาจดูเย้ายวนใจ แต่มีความเสี่ยงอะไรบ้าง? ผู้ยืมตกลงจะจ่ายคืนเงินจำนวนนั้นไม่ว่าธุรกิจจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ หรือว่าจะจ่ายคืนก็ต่อเมื่อธุรกิจประสบผลสำเร็จ? กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ คุณพร้อมไหมที่จะสูญเงินจำนวนนั้นหากธุรกิจล้มเหลว? คุณอาจถามด้วยว่า “ทำไมเขาจึงเที่ยวขอกู้ยืมเงินจากคนโน้นคนนี้? ธนาคารมองว่าธุรกิจนี้เสี่ยงเกินไปหรือเปล่า?” การใช้เวลาพินิจพิเคราะห์ในเรื่องความเสี่ยงจะช่วยคุณประเมินข้อเสนอตามที่เป็นจริง.—สุภาษิต 13:16; 22:3.
5. (ก) ยิระมะยาทำตามขั้นตอนที่ฉลาดสุขุมอะไรเมื่อท่านซื้อที่ดิน? (ข) เหตุใดจึงเป็นประโยชน์ที่จะทำหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจทุกอย่างในรูปหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการ?
ยิระมะยา 32:9-12) ในปัจจุบัน คนที่ฉลาดสุขุมจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าการทำธุรกิจทุกอย่างที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมถึงที่ทำกับญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมความเชื่อ มีการทำหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการไว้เป็นหลักฐาน. * การมีหนังสือสัญญาที่เตรียมอย่างดีและชัดเจนช่วยป้องกันข้อเข้าใจผิดและรักษาไว้ซึ่งความสามัคคี. ในทางตรงกันข้าม การไม่ทำหนังสือสัญญามักเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างผู้รับใช้ของพระยะโฮวาด้วยกัน. น่าเศร้า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจยังผลเป็นความปวดร้าวใจ, ความรู้สึกขมขื่น, และแม้กระทั่งความสูญเสียฝ่ายวิญญาณ.
5 เมื่อผู้พยากรณ์ยิระมะยาซื้อที่ดินจากลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นเพื่อนผู้นมัสการพระยะโฮวาด้วยกัน ท่านทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการซื้อขายนั้นต่อหน้าพยานหลายคน. (6. เหตุใดเราจำเป็นต้องป้องกันตัวจากความละโมบ?
6 เราต้องป้องกันตัวไว้จากความละโมบด้วย. (ลูกา 12:15) ความคาดหวังจะได้กำไรก้อนโตอาจทำให้คนเรามองไม่เห็นความเสี่ยงของการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มั่นคง. แม้แต่บางคนที่มีสิทธิพิเศษอย่างดีในงานรับใช้พระยะโฮวาก็ยังติดบ่วงแร้วนี้. พระคำของพระเจ้าเตือนเราว่า “ท่านจงพ้นจากการรักเงิน ท่านทั้งหลายจงอิ่มใจด้วยสิ่งของที่มีอยู่.” (เฮ็บราย 13:5) เมื่อใคร่ครวญเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจ คริสเตียนควรพิจารณาว่า ‘จำเป็นจริง ๆ ไหมที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย?’ การใช้ชีวิตเรียบง่ายและให้การนมัสการพระยะโฮวาเป็นจุดรวมในชีวิตจะป้องกันเราไว้จาก “สิ่งที่ก่อความเสียหายทุกชนิด.”—1 ติโมเธียว 6:6-10, ล.ม.
ข้อท้าทายที่คริสเตียนโสดเผชิญ
7. (ก) ข้อท้าทายอะไรที่คริสเตียนโสดหลายคนเผชิญ? (ข) การเลือกคู่สมรสของเราเกี่ยวข้องกับความภักดีต่อพระเจ้าอย่างไร?
7 ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาหลายคนอยากแต่งงาน แต่ยังไม่พบคู่ครองที่เหมาะสม. ในบางประเทศ มีความกดดันอย่างมากจากสังคมที่คาดหมายให้แต่งงาน. อย่างไรก็ตาม โอกาสในการพบคนที่จะมาเป็นคู่ครองในหมู่เพื่อนร่วมความเชื่ออาจมีไม่มากนัก. (สุภาษิต 13:12) ถึงกระนั้น คริสเตียนตระหนักว่าการทำตามพระบัญชาในคัมภีร์ไบเบิลที่ให้สมรส “เฉพาะในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น” เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความภักดีต่อพระยะโฮวา. (1 โกรินโธ 7:39, ล.ม.) เพื่อจะยืนหยัดต้านทานแรงกดดันและการล่อใจที่เผชิญอยู่ คริสเตียนโสดต้องรักษาสติของตนให้ครบถ้วน.
8. หญิงสาวชูลามิทเผชิญความกดดันอะไร และสตรีคริสเตียนในทุกวันนี้อาจเผชิญข้อท้าทายคล้าย ๆ กันนั้นอย่างไร?
8 ในเพลงไพเราะของซะโลโม หญิงสาวชนบทที่ต่ำต้อยชื่อชูลามิทเป็นที่ต้องตาต้องใจกษัตริย์. ท่านเกี้ยวพานเธอโดยพยายามสร้างความประทับใจในความมั่งคั่ง, ชื่อเสียง, และเสน่ห์ของท่าน แม้ว่าเธอรักอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่แล้ว. (เพลงไพเราะของกษัตริย์ซะโลโม 1:9-11; 3:7-10; 6:8-10, 13) หากคุณเป็นสตรีคริสเตียน คุณก็อาจพบว่าตัวเองตกเป็นเป้าความสนใจอันไม่พึงปรารถนาของบางคน. บางคนในที่ทำงาน บางทีอาจเป็นคนที่มีตำแหน่งค่อนข้างสูง อาจเริ่มเยินยอคุณ, เอาใจคุณ, และพยายามหาโอกาสจะอยู่ใกล้คุณ. จงระวังการประจบเอาใจเช่นนั้น. แม้ว่าเจตนาของคนที่ทำอย่างนั้นอาจไม่เกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรือเรื่องผิดศีลธรรมเสมอไป แต่บ่อยครั้งพบว่าเป็นอย่าง นั้น. เช่นเดียวกับหญิงสาวชูลามิท จงเป็น “กำแพง.” (เพลงไพเราะของกษัตริย์ซะโลโม 8:4, 10) จงปฏิเสธการเกี้ยวพาราสีที่ไม่พึงประสงค์อย่างหนักแน่น. บอกให้เพื่อนร่วมงานทราบตั้งแต่แรกว่าคุณเป็นพยานพระยะโฮวาและให้คำพยานทุกครั้งที่มีโอกาส. การทำอย่างนี้จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยปกป้องคุณไว้.
9. มีอันตรายอะไรบ้างในการเข้าไปมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าทางอินเทอร์เน็ต? (โปรดดูกรอบหน้า 25.)
9 เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตที่มีจุดประสงค์จะช่วยคนโสดหาคู่สมรสกำลังเริ่มเป็นที่นิยม. บางคนมองว่านี่เป็นวิธีที่จะรู้จักกับคนที่เราไม่มีทางได้พบโดยวิธีอื่น. อย่างไรก็ตาม การเข้าไปมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าราวกับคนตาบอดเช่นนี้นับว่าเป็นอันตรายจริง ๆ. ในอินเทอร์เน็ต อาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกได้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ. (บทเพลงสรรเสริญ 26:4) ไม่ใช่ทุกคนซึ่งอ้างว่าเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวาเป็นอย่างที่เขาอ้างจริง ๆ. นอกจากนั้น ในการนัดพบกันทางอินเทอร์เน็ต ความผูกพันอันลึกซึ้งอาจพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจบิดเบือนการวินิจฉัยของเราได้. (สุภาษิต 28:26) ไม่ว่าจะทางอินเทอร์เน็ตหรือทางอื่น ไม่ฉลาดสุขุมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่คุณรู้จักเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวเขา.—1 โกรินโธ 15:33.
10. คริสเตียนโสดอาจได้รับการหนุนใจจากเพื่อนร่วมความเชื่อโดยวิธีใด?
10 พระยะโฮวา “ทรงเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่อันอ่อนละมุน” ต่อผู้รับใช้ของพระองค์. (ยาโกโบ 5:11, ล.ม.) พระองค์ทรงทราบว่าข้อท้าทายที่คริสเตียนซึ่งเป็นโสดโดยไม่ได้สมัครใจเผชิญอยู่นั้นในบางครั้งทำให้ท้อใจ และพระองค์ทรงถือว่าความภักดีของพวกเขามีค่ายิ่ง. คนอื่น ๆ จะหนุนกำลังใจพวกเขาได้อย่างไร? เราควรชมพวกเขาบ่อย ๆ ในเรื่องน้ำใจเชื่อฟังและเสียสละตัวเองของพวกเขา. (วินิจฉัย 11:39, 40) เราอาจเชิญพวกเขาให้ร่วมในการสังสรรค์ที่เสริมสร้าง. คุณได้ทำอย่างนั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ไหม? นอกจากนั้น เราสามารถอธิษฐานเผื่อพวกเขา ทูลขอให้พระยะโฮวาช่วยพวกเขารักษาความสมดุลฝ่ายวิญญาณและประสบความยินดีในการรับใช้พระองค์. โดยแสดงความสนใจอย่างจริงใจ ขอให้เราแสดงความหยั่งรู้ค่าคนที่ภักดีเหล่านี้เหมือนกับที่พระยะโฮวาทรงหยั่งรู้ค่า.—บทเพลงสรรเสริญ 37:28.
การรับมือปัญหาสุขภาพ
11. ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงก่อให้เกิดข้อท้าทายอะไรบ้าง?
11 ช่างทุกข์ใจสักเพียงไรเมื่อเราหรือคนที่เรารักมีปัญหาสุขภาพร้ายแรง! (ยะซายา 38:1-3) ในขณะที่เราพยายามหาวิธีรักษาที่ได้ผล สำคัญที่เราจะต้องปฏิบัติตามหลักการ พระคัมภีร์. ตัวอย่างเช่น คริสเตียนระมัดระวังที่จะทำตามพระบัญชาของคัมภีร์ไบเบิลที่ให้ละเว้นจากเลือด และพวกเขาหลีกเลี่ยงกระบวนการวินิจฉัยโรค, การฟื้นฟู, หรือการรักษาสุขภาพแบบใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภูติผีปิศาจ. (กิจการ 15:28, 29; ฆะลาเตีย 5:19-21) อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมทางการแพทย์ การประเมินทางเลือกในการรักษาอาจเป็นเรื่องที่ทำให้สับสนและหวาดหวั่น. อะไรอาจช่วยเราได้เพื่อจะรักษาสติให้ครบถ้วน?
12. คริสเตียนจะรักษาความสมดุลได้อย่างไรเมื่อพิจารณาทางเลือกในการรักษา?
12 “คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง” โดยค้นคว้าในคัมภีร์ไบเบิลและสรรพหนังสือคริสเตียน. (สุภาษิต 14:15) ในบางส่วนของโลกที่แพทย์และโรงพยาบาลมีน้อย การแพทย์แบบพื้นบ้านซึ่งใช้สมุนไพรในการรักษาอาจเป็นวิธีรักษาเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่. หากเรากำลังพิจารณาการรักษาด้วยวิธีนี้ อาจค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ในหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 เมษายน 1987 หน้า 26-29. บทความนี้เตือนเราให้ตื่นตัวต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น. ตัวอย่างเช่น เราอาจจำเป็นต้องตรวจสอบดังต่อไปนี้: หมอพื้นบ้านคนนี้เป็นคนทรงเจ้าเข้าผีไหม? การรักษาของเขาอาศัยความเชื่อที่ว่าความเจ็บป่วยและความตายมีสาเหตุมาจากเทพเจ้า (หรือวิญญาณบรรพบุรุษ) ที่ไม่พอใจหรือจากศัตรูที่ใช้คุณไสยไหม? มีการใช้เครื่องเซ่นเครื่องสังเวย, เวทมนตร์คาถา, หรือพิธีกรรมอื่น ๆ ในการทรงเจ้าเข้าผีเพื่อเตรียมยาหรือเมื่อใช้ยาไหม? (พระบัญญัติ 18:10-12) การค้นคว้าดังกล่าวจะช่วยให้เราเอาใจใส่คำแนะนำที่ได้รับการดลใจที่ว่า “จงชันสูตรทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงถือไว้ให้มั่น.” * (1 เธซะโลนิเก 5:21) การทำอย่างนั้นจะช่วยเรารักษาความสมดุล.
13, 14. (ก) เราจะแสดงความมีเหตุผลได้อย่างไรในการใส่ใจดูแลสุขภาพกายของตนเอง? (ข) เหตุใดจึงจำเป็นต้องแสดงความมีเหตุผลเมื่อเราพูดคุยกันในเรื่องสุขภาพและเรื่องทางการแพทย์?
13 ความมีเหตุผลนับว่าจำเป็นในทุกขอบเขตของชีวิต รวมไปถึงเรื่องการดูแลสุขภาพกายของเรา. (ฟิลิปปอย 4:5, ล.ม.) การใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างสมดุลแสดงว่าเราหยั่งรู้ค่าชีวิตซึ่งเป็นของประทานอันมีค่า. เมื่อเรามีปัญหาสุขภาพ เราควรเอาใจใส่. อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เราจะบรรลุสุขภาพอันสมบูรณ์จนกว่าจะถึงเวลาที่พระเจ้า “รักษาบรรดาประชาชาติให้หาย.” (วิวรณ์ 22:1, 2, ฉบับแปลใหม่) เราต้องระวังอย่ากังวลสนใจเรื่องสุขภาพกายมากเกินไปจนเรื่องนี้เข้ามาเบียดบังความจำเป็นฝ่ายวิญญาณซึ่งสำคัญกว่า.—มัดธาย 5:3; ฟิลิปปอย 1:10.
14 เรายังจำเป็นต้องแสดงความสมดุลและความมีเหตุผลด้วยเมื่อพูดคุยกันในเรื่องสุขภาพและเรื่องทางการแพทย์. หัวข้อเหล่านี้ไม่ควรเป็นเรื่องเด่นในการสนทนาเมื่อเราเข้าร่วมการประชุมคริสเตียนที่ประชาคมและในการประชุมใหญ่เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพฝ่ายวิญญาณ. ยิ่งกว่านั้น บ่อยครั้งที่การตัดสินใจในเรื่องการรักษาเกี่ยวข้องกับหลักการของคัมภีร์ไบเบิล, สติรู้สึกผิดชอบของแต่ละคน, และสัมพันธภาพของเขากับพระยะโฮวา. ด้วยเหตุนั้น คงไม่เป็นการแสดงความรักที่จะยัดเยียดทัศนะของเราให้แก่เพื่อนร่วมความเชื่อหรือกดดันเขาให้เพิกเฉยต่อการสั่งการของสติรู้สึกผิดชอบของเขา. แม้ว่าอาจปรึกษาขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในประชาคม คริสเตียนแต่ละคนต้อง “แบกภาระของตนเอง” ด้วยการรับผิดชอบการตัดสินใจฆะลาเตีย 6:5; โรม 14:12, 22, 23.
ของตนเอง และ “ต้องให้การด้วยตัวเองแก่พระเจ้า.”—เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด
15. สถานการณ์ตึงเครียดอาจส่งผลกระทบต่อเราอย่างไร?
15 สถานการณ์ที่ตึงเครียดอาจทำให้แม้แต่ผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาก็พูดหรือทำอย่างไม่ฉลาดสุขุมได้. (ท่านผู้ประกาศ 7:7) เมื่อถูกทดลองอย่างรุนแรง โยบเสียความสมดุลไปบ้างและต้องได้รับการแก้ไขแนวคิด. (โยบ 35:2, 3; 40:6-8) แม้ว่า “โมเซนั้นเป็นคนถ่อมจิตใจอ่อนยิ่งมากกว่าคนทั้งปวงที่อยู่บนแผ่นดิน” แต่ในโอกาสหนึ่งท่านถูกยั่วยุให้โกรธและพูดอย่างหุนหันพลันแล่น. (อาฤธโม 12:3; 20:7-12; บทเพลงสรรเสริญ 106:32, 33) ดาวิดได้แสดงความสามารถในการควบคุมตัวเองอย่างน่าชมเชยโดยที่ไม่ได้ฆ่ากษัตริย์ซาอูล แต่เมื่อนาบาลสบประมาทท่านและเอ็ดตะโรด่าทอคนของท่าน ดาวิดกลับเดือดดาลและสูญเสียวิจารณญาณที่ดี. ต่อเมื่ออะบีฆายิลได้เข้ามาไกล่เกลี่ยแล้วเท่านั้นท่านจึงได้สติและหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดที่จะเป็นความหายนะใหญ่หลวงได้อย่างหวุดหวิด.—1 ซามูเอล 24:2-7; 25:9-13, 32, 33.
16. อะไรอาจช่วยเราได้ให้หลีกเลี่ยงการกระทำอย่างหุนหัน?
16 เราเองก็เช่นกันอาจเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดที่อาจทำให้เราขาดวิจารณญาณที่ดีได้. การพิจารณาทัศนะของผู้อื่นอย่างรอบคอบ เหมือนที่ดาวิดทำ อาจช่วยเราได้ให้หลีกเลี่ยงการกระทำอย่างหุนหันและการรีบร้อนไปสู่บาปผิด. (สุภาษิต 19:2) ยิ่งกว่านั้น พระคำของพระเจ้าแนะเตือนเราดังนี้: “โกรธก็โกรธเถิด แต่อย่าทำบาป. จงคำนึงในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่.” (บทเพลงสรรเสริญ 4:4, ฉบับแปลใหม่) เท่าที่เป็นไปได้ นับว่าฉลาดสุขุมที่จะรอจนสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงค่อยลงมือทำหรือตัดสินใจ. (สุภาษิต 14:17, 29) เราสามารถขอความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาในคำอธิษฐานอย่างกระตือรือร้น “และสันติสุขแห่งพระเจ้า, ซึ่งเหลือที่จะเข้าใจได้, จะคุ้มครองใจและความคิดของ [เรา] ไว้ในพระเยซูคริสต์.” (ฟิลิปปอย 4:6, 7) สันติสุขที่พระเจ้าทรงโปรดประทานจะทำให้เรามั่นคงและช่วยเรารักษาสติได้อย่างครบถ้วน.
17. เหตุใดเราต้องไว้วางใจพระยะโฮวาเพื่อจะรักษาสติของเราให้ครบถ้วน?
17 แม้ว่าเราจะพยายามขนาดไหนในการหลีกเลี่ยงอันตรายและประพฤติอย่างฉลาดสุขุม เราทุกคนล้วนพลาดพลั้ง. (ยาโกโบ 3:2) เราอาจเกือบจะก้าวพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างที่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย. (บทเพลงสรรเสริญ 19:12, 13) ยิ่งกว่านั้น ในฐานะมนุษย์ เราไม่มีทั้งความสามารถและสิทธิ์ที่จะกำหนดก้าวเดินของตนเองโดยไม่หมายพึ่งพระยะโฮวา. (ยิระมะยา 10:23) เรารู้สึกขอบพระคุณสักเพียงไรที่พระองค์ทรงรับรองกับเราว่า “เราจะแนะนำและสอนเจ้าถึงทางที่เจ้าควรจะเดินไป. เราจะให้คำปรึกษาแก่เจ้าด้วยจับตาเจ้าอยู่.” (บทเพลงสรรเสริญ 32:8, ฉบับแปลใหม่) ใช่แล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวาเราจะรักษาสติของเราให้ครบถ้วนได้.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 5 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องหนังสือสัญญาธุรกิจ โปรดดูหอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 สิงหาคม 1997 หน้า 30-31; ฉบับ 15 พฤศจิกายน 1986 หน้า 19-21; และตื่นเถิด! ฉบับ 8 สิงหาคม 1983 หน้า 15-18 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
^ วรรค 12 แนวทางปฏิบัติแบบนี้จะเป็นประโยชน์ด้วยเช่นกันสำหรับคนที่กำลังพิจารณาทางเลือกในการรักษาความเจ็บป่วยบางอย่างซึ่งยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่.
คุณจะตอบอย่างไร?
เราจะรักษาสติของเราได้อย่างไร
• หากมีคนยื่นข้อเสนอทางธุรกิจให้?
• เมื่อหาคู่สมรส?
• เมื่อมีปัญหาด้านสุขภาพ?
• เมื่ออยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด?
[คำถาม]
[กรอบหน้า 25]
คุณจะไว้ใจได้ไหม?
คำประกาศปฏิเสธความรับผิดชอบต่อไปนี้ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์หาคู่:
“แม้ว่าเราได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ในเรื่องลักษณะที่แท้จริงของแต่ละคนที่ลงในเว็บไซต์นี้.”
“เราไม่รับประกันในเรื่องความถูกต้องแม่นยำ, ความครบถ้วน, หรือประโยชน์ของข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในเว็บไซต์นี้.”
“ข้อคิดเห็น, คำแนะนำ, คำประกาศ, ข้อเสนอ, ข้อมูลหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้เขียนแต่ละคนเอง . . . จึงไม่จำเป็นจะต้องหมายความว่าข้อมูลเหล่านี้เชื่อถือได้.”
[ภาพหน้า 23]
“คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง”
[ภาพหน้า 24, 25]
สตรีคริสเตียนจะเลียนแบบหญิงสาวชูลามิทได้อย่างไร?
[ภาพหน้า 26]
“จงชันสูตรทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงถือไว้ให้มั่น”