ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ใครเป็นคริสเตียนแท้?

ใครเป็นคริสเตียนแท้?

ใคร​เป็น​คริสเตียน​แท้?

“ศาสนา​คริสเตียน​หมาย​ถึง​การ​นำ​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​คริสต์​มา​ใช้​ใน​คำ​สอน​และ​การ​ปฏิบัติ​ของ​ผู้​คน.” (การ​เป็น​คริสเตียน, ภาษา​เยอรมัน) ด้วย​ถ้อย​คำ​ดัง​กล่าว ฮันส์ คึง นัก​เทววิทยา​ชาว​สวิส​ได้​กล่าว​ความ​จริง​ที่​ประจักษ์​ชัด​แจ้ง​ใน​ตัว​อยู่​แล้ว​ที่​ว่า ศาสนา​คริสเตียน​แท้​มี​อยู่​เฉพาะ​แต่​ใน​ที่​ที่​บุคคล​ผู้​จริง​ใจ​นำ​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​มา​ปฏิบัติ.

ถ้า​เช่น​นั้น จะ​ว่า​อย่าง​ไร​หาก​บุคคล​เป็น​ราย​ตัว​หรือ​องค์การ​อ้าง​ว่า​เป็น​ผู้​ติด​ตาม​พระ​คริสต์ แต่​ที่​จริง​แล้ว ไม่​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​สอน? พระ​เยซู​เอง​ตรัส​ว่า​หลาย​คน​จะ​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน. พวก​เขา​จะ​ชี้​ถึง​กิจกรรม​ต่าง ๆ เพื่อ​จะ​พิสูจน์​ว่า​พวก​เขา​ได้​รับใช้​พระองค์ โดย​บอก​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​สั่ง​สอน​ใน​พระ​นาม​ของ​พระองค์, และ​ได้​ขับ​ผี​ออก​ด้วย​พระ​นาม​ของ​พระองค์, และ​ได้​กระทำ​การ​อัศจรรย์​มาก​ด้วย​ออก​พระ​นาม​ของ​พระองค์​มิ​ใช่​หรือ?” แต่​พระ​เยซู​จะ​มี​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร? คำ​ตรัส​ที่​น่า​ทึ่ง​ของ​พระองค์​แสดง​ถึง​การ​พิพากษา​ของ​พระองค์​ที่​ว่า “เรา​ไม่​รู้​จัก​เจ้า​เลย. เจ้า​ทั้ง​หลาย​ผู้​ประพฤติ​ล่วง​พระ​บัญญัติ​จง​ถอย​ไป​จาก​เรา.”—มัดธาย 7:22, 23.

ช่าง​เป็น​คำ​เตือน​ที่​ชัด​แจ้ง​อะไร​เช่น​นี้​สำหรับ “ผู้​ประพฤติ​ล่วง​พระ​บัญญัติ” ซึ่ง​อ้าง​ว่า​ติด​ตาม​พระ​เยซู! ขอ​พิจารณา​เงื่อนไข​สำคัญ​สอง​ประการ​ที่​พระ​เยซู​ทรง​กำหนด​ไว้ เพื่อ​พระองค์​จะ​ทรง​ยอม​รับ​ว่า​ใคร​เป็น​คริสเตียน​แท้ แทน​ที่​จะ​ปฏิเสธ​พวก​เขา​เนื่อง​จาก​เป็น​ผู้​ประพฤติ​ล่วง​พระ​บัญญัติ.

“ถ้า​เจ้า​มี​ความ​รัก​ระหว่าง​พวก​เจ้า​เอง”

เงื่อนไข​อย่าง​หนึ่ง​ที่​พระ​เยซู​ทรง​กำหนด​ไว้​คือ​ดัง​นี้: “เรา​ให้​บัญญัติ​ใหม่​ไว้​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย คือ​ว่า​ให้​เจ้า​ทั้ง​หลาย​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน; เรา​รัก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​แล้ว​อย่าง​ไร เจ้า​จง​รัก​กัน​และ​กัน​อย่าง​นั้น​ด้วย. โดย​เหตุ​นี้​คน​ทั้ง​ปวง​จะ​รู้​ว่า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เป็น​สาวก​ของ​เรา ถ้า​เจ้า​มี​ความ​รัก​ระหว่าง​พวก​เจ้า​เอง.”โยฮัน 13:34, 35, ล.ม.

พระ​เยซู​ทรง​เรียก​ร้อง​ให้​เหล่า​ผู้​ติด​ตาม​พระองค์​มี​ความ​รัก​แท้​ต่อ​กัน​และ​กัน​และ​ต่อ​มนุษยชาติ​โดย​ทั่ว​ไป. คริสเตียน​หลาย​คน​เป็น​ราย​บุคคล​ได้​ทำ​ตาม​ข้อ​เรียก​ร้อง​นี้​ตลอด​หลาย​ศตวรรษ​นับ​ตั้ง​แต่​ที่​พระ​เยซู​ทรง​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก. แต่​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​กับ​องค์การ​ศาสนา​ส่วน​ใหญ่​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​ตัว​แทน​ของ​พระ​คริสต์? ประวัติ​ของ​องค์การ​เหล่า​นั้น​ปรากฏ​เด่น​เนื่อง​ด้วย​ความ​รัก​ไหม? ไม่​อย่าง​แน่นอน. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น พวก​เขา​ได้​อยู่​ใน​แนว​หน้า​สุด​ใน​สงคราม​และ​การ​ต่อ​สู้​กัน​นับ​ไม่​ถ้วน​ซึ่ง​ทำ​ให้​เลือด​ของ​ผู้​บริสุทธิ์​หลั่ง​ออก.—วิวรณ์ 18:24.

นั่น​เป็น​ความ​จริง​จน​กระทั่ง​สมัย​ปัจจุบัน. ชาติ​ต่าง ๆ ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน​นำ​หน้า​ใน​การ​สังหาร​ผู้​คน​มาก​มาย​ซึ่ง​เป็น​ลักษณะ​เด่น​ของ​สงคราม​โลก​สอง​ครั้ง​ใน​ศตวรรษ​ที่ 20. เมื่อ​ไม่​นาน​มา​นี้ สมาชิก​ของ​คริสตจักร​ต่าง ๆ ที่​เรียก​กัน​ว่า​คริสเตียน อยู่​ใน​แนว​หน้า​สุด​ของ​การ​กระทำ​ที่​โหด​เหี้ยม​ทารุณ​และ​การ​พยายาม​ฆ่า​ล้าง​ชาติ​พันธุ์​ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​ใน​รวันดา​ใน​ปี 1994. เดสมอนด์ ตูตู อดีต​อาร์ชบิชอป​แองกลิกัน​ได้​เขียน​ว่า “คน​เหล่า​นั้น​ที่​กลาย​เป็น​ปรปักษ์​ต่อ​กัน​ใน​แบบ​ที่​กระหาย​เลือด​เช่น​นี้​ได้​รับ​เอา​ความ​เชื่อ​อย่าง​เดียว​กัน. พวก​เขา​ส่วน​ใหญ่​เป็น​คริสเตียน.”

“ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​เรา”

พระ​เยซู​ทรง​ชี้​ชัด​ถึง​ข้อ​เรียก​ร้อง​สำคัญ​ประการ​ที่​สอง​สำหรับ​ศาสนา​คริสเตียน​แท้​เมื่อ​พระองค์​ตรัส​ว่า “ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​เรา, ท่าน​ก็​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา​แท้ และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​รู้​จัก​ความ​จริง, และ​ความ​จริง​นั้น​จะ​กระทำ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ไทย.”—โยฮัน 8:31, 32.

พระ​เยซู​ทรง​คาด​หมาย​ให้​เหล่า​ผู้​ติด​ตาม​พระองค์​ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​พระองค์—นั่น​คือ ให้​ยึด​มั่น​กับ​คำ​สอน​ของ​พระองค์. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น ผู้​สอน​ศาสนา​ที่​อ้าง​ว่า​ติด​ตาม​พระ​คริสต์​ได้ “รับ​เอา​แนว​คิด​แบบ​กรีก​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ” นัก​เทววิทยา​คึง​ได้​ให้​ข้อ​สังเกต​ดัง​กล่าว. พวก​เขา​ได้​เอา​แนว​คิด​ต่าง ๆ เข้า​มา​แทน​คำ​สอน​ของ​พระ​คริสต์ เช่น แนว​คิด​เรื่อง​จิตวิญญาณ​อมตะ, ความ​เชื่อ​ใน​เรื่อง​ไฟ​ชำระ, การ​นมัสการ​มาเรีย, และ​ชน​ชั้น​นัก​เทศน์​นัก​บวช ซึ่ง​เป็น​แนว​คิด​ที่​มี​ต้น​กำเนิด​มา​จาก​ศาสนา​และ​นัก​ปรัชญา​นอก​รีต.—1 โกรินโธ 1:19-21; 3:18-20.

ผู้​สอน​ศาสนา​ยัง​ได้​นำ​หลัก​คำ​สอน​เรื่อง​ตรีเอกานุภาพ​ที่​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ได้​เข้า​มา​ด้วย โดย​ยก​พระ​เยซู​ขึ้น​สู่​ตำแหน่ง​ที่​พระองค์​เอง​ไม่​เคย​อ้าง​ว่า​พระองค์​เป็น. ด้วย​หลัก​คำ​สอน​นี้ พวก​เขา​ทำ​ให้​ผู้​คน​เขว​ไป​จาก​การ​นมัสการ​ผู้​ที่​เป็น​จุด​รวม​ความ​สนใจ​ของ​พระ​เยซู​เสมอ​มา ซึ่ง​ก็​คือ​พระ​ยะโฮวา พระ​บิดา​ของ​พระองค์. (มัดธาย 5:16; 6:9; โยฮัน 14:28; 20:17) ฮันส์ คึง​เขียน​ว่า “เมื่อ​พระ​เยซู​ตรัส​ถึง​พระเจ้า พระองค์​ทรง​หมาย​ถึง​พระเจ้า​องค์​ดั้งเดิม​ของ​ปฐม​บรรพบุรุษ​อับราฮาม, ยิศฮาค, และ​ยาโคบ​คือ ยาห์เวห์ . . . สำหรับ​พระองค์​แล้ว​นี่​คือ​พระเจ้า​องค์​เดียว.” มี​สัก​กี่​คน​ใน​ทุก​วัน​นี้​ที่​ยอม​รับ​โดย​ทันที​ว่า​พระเจ้า​และ​พระ​บิดา​ของ​พระ​เยซู​คือ​ยาห์เวห์​หรือ​พระ​ยะโฮวา ตาม​การ​เขียน​พระ​นาม​ของ​พระองค์​ใน​ภาษา​ไทย?

ผู้​นำ​ศาสนา​ได้​ละเลย​พระ​บัญชา​ของ​พระ​เยซู​อย่าง​สิ้นเชิง​ที่​ให้​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​ใน​เรื่อง​การ​เมือง. นัก​เขียน​เทรเวอร์ มอร์โรว์​กล่าว​ว่า ใน​สมัย​ของ​พระ​เยซู แกลิลี (ฆาลิลาย) “เป็น​ศูนย์กลาง​ของ​ลัทธิ​ชาติ​นิยม​แห่ง​ชาว​ยิว.” ชาว​ยิว​ผู้​รัก​ชาติ​หลาย​คน​จับ​อาวุธ​ขึ้น​มา​ต่อ​สู้​เพื่อ​จะ​มี​เสรีภาพ​ทาง​การ​เมือง​และ​ทาง​ศาสนา. พระ​เยซู​ทรง​สั่ง​เหล่า​สาวก​ของ​พระองค์​ให้​เข้า​ไป​เกี่ยว​ข้อง​ใน​การ​ต่อ​สู้​ดัง​กล่าว​ไหม? ไม่​เลย. ตรง​กัน​ข้าม พระองค์​ตรัส​แก่​พวก​เขา​ว่า “ท่าน​มิ​ได้​อยู่​ฝ่าย​โลก [“ไม่​เป็น​ส่วน​ของ​โลก,” ล.ม.].” (โยฮัน 15:19; 17:14) อย่าง​ไร​ก็​ดี แทน​ที่​จะ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง พวก​ผู้​นำ​ของ​คริสตจักร​ต่าง ๆ ได้​พัฒนา​สิ่ง​ที่​ฮิวเบิร์ต บัตเลอร์​นัก​เขียน​ชาว​ไอริช​พรรณนา​ว่า​เป็น “คำ​สอน​ของ​คริสตจักร​เรื่อง​การ​ต่อ​สู้​และ​การ​เมือง.” เขา​เขียน​ว่า “ศาสนา​คริสเตียน​ที่​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​การ​เมือง​มัก​จะ​เป็น​ศาสนา​ที่​สนับสนุน​และ​ส่ง​เสริม​การ​ทหาร​อย่าง​กระตือรือร้น​ด้วย และ​เมื่อ​รัฐบุรุษ​กับ​พวก​ผู้​นำ​ศาสนา​บรรลุ​ข้อ​ตก​ลง​ใน​การ​เจรจา​กัน สิ่ง​ที่​เกิด​ขึ้น​เสมอ​คือ เมื่อ​ได้​ผล​ประโยชน์​บาง​อย่าง คริสตจักร​ก็​จะ​อวย​พร​ให้​แก่​กองทัพ​ของ​รัฐ​เป็น​การ​แลก​เปลี่ยน.”

ผู้​สอน​เท็จ​ปฏิเสธ​พระ​เยซู

อัครสาวก​เปาโล​ได้​เตือน​เกี่ยว​กับ​การ​ถอย​ห่าง​ไป​จาก​ศาสนา​คริสเตียน​แท้. ท่าน​กล่าว​ว่า​ภาย​หลัง​ความ​ตาย​ของ​ท่าน “สุนัข​ป่า​อัน​ร้าย” จาก​ท่ามกลาง​ผู้​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​คริสเตียน​จะ “กล่าว​เลี่ยง​ความ​จริง​เพื่อ​จะ​ชักชวน​เหล่า​สาวก​ให้​หลง​ตาม​เขา​ไป.” (กิจการ 20:29, 30) พวก​เขา​จะ “ออก​ปาก​กล่าว​ว่า​เขา​รู้​จัก​พระเจ้า” แต่​ตาม​ความ​เป็น​จริง​แล้ว​พวก​เขา​จะ ‘ปฏิเสธ​พระองค์​ใน​กิริยา​การ​ประพฤติ​ของ​เขา.’ (ติโต 1:16) อัครสาวก​เปโตร​ได้​เตือน​เช่น​เดียว​กัน​ว่า​ผู้​สอน​เท็จ​จะ “นำ​นิกาย​ที่​ก่อ​ความ​พินาศ​เข้า​มา​อย่าง​เงียบ ๆ และ​จะ​ปฏิเสธ​แม้​แต่​ผู้​เป็น​เจ้าของ​ที่​ได้​ทรง​ซื้อ​เขา​ไว้.” ท่าน​กล่าว​ว่า ความ​ประพฤติ​ที่​ไม่​ดี​ของ​พวก​เขา​จะ​ทำ​ให้​ผู้​คน “กล่าว​ร้าย” เกี่ยว​กับ “ทาง​แห่ง​ความ​จริง.” (2 เปโตร 2:1, 2, ล.ม.) ดับเบิลยู. อี. ไวน์ ผู้​คง​แก่​เรียน​ด้าน​ภาษา​กรีก​กล่าว​ว่า การ​ปฏิเสธ​พระ​คริสต์​ใน​วิธี​นี้​หมาย​ถึง “ปฏิเสธ​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร โดย​การ​ออก​หาก​และ​โดย​การ​แพร่​คำ​สอน​ที่​เป็น​อันตราย.”

พระ​เยซู​จะ​มี​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร​หาก​ผู้​ที่​อ้าง​ว่า​เป็น​สาวก​ของ​พระองค์​จงใจ​ที่​จะ​ไม่ “ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ [ของ​พระองค์]” และ​ไม่​บรรลุ​ข้อ​เรียก​ร้อง​อื่น ๆ ที่​พระองค์​ทรง​กำหนด​ไว้? พระองค์​ทรง​เตือน​ว่า “ผู้​ใด​จะ​ปฏิเสธ​เรา​ต่อ​หน้า​มนุษย์, เรา​จะ​ปฏิเสธ​ผู้​นั้น​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​อยู่​ใน​สวรรค์​ด้วย.” (มัดธาย 10:33) แน่นอน พระ​เยซู​มิ​ได้​ปฏิเสธ​ผู้​ที่​ถึง​แม้​จะ​ทำ​ผิด​พลาด​แต่​ก็​มี​ความ​ปรารถนา​อย่าง​จริงจัง​ที่​จะ​เป็น​คน​ซื่อ​สัตย์. ตัว​อย่าง​เช่น ถึง​แม้​อัครสาวก​เปโตร​ได้​ปฏิเสธ​พระ​เยซู​สาม​ครั้ง เปโตร​ก็​ได้​กลับ​ใจ​และ​ได้​รับ​การ​ให้​อภัย. (มัดธาย 26:69-75) อย่าง​ไร​ก็​ดี พระ​เยซู​ทรง​ปฏิเสธ​บุคคล​หรือ​องค์การ​ซึ่ง​ที่​แท้​ก็​เป็น​สุนัข​ป่า​ใน​คราบ​ของ​ลูก​แกะ คือ​แสร้ง​ทำ​เป็น​ติด​ตาม​พระ​คริสต์​แต่​จงใจ​ปฏิเสธ​คำ​สอน​ของ​พระองค์​อย่าง​ไม่​ละลด. พระ​เยซู​ตรัส​เกี่ยว​กับ​ผู้​สอน​เท็จ​ดัง​กล่าว​ว่า “ท่าน​จะ​รู้​จัก​เขา​ได้​เพราะ​ผล​ของ​เขา.”—มัดธาย 7:15-20.

ภาย​หลัง​พวก​อัครสาวก​สิ้น​ชีวิต​เกิด​การ​ออก​หาก

เมื่อ​ไร​ที่​คริสเตียน​ปลอม​เริ่ม​ปฏิเสธ​พระ​คริสต์? ภาย​หลัง​การ​สิ้น​พระ​ชนม์​ของ​พระ​เยซู​ไม่​นาน. พระองค์​เอง​ได้​ทรง​เตือน​ว่า​ซาตาน​พญา​มาร​จะ​รีบ​หว่าน “ข้าว​ละมาน” หรือ​คริสเตียน​ปลอม​ปน​กับ “พืช​ดี” หรือ​คริสเตียน​แท้ ซึ่ง​พระ​เยซู​ได้​ทรง​หว่าน​ไว้​ระหว่าง​งาน​รับใช้​ของ​พระองค์. (มัดธาย 13:24, 25, 37-39) อัครสาวก​เปาโล​เตือน​ว่า​ผู้​สอน​ที่​หลอก​ลวง​ปฏิบัติ​งาน​อยู่​แล้ว​ใน​สมัย​ของ​ท่าน. ท่าน​ได้​กล่าว​ว่า เหตุ​ผล​หลัก​ใน​การ​ที่​พวก​เขา​เบี่ยง​เบน​ไป​จาก​คำ​สอน​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​คือ​การ​ที่​พวก​เขา​ไม่​มี “ความ​รัก​ต่อ​ความ​จริง” โดย​แท้.—2 เธซะโลนิเก 2:10, ล.ม.

เหล่า​อัครสาวก​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​หน่วง​เหนี่ยว​การ​ออก​หาก​นี้​ตราบ​เท่า​ที่​พวก​เขา​มี​ชีวิต​อยู่. แต่​หลัง​จาก​ความ​ตาย​ของ​พวก​อัครสาวก​แล้ว ผู้​นำ​ศาสนา​ใช้ “การ​อิทธิ​ฤทธิ์​ทุก​อย่าง​และ​สัญลักษณ์​ปลอม​และ​เหตุ​การณ์​ประหลาด​และ . . . อุบาย​หลอก​ลวง​อัน​ไม่​เป็น​ธรรม​ทุก​อย่าง” เพื่อ​จะ​นำ​หลาย​คน​ไป​ผิด​ทาง ทำ​ให้​ผู้​คน​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ หันเห​ไป​จาก​ความ​จริง​ที่​พระ​เยซู​และ​เหล่า​อัครสาวก​ได้​สอน​นั้น. (2 เธซะโลนิเก 2:3, 6-12, ล.ม.) เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นัก​ปรัชญา​ชาว​อังกฤษ​เขียน​ว่า ใน​เวลา​ไม่​นาน ประชาคม​คริสเตียน​ดั้งเดิม​ได้​ถูก​เปลี่ยน​ไป​เป็น​องค์การ​ศาสนา​ที่ “จะ​ทำ​ให้​พระ​เยซู และ​แม้​แต่​เปาโล​ตกตะลึง.”

ศาสนา​คริสเตียน​แท้​ได้​รับ​การ​ฟื้นฟู

ข้อ​เท็จ​จริง​ปรากฏ​ชัด. ตั้ง​แต่​ความ​ตาย​ของ​พวก​อัครสาวก คำ​สอน​ของ​พระ​คริสต์​ไม่​ได้​ปรากฏ​ให้​เห็น​ใน​สิ่ง​ที่​ได้​เกิด​ขึ้น​ส่วน​ใหญ่​ใน​นาม​ของ​ศาสนา​คริสเตียน. อย่าง​ไร​ก็​ตาม นี่​มิ​ได้​หมาย​ความ​ว่า​พระ​เยซู​ไม่​ได้​รักษา​คำ​สัญญา​ของ​พระองค์​ที่​ว่า​จะ​อยู่​กับ​เหล่า​ผู้​ติด​ตาม​พระองค์ “เสมอ​ไป​เป็น​นิตย์​กว่า​จะ​สิ้น​โลก.” (มัดธาย 28:20) เรา​มั่น​ใจ​ได้​ว่า​ตั้ง​แต่​ที่​พระองค์​ตรัส​ถ้อย​คำ​ดัง​กล่าว มี​บุคคล​ที่​ซื่อ​สัตย์​ที่​ได้ “นำ​ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​พระ​เยซู​คริสต์​มา​ใช้​ใน​คำ​สอน​และ​ใน​การ​ปฏิบัติ.” พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทรง​รักษา​คำ​สัญญา​ของ​พระองค์​ที่​จะ​เกื้อ​หนุน​คน​เช่น​นั้น​ขณะ​ที่​พวก​เขา​ได้​พยายาม​ที่​จะ​แสดง​ความ​รัก​ซึ่ง​เป็น​เครื่องหมาย​ของ​คริสเตียน​แท้​และ​ยัง​คง​ภักดี​ต่อ​ความ​จริง​ที่​พระองค์​ทรง​สอน​นั้น.

ยิ่ง​กว่า​นั้น พระ​เยซู​ได้​ทรง​สัญญา​ว่า​ใน​สมัย​สุด​ท้าย​ของ​ระบบ​นี้ พระองค์​จะ​รวบ​รวม​เหล่า​สาวก​ผู้​ซื่อ​สัตย์​เข้า​สู่​ประชาคม​คริสเตียน​ที่​มอง​เห็น​ได้​ชัด​ซึ่ง​พระองค์​จะ​ทรง​ใช้​เพื่อ​ทำ​ให้​พระทัย​ประสงค์​ของ​พระองค์​บรรลุ​ผล​สำเร็จ. (มัดธาย 24:14, 45-47) ขณะ​นี้​ที​เดียว​พระองค์​ทรง​ใช้​ประชาคม​นี้​เพื่อ​รวบ​รวม “ชน​ฝูง​ใหญ่” ที่​ประกอบ​ด้วย​ชาย, หญิง, และ​เด็ก ๆ “จาก​ชาติ​และ​ตระกูล​และ​ชน​ชาติ​และ​ภาษา​ทั้ง​ปวง” และ​พระองค์​ทรง​นำ​พวก​เขา​มา​รวม​กัน​ภาย​ใต้​การ​เป็น​ประมุข​ของ​พระองค์​ให้​เป็น “ฝูง​เดียว” ภาย​ใต้ “ผู้​เลี้ยง​ผู้​เดียว.”—วิวรณ์ 7:9, 14-17, ล.ม.; โยฮัน 10:16; เอเฟโซ 4:11-16.

ดัง​นั้น จง​หัน​หนี​จาก​สถาบัน​หรือ​องค์การ​ใด ๆ ที่​ได้​ทำ​ให้​พระ​นาม​ของ​พระ​คริสต์​เสื่อม​เสีย​และ​ทำลาย​ชื่อเสียง​ของ​ศาสนา​คริสเตียน​ตลอด​สอง​พัน​ปี​ที่​แล้ว. มิ​ฉะนั้น ดัง​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​ทรง​แจ้ง​แก่​อัครสาวก​โยฮัน คุณ​จะ​ได้​รับ “ภยันตราย [ที่​จะ​มี​แก่​พวก​เขา]” คราว​เมื่อ​พระเจ้า​ทรง​พิพากษา​สำเร็จ​โทษ​พวก​เขา​ใน​อนาคต​อัน​ใกล้. (วิวรณ์ 1:1; 18:4, 5) จง​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​อยู่​ใน​ท่ามกลาง​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ผู้​พยากรณ์​มีคา​ได้​กล่าว​ถึง​เมื่อ​บอก​ว่า “เมื่อ​ถึง​สมัย​สุด​ท้าย​นั้น” เหล่า​ผู้​นมัสการ​แท้—ผู้​ที่​ยึด​มั่น​กับ​ศาสนา​คริสเตียน​แท้—จะ​ฟัง​คำ​สั่ง​สอน​ของ​พระเจ้า​และ “เดิน​ไป​ตาม​ทาง​ของ​พระองค์” ทาง​แห่ง​การ​นมัสการ​บริสุทธิ์​ที่​ได้​รับ​การ​ฟื้นฟู. (มีคา 4:1-4) ผู้​จัด​พิมพ์​วารสาร​นี้​จะ​ยินดี​ช่วย​คุณ​ระบุ​ตัว​ผู้​นมัสการ​แท้​เหล่า​นั้น.

[ภาพ​หน้า 5]

ทำไม​คริสเตียน​แท้​ไม่​มี​ส่วน​ใน​การ​สู้​รบ?

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Soldiers, left: U.S. National Archives photo; flamethrower, right: U.S. Army Photo

[ภาพ​หน้า 7]

ข้อ​เรียก​ร้อง​พื้น​ฐาน​ที่​พระ​เยซู​ทรง​กำหนด​ไว้​สำหรับ​คริสเตียน​แท้​คือ “มี​ความ​รัก​ระหว่าง​พวก​เจ้า​เอง” และ “ตั้ง​มั่นคง​อยู่​ใน​คำ​ของ​เรา”