ความยินดีจากการดำเนินอย่างซื่อสัตย์มั่นคง
ความยินดีจากการดำเนินอย่างซื่อสัตย์มั่นคง
“พระพรของพระยะโฮวากระทำให้เกิดความมั่งคั่ง; และพระองค์จะไม่เพิ่มความทุกข์ยากให้เลย.”—สุภาษิต 10:22.
1, 2. เหตุใดเราควรหลีกเลี่ยงการคิดมากเกินไปถึงเรื่องอนาคต?
“การหมกมุ่นครุ่นคิดถึงอนาคต . . . ทำให้คนเรามองไม่เห็นปัจจุบัน” นักปรัชญาชาวอเมริกันคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตไว้อย่างนี้. คำกล่าวนี้เป็นจริงในกรณีของเด็กที่มัวแต่คิดถึงสิ่งที่เขาจะทำได้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จนมองข้ามผลประโยชน์ของการเป็นเด็กไป และกว่าจะสำนึกได้ก็เลยวัยเด็กไปนานแล้ว.
2 แม้แต่ผู้นมัสการพระยะโฮวาก็อาจคิดแบบนี้ในบางครั้ง. ลองพิจารณาดูว่าอาจเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง. เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นความสำเร็จเป็นจริงตามคำสัญญาของพระเจ้าที่จะทรงฟื้นฟูอุทยานบนแผ่นดินโลก. เราคอยท่าอย่างกระตือรือร้นที่จะมีชีวิตที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ, ความแก่ชรา, ความเจ็บปวด, และความทุกข์ยาก. แม้ว่าการคาดหวังเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จะเป็นอย่างไรหากเราเริ่มคิดมากเกินไปเกี่ยวกับพระพรด้านวัตถุที่จะมีมาในอนาคตจนเรามองไม่เห็นพระพรฝ่ายวิญญาณที่เรามีอยู่แล้วในปัจจุบัน? นั่นคงเป็นเรื่องที่น่าละอายจริง ๆ! เราอาจรู้สึกท้อแท้ได้โดยง่ายและ ‘หัวใจเจ็บป่วยเพราะความคาดหมายของเราถูกเลื่อนไป’ นานกว่าที่เราเคยคาดไว้. (สุภาษิต 13:12, ล.ม.) ปัญหาและความยากลำบากในชีวิตอาจดึงเราเข้าสู่กับดักของความท้อแท้สิ้นหวังหรือสงสารตัวเอง. แทนที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ดี เราอาจเริ่มสร้างนิสัยชอบบ่น. ทั้งหมดนี้อาจเลี่ยงได้โดยที่เราใคร่ครวญถึงพระพรที่เรามีอยู่แล้วในตอนนี้ด้วยความหยั่งรู้ค่า.
3. เราจะสนใจเป็นพิเศษในเรื่องใดในบทความนี้?
3 สุภาษิต 10:22 กล่าวว่า “พระพรของพระยะโฮวากระทำให้เกิดความมั่งคั่ง; และพระองค์จะไม่เพิ่มความทุกข์ยากให้เลย.” สภาพอันรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณของผู้รับใช้พระยะโฮวาในสมัยปัจจุบันถือว่าเป็นพระพรที่น่าชื่นชมมิใช่หรือ? ให้เราพิจารณาด้วยกันถึงแง่มุมบางประการเกี่ยวกับความรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณ ของเราและดูว่านั่นมีความหมายเช่นไรต่อเราเป็นส่วนตัว. การใช้เวลาคิดรำพึงถึงสิ่งดีต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาได้ประทานอย่างบริบูรณ์แก่ “คนชอบธรรมที่ประพฤติตามความสุจริตของตน” จะเสริมความตั้งใจของเราอย่างแท้จริงให้แน่วแน่ยิ่งขึ้นที่จะรับใช้พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ต่อ ๆ ไปด้วยความชื่นชมยินดี.—สุภาษิต 20:7.
‘พระพรที่ทำให้ชีวิตเรามั่งคั่ง’ ในเวลานี้
4, 5. คำสอนอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่คุณเห็นคุณค่าเป็นพิเศษ และเพราะเหตุใด?
4 ความรู้ที่ถูกต้องของคำสอนในคัมภีร์ไบเบิล. ศาสนาต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรโดยทั่วไปอ้างว่าเชื่อคัมภีร์ไบเบิล. อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้เห็นพ้องกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน. บ่อยครั้ง แม้แต่สมาชิกของกลุ่มศาสนาเดียวกันก็ยังมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องที่ว่าพระคัมภีร์สอนอะไรจริง ๆ. สภาพของพวกเขาช่างต่างจากผู้รับใช้พระยะโฮวาสักเพียงไร! ไม่ว่าจะมีพื้นเพมาจากประเทศ, วัฒนธรรม, หรือชาติพันธุ์ใด เรานมัสการพระเจ้าที่เรารู้จักพระนาม. พระองค์ไม่ใช่พระตรีเอกานุภาพที่ลึกลับ. (พระบัญญัติ 6:4; บทเพลงสรรเสริญ 83:18; มาระโก 12:29) เรายังตระหนักด้วยว่าประเด็นที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเกี่ยวกับสากลบรมเดชานุภาพของพระเจ้านั้นถึงกำหนดที่จะได้รับการจัดการให้เรียบร้อยในอีกไม่ช้า และโดยรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระองค์ เราแต่ละคนเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวเป็นส่วนตัว. เราทราบความจริงเกี่ยวกับคนตายและหลุดพ้นจากความหวาดกลัวพระเจ้าที่หลายคนเชื่อกันว่าทรงทรมานมนุษย์ในไฟนรกหรือส่งตัวพวกเขาไปยังแดนชำระ.—ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10.
5 นอกจากนั้น นับเป็นความยินดีจริง ๆ ที่ทราบว่าเราไม่ได้เป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญของวิวัฒนาการที่ไร้เหตุผล. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เราเป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าซึ่งสร้างไว้ตามแบบพระองค์. (เยเนซิศ 1:26, ล.ม.; มาลาคี 2:10) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงถวายแด่พระเจ้าของท่านดังนี้: “ข้าพเจ้าจะขอบพระเดชพระคุณพระองค์เพราะข้าพเจ้าถูกสร้างให้เกิดมาอย่างน่าพึงกลัวและน่าประหลาด. พระราชกิจของพระองค์เป็นที่น่าอัศจรรย์; และจิตต์ใจของข้าพเจ้าทราบความข้อนั้นเป็นอย่างดี.”—บทเพลงสรรเสริญ 139:14.
6, 7. การเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในชีวิตคุณหรือคนอื่น ๆ ที่คุณรู้จักที่นับเป็นพระพร?
6 การหลุดพ้นจากนิสัยและกิจปฏิบัติที่ก่อผลเสียหาย. มีคำเตือนมากมายในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับอันตรายของการสูบบุหรี่, การดื่มจัด, และการสำส่อนทางเพศ. โดยมากแล้ว ผู้คนไม่ใส่ใจคำเตือนเหล่านี้. อย่างไรก็ตาม มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคนที่มีหัวใจสุจริตเรียนรู้ว่าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ตำหนิการกระทำเหล่านั้นและทรงเสียพระทัยเพราะคนที่ทำอย่างนั้น? เขาถูกกระตุ้นให้เลิกทำสิ่งไม่ดีเหล่านั้น! (ยะซายา 63:10; 1 โกรินโธ 6:9, 10; 2 โกรินโธ 7:1; เอเฟโซ 4:30) แม้ว่าเหตุผลในอันดับแรกที่เขาทำอย่างนี้คือเพื่อจะเป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวาพระเจ้า แต่เขาได้รับประโยชน์มากยิ่งกว่านั้นด้วย คือมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีใจสงบ.
7 การเลิกนิสัยไม่ดีเป็นเรื่องยากมากสำหรับหลายคน. กระนั้น แต่ละปีมีหลายหมื่นคนที่เลิกได้. พวกเขาอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาและเสนอตัวเพื่อรับบัพติสมาในน้ำ และโดยวิธีนั้นจึงประกาศให้ผู้อื่นทราบว่าเขาได้ขจัดกิจปฏิบัติที่พระเจ้าไม่พอพระทัยแล้ว. นั่นช่างให้กำลังใจแก่เราทุกคนสักเพียงไร! ความตั้งใจของเราที่จะรักษาตัวให้อยู่ในสภาพที่หลุดพ้นจากการเป็นทาสของการกระทำที่ผิดบาปและก่อความเสียหายจึงได้รับการเสริมให้เข้มแข็ง.
8. คำแนะนำอะไรที่อาศัยหลักในคัมภีร์ไบเบิลช่วยส่งเสริมความสุขในครอบครัว?
8 ชีวิตครอบครัวที่มีความสุข. ในหลายประเทศ ชีวิตครอบครัวอยู่ในสภาพง่อนแง่น. การสมรสจำนวนมากลงเอยด้วยการหย่าร้าง ซึ่งก็มักจะทิ้งรอยแผลเป็นอันเจ็บปวดด้านอารมณ์ไว้กับลูก ๆ. ในบางประเทศที่ยุโรป ครอบครัวที่มีเพียงบิดาหรือมารดามีจำนวนเกือบ ๆ 20 เปอร์เซ็นต์เอเฟโซ 5:22–6:4 และสังเกตดูคำแนะนำดี ๆ ที่พระคำของพระเจ้าให้แก่สามี, ภรรยา, และบุตร. การใช้คำแนะนำที่บอกไว้ที่นั่นและที่อื่น ๆ ในพระคัมภีร์ช่วยได้อย่างแน่นอนในการเสริมความแน่นแฟ้นของสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรส, ช่วยบิดามารดาให้เลี้ยงดูบุตรอย่างเหมาะสม, และช่วยสร้างชีวิตครอบครัวที่มีความสุข. นั่นนับเป็นพระพรอย่างหนึ่งที่น่าจะชื่นชมมิใช่หรือ?
ของครอบครัวทั้งหมด. พระยะโฮวาทรงช่วยเราให้ดำเนินในแนวทางที่ซื่อสัตย์มั่นคงในแง่นี้อย่างไร? โปรดอ่าน9, 10. เรามองอนาคตต่างจากผู้คนทั่วไปในโลกอย่างไร?
9 ความมั่นใจว่าปัญหาต่าง ๆ ในโลกจะได้รับการแก้ไขในอีกไม่ช้า. แม้มีความรู้ความชำนาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประกอบกับความพยายามอย่างจริงใจของผู้นำบางคน ปัญหาร้ายแรงทั้งหลายในชีวิตปัจจุบันก็ยังคงแก้ไม่ได้. เคลาส์ ชวาบ ผู้ก่อตั้งเวทีอภิปรายเศรษฐกิจโลก ให้ข้อสังเกตเมื่อไม่นานนี้ว่า “รายการของปัญหาที่โลกเผชิญนั้นยาวขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นก็สั้นลงเรื่อย ๆ.” เขากล่าวถึง “อันตรายที่ข้ามล้ำเขตแดนชาติ เช่น การก่อการร้าย, การเสื่อมลงของสิ่งแวดล้อม, และความไร้เสถียรภาพทางการเงิน.” ชวาบกล่าวในท้ายที่สุดว่า “ในเวลานี้ ยิ่งกว่าที่แล้ว ๆ มา โลกเผชิญกับข้อเท็จจริงที่ทำให้จำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขและลงมือทำอย่างเด็ดขาด.” ขณะที่ศตวรรษที่ 21 ดำเนินไป อนาคตโดยทั่วไปของมนุษยชาติก็ยังคงมองไม่เห็นความหวัง.
10 ช่างน่ายินดีสักเพียงไรที่ทราบว่าพระยะโฮวาได้ทรงโปรดให้มีการจัดเตรียมอย่างหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างของมนุษยชาติ นั่นคือราชอาณาจักรมาซีฮาของพระเจ้า! โดยทางราชอาณาจักรนี้ พระเจ้าองค์เที่ยงแท้จะ “ทรงยุติสงคราม” และก่อให้เกิด ‘ความสงบสุขอย่างบริบูรณ์.’ (บทเพลงสรรเสริญ 46:9, ล.ม.; 72:7) กษัตริย์ผู้ได้รับการเจิม คือพระเยซูคริสต์ ‘จะช่วยคนขัดสนและคนอนาถาให้พ้นจากการข่มเหงและการร้ายกาจ.’ (บทเพลงสรรเสริญ 72:12-14) ภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักร จะไม่มีการขาดแคลนอาหาร. (บทเพลงสรรเสริญ 72:16) พระยะโฮวา “จะทรงเช็ดน้ำตาทุก ๆ หยดจากตาของ [เรา] ความตายจะไม่มีต่อไป การคร่ำครวญและร้องไห้และการเจ็บปวดอย่างหนึ่งอย่างใดจะไม่มีอีกเลย เพราะเหตุการณ์ที่ได้มีอยู่แต่ดั้งเดิมนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว.” (วิวรณ์ 21:4) ราชอาณาจักรได้รับการสถาปนาแล้วในสวรรค์และอีกไม่ช้าจะลงมือทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างบนแผ่นดินโลก.—ดานิเอล 2:44; วิวรณ์ 11:15.
11, 12. (ก) การแสวงหาความเพลิดเพลินนำความสุขถาวรมาให้ไหม? จงอธิบาย. (ข) อะไรก่อให้เกิดความสุขที่แท้จริง?
11 การทราบว่าอะไรก่อให้เกิดความสุขแท้. อะไรก่อให้เกิดความสุขที่แท้จริง? นักจิตวิทยาคนหนึ่งกล่าวว่า ความสุขมีองค์ประกอบอยู่สามส่วน—ความเพลิดเพลิน, การงาน (การร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ในงานอาชีพและในครอบครัว), และจุดมุ่งหมายอันมีคุณค่า (การทำงานด้วยจุดประสงค์หรือเป้าหมายที่ใหญ่กว่าการทำเพื่อตัวเอง). จากองค์ประกอบทั้งสามนี้ เขาจัดให้ความเพลิดเพลินมีความสำคัญน้อยที่สุดและให้ข้อสังเกตว่า “เรื่องนี้น่าจะมีการนำเสนอในข่าว เพราะผู้คนมากมายดำเนินชีวิตของตนโดยมุ่งแสวงหาความเพลิดเพลิน.” ทัศนะของคัมภีร์ไบเบิลเป็นเช่นไรในเรื่องนี้?
12 กษัตริย์ซะโลโมแห่งอิสราเอลโบราณกล่าวไว้ว่า “ข้าฯ ได้กล่าวกับตัวข้าฯ เองว่า, มาเถอะ, เราจะเอาการสนุกสนานมาลองกันดูก็ได้; เอ้า, เจ้าจงสนุกให้สบายใจ: และนี่แน่ะ, การนี้ก็เป็นอนิจจังด้วย. ข้าฯ ได้กล่าวถึงการหัวเราะว่า, เป็นความโฉดเขลา, และกล่าวถึงความสนุกว่า, มันทำอะไรให้ได้บ้าง?” (ท่านผู้ประกาศ 2:1, 2) ตามที่พระคัมภีร์บอกไว้ ไม่ว่าความเพลิดเพลินจะนำความสุขเช่นไรมาให้ อย่างดีที่สุดก็เป็นเพียงความสุขชั่วครู่ชั่วยาม. จะว่าอย่างไรสำหรับการทำงาน? เรามีงานที่มีความหมายที่สุดที่จะทำ ได้ คืองานประกาศเรื่องราชอาณาจักรและงานทำให้คนเป็นสาวก. (มัดธาย 24:14; 28:19, 20) โดยบอกข่าวสารเรื่องความรอดที่มีอธิบายในคัมภีร์ไบเบิลแก่คนอื่น ๆ เราร่วมในงานที่อาจยังผลเป็นความรอดสำหรับเราเองและคนที่ฟังเรา. (1 ติโมเธียว 4:16) ในฐานะ “ผู้ร่วมทำการด้วยกันกับพระเจ้า” เราพบว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ.” (1 โกรินโธ 3:9; กิจการ 20:35) งานนี้ทำให้ชีวิตเรามีความหมายยิ่งขึ้นและทำให้พระผู้สร้างทรงมีคำตอบสำหรับซาตานพญามาร ผู้เยาะเย้ยพระองค์. (สุภาษิต 27:11) จริงทีเดียว พระยะโฮวาทรงแสดงให้เราเห็นแล้วว่าความเลื่อมใสในพระเจ้านำมาซึ่งความสุขที่แท้จริงและถาวร.—1 ติโมเธียว 4:8.
13. (ก) โรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้าเป็นพระพรอย่างหนึ่งที่ทำให้เราชื่นชมยินดีในทางใด? (ข) คุณได้รับประโยชน์อย่างไรจากโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า?
13 แผนการฝึกอบรมที่สำคัญและมีประสิทธิภาพ. เกร์ฮาร์ดรับใช้เป็นผู้ปกครองในประชาคมแห่งหนึ่งของพยานพระยะโฮวา. เขาเล่าความหลังเมื่อครั้งยังหนุ่มว่า “ตอนที่ผมอายุยังน้อย ผมมีปัญหาอย่างมากในเรื่องการพูด. เมื่ออยู่ในสภาพที่กดดัน ผมแทบจะพูดให้ชัดถ้อยชัดคำไม่ได้เลยและจะเริ่มพูดติดอ่าง. ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าและในที่สุดเรื่องนี้ก็กลายเป็นปมด้อยของผม. พ่อกับแม่พาผมไปเข้าเรียนหลักสูตรการพูด แต่ความพยายามดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น. ปัญหาของผมเป็นทางด้านจิตใจ ไม่ใช่ทางกาย. อย่างไรก็ตาม มีการจัดเตรียมที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งจากพระยะโฮวา คือโรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า. การสมัครเข้าโรงเรียนนี้ช่วยให้ผมมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง. ผมพยายามอย่างดีที่สุดที่จะฝึกฝนสิ่งที่ได้เรียนรู้. และปรากฏว่าได้ผล! ผมเริ่มพูดคล่องขึ้น, ปมด้อยค่อย ๆ หายไป, และเริ่มมีความกล้ามากขึ้นในงานรับใช้. ตอนนี้ ผมถึงกับบรรยายสาธารณะได้ด้วยซ้ำ. ผมรู้สึกขอบคุณพระยะโฮวาอย่างแท้จริงที่ประทานชีวิตใหม่ให้ผมโดยทางโรงเรียนนี้.” วิธีที่พระยะโฮวาฝึกอบรมเราให้ทำงานของพระองค์เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่จะชื่นชมยินดีมิใช่หรือ?
14, 15. ในช่วงเวลาที่เป็นทุกข์เดือดร้อน ความช่วยเหลืออะไรที่มีอยู่พร้อม? จงยกตัวอย่าง.
14 สัมพันธภาพเป็นส่วนตัวกับพระยะโฮวาและการสนับสนุนจากภราดรภาพที่เป็นเอกภาพในระดับนานาชาติ. คัตริน ซึ่งอยู่ที่ประเทศเยอรมนี วิตกกังวลอย่างยิ่งเมื่อได้ยินรายงานข่าวว่าเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงซึ่งทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. ลูกสาวของเธอกำลังเที่ยวอยู่ที่ประเทศไทยเมื่อภัยพิบัตินี้เกิดขึ้น. เป็นเวลานานถึง 32 ชั่วโมงที่คุณแม่ผู้นี้ไม่ทราบเลยว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่หรือว่าอยู่ในหมู่ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุก ๆ ชั่วโมง. แต่ในที่สุดคัตรินก็โล่งใจเมื่อได้รับโทรศัพท์ที่ทำให้มั่นใจว่าลูกสาวเธอปลอดภัย!
15 อะไรช่วยคัตรินในช่วงเวลาที่กระวนกระวายใจนี้? เธอเขียนมาเล่าว่า “ดิฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอธิษฐานถึงพระยะโฮวา. ดิฉันสังเกตหลายต่อหลายครั้งว่าการอธิษฐานทำให้ดิฉันเข้มแข็งและสงบใจได้มากทีเดียว. นอกจากนั้นแล้ว พี่น้องฝ่ายวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความรักได้มาเยี่ยมและคอยปลอบใจดิฉัน.” (ฟิลิปปอย 4:6, 7) สภาพการณ์ของเธอคงเลวร้ายกว่านี้สักเพียงไรหากเธอต้องผ่านช่วงเวลาที่เป็นทุกข์ร้อนใจนี้โดยไม่ได้รับประโยชน์จากการอธิษฐานถึงพระยะโฮวาและการปลอบโยนจากพี่น้องฝ่ายวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความรัก! สายสัมพันธ์อันใกล้ชิดของเรากับพระยะโฮวาและพระบุตรรวมทั้งการคบหาสมาคม อย่างใกล้ชิดกับสังคมพี่น้องคริสเตียนนับเป็นพระพรที่ไม่มีอะไรเหมือน มีค่าอย่างยิ่งจนเราไม่ควรถือเป็นเรื่องธรรมดา!
16. จงเล่าประสบการณ์ที่แสดงถึงคุณค่าของความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย.
16 ความหวังที่จะได้เห็นผู้เป็นที่รักที่เสียชีวิตไปอีกครั้งหนึ่ง. (โยฮัน 5:28, 29) ชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อมัตเทียส เติบโตในครอบครัวพยานพระยะโฮวา. แต่เพราะไม่ตระหนักถึงพระพรที่เขามี เขาลอยห่างออกจากประชาคมคริสเตียนเมื่อเข้าสู่ช่วงที่เป็นวัยรุ่น. ตอนนี้ เขาเขียนมาเล่าว่า “ผมไม่เคยคุยกันกับพ่ออย่างลึกซึ้งเลย. ตลอดหลายปี ผมเถียงกับพ่อหลายครั้ง. ถึงจะอย่างนั้น พ่ออยากให้ผมได้ดีเสมอ. ท่านรักผมมาก แต่ผมไม่ตระหนักในตอนนั้น. ในปี 1996 ขณะที่ผมนั่งอยู่ข้างเตียงพ่อ จับมือท่านไว้และร้องไห้ด้วยความสำนึกผิด ผมบอกท่านว่าผมเสียใจมากเพียงไรในสิ่งที่ได้ทำไปทั้งหมดนั้นและบอกว่าผมรักท่านมาก. แต่ท่านไม่ได้ยินแล้ว. หลังจากป่วยได้ไม่นาน ท่านก็เสียชีวิต. หากว่าผมมีชีวิตจนได้พบกับพ่อเมื่อท่านถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย เราจะได้ชดเชยสิ่งที่พลาดไปในอดีต. และท่านจะมีความสุขอย่างแน่นอนที่ได้ทราบว่าตอนนี้ผมรับใช้เป็นผู้ปกครอง และผมกับภรรยาได้รับสิทธิพิเศษรับใช้ในฐานะไพโอเนียร์.” ความหวังที่จะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายช่างเป็นพระพรจริง ๆ สำหรับเรา!
“พระองค์จะไม่เพิ่มความทุกข์ยากให้เลย”
17. การใคร่ครวญถึงพระพรที่มาจากพระยะโฮวาน่าจะก่อผลเช่นไรต่อเรา?
17 พระเยซูคริสต์ตรัสถึงพระบิดาของพระองค์ผู้อยู่ในสวรรค์ว่า “พระองค์ทรงบันดาลให้ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่ว และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม.” (มัดธาย 5:45) หากพระยะโฮวาพระเจ้าประทานพรแม้กระทั่งแก่คนไม่ชอบธรรมและคนชั่ว พระองค์ย่อมประทานพรมากกว่านั้นสักเท่าใดแก่คนที่ดำเนินในแนวทางที่ซื่อสัตย์มั่นคง! บทเพลงสรรเสริญ 84:11 กล่าวว่า “พระองค์จะไม่ทรงกีดกันของดีไว้จากเหล่าคนที่ประพฤติในทางซื่อตรงเลย.” เมื่อเราใคร่ครวญถึงการดูแลเป็นพิเศษและความเป็นห่วงที่พระองค์ได้แสดงต่อผู้ที่รักพระองค์ หัวใจเราพองโตด้วยความหยั่งรู้ค่าและความยินดีสักเพียงไร!
18. (ก) อาจกล่าวได้อย่างไรว่าพระพรของพระยะโฮวาไม่เพิ่มความทุกข์ยากให้เลย? (ข) เหตุใดหลายคนที่ภักดีต่อพระเจ้าจึงต้องทนทุกข์?
18 “พระพรของพระยะโฮวา” คือสิ่งที่นำความรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณมาสู่ประชาชนของพระองค์. และเรามั่นใจว่า “พระองค์จะไม่เพิ่มความทุกข์ยากให้เลย.” (สุภาษิต 10:22) ถ้าอย่างนั้น เหตุใดผู้ที่ภักดีต่อพระเจ้าหลายคนจึงถูกทดสอบและทดลองซึ่งทำให้พวกเขาประสบความทุกข์ยากเจ็บปวดมากมาย? มีเหตุผลอยู่สามประการที่ความลำบากและความทุกข์เกิดขึ้นกับเรา. (1) แนวโน้มที่ผิดบาปของตัวเราเอง. (เยเนซิศ 6:5; 8:21; ยาโกโบ 1:14, 15) (2) ซาตานและพวกผีปิศาจ. (เอเฟโซ 6:11, 12) (3) โลกชั่ว. (โยฮัน 15:19) แม้ว่าพระยะโฮวาทรงยอมให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับเรา แต่พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่ก่อให้เกิดสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น. ที่จริง “ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาแต่เบื้องบน, และลงมาจากพระบิดาผู้ทรงบันดาลให้มีดวงสว่าง.” (ยาโกโบ 1:17) พระพรของพระยะโฮวานั้นไม่ทำให้เจ็บปวดเลย.
19. อะไรคอยอยู่สำหรับคนที่ดำเนินอย่างซื่อสัตย์ภักดีต่อ ๆ ไป?
19 ความรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณเกี่ยวข้องเสมอกับการเข้าใกล้พระเจ้า. เมื่อเราพัฒนาสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระองค์ เรา ‘สะสมไว้เป็นรากอันดีสำหรับตัวเราเองเผื่อเวลาข้างหน้า, เพื่อเราจะได้ยึดเอาชีวิตซึ่งเป็นชีวิตจริง ๆ นั้น’ ซึ่งก็คือชีวิตนิรันดร์. (1 ติโมเธียว 6:12, 17-19) ในโลกใหม่ของพระเจ้าในอนาคต เราจะมั่งคั่งทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายกาย. ถึงตอนนั้น ชีวิตแท้จะเป็นของทุกคนที่ “เชื่อฟังถ้อยคำพระยะโฮวาพระเจ้า” อยู่เสมอ. (พระบัญญัติ 28:2) ด้วยความตั้งใจที่ได้รับการเสริมให้แน่วแน่ยิ่งขึ้น ให้เราดำเนินอย่างซื่อสัตย์ภักดีต่อ ๆ ไปด้วยความชื่นชมยินดี.
คุณได้เรียนรู้อะไร?
• เหตุใดจึงไม่ฉลาดสุขุมที่จะคิดมากเกินไปถึงเรื่องอนาคต?
• เราได้รับพระพรอะไรบ้างในเวลานี้?
• เหตุใดผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าจึงต้องทนทุกข์?
[คำถาม]