ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

พบความพอใจยินดีโดยการใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิล

พบความพอใจยินดีโดยการใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิล

พบ​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​โดย​การ​ใช้​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล

ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า​คุณ​คง​เคย​เห็น​แมว​ที่​นอน​บิด​ตัว​พร้อม​กับ​ส่ง​เสียง​คราง​อย่าง​มี​ความ​สุข. นั่น​เป็น​ภาพ​ที่​บ่ง​บอก​ถึง​ความ​พึง​พอ​ใจ​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด. คง​จะ​ดี​สัก​เพียง​ไร​ถ้า​เรา​ได้​นอน​บิด​ตัว​เหมือน​แมว​และ​รู้สึก​พึง​พอ​ใจ​แบบ​นั้น​บ้าง! แต่​สำหรับ​หลาย​คน​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​เป็น​สิ่ง​ที่​หา​ได้​ยาก​และ​มี​อยู่​เพียง​ประเดี๋ยวประด๋าว. ทำไม​จึง​เป็น​เช่น​นั้น?

เนื่อง​จาก​คน​เรา​มัก​ทำ​ผิด​พลาด​เนื่อง​จาก​เรา​ไม่​ใช่​มนุษย์​สมบูรณ์ และ​เรา​ต้อง​ทน​กับ​ข้อ​บกพร่อง​ของ​คน​อื่น​ด้วย. นอก​จาก​นั้น เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​เวลา​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​เรียก​ว่า “สมัย​สุด​ท้าย” ซึ่ง​มี “วิกฤตกาล​ซึ่ง​ยาก​ที่​จะ​รับมือ​ได้” เป็น​ลักษณะ​สำคัญ. (2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.) แม้​เรา​จะ​มี​ความ​ทรง​จำ​ใน​วัย​เด็ก​ที่​ทำ​ให้​พอ​ใจ​ยินดี​อยู่​บ้าง แต่​พวก​เรา​ส่วน​ใหญ่​ใน​ทุก​วัน​นี้​ประสบ​กับ​ความ​กดดัน​อย่าง​หนัก​เนื่อง​จาก “วิกฤตกาล” ที่​ว่า​นี้. เป็น​ไป​ได้​ไหม​ที่​จะ​พบ​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​ใน​ยุค​สมัย​ของ​เรา?

ขอ​ให้​สังเกต​ว่า พระ​คัมภีร์​กล่าว​ว่า​วิกฤตกาล​เหล่า​นี้​จะ​ยาก ที่​จะ​รับมือ​ได้ ไม่​ได้​บอก​ว่า​เป็น​ไป​ไม่​ได้ ที่​จะ​รับมือ. เรา​สามารถ​รับมือ​กับ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ได้​โดย​นำ​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​ใช้. เรา​ไม่​อาจ​จะ​แก้​ปัญหา​ต่าง ๆ ของ​เรา​ได้​เสมอ​ไป แต่​เรา​จะ​พบ​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​ใน​ระดับ​หนึ่ง. ให้​เรา​พิจารณา​หลักการ​สาม​ข้อ​ที่​ช่วย​ได้.

มอง​ตัว​เอง​ตาม​ความ​เป็น​จริง​เสมอ

เพื่อ​จะ​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี เรา​ต้อง​มอง​ดู​ข้อ​จำกัด​ของ​ตัว​เอง​และ​ของ​คน​อื่น​อย่าง​ที่​ตรง​กับ​ความ​เป็น​จริง​เสมอ. ใน​จดหมาย​ที่​อัครสาวก​เปาโล​เขียน​ไป​ถึง​ชาว​โรมัน ท่าน​ชี้​ว่า “คน​ทั้ง​ปวง​ได้​ทำ​บาป​และ​ขาด​ไป​จาก​สง่า​ราศี​ของ​พระเจ้า.” (โรม 3:23, ล.ม.) มี​หลาย​แง่​มุม​เกี่ยว​กับ​สง่า​ราศี​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​เรา​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ได้. ตัว​อย่าง​หนึ่ง​ได้​แก่​ข้อ​เท็จ​จริง​ง่าย ๆ ซึ่ง​กล่าว​ไว้​ใน​เยเนซิศ 1:31 ที่​ว่า “พระเจ้า​ทอด​พระ​เนตร​ดู​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​ที่​พระองค์​ทรง​สร้าง​ไว้​นั้น​เห็น​ว่า​ดี​นัก.” เมื่อ​ไร​ก็​ตาม​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ประสงค์​จะ​ระลึก​ถึง​สิ่ง​ที่​ทรง​ทำ​ไป​แล้ว พระองค์​ทรง​สามารถ​ตรัส​ได้​ทุก​ครั้ง​ว่า “ดี​นัก.” ไม่​มี​มนุษย์​คน​ใด​สามารถ​อ้าง​ได้​ว่า​ทุก​สิ่ง​ที่​เขา​ทำ​ดี​ทั้ง​นั้น. การ​ยอม​รับ​ขีด​จำกัด​ของ​ตน​เอง​เป็น​ขั้น​ตอน​แรก​ที่​จะ​นำ​ไป​สู่​ความ​พอ​ใจ​ยินดี. แต่​ก็​มี​อะไร​มาก​กว่า​นั้น​อีก. เรา​จำ​ต้อง​เข้าใจ​และ​ยอม​รับ​ทัศนะ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​เรื่อง​ต่าง ๆ ด้วย.

คำ​ภาษา​กรีก​ที่​ได้​รับ​การ​แปล​ว่า “บาป” มา​จาก​รากศัพท์​ที่​มี​ความ​หมาย​ว่า “พลาด​เป้า.” เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง ขอ​ให้​นึก​ภาพ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​หวัง​จะ​ได้​รางวัล​จาก​การ​ยิง​ธนู​ให้​ถูก​เป้า. เขา​มี​ลูก​ธนู​อยู่​สาม​ดอก. เขา​ยิง​ดอก​แรก​และ​พลาด​เป้า​ไป​เป็น​เมตร. ดอก​ที่​สอง​เขา​เล็ง​ให้​ดี​ขึ้น แต่​ก็​ยัง​พลาด​เป้า​ไป​หนึ่ง​ฟุต. เขา​รวบ​รวม​สมาธิ​เต็ม​ที่ ยิง​ลูก​ธนู​ดอก​สุด​ท้าย​ออก​ไป​และ​พลาด​เป้า​ไป​เพียง​นิ้ว​เดียว. มัน​ใกล้​เป้า​มาก​จริง ๆ แต่​ก็​ยัง​ถือ​ว่า​พลาด​อยู่​ดี.

เรา​ทุก​คน​ก็​เป็น​เหมือน​กับ​ผู้​ยิง​ธนู​ที่​ผิด​หวัง​คน​นั้น. บาง​คราว​ดู​เหมือน​ว่า​เรา​จะ “พลาด​เป้า” ไป​มาก. บาง​ครั้ง​เรา​ยิง​เกือบ​จะ​เข้า​เป้า​แต่​ก็​ยัง​พลาด​ไป. เรา​ข้องขัดใจ​เพราะ​เรา​ได้​พยายาม​มาก​แล้ว​แต่​ก็​ยัง​ไม่​ดี​พอ. ตอน​นี้​ให้​เรา​คิด​ถึง​ผู้​ยิง​ธนู​คน​นั้น​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

เขา​หัน​หลัง​เดิน​จาก​ไป​ช้า ๆ ผิด​หวัง​อย่าง​รุนแรง​เพราะ​เขา​อยาก​ได้​รางวัล​นั้น​จริง ๆ. ทันใด​นั้น ผู้​ดู​แล​การ​แข่งขัน​ก็​เรียก​เขา​กลับ​มา​แล้ว​ยื่น​รางวัล​ให้ พร้อม​กับ​พูด​ว่า “ผม​ต้องการ​มอบ​รางวัล​นี้​ให้​คุณ​เพราะ​ผม​ชอบ​คุณ และ​ผม​เห็น​ว่า​คุณ​ได้​พยายาม​มาก​เหลือ​เกิน.” ผู้​ยิง​ธนู​คน​นั้น​รู้สึก​ปีติ​ยินดี​อย่าง​เหลือ​ล้น!

ปีติ​ยินดี​อย่าง​เหลือ​ล้น! ทุก​คน​ที่​ได้​รับ “ของ​ประทาน” แห่ง​ชีวิต​นิรันดร์​ใน​สภาพ​มนุษย์​สมบูรณ์​จาก​พระเจ้า​จะ​รู้สึก​เช่น​นั้น. (โรม 6:23) หลัง​จาก​นั้น ทุก​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​ทำ​จะ​เป็น​สิ่ง​ดี​ทั้ง​สิ้น พวก​เขา​จะ​ไม่​พลาด​เป้า​อีก​ต่อ​ไป. พวก​เขา​จะ​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​อย่าง​เต็ม​ที่. ใน​เวลา​นี้ ถ้า​เรา​รักษา​ทัศนะ​เช่น​นี้​ไว้​เสมอ เรา​จะ​มี​ความ​รู้สึก​ที่​ดี​ขึ้น​ต่อ​ตัว​เอง​และ​ต่อ​คน​รอบ​ข้าง.

สำนึก​ว่า​ทุก​สิ่ง​ต้อง​ใช้​เวลา

เป็น​ความ​จริง​ที่​ว่า​ทุก​สิ่ง​ต้อง​ใช้​เวลา. แต่​คุณ​เคย​สังเกต​ไหม​ว่า​เป็น​เรื่อง​ยาก​เพียง​ไร​ที่​จะ​รักษา​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​เอา​ไว้​เมื่อ​ต้อง​รอ​คอย​อะไร​บาง​อย่าง​นาน​กว่า​ที่​คิด หรือ​เมื่อ​เหตุ​การณ์​ที่​ไม่​น่า​ยินดี​ดู​เหมือน​ยืดเยื้อ​นาน​กว่า​ที่​คาด​ไว้? กระนั้น บาง​คน​สามารถ​รักษา​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​ไว้​ได้​ใน​สถานการณ์​เช่น​นั้น. ขอ​ให้​นึก​ถึง​ตัว​อย่าง​ของ​พระ​เยซู.

ก่อน​จะ​เสด็จ​มา​ยัง​โลก พระ​เยซู​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์​และ​ทรง​เป็น​แบบ​อย่าง​ที่​ยอด​เยี่ยม​ใน​เรื่อง​การ​เชื่อ​ฟัง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม บน​โลก​นี่​เอง​ที่​พระองค์ “ได้​ทรง​เรียน​รู้​การ​เชื่อ​ฟัง.” โดย​วิธี​ใด? ก็​โดย​เรียน “จาก​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​พระองค์​ทน​เอา.” ก่อน​หน้า​นั้น พระองค์​ทรง​เคย​เห็น​ความ​ทุกข์​ยาก แต่​ไม่​เคย​ประสบ​ด้วย​พระองค์​เอง. เมื่อ​พระองค์​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง ตั้ง​แต่​ที่​ทรง​รับ​บัพติสมา​ที่​แม่น้ำ​จอร์แดน​จน​กระทั่ง​สิ้น​พระ​ชนม์​ที่​โกลโกทา พระองค์​ได้​ประสบ​ความ​ทุกข์​ลำบาก​มาก​มาย. เรา​ไม่​ทราบ​ราย​ละเอียด​ทุก​อย่าง​ว่า​ใน​เรื่อง​นี้​พระ​เยซู​ทรง “ถูก​ทำ​ให้​สมบูรณ์” โดย​วิธี​ใด แต่​เรา​ทราบ​ว่า​การ​เรียน​รู้​เป็น​กระบวนการ​ที่​ต้อง​ใช้​เวลา.—เฮ็บราย 5:8, 9, ล.ม.

พระ​เยซู​ทรง​ประสบ​ความ​สำเร็จ​เนื่อง​จาก​พระองค์​ทรง​ใคร่ครวญ​ถึง “ความ​ยินดี​ที่​มี​อยู่​ตรง​หน้า” ซึ่ง​เป็น​รางวัล​สำหรับ​ความ​ซื่อ​สัตย์​ของ​พระองค์. (เฮ็บราย 12:2) อย่าง​ไร​ก็​ตาม มี​บาง​ครั้ง​ที่​พระองค์ “ได้​ถวาย​คำ​วิงวอน​และ​คำ​ขอ​ร้อง​ด้วย​เสียง​ดัง​และ​น้ำ​พระ​เนตร​ไหล.” (เฮ็บราย 5:7, ล.ม.) บาง​ครั้ง​เรา​เอง​ก็​อาจ​อธิษฐาน​ทั้ง​น้ำตา​อย่าง​นั้น​เช่น​กัน. พระ​ยะโฮวา​ทรง​มอง​ดู​เรื่อง​นี้​อย่าง​ไร? ข้อ​คัมภีร์​เดียว​กัน​นี้​แสดง​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​สดับ​คำ​อธิษฐาน​ของ​พระ​เยซู “ด้วย​ความ​พอ​พระทัย.” พระเจ้า​จะ​ทรง​ทำ​เช่น​นั้น​กับ​เรา​ด้วย. เพราะ​เหตุ​ใด?

เพราะ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทราบ​ขีด​จำกัด​ของ​เรา และ​พระองค์​ทรง​ช่วย​เรา. ความ​อด​ทน​ของ​ทุก​คน​มี​ขีด​จำกัด. ใน​เบนิน ทวีป​แอฟริกา มี​คำ​กล่าว​ว่า “น้ำ​ที่​มาก​เกิน​ไป​ทำ​ให้​แม้​แต่​กบ​จม​ได้​ใน​ที่​สุด.” พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทราบ​ดี​ยิ่ง​กว่า​ตัว​เรา​เอง​ว่า​เมื่อ​ไร​ที่​เรา​ใกล้​ถึง​ขีด​ที่​ทน​ไม่​ได้. ด้วย​ความ​รัก พระองค์​ทรง​จัด​เตรียม “ความ​เมตตา​และ . . . พระ​กรุณา​อัน​ไม่​พึง​ได้​รับ​เพื่อ​ช่วย​ใน​เวลา​อัน​เหมาะ.” (เฮ็บราย 4:16, ล.ม.) พระองค์​ได้​ทรง​ทำ​เช่น​นั้น​เพื่อ​พระ​เยซู และ​พระองค์​ทรง​ทำ​เช่น​เดียว​กัน​เพื่อ​คน​อื่น ๆ มา​แล้ว​นับ​ไม่​ถ้วน. ขอ​ให้​พิจารณา​ว่า​โมนิกา​ได้​รับ​การ​ช่วยเหลือ​จาก​พระเจ้า​อย่าง​ไร​บ้าง.

โมนิกา​เติบโต​ขึ้น​มา​เป็น​คน​ร่าเริง​แจ่ม​ใส ชีวิต​ของ​เธอ​แทบ​ไม่​มี​อะไร​ให้​กังวล. ใน​ปี 1968 ขณะ​ที่​ยัง​อยู่​ใน​วัย​ยี่​สิบ​ต้น ๆ เธอ​ต้อง​ตกใจ​สุด​ขีด​เมื่อ​ได้​รู้​ว่า​ตน​เอง​เป็น​โรค​ปลอก​ประสาท​เสื่อม​แข็ง ซึ่ง​โดย​ปกติ​แล้ว​โรค​นี้​จะ​ทำ​ให้​ร่าง​กาย​บาง​ส่วน​เป็น​อัมพาต. ชีวิต​ของ​เธอ​เปลี่ยน​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​และ​เธอ​ต้อง​ปรับ​เปลี่ยน​ขนาน​ใหญ่​ใน​หลาย​ด้าน​เกี่ยว​กับ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ที่​ทำ​อยู่. โมนิกา​รู้​ดี​ว่า​โรค​ที่​เธอ​เป็น​จะ​ต้อง​ใช้​เวลา​นาน​ใน​การ​รักษา. สิบ​หก​ปี​ต่อ​มา เธอ​กล่าว​ว่า “โรค​ของ​ดิฉัน​ยัง​คง​ไม่​มี​ทาง​รักษา​และ​คง​จะ​เป็น​เช่น​นี้​เรื่อย​ไป​จน​กว่า​ระบบ​ใหม่​ของ​พระเจ้า​จะ​เปลี่ยน​ทุก​สิ่ง​เสีย​ใหม่.” เธอ​ยอม​รับ​ว่า​มัน​ไม่​ง่าย​เลย “ถึง​แม้​พวก​เพื่อน ๆ จะ​บอก​ว่า​ดิฉัน​ยัง​เป็น​คน​ร่าเริง​และ​มอง​โลก​ใน​แง่​ดี​เหมือน​เดิม . . . แต่​เพื่อน​ที่​สนิท​ที่​สุด​จะ​รู้​ว่า​บาง​ครั้ง​ดิฉัน​ก็​ร้องไห้​มาก​เหมือน​กัน.”

อย่าง​ไร​ก็​ตาม เธอ​ให้​ข้อ​สังเกต​ว่า “ดิฉัน​ได้​เรียน​รู้​ที่​จะ​อด​ทน​และ​มี​ความ​สุข​กับ​สัญญาณ​เพียง​เล็ก​น้อย​ที่​แสดง​ว่า​สุขภาพ​ของ​ดิฉัน​ดี​ขึ้น. สัมพันธภาพ​ส่วน​ตัว​ระหว่าง​ดิฉัน​กับ​พระ​ยะโฮวา​แน่นแฟ้น​ยิ่ง​ขึ้น​เมื่อ​ดิฉัน​ได้​มอง​เห็น​ว่า​มนุษย์​ช่าง​ไร้​ความ​สามารถ​ที่​จะ​ช่วย​ดิฉัน​ต่อ​สู้​กับ​โรค​ภัย. มี​เพียง​พระ​ยะโฮวา​เท่า​นั้น​ที่​สามารถ​ให้​การ​เยียว​ยา​รักษา​ได้​อย่าง​แท้​จริง.” ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา โมนิกา​ยัง​คง​รักษา​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​เอา​ไว้​ได้​และ​เดี๋ยว​นี้​เธอ​สามารถ​หวน​ระลึก​ถึง​เวลา​นาน​กว่า 40 ปี​ที่​เธอ​ได้​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา.

ต้อง​ยอม​รับ​ว่า สถานการณ์​อย่าง​ที่​โมนิกา​เผชิญ​อยู่​นั้น​รับมือ​ไม่​ได้​ง่าย ๆ. แต่​มี​สิ่ง​หนึ่ง​ที่​แน่นอน นั่น​คือ คุณ​จะ​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​มาก​ขึ้น​ถ้า​คุณ​ตระหนัก​ว่า​บาง​สิ่ง​อาจ​ต้อง​ใช้​เวลา​มาก​กว่า​ที่​คุณ​คิด. เช่น​เดียว​กับ​โมนิกา คุณ​ก็​สามารถ​มั่น​ใจ​ได้​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ทรง “ช่วย​ใน​เวลา​อัน​เหมาะ.”

อย่า​เปรียบ​เทียบ—ตั้ง​เป้า​ที่​สม​เหตุ​สม​ผล

คุณ​คือ​ปัจเจกบุคคล​ที่​มี​ลักษณะ​เฉพาะ​ตัว. ไม่​มี​ใคร​ที่​จะ​เหมือน​คุณ​ทุก​อย่าง. ภาษิต​ภาษา​กัน​ใน​แอฟริกา​แสดง​ข้อ​เท็จ​จริง​นี้​อย่าง​ง่าย ๆ ดัง​นี้: “นิ้ว​ทุก​นิ้ว​ย่อม​ยาว​ไม่​เท่า​กัน.” คง​เป็น​เรื่อง​โง่​เขลา​หาก​จะ​เปรียบ​เทียบ​นิ้ว​หนึ่ง​กับ​อีก​นิ้ว​หนึ่ง. คุณ​คง​ไม่​ต้องการ​ให้​พระ​ยะโฮวา​เปรียบ​เทียบ​คุณ​กับ​คน​อื่น และ​พระองค์​ก็​ไม่​มี​วัน​ทำ​เช่น​นั้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ใน​ท่ามกลาง​มนุษย์ แนว​โน้ม​ที่​จะ​เปรียบ​เทียบ​มี​อยู่​แพร่​หลาย​และ​สิ่ง​นี้​อาจ​บั่น​ทอน​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​ของ​คน​เรา​ได้. ขอ​ให้​สังเกต​ว่า​พระ​เยซู​ทรง​แสดง​ให้​เห็น​เรื่อง​นี้​อย่าง​น่า​ประทับใจ​อย่าง​ไร ขณะ​ที่​เรา​อ่าน​มัดธาย 20:1-16.

พระ​เยซู​ตรัส​เกี่ยว​กับ “เจ้าของ​สวน” ที่​ต้องการ​คน​มา​ทำ​งาน​ใน​สวน​องุ่น​ของ​เขา. เขา​พบ​คน​ว่าง​งาน​กลุ่ม​หนึ่ง​จึง​ได้​จ้าง​คน​เหล่า​นั้น​ตั้ง​แต่ “เวลา​เช้า” ซึ่ง​คง​จะ​เป็น​เวลา 6 โมง​เช้า. พวก​เขา​ตก​ลง​จะ​รับ​ค่า​แรง​ปกติ​สำหรับ​หนึ่ง​วัน​ใน​สมัย​นั้น คือ​หนึ่ง​เดนาริอน​สำหรับ​หนึ่ง​วัน​ทำ​งาน​ที่​นาน 12 ชั่วโมง. ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า​คน​เหล่า​นี้​คง​ต้อง​ดีใจ​ที่​ได้​งาน​ทำ​และ​ยัง​เป็น​งาน​ที่​ได้​ค่า​แรง​อัตรา​ปกติ. ต่อ​มา เจ้าของ​สวน​ก็​พบ​คน​ว่าง​งาน​กลุ่ม​อื่น ๆ และ​จ้าง​มา​ทำ​งาน​ตอน​เก้า​โมง​เช้า, เที่ยง​วัน, บ่าย​สาม​โมง, และ​แม้​แต่​ตอน​ห้า​โมง​เย็น​ด้วย​ซ้ำ. พวก​ที่​มา​ที​หลัง​นี้​ไม่​มี​กลุ่ม​ไหน​ทำ​งาน​เต็ม​วัน. เจ้าของ​สวน​สัญญา​กับ​พวก​เขา​ว่า​จะ​ให้​ค่า​จ้าง “ตาม​ที่​ถูก​ต้อง” ซึ่ง​พวก​เขา​ก็​ตก​ลง.

เมื่อ​สิ้น​สุด​วัน เจ้าของ​สวน​ก็​สั่ง​ให้​เจ้า​พนักงาน​จ่าย​ค่า​จ้าง. เขา​บอก​ให้​เรียก​คน​งาน​มา​และ​จ่าย​เงิน​ให้​พวก​ที่​จ้าง​มา​หลัง​สุด​ก่อน. คน​กลุ่ม​นี้​ทำ​งาน​ไป​เพียง​ชั่วโมง​เดียว แต่​น่า​แปลก​ที่​พวก​เขา​ได้​รับ​ค่า​จ้าง​เต็ม​วัน. เรา​นึก​ภาพ​ออก​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็น​ประเด็น​ที่​ทำ​ให้​เกิด​การ​ถกเถียง​กัน. คน​งาน​ที่​ได้​ทำ​งาน​ครบ 12 ชั่วโมง​ก็​ลง​ความ​เห็น​ว่า​พวก​เขา​คง​จะ​ได้​ค่า​แรง​เพิ่ม​ตาม​ส่วน. แต่​พวก​เขา​ก็​ได้​ค่า​แรง​เท่า​กัน.

พวก​เขา​มี​ปฏิกิริยา​อย่าง​ไร? “เมื่อ​เขา​รับ​เงิน​ไป​แล้ว​ก็​บ่น​ต่อ​ว่า​เจ้าของ​สวน, ว่า, ‘พวก​ที่​มา​สุด​ท้าย​ได้​ทำ​การ​ชั่วโมง​เดียว, และ​ท่าน​ได้​ให้​ค่า​จ้าง​แก่​เขา​เท่า​กัน​กับ​พวก​เรา​ที่​ทำ​การ​ตรากตรำ​กลาง​แดด​ตลอด​วัน.’”

แต่​เจ้าของ​สวน​ไม่​ได้​มอง​แบบ​เดียว​กัน. เจ้าของ​สวน​ชี้​แจง​ว่า​พวก​เขา​ได้​รับ​ตาม​ที่​ตก​ลง​ไว้ ไม่​ได้​น้อย​ไป​กว่า​นั้น​เลย. ส่วน​กลุ่ม​อื่น ๆ เขา​ก็​ตก​ลง​ใจ​จะ​จ่าย​ค่า​จ้าง​ให้​เต็ม​วัน ซึ่ง​ไม่​ต้อง​สงสัย​ว่า​มาก​กว่า​ที่​พวก​เขา​คาด​ว่า​จะ​ได้. ใน​ความ​เป็น​จริง​แล้ว ไม่​มี​ใคร​ได้​รับ​น้อย​กว่า​ที่​ได้​ตก​ลง​กัน​ไว้ อัน​ที่​จริง หลาย​คน​ได้​รับ​มาก​กว่า​ที่​พวก​เขา​คาด​ไว้​เสีย​อีก. ดัง​นั้น ใน​ตอน​ท้าย เจ้าของ​สวน​ได้​ถาม​ว่า “เรา​จะ​ทำ​แก่​ของ ๆ เรา​เอง​ตาม​ใจ​ของ​เรา​ไม่​ยุติธรรม​หรือ?”

ตอน​นี้​ขอ​ให้​นึก​ภาพ​เจ้า​พนักงาน​จ่าย​ค่า​จ้าง​ให้​คน​งาน​กลุ่ม​แรก​ก่อน​และ​พวก​เขา​จาก​ไป​ทันที. หาก​เป็น​เช่น​นี้​พวก​เขา​คง​จะ​พอ​ใจ. พวก​เขา​เกิด​ไม่​พอ​ใจ​ขึ้น​มา​เพราะ​เห็น​ว่า​คน​อื่น​ได้​รับ​ค่า​จ้าง​เท่า​กับ​ตน​ทั้ง ๆ ที่​ทำ​งาน​น้อย​กว่า. พวก​เขา​จึง​โกรธ และ​ถึง​กับ​บ่น​ต่อ​ว่า​เจ้าของ​สวน​ผู้​ที่​ตอน​แรก​พวก​เขา​เคย​รู้สึก​ขอบคุณ​อย่าง​มาก​เพราะ​ได้​จ้าง​พวก​เขา​มา​ทำ​งาน.

เรื่อง​นี้​ทำ​ให้​เห็น​ชัดเจน​ว่า​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​เมื่อ​เรา​เปรียบ​เทียบ​ตัว​เอง​กับ​คน​อื่น. ถ้า​คุณ​ใคร่ครวญ​ถึง​สัมพันธภาพ​ส่วน​ตัว​ของ​คุณ​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​รู้สึก​ขอบพระคุณ​ที่​พระองค์​ทรง​อวย​พร​คุณ คุณ​ก็​จะ​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี. อย่า​เปรียบ​เทียบ​สถานการณ์​ของ​คุณ​กับ​คน​อื่น ๆ. ถ้า​ดู​เหมือน​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทำ​อะไร​ให้​คน​อื่น​เป็น​พิเศษ ก็​จง​ดีใจ​และ​ร่วม​ความ​ยินดี​กับ​พวก​เขา.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​ยะโฮวา​ทรง​คาด​หมาย​ให้​คุณ​ทำ​อะไร​บาง​อย่าง. สิ่ง​นั้น​คือ​อะไร? ฆะลาเตีย 6:4 (ล.ม.) กล่าว​ว่า “ให้​แต่​ละ​คน​พิสูจน์​ดู​ว่า​งาน​ของ​เขา​เอง​เป็น​อย่าง​ไร และ​ครั้น​แล้ว​เขา​จะ​มี​เหตุ​ที่​จะ​ปีติ​ยินดี​เกี่ยว​กับ​ตัว​เขา​เอง​เท่า​นั้น.” พูด​อีก​อย่าง​หนึ่ง​คือ ให้​คุณ​ตั้ง​เป้าหมาย​ที่​สม​เหตุ​สม​ผล​สำหรับ​ตัว​คุณ​เอง. วาง​แผน​อย่าง​ที่​คุณ​สามารถ​ทำ​ได้​จริง ๆ แล้ว​ทำ​ตาม​นั้น. ถ้า​คุณ​มี​เป้าหมาย​ที่​สม​เหตุ​สม​ผล​และ​คุณ​บรรลุ​เป้า​นั้น คุณ​จะ “มี​เหตุ​ที่​จะ​ปีติ​ยินดี.” คุณ​จะ​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี.

มี​รางวัล​รอ​อยู่​ข้าง​หน้า

หลักการ​สาม​ข้อ​ที่​เรา​ได้​พิจารณา​ไป​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​การ​นำ​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​ใช้​ช่วย​เรา​ให้​พบ​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​ได้​จริง ๆ แม้​แต่​ใน​สมัย​สุด​ท้าย​นี้​และ​แม้​เรา​จะ​เป็น​มนุษย์​ไม่​สมบูรณ์. ขณะ​ที่​คุณ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ทุก​วัน คุณ​น่า​จะ​ลอง​สังเกต​ดู​หลักการ​เหล่า​นั้น ทั้ง​ที่​กล่าว​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​และ​ที่​แฝง​อยู่​ใน​เรื่อง​เล่า​และ​อุทาหรณ์​ต่าง ๆ.

ถ้า​คุณ​รู้สึก​ว่า​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​ลด​น้อย​ลง ก็​จง​พยายาม​หา​ว่า​อะไร​คือ​สาเหตุ​ที่​แท้​จริง. จาก​นั้น หา​ดู​ว่า​มี​หลักการ​ใด​ที่​คุณ​จะ​ใช้​เพื่อ​แก้ไข​สถานการณ์​นั้น​ได้​บ้าง. ตัว​อย่าง​เช่น คุณ​อาจ​ดู​ที่​หน้า 110-111 ของ​หนังสือ “พระ​คัมภีร์​ทุก​ตอน​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ​จาก​พระเจ้า​และ​เป็น​ประโยชน์.” * ที่​นั่น​มี​การ​พิจารณา​พระ​ธรรม​สุภาษิต และ​คุณ​จะ​พบ​รายการ​ที่​รวบ​รวม​หลักการ​และ​คำ​แนะ​นำ​ต่าง ๆ ไว้​มาก​มาย​ถึง 12 หัวข้อ. ดัชนี​สรรพหนังสือ​ของ​ว็อชเทาเวอร์ * (ภาษา​อังกฤษ) และ​ห้อง​สมุด​ว็อชเทาเวอร์ (ภาษา​อังกฤษ) บน​แผ่น​ซีดีรอม * ก็​เป็น​แหล่ง​ข้อมูล​ที่​ดี​เยี่ยม​เช่น​กัน. หาก​คุณ​ใช้​แหล่ง​ข้อมูล​เหล่า​นี้​บ่อย ๆ คุณ​ก็​จะ​ชำนาญ​ใน​การ​ค้น​หา​หลักการ​ที่​จะ​นำ​มา​ใช้​ได้.

ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​ที่​พระ​ยะโฮวา​จะ​ประทาน​ชีวิต​นิรันดร์​อัน​สมบูรณ์​พร้อม​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก​ให้​แก่​คน​ที่​คู่​ควร. ชีวิต​ของ​พวก​เขา​จะ​มี​ความ​พอ​ใจ​ยินดี​อย่าง​เต็ม​ที่.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 30 จัด​ทำ​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

^ วรรค 30 จัด​ทำ​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

^ วรรค 30 จัด​ทำ​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[คำ​โปรย​หน้า 12]

“คน​ทั้ง​ปวง​ได้​ทำ​บาป​และ​ขาด​ไป​จาก​สง่า​ราศี​ของ​พระเจ้า.”—โรม 3:23, ล.ม.

[ภาพ​หน้า 13]

พระ​เยซู “ได้​ทรง​เรียน​รู้​การ​เชื่อ​ฟัง​จาก​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​พระองค์​ทน​เอา.”—เฮ็บราย 5:8, 9, ล.ม.

[ภาพ​หน้า 15]

“เขา​จะ​มี​เหตุ​ที่​จะ​ปีติ​ยินดี​เกี่ยว​กับ​ตัว​เขา​เอง​เท่า​นั้น และ​ไม่​ใช่​โดย​เปรียบ​เทียบ​กับ​คน​อื่น.”—ฆะลาเตีย 6:4, ล.ม.