ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ศักดิ์ศรีของมนุษย์เป็นไปได้สำหรับทุกคน

ศักดิ์ศรีของมนุษย์เป็นไปได้สำหรับทุกคน

ศักดิ์ศรี​ของ​มนุษย์​เป็น​ไป​ได้​สำหรับ​ทุก​คน

“เรา​ต้อง​สร้าง​โลก​ใหม่—โลก​ที่​ดี​ยิ่ง​กว่า​นี้—โลก​ซึ่ง​ศักดิ์ศรี​ที่​ควร​จะ​มี​อยู่​ตลอด​ไป​ของ​มนุษย์​จะ​ได้​รับ​ความ​นับถือ.”—ประธานาธิบดี​แฮร์รี ทรูแมน ของ​สหรัฐ ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ​อเมริกา วัน​ที่ 25 เมษายน 1945.

เช่น​เดียว​กับ​ผู้​คน​มาก​มาย​ซึ่ง​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ประธานาธิบดี​ทรูแมน​เชื่อ​ว่า มนุษย์​สามารถ​เรียน​จาก​อดีต​และ​ทำ​ให้ “โลก​ใหม่” ที่​ทุก​คน​จะ​ได้​รับ​การ​ปฏิบัติ​อย่าง​มี​ศักดิ์ศรี​เป็น​จริง​ขึ้น​มา. น่า​เศร้า เหตุ​การณ์​ต่าง ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ปัจจุบัน​ไม่​ได้​เป็น​อย่าง​ที่​หวัง​ไว้. “ศักดิ์ศรี​ที่​ควร​จะ​มี​อยู่​ตลอด​ไป​ของ​มนุษย์” ถูก​ทำลาย​เรื่อย​มา​เนื่อง​จาก​ราก​เหง้า​ของ​ปัญหา​ไม่​ได้​เกิด​จาก​มนุษย์ แต่​เกิด​จาก​ศัตรู​ตัว​ฉกาจ​ที่​สุด​ของ​มนุษย์.

ราก​เหง้า​ของ​ปัญหา

คัมภีร์​ไบเบิล​บ่ง​ชี้​ว่า​ศัตรู​ผู้​นี้​คือ​ซาตาน​พญา​มาร กาย​วิญญาณ​ชั่ว​ซึ่ง​ท้าทาย​สิทธิ​การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า​นับ​ตั้ง​แต่​เริ่ม​ต้น​ประวัติศาสตร์​มนุษย์. นับ​ตั้ง​แต่​ซาตาน​ติด​ต่อ​กับ​ฮาวา​ใน​สวน​เอเดน มัน​มี​เป้าหมาย​ที่​จะ​ชัก​นำ​มนุษย์​ให้​หันเห​ไป​จาก​การ​รับใช้​พระ​ผู้​สร้าง​ของ​พวก​เขา. (เยเนซิศ 3:1-5) ลอง​คิด​ถึง​ผล​เสียหาย​ที่​เกิด​กับ​อาดาม​และ​ฮาวา​ดู​สิ​เมื่อ​พวก​เขา​พ่าย​แพ้​ต่อ​การ​ยุยง​ของ​พญา​มาร! ผล​กระทบ​ของ​การ​ที่​พวก​เขา​ฝ่าฝืน​กฎหมาย​ของ​พระเจ้า​เรื่อง​ผลไม้​ต้อง​ห้าม​ที่​เกิด​ขึ้น​ทันที​คือ ทั้ง​สอง​คน “หลบ​ไป​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใต้​ต้น​ไม้​ใน​สวน​นั้น, ให้​พ้น​จาก​พระ​พักตร์​พระ​ยะโฮวา​เจ้า.” เพราะ​เหตุ​ใด? อาดาม​ยอม​รับ​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​ยิน​พระ​สุรเสียง​พระองค์​ใน​สวน​ก็​กลัว, เพราะ​เปลือย​กาย​อยู่; จึง​ได้​ซ่อน​ตัว​เสีย.” (เยเนซิศ 3:8-10) สัมพันธภาพ​ของ​อาดาม​กับ​พระ​บิดา​ของ​เขา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​และ​ทัศนะ​ที่​เขา​มี​ต่อ​ตัว​เอง​ได้​เปลี่ยน​ไป. เขา​อาย​และ​รู้สึก​ว่า​ไม่​อาจ​ปรากฏ​ตัว​จำเพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยะโฮวา​ได้​อย่าง​สะดวก​ใจ​อีก​ต่อ​ไป.

ทำไม​พญา​มาร​ต้องการ​ให้​อาดาม​นับถือ​ตัว​เอง​น้อย​ลง? เพราะ​มนุษย์​ถูก​สร้าง​ตาม​แบบ​ของ​พระเจ้า และ​ซาตาน​ยินดี​ที่​เห็น​มนุษย์​ประพฤติ​ใน​แบบ​ที่​ไม่​อาจ​สะท้อน​สง่า​ราศี​ของ​พระเจ้า​ได้. (เยเนซิศ 1:27; โรม 3:23) เรื่อง​นี้​ช่วย​อธิบาย​ว่า​เหตุ​ใด​การ​กระทำ​ที่​ทำ​ให้​ผู้​อื่น​เสื่อม​เสีย​เกียรติ​จึง​เกิด​ขึ้น​ตลอด​ประวัติศาสตร์​มนุษย์. ใน​ฐานะ “พระเจ้า​ของ​ระบบ​นี้” ซาตาน​ส่ง​เสริม​น้ำใจ​เช่น​นี้​ใน “ระหว่าง​เวลา​ที่​มนุษย์​ใช้​อำนาจ​เหนือ​มนุษย์​อย่าง​ที่​ก่อ​ผล​เสียหาย​แก่​เขา.” (2 โกรินโธ 4:4, ล.ม.; ท่าน​ผู้​ประกาศ 8:9 ล.ม.; 1 โยฮัน 5:19) นี่​หมาย​ความ​ว่า​ศักดิ์ศรี​ที่​แท้​จริง​ของ​มนุษย์​จะ​สูญ​สิ้น​ไป​ตลอด​กาล​ไหม?

พระ​ยะโฮวา​ทรง​ทำ​ให้​สิ่ง​ทรง​สร้าง​ของ​พระองค์​มี​ศักดิ์ศรี

ลอง​คิด​อีก​ครั้ง​ถึง​สภาพ​ใน​สวน​เอเดน​ก่อน​ที่​อาดาม​กับ​ฮาวา​จะ​ทำ​บาป. พวก​เขา​มี​อาหาร​รับประทาน​อย่าง​อุดม​สมบูรณ์, มี​งาน​ที่​น่า​พอ​ใจ, และ​ได้​รับ​โอกาส​ที่​จะ​มี​ชีวิต​ไม่​สิ้น​สุด​พร้อม​กับ​มี​สุขภาพ​ร่าง​กาย​แข็งแรง ทั้ง​ตัว​เขา​เอง​และ​ลูก​หลาน. (เยเนซิศ 1:28) ทุก​แง่​มุม​ใน​ชีวิต​ความ​เป็น​อยู่​ของ​พวก​เขา​เน้น​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​สำหรับ​มนุษยชาติ​อัน​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​และ​การ​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี.

ทัศนะ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​เรื่อง​ศักดิ์ศรี​ของ​มนุษย์​เปลี่ยน​ไป​ไหม​เมื่อ​อาดาม​และ​ฮาวา​ได้​ทำ​บาป? ไม่. พระองค์​คำนึง​ถึง​ความ​อับอาย​ของ​พวก​เขา​ตอน​ที่​รู้สึก​ตัว​ว่า​กำลัง​เปลือย​กาย​อยู่. ด้วย​ความ​รัก พระเจ้า​ทรง​ประทาน ‘เสื้อ​หนัง​สัตว์’ ให้​พวก​เขา​ใส่​แทน​ใบ​มะเดื่อ​ที่​เขา​นำ​มา​กลัด​เป็น​เครื่อง​ปก​ปิด​ร่าง​กาย. (เยเนซิศ 3:7, 21) แทน​ที่​จะ​ปล่อย​ให้​พวก​เขา​รู้สึก​อาย พระเจ้า​ทรง​ปฏิบัติ​ต่อ​พวก​เขา​อย่าง​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี.

ต่อ​มา เมื่อ​ทรง​ปฏิบัติ​ต่อ​ชาติ​อิสราเอล พระ​ยะโฮวา​ทรง​แสดง​ความ​เมตตา​แก่​ลูก​กำพร้า, หญิง​ม่าย, และ​คน​ต่าง​ด้าว ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​ใน​สังคม​ที่​บ่อย​ครั้ง​ได้​รับ​การ​ปฏิบัติ​อย่าง​ไม่​เป็น​ธรรม​มาก​ที่​สุด. (บทเพลง​สรรเสริญ 72:13) ตัว​อย่าง​เช่น เมื่อ​มี​การ​เก็บ​เกี่ยว​พืช​ผล​ใน​ทุ่ง​นา, ต้น​มะกอก​เทศ, และ​สวน​องุ่น ชาว​อิสราเอล​ได้​รับ​คำ​สั่ง​ไม่​ให้​กลับ​ไป​เก็บ​พืช​ผล​ที่​ตก​ค้าง​อยู่. แทน​ที่​จะ​เป็น​เช่น​นั้น พระเจ้า​บัญชา​ว่า พืช​ผล​ที่​ตก​ค้าง​เหล่า​นั้น “ให้​เป็น​ของ​สำหรับ​คน​ต่าง​ชาติ, ลูก​กำพร้า, และ​หญิง​หม้าย.” (พระ​บัญญัติ 24:19-21) เมื่อ​ปฏิบัติ​ตาม​ข้อ​กฎหมาย​เหล่า​นี้ จึง​ไม่​มี​ใคร​ต้อง​ไป​เป็น​ขอ​ทาน​และ​ผู้​คน​มี​งาน​ที่​มี​เกียรติ​ทำ​แม้​แต่​คน​ที่​ยาก​จน​ที่​สุด.

พระ​เยซู​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ผู้​อื่น

ขณะ​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก พระ​เยซู​คริสต์ พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า​ได้​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​ทรง​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ของ​ผู้​อื่น. ตัว​อย่าง​เช่น เมื่อ​อยู่​ที่​แกลิลี มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​เป็น​โรค​เรื้อน​ทั้ง​ตัว​เข้า​มา​หา​พระองค์. ตาม​พระ​บัญญัติ​ของ​โมเซ คน​ที่​เป็น​โรค​เรื้อน​ต้อง​ร้อง​เตือน​ว่า “มลทิน ๆ” เพื่อ​ป้องกัน​ไม่​ให้​คน​อื่น​ติด​โรค. (เลวีติโก 13:45) อย่าง​ไร​ก็​ตาม ชาย​คน​ดัง​กล่าว​ไม่​ได้​ทำ​เช่น​นั้น​เมื่อ​เข้า​มา​หา​พระ​เยซู. แทน​ที่​จะ​ทำ​อย่าง​นั้น เขา​ซบ​หน้า​ลง​และ​อ้อน​วอน​พระ​เยซู​ว่า “พระองค์​เจ้าข้า, ถ้า​พระองค์​พอ​พระทัย​พระองค์​อาจ​จะ​ทำ​ให้​ข้าพเจ้า​หาย​โรค​เป็น​สะอาด​ได้.” (ลูกา 5:12) พระ​เยซู​ได้​ตอบรับ​อย่าง​ไร? พระ​เยซู​ไม่​ได้​ตำหนิ​ชาย​คน​นี้​ว่า​ละเมิด​พระ​บัญญัติ ทั้ง​ไม่​ได้​มอง​ข้าม​หรือ​เดิน​หนี​เขา. แทน​ที่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น พระองค์​ปฏิบัติ​กับ​คน​โรค​เรื้อน​นั้น​อย่าง​มี​ศักดิ์ศรี​โดย​แตะ​ที่​ตัว​เขา​และ​ตรัส​ว่า “เรา​พอ​ใจ​แล้ว, จง​หาย​โรค​และ​สะอาด​เถิด.”—ลูกา 5:13.

ใน​โอกาส​อื่น ๆ พระ​เยซู​สามารถ​รักษา​ผู้​คน​โดย​ไม่​จำเป็น​ต้อง​สัมผัส​ตัว—บาง​ครั้ง​จาก​ที่​ห่าง​ไกล​ด้วย​ซ้ำ. แต่​ใน​กรณี​นี้ พระองค์​เลือก​ที่​จะ​สัมผัส​ตัว​ชาย​คน​นี้. (มัดธาย 15:21-28; มาระโก 10:51, 52; ลูกา 7:1-10) เนื่อง​จาก​เขา​เป็น “โรค​เรื้อน​เต็ม​ทั้ง​ตัว” ไม่​สงสัย​เลย​ว่า​เป็น​เวลา​นาน​หลาย​ปี​แล้ว​ที่​เขา​ไม่​ได้​รับ​การ​สัมผัส​จาก​เพื่อน​มนุษย์. คง​ต้อง​เป็น​การ​ปลอบโยน​สัก​เพียง​ไร​ที่​มี​ใคร​สัมผัส​ตัว​เขา​อีก​ครั้ง! สิ่ง​ที่​ชาย​คน​นั้น​หวัง​คือ​การ​หาย​จาก​โรค​เรื้อน​เท่า​นั้น. กระนั้น วิธี รักษา​ของ​พระ​เยซู​ได้​ช่วย​ฟื้นฟู​บาง​สิ่ง​ที่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​นั้น​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย นั่น​คือ ศักดิ์ศรี​ของ​มนุษย์. เป็น​เรื่อง​สม​เหตุ​ผล​ไหม​ที่​จะ​เชื่อ​ว่า​การ​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ของ​ผู้​อื่น​ยัง​คง​มี​อยู่​ใน​สังคม​ปัจจุบัน​นี้? ถ้า​ใช่ จะ​มี​การ​แสดง​ออก​โดย​วิธี​ใด?

กฎ​ที่​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี

พระ​เยซู​ตรัส​สิ่ง​ที่​หลาย​คน​ถือ​ว่า​เป็น​คำ​สอน​ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​มาก​ที่​สุด​เท่า​ที่​เคย​มี​มา​เกี่ยว​กับ​สัมพันธภาพ​ระหว่าง​มนุษย์ พระองค์​ตรัส​ว่า “เหตุ​ฉะนั้น​สิ่ง​สารพัตร​ซึ่ง​ท่าน​ปรารถนา​ให้​มนุษย์​ทำ​แก่​ท่าน, จง​กระทำ​อย่าง​นั้น​แก่​เขา​เหมือน​กัน.” (มัดธาย 7:12) กฎ​ข้อ​นี้​ซึ่ง​บ่อย​ครั้ง​เรียก​ว่า​กฎ​ทอง กระตุ้น​เรา​ให้​นับถือ​เพื่อน​มนุษย์​ด้วย​กัน โดย​หวัง​ว่า​เขา​จะ​นับถือ​เรา​เช่น​เดียว​กัน.

ดัง​ที่​ประวัติศาสตร์​แสดง​ให้​เห็น คน​เรา​ใช่​ว่า​จะ​ทำ​ตาม​กฎ​ข้อ​นี้​ได้​โดย​อัตโนมัติ บ่อย​ครั้ง​เป็น​ไป​ใน​ทาง​ตรง​กัน​ข้าม. ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​เรา​จะ​เรียก​เขา​ว่า​แฮโรลด์​กล่าว​ว่า “ที่​จริง​แล้ว​ผม​เคย​สนุก​กับ​การ​ทำ​ให้​คน​อื่น​อับอาย. แค่​พูด​ไม่​กี่​คำ ผม​ก็​ทำ​ให้​เขา​หัวเสีย, อับอาย, และ​บาง​ครั้ง​ถึง​กับ​ร้องไห้​ก็​มี.” แต่​มี​บาง​สิ่ง​เกิด​ขึ้น​ซึ่ง​ส่ง​ผล​ให้​แฮโรลด์​เปลี่ยน​วิธี​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้​อื่น. “พยาน​พระ​ยะโฮวา​หลาย​คน​เริ่ม​มา​เยี่ยม​ผม. เมื่อ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป ผม​รู้สึก​ละอายใจ​เมื่อ​คิด​ถึง​สิ่ง​ที่​ผม​พูด​หรือ​ทำ​กับ​พวก​เขา​ใน​บาง​ครั้ง. แต่​พวก​เขา​ไม่​เคย​เลิก​รา และ​ที​ละ​เล็ก​ที​ละ​น้อย ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​กระทบ​หัวใจ​ผม​และ​กระตุ้น​ให้​ผม​เปลี่ยน​นิสัย.” ทุก​วัน​นี้ แฮโรลด์​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​คริสเตียน.

ประสบการณ์​ของ​แฮโรลด์​ให้​หลักฐาน​ว่า “พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​มี​ชีวิต​และ​ทรง​พลัง​และ​คม​กว่า​ดาบ​สอง​คม​และ​แทง​ทะลุ​ถึง​ขนาด​ที่​แยก​ออก​ระหว่าง​ตัว​ตน​ที่​เห็น​กับ​ตัว​ตน​จริง ๆ และ​ระหว่าง​กระดูก​กับ​ไขกระดูก และ​สามารถ​หยั่ง​รู้​ความ​คิด​และ​ความ​มุ่ง​หมาย​ใน​หัวใจ.” (เฮ็บราย 4:12, ล.ม.) พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​มี​พลัง​กระทบ​หัวใจ​ของ​คน​เรา อีก​ทั้ง​เปลี่ยน​ความ​คิด​และ​พฤติกรรม​ของ​คน​เรา. ปัจจัย​สำคัญ​ใน​การ​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ของ​ผู้​อื่น​ก็​คือ ความ​ปรารถนา​อย่าง​จริง​ใจ​ที่​จะ​ช่วยเหลือ​แทน​ที่​จะ​ทำ​ให้​เจ็บ​ช้ำ ให้​เกียรติ​แทน​ที่​จะ​ทำ​ให้​อับอาย.—กิจการ 20:35; โรม 12:10.

ศักดิ์ศรี​ที่​แท้​จริง​ได้​รับ​การ​ฟื้นฟู

ความ​ปรารถนา​เดียว​กัน​นี้​นี่​เอง​ที่​กระตุ้น​ให้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​พูด​กับ​คน​อื่น ๆ ถึง​ความ​หวัง​อัน​ยอด​เยี่ยม​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. (กิจการ 5:42) ไม่​มี​วิธี​ใด​ที่​จะ​แสดง​ความ​นับถือ​และ​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​เพื่อน​มนุษย์​ได้​ดี​ไป​กว่า​การ​บอก “ข่าว​ดี​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ดี​กว่า.” (ยะซายา 52:7, ล.ม.) “สิ่ง​ที่​ดี​กว่า” หมาย​รวม​ถึง​การ​สวม “บุคลิกภาพ​ใหม่” ซึ่ง​จะ​ประหาร “ความ​ปรารถนา​ที่​ก่อ​ความ​เสียหาย” ใน​การ​ทำ​ให้​ผู้​อื่น​ได้​รับ​ความ​อับอาย. (โกโลซาย 3:5-10, ล.ม.) นอก​จาก​นั้น สิ่ง​ที่​ดี​กว่า​ยัง​รวม​ถึง​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​อีก​ไม่​นาน​จะ​ขจัด​สภาพการณ์​และ​เจตคติ​ที่​ทำลาย​ศักดิ์ศรี​ของ​มนุษย์ รวม​ทั้ง​ซาตาน​พญา​มาร​ตัว​ยุยง​อีก​ด้วย. (ดานิเอล 2:44; มัดธาย 6:9, 10; วิวรณ์ 20:1, 2, 10) เฉพาะ​เมื่อ​แผ่นดิน​โลก “เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​รู้​ฝ่าย​พระ​ยะโฮวา” แล้ว​เท่า​นั้น การ​ปฏิบัติ​ต่อ​มนุษย์​ทุก​คน​อย่าง​มี​ศักดิ์ศรี​จึง​จะ​เป็น​จริง​ใน​ที่​สุด.—ยะซายา 11:9.

เรา​ขอ​เชิญ​คุณ​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​ความ​หวัง​อัน​ยอด​เยี่ยม​นี้. โดย​การ​สมทบ​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา คุณ​จะ​ได้​เห็น​ด้วย​ตัว​เอง​ว่า​การ​นำ​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ไป​ใช้​ทำ​ให้​มี​การ​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้​อื่น​อย่าง​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี. และ​คุณ​จะ​ได้​เรียน​รู้​วิธี​ที่​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​จะ​นำ​มา​ซึ่ง ‘โลก​ใหม่​ที่​ดี​ยิ่ง​กว่า​นี้’ โลก​ที่ “ศักดิ์ศรี​ที่​ควร​จะ​มี​อยู่​ตลอด​ไป​ของ​มนุษย์” จะ​เป็น​จริง จะ​ไม่​ถูก​เหยียบ​ย่ำ​อีก​เลย.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 6]

การ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ปก​ป้อง​ศักดิ์ศรี​ของ​พวก​เขา

ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 พยาน​พระ​ยะโฮวา​มาก​กว่า 2,000 คน​ถูก​ส่ง​ไป​ยัง​ค่าย​กัก​กัน​นาซี​เพราะ​ความ​เชื่อ​ของ​พวก​เขา. ใน​การ​ให้​ข้อ​สังเกต​เกี่ยว​กับ​การ​แสดง​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​อย่าง​น่า​ทึ่ง​ของ​พวก​เขา เกมา ลา กวาร์เดีย กลุค อดีต​นัก​โทษ​ใน​ค่าย​กัก​กัน​ราเฟนส์บรึค เล่า​ใน​หนังสือ​ของ​เธอ​ชื่อ​เรื่อง​ราว​ของ​ฉัน (ภาษา​อังกฤษ) ว่า “ครั้ง​หนึ่ง​เกสตาโป​ประกาศ​ว่า​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​คน​ใด​ก็​ตาม​ที่​แจ้ง​ว่า​จะ​ละ​ทิ้ง​ความ​เชื่อ​ของ​ตน​และ​เซ็น​ชื่อ​กำกับ​ใน​เอกสาร จะ​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​และ​ไม่​ถูก​ข่มเหง​อีก​เลย.” เธอ​เขียน​เกี่ยว​กับ​คน​ที่​ปฏิเสธ​การ​เซ็น​ชื่อ​ใน​เอกสาร​ว่า “พวก​เขา​ยอม​ลำบาก​ต่อ​ไป​และ​รอ​คอย​ยุค​แห่ง​การ​ปลด​ปล่อย​อย่าง​อด​ทน.” เหตุ​ใด​พวก​เขา​จึง​ยึด​จุด​ยืน​เช่น​นั้น? มักดาเลนา​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​ตอน​ต้น​บทความ​ก่อน​ซึ่ง​ตอน​นี้​อายุ 80 กว่า​ปี​แล้ว​อธิบาย​ว่า “การ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​การ​ทำ​อะไร​ก็​ตาม​เพื่อ​รักษา​ชีวิต. การ​รักษา​ศักดิ์ศรี​ของ​เรา​หมาย​ถึง​การ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง.” *

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 23 สำหรับ​ราย​ละเอียด​เรื่อง​ราว​ชีวิต​ของ​ครอบครัว​คุสเซโรว์ โปรด​ดู​หอสังเกตการณ์ (ภาษา​อังกฤษ) ฉบับ 1 กันยายน 1985 หน้า 10-15.

[ภาพ​หน้า 5]

พระ​เยซู​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ของ​ผู้​ที่​พระองค์​ทรง​รักษา

[ภาพ​หน้า 7]

พยาน​พระ​ยะโฮวา​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ของ​ผู้​อื่น​โดย​บอก “ข่าว​ดี​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​ดี​กว่า” แก่​เขา