จงรักษาตัวคุณให้อยู่ในความรักของพระเจ้า!
จงรักษาตัวคุณให้อยู่ในความรักของพระเจ้า!
“ท่านที่รักทั้งหลาย . . . จงรักษาตัวท่านให้อยู่ในความรักของพระเจ้า . . . พร้อมด้วยความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์.”—ยูดา 20, 21, ล.ม.
1, 2. คุณจะรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้าได้โดยวิธีใด?
พระยะโฮวาทรงรักโลกแห่งมนุษยชาติมากจนได้ประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียว เพื่อคนที่แสดงความเชื่อในพระองค์จะมีโอกาสได้รับชีวิตนิรันดร์. (โยฮัน 3:16) ช่างยอดเยี่ยมสักเพียงไรที่เราได้รับความรักเช่นนั้น! หากคุณเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา คุณคงต้องการได้รับความรักเช่นนั้นตลอดไปอย่างแน่นอน.
2 สาวกยูดาเปิดเผยวิธีที่คุณสามารถรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า. ยูดาเขียนดังนี้: “โดยเสริมสร้างตัวท่านเองขึ้นในความเชื่ออันบริสุทธิ์ยิ่งของท่านและอธิษฐานด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงรักษาตัวท่านให้อยู่ในความรักของพระเจ้า ขณะที่ท่านทั้งหลายรอคอยพระเมตตาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พร้อมด้วยความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์.” (ยูดา 20, 21, ล.ม.) การศึกษาพระคำของพระเจ้าและการประกาศข่าวดีช่วยเสริมสร้างตัวคุณขึ้นใน “ความเชื่ออันบริสุทธิ์ยิ่ง” อันได้แก่คำสอนต่าง ๆ ของคริสเตียน. เพื่อจะรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า คุณต้องอธิษฐาน “ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” หรือโดยอยู่ใต้อำนาจโน้มนำของพระวิญญาณ. เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์เป็นบำเหน็จ คุณต้องแสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์.—1 โยฮัน 4:10.
3. เหตุใดบางคนจึงไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวาอีกต่อไป?
3 บางคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีความเชื่อไม่ได้รักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า. เนื่องจากพวกเขาเลือกที่จะมุ่งติดตามแนวทางผิดบาป พวกเขาจึงไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวาอีกต่อไป. คุณอาจทำอะไรได้เพื่อจะหลีกเลี่ยงบั้นปลายเช่นนั้น? การใคร่ครวญจุดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้อาจช่วยคุณให้ละเว้นบาปและรักษาตัวคุณให้อยู่ในความรักของพระเจ้า.
จงแสดงความรักของคุณต่อพระเจ้า
4. การเชื่อฟังพระเจ้าสำคัญอย่างไร?
4 จงแสดงความรักของคุณที่มีต่อพระเจ้าโดยเชื่อฟังพระองค์. (มัดธาย 22:37) อัครสาวกโยฮันเขียนดังนี้: “นี่แหละหมายถึงความรักต่อพระเจ้า คือที่เราปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์; และกระนั้นบัญญัติของพระองค์ไม่เป็นภาระหนัก.” (1 โยฮัน 5:3, ล.ม.) แนวทางแห่งการเชื่อฟังพระเจ้าสามารถเสริมกำลังคุณให้ต้านทานการล่อใจและทำให้คุณมีความยินดี. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวว่า “ความสุขย่อมมีแก่ผู้ที่ไม่ดำเนินตามคำชักชวนของคนชั่ว . . . ความยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระบัญญัติของพระยะโฮวา.”—บทเพลงสรรเสริญ 1:1, 2.
5. ความรักต่อพระยะโฮวาจะกระตุ้นคุณให้ทำอะไร?
5 ความรักต่อพระยะโฮวาจะกระตุ้นคุณให้หลีกเลี่ยงการทำผิดร้ายแรงซึ่งจะนำคำตำหนิมาสู่พระนามพระองค์. อาฆูรอธิษฐานดังนี้: “ขออย่าให้ข้าพเจ้ายากจนหรือมั่งมี. โปรดเลี้ยงข้าพเจ้าด้วยอาหารพอดีกับความต้องการของสุภาษิต 30:1, 8, 9) จงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ ‘ทำให้พระนามพระเจ้าเป็นที่เสื่อมเสีย’ โดยนำคำตำหนิมาสู่พระองค์. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น จงพยายามทำสิ่งที่ซื่อตรงเสมอซึ่งนำพระเกียรติมาสู่พระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 86:12.
ข้าพเจ้า; เกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าอิ่มหนำข้าพเจ้าจะปฏิเสธพระองค์, และกล่าวว่า, ‘พระยะโฮวาเป็นใครหนอ?’ หรือเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้ายากจนข้าพเจ้าจะลักของของเขา, และจะทำให้พระนามพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นที่เสื่อมเสีย.” (6. อาจเกิดอะไรขึ้นหากคุณทำผิดโดยเจตนา?
6 จงอธิษฐานเป็นประจำถึงพระบิดาองค์เปี่ยมด้วยความรักผู้อยู่ในสวรรค์ขอให้พระองค์ช่วยคุณต้านทานการล่อใจให้ทำบาป. (มัดธาย 6:13; โรม 12:12) จงทำตามคำแนะนำของพระเจ้าเสมอเพื่อคำอธิษฐานของคุณจะไม่ถูกขัดขวาง. (1 เปโตร 3:7) หากคุณทำบาปโดยเจตนา ผลอาจเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะอาจกล่าวโดยนัยได้ว่าพระยะโฮวาทรงคลุมพระองค์ไว้ด้วยเมฆเพื่อไม่ให้คำอธิษฐานของคนขืนอำนาจผ่านไปถึงพระองค์ได้. (บทเพลงร้องทุกข์ของยิระมะยา 3:42-44) ดังนั้น จงแสดงความถ่อมใจ และอธิษฐานขอเพื่อคุณจะไม่ทำสิ่งใดที่ขัดขวางคำอธิษฐานของคุณไว้ไม่ให้ไปถึงพระเจ้า.—2 โกรินโธ 13:7.
จงแสดงความรักต่อพระบุตรของพระเจ้า
7, 8. การเอาใจใส่คำแนะนำของพระเยซูสามารถช่วยคนเราให้ปฏิเสธแนวทางผิดบาปได้อย่างไร?
7 จงแสดงความรักต่อพระเยซูคริสต์โดยเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ เพราะนี่จะช่วยคุณให้ปฏิเสธแนวทางผิดบาป. พระเยซูตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา, ท่านจะตั้งมั่นคงอยู่ในความรักของเรา เหมือนเราได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา, และตั้งมั่นคงอยู่ในความรักของพระองค์.” (โยฮัน 15:10) การทำตามคำตรัสของพระเยซูช่วยคุณได้อย่างไรให้รักษาตัวอยู่ในความรักของพระเจ้า?
8 การเอาใจใส่คำตรัสของพระเยซูสามารถช่วยคุณให้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงด้านศีลธรรม. กฎหมายของพระเจ้าสำหรับชาติอิสราเอลระบุไว้ว่า “อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา.” (เอ็กโซโด 20:14) แต่พระเยซูทรงเผยให้เห็นหลักการที่อยู่เบื้องหลังพระบัญชานั้นโดยตรัสว่า “ทุกคนที่มองผู้หญิงอย่างไม่วางตาเพื่อให้เกิดความกำหนัดในหญิงนั้นก็ได้เล่นชู้ในใจกับนางแล้ว.” (มัดธาย 5:27, 28, ล.ม.) อัครสาวกเปโตรกล่าวว่า บางคนในประชาคมศตวรรษแรกมี ‘ตาที่มีแววเปี่ยมด้วยความใคร่ในการล่วงประเวณี’ และ “ล่อลวงคนที่ใจไม่มั่นคง.” (2 เปโตร 2:14, ฉบับแปลใหม่) อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับพวกเขา คุณสามารถหลีกเลี่ยงการทำผิดทางเพศหากคุณรักและเชื่อฟังพระเจ้าและพระคริสต์ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรักษาสายสัมพันธ์กับพระองค์ทั้งสอง.
จงให้พระวิญญาณของพระยะโฮวานำคุณ
9. อาจเกิดอะไรขึ้นกับพระวิญญาณบริสุทธิ์หากใครคนหนึ่งจงใจทำบาปอยู่เรื่อย ๆ?
9 จงอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า และยอมให้พระวิญญาณนำคุณ. (ลูกา 11:13; ฆะลาเตีย 5:19-25) หากคุณจงใจทำบาปอยู่เรื่อย ๆ พระเจ้าอาจถอนพระวิญญาณของพระองค์จากคุณ. หลังจากดาวิดทำบาปกับนางบัธเซบะ ท่านทูลวิงวอนพระเจ้าดังนี้: “ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปเสียจากเบื้องพระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากข้าพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:11, ฉบับแปลใหม่) เพราะทำบาปโดยไม่กลับใจ กษัตริย์ซาอูลสูญเสียพระวิญญาณของพระเจ้าจริง ๆ. ซาอูลทำบาปโดยถวายเครื่องบูชาเผา, ไม่ทำลายฝูงแกะแพะและวัว, รวมทั้งไว้ชีวิตกษัตริย์ชาวอะมาเลค. หลังจากเหตุการณ์นี้ พระยะโฮวาทรงถอนพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์จากซาอูล.—1 ซามูเอล 13:1-14; 15:1-35; 16:14-23.
10. เหตุใดคุณควรปฏิเสธแม้แต่ความคิดที่จะทำบาปโดยเจตนา?
10 จงปฏิเสธแม้แต่ความคิดที่จะทำบาปโดยเจตนา. อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “ถ้าเราทำบาปโดยเจตนาหลังจากได้รับความรู้ถูกต้องเรื่องความจริงแล้ว จะไม่มีเครื่องบูชาแก้บาปใด ๆ เหลืออยู่เลย.” (เฮ็บราย 10:26-31, ล.ม.) ช่างน่าเศร้าสักเพียงไรหากคุณทำบาปถึงขั้นนั้น!
จงแสดงความรักแท้ต่อคนอื่น ๆ
11, 12. ความรักและความนับถือจะยับยั้งคนเราไว้จากการทำผิดทางเพศโดยวิธีใด?
11 ความรักต่อเพื่อนมนุษย์จะยับยั้งคุณไว้ไม่ให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ. (มัดธาย 22:39) ความรักเช่นนั้นจะกระตุ้นคุณให้ป้องกันรักษาหัวใจของคุณไว้ เพื่อไม่ให้หัวใจชักจูงคุณให้ขโมยความรักใคร่จากคู่สมรสของคนอื่น. การทำ อย่างนั้นอาจนำไปสู่การทำบาปด้วยการเล่นชู้ได้. (สุภาษิต 4:23; ยิระมะยา 4:14; 17:9, 10) จงเลียนแบบโยบผู้ซื่อตรง ซึ่งไม่ปล่อยให้ตัวเองสนใจหญิงอื่นใดนอกจากภรรยาของท่านเอง.—โยบ 31:1.
12 ความนับถือต่อความศักดิ์สิทธิ์ของการสมรสสามารถช่วยคุณให้หลีกเลี่ยงบาปร้ายแรง. พระเจ้าทรงประสงค์ให้การสมรสที่น่านับถือและความสัมพันธ์ทางเพศเป็นวิธีแพร่ขยายชีวิต. (เยเนซิศ 1:26-28) พึงจำไว้ว่า อวัยวะเพศเกี่ยวข้องกับชีวิตซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์. คนที่ทำผิดประเวณีและคนเล่นชู้ไม่เชื่อฟังพระเจ้า, ทำให้เพศสัมพันธ์กลายเป็นเรื่องเสื่อมทราม, ขาดความนับถือต่อความศักดิ์สิทธิ์ของการสมรส, และทำบาปต่อกายของเขาเอง. (1 โกรินโธ 6:18) แต่ความรักที่มีต่อพระเจ้าและเพื่อนบ้านพร้อมกับการเชื่อฟังพระเจ้าจะป้องกันคนเราไว้จากการกระทำที่อาจยังผลให้เขาถูกตัดสัมพันธ์จากประชาคมคริสเตียน.
13. คนผิดศีลธรรม “ทำลายสิ่งมีค่า” อย่างไร?
13 เราจำเป็นต้องระงับความคิดที่ผิดบาปเพื่อจะไม่ทำให้คนที่เรารักปวดร้าวใจ. สุภาษิต 29:3 กล่าวว่า “คนที่คบหาหญิงชั่วย่อมผลาญทรัพย์ [“ทำลายสิ่งมีค่า,” ล.ม.] ของตน.” คนเล่นชู้ที่ไม่กลับใจทำลายสายสัมพันธ์ของตนกับพระเจ้าและทำลายความผูกพันในครอบครัว. ภรรยาของคนที่เล่นชู้มีเหตุผลที่จะหย่าได้. (มัดธาย 19:9) ไม่ว่าสามีหรือภรรยาเป็นคนทำผิด การแตกหักของชีวิตสมรสย่อมทำให้คู่สมรสที่ไม่ได้ทำผิด, ลูก ๆ, และคนอื่น ๆ รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก. คุณเห็นด้วยมิใช่หรือว่าการที่เรารู้ถึงความเสียหายของการทำผิดศีลธรรมน่าจะกระตุ้นเราให้ต้านทานการล่อใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำผิดดังกล่าว?
14. มีบทเรียนอะไรเกี่ยวกับการทำผิดที่อาจเรียนได้จากสุภาษิต 6:30-35?
14 ข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีทางชดเชยความเสียหายได้เลยสำหรับการเล่นชู้น่าจะกระตุ้นคนเราให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่งนี้. สุภาษิต 6:30-35 (ฉบับแปลใหม่) ชี้ว่าในขณะที่ผู้คนอาจเห็นใจคนที่ขโมยของเพราะเขาหิว แต่พวกเขาเหยียดหยามคนเล่นชู้เพราะเขาทำผิดโดยมีแรงจูงใจที่เลวทราม. เขา “ทำลายตนเอง.” ภายใต้พระบัญญัติของโมเซ เขาจะต้องถูกลงโทษถึงตาย. (เลวีติโก 20:10) คนเล่นชู้สร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่นเพียงเพื่อสนองตัณหาของเขา และคนเล่นชู้ที่ไม่กลับใจไม่ได้รักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า แต่จะถูกขับออกจากประชาคมคริสเตียนที่สะอาด.
จงรักษาสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาด
15. สภาพของสติรู้สึกผิดชอบที่ถูก “เหล็กแดงนาบ” เป็นเช่นไร?
15 เพื่อจะรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า เราไม่อาจปล่อยให้สติรู้สึกผิดชอบของเราด้านชาต่อบาป. เป็นเรื่องชัดเจนว่า เราต้องไม่ยอมรับมาตรฐานด้านศีลธรรมที่เสื่อมทรามของโลก และเราจำเป็นต้องระมัดระวังในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเลือกคนที่เราคบหา, เรื่องที่เราอ่าน, รวมถึงเรื่องความบันเทิง. เปาโลเตือนดังนี้: “ภายหลังจะมีบางคนทิ้งความเชื่อเสีย, แล้วไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวงและฟังคำสอนของพวกผีปิศาจ, โดยอาการหน้าซื่อใจคดของคนที่พูดปด, คือทำไปทั้งรู้ ๆ เหมือนอย่างกับเอาเหล็กแดงนาบลงไปบนใจวินิจฉัยผิดและชอบของเขา.” (1 ติโมเธียว 4:1, 2) สติรู้สึกผิดชอบที่ถูก “เหล็กแดงนาบ” เป็นเหมือนกับเนื้อหนังที่ ไหม้เกรียมซึ่งผิวหนังชั้นนอกเป็นแผลเป็นและไร้ความรู้สึก. สติรู้สึกผิดชอบเช่นนั้นจะไม่เตือนเราอีกต่อไปให้อยู่ห่างจากพวกออกหากและจากสถานการณ์ที่อาจชักนำให้เราสูญเสียความเชื่อ.
16. เหตุใดจึงสำคัญที่จะมีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาด?
16 ความรอดของเราขึ้นอยู่กับการที่เรามีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาด. (1 เปโตร 3:21) โดยอาศัยความเชื่อในพระโลหิตที่หลั่งออกของพระเยซู สติรู้สึกผิดชอบของเราได้รับการชำระให้สะอาดจากการกระทำที่ตายแล้ว “เพื่อเราจะถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่.” (เฮ็บราย 9:13, 14, ล.ม.) หากเราทำบาปโดยเจตนา สติรู้สึกผิดชอบของเราจะเป็นมลทินไปและเราก็จะไม่เป็นคนสะอาดที่มีคุณสมบัติเหมาะจะรับใช้พระเจ้าอีกต่อไป. (ติโต 1:15) แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา เราสามารถมีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาดได้.
วิธีอื่นที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงการทำผิด
17. ‘การทำตามคำสั่งแห่งพระยะโฮวาอย่างถ้วนถี่’ ให้ประโยชน์เช่นไร?
17 ‘จงทำตามคำสั่งแห่งพระยะโฮวาอย่างถ้วนถี่’ ดังที่คาเลบแห่งชาติอิสราเอลโบราณได้ทำ. (พระบัญญัติ 1:34-36) จงทำสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากคุณ และอย่าได้พินิจพิจารณาการรับประทานจาก “โต๊ะของปิศาจ.” (1 โกรินโธ 10:21) จงปฏิเสธการออกหาก. จงรับเอาอาหารฝ่ายวิญญาณซึ่งมีอยู่เฉพาะที่โต๊ะของพระยะโฮวาด้วยความหยั่งรู้ค่า แล้วคุณจะไม่ถูกชักนำให้หลงโดยพวกผู้สอนเท็จหรืออำนาจวิญญาณชั่ว. (เอเฟโซ 6:12; ยูดา 3, 4) จงมุ่งสนใจในสิ่งฝ่ายวิญญาณ เช่น การศึกษาคัมภีร์ไบเบิล, การเข้าร่วมการประชุม, และงานรับใช้ในเขตประกาศ. คุณมีความสุขแน่นอนหากคุณดำเนินตามพระยะโฮวาอย่างถ้วนถี่และทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์.—1 โกรินโธ 15:58.
18. ความเกรงกลัวพระยะโฮวาจะส่งผลอย่างไรต่อการประพฤติของคุณ?
18 จงตั้งใจแน่วแน่ที่จะ “ถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า . . . ด้วยความเกรงกลัวและเกรงขามพระองค์.” (เฮ็บราย 12:28, ล.ม.) ความเกรงกลัวพระยะโฮวาจะกระตุ้นคุณให้ปฏิเสธแนวทางใด ๆ ที่ตามใจตัวเอง. ความเกรงกลัวนี้จะช่วยคุณให้ประพฤติตัวสอดคล้องกับคำแนะนำของเปโตรที่ให้แก่เพื่อนผู้ถูกเจิมของท่าน ที่ว่า “ถ้าท่านอธิษฐานขออย่างที่ขอพระบิดา, ผู้ได้ทรงพิพากษาตามการประพฤติของทุกคน และหาได้ทรงเห็นแก่หน้าคนใดไม่เลย, เวลาที่ท่านทั้งหลายอาศัยอยู่ในโลกนี้จงประพฤติด้วยความเกรงกลัว.”—1 เปโตร 1:17.
19. เหตุใดคุณควรปฏิบัติตามสิ่งที่คุณเรียนรู้จากพระคำของพระเจ้าเสมอ?
19 จงใช้สิ่งที่คุณเรียนรู้จากพระคำของพระเจ้าเสมอ. นี่จะช่วยคุณให้หลีกเลี่ยงบาปร้ายแรง เพราะคุณจะพิสูจน์ตัวว่าอยู่ท่ามกลางคนที่ “ด้วยการใช้ ได้ฝึกฝนความสามารถในการสังเกตเข้าใจเพื่อแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด.” (เฮ็บราย 5:14, ล.ม.) แทนที่จะพูดและทำอย่างไม่ระมัดระวัง จงตื่นตัวเพื่อจะดำเนินอย่างคนที่ฉลาด “ซื้อโอกาสมาใช้” ในสมัยอันชั่วช้านี้. “จงเข้าใจว่าน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเป็นอย่างไร” และทำตามพระทัยของพระยะโฮวาเรื่อยไป.—เอเฟโซ 5:15-17; 2 เปโตร 3:17.
20. เหตุใดเราควรหลีกเลี่ยงความโลภ?
20 อย่าปล่อยช่องให้เกิดความโลภ ซึ่งหมายถึงความอยากได้ของของคนอื่น. พระบัญญัติสิบประการข้อหนึ่งกล่าวว่า “อย่าโลภเรือนของเพื่อนบ้าน. อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน, หรือทาสาทาสีของเขา, หรือโคลาของเขา, หรือสิ่งใด ๆ ซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน.” (เอ็กโซโด 20:17) พระบัญญัติข้อนี้ปกป้อง บ้านเรือน, ภรรยา, คนรับใช้, สัตว์, และสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นของคนคนหนึ่ง. แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คำตรัสของพระเยซูที่ว่าความโลภทำให้คนเราเป็นมลทิน.—มาระโก 7:20-23.
21, 22. คริสเตียนอาจใช้มาตรการป้องกันอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงการทำบาป?
21 จงวางมาตรการป้องกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ความปรารถนาเช่นนั้นนำไปสู่บาป. สาวกยาโกโบเขียนดังนี้: “ทุกคนถูกทดลองโดยที่ความปรารถนาของเขาเองชักนำและล่อใจเขา. ครั้นเมื่อความปรารถนาปฏิสนธิแล้ว ความปรารถนานั้นจึงทำให้เกิดบาป; แล้วเมื่อมีการทำบาป บาปนั้นจึงทำให้เกิดความตาย.” (ยาโกโบ 1:14, 15, ล.ม.) ตัวอย่างเช่น หากใครเคยมีปัญหาในเรื่องการดื่มในอดีต เขาอาจตัดสินใจว่าจะไม่ให้มีเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ที่บ้านของเขา. เพื่อหลีกเลี่ยงการล่อใจที่มาจากเพศตรงข้าม คริสเตียนบางคนอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปทำงานบริเวณอื่นหรือเปลี่ยนงานไปเลย.—สุภาษิต 6:23-28.
22 อย่าริลองแม้แต่ก้าวแรกที่อาจนำไปสู่บาป. การแสดงท่าทีรักใคร่ชอบพอเล่น ๆ และการครุ่นคิดในเรื่องผิดศีลธรรมอาจยังผลเป็นการผิดประเวณีหรือการเล่นชู้ได้. การโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจทำให้คนเรากล้าโกหกในเรื่องที่ก่อผลเสียหายและอาจนำไปสู่การโกหกจนเป็นนิสัยที่เป็นบาป. การขโมยเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจทำให้สติรู้สึกผิดชอบของคนเราด้านชาจนถึงขั้นที่เขาอาจเริ่มขโมยในขอบเขตที่ใหญ่ขึ้น. แม้แต่การยอมให้แก่ความคิดที่ออกหากเพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ใครคนหนึ่งกลายเป็นผู้ออกหากอย่างเต็มตัวไปในที่สุดได้.—สุภาษิต 11:9; วิวรณ์ 21:8.
จะว่าอย่างไรหากคุณได้ทำบาป?
23, 24. สองโครนิกา 6:29, 30 และสุภาษิต 28:13 สามารถให้คำปลอบประโลมใจเช่นไร?
23 มนุษย์ทุกคนล้วนไม่สมบูรณ์. (ท่านผู้ประกาศ 7:20) แต่หากคุณได้ทำบาปร้ายแรง คุณสามารถได้รับการปลอบโยนจากคำอธิษฐานของกษัตริย์ซะโลโม ณ การอุทิศพระวิหารของพระยะโฮวา. ซะโลโมอธิษฐานถึงพระเจ้าดังนี้: “จะมีคำอธิษฐานหรือคำทูลขออย่างไร ๆ ที่คนหนึ่งคนใด, หรือที่บรรดาพวกยิศราเอลพลไพร่ของพระองค์จะทูลขอนั้น, ขณะเมื่อต่างคนต่างรู้สึกความเจ็บป่วย หรือความทุกข์ร้อนใจของตน, และจะเหยียดมือออกไปตรงโบสถ์วิหารนี้: เมื่อนั้นขอพระองค์ทรงสดับฟังแต่สวรรค์ซึ่งเป็นที่สถิตของพระองค์, และทรงพระกรุณาโปรดยกโทษเสีย, ให้แก่ทุกคนตามการประพฤติของตนทุกประการดุจพระองค์ทรงทราบสันดานใจของคนนั้น; ด้วยพระองค์ผู้เดียวทรงทราบใจมนุษยชาติ.”—2 โครนิกา 6:29, 30.
24 ใช่แล้ว พระเจ้าทรงทราบสิ่งที่อยู่ในหัวใจและทรงให้อภัย. สุภาษิต 28:13 กล่าวว่า “คนที่ปกปิดความบาปของตัวไว้จะไม่เจริญ; แต่คนที่รับสารภาพและละทิ้งการผิดของตนเสียจะประสบความเมตตา.” โดยสารภาพความผิดซึ่งแสดงถึงการกลับใจเสียใหม่และละทิ้งบาปผิด คนเราสามารถได้รับความเมตตาจากพระเจ้า. ถึงกระนั้น หากคุณอยู่ในสภาพที่อ่อนแอฝ่ายวิญญาณ มีอะไรอีกที่อาจช่วยคุณให้รักษาตัวอยู่ในความรักของพระเจ้า?
คุณจะตอบอย่างไร?
• เราสามารถรักษาตัวเราให้อยู่ในความรักของพระเจ้าได้อย่างไร?
• ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าและพระคริสต์ช่วยเราอย่างไรให้ปฏิเสธแนวทางผิดบาป?
• เหตุใดความรักแท้ต่อคนอื่น ๆ ยับยั้งเราไว้ไม่ให้ทำผิดทางเพศ?
• มีวิธีใดบ้างที่จะหลีกเลี่ยงการทำผิด?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 21]
ยูดาแสดงให้เราเห็นวิธีรักษาตัวเราเองให้อยู่ในความรักของพระเจ้า
[ภาพหน้า 23]
การแตกหักของชีวิตสมรสย่อมทำให้คู่สมรสที่ไม่ได้ทำผิดและลูก ๆ รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
[ภาพหน้า 24]
คุณตั้งใจแน่วแน่ที่จะ ‘ทำตามคำสั่งแห่งพระยะโฮวาอย่างถ้วนถี่’ เช่นเดียวกับคาเลบไหม?
[ภาพหน้า 25]
จงอธิษฐานเป็นประจำเพื่อจะมีกำลังต้านทานการล่อใจ