ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เราต่อสู้เพื่อคงความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ

เราต่อสู้เพื่อคงความเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เรา​ต่อ​สู้​เพื่อ​คง​ความ​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ

เล่า​โดย รอล์ฟ บรึกเกไมเยอร์

จดหมาย​ฉบับ​แรก​ที่​ผม​ได้​รับ​หลัง​จาก​ถูก​คุม​ขัง​มา​จาก​เพื่อน​คน​หนึ่ง. เขา​แจ้ง​ว่า​แม่​กับ​น้อง​ชาย​ของ​ผม—พีเตอร์, โยเคน, และ​มันเฟรด—ถูก​จับ​เช่น​กัน. เมื่อ​เป็น​อย่าง​นั้น​น้อง​สาว​เล็ก ๆ สอง​คน​ของ​เรา​ก็​ถูก​ทิ้ง​ไว้​เพียง​ลำพัง ขาด​ทั้ง​พ่อ​แม่​และ​พี่ ๆ. ทำไม​ผู้​มี​อำนาจ​ปกครอง​ใน​เยอรมนี​ตะวัน​ออก​จึง​ข่มเหง​ครอบครัว​ของ​เรา? อะไร​ได้​ช่วย​เรา​ให้​คง​ความ​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ​ไว้​ได้?

สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ได้​ย่ำยี​ทำลาย​ความ​สงบ​สุข​ของ​เรา​ใน​วัย​เด็ก​อย่าง​สิ้นเชิง เรา​เรียน​รู้​ด้วย​ตัว​เอง​ถึง​ความ​ทารุณ​โหด​ร้าย​ของ​สงคราม. พ่อ​ออก​รบ​ร่วม​กับ​กองทัพ​เยอรมัน​และ​เสีย​ชีวิต​ตอน​ที่​เป็น​เชลย​ศึก. นั่น​หมาย​ความ​ว่า​เบอร์ทา แม่​ผม​ต้อง​เลี้ยง​ลูก​หก​คน​อายุ​ไล่​กัน​ตั้ง​แต่​หนึ่ง​ขวบ​ถึง​สิบ​หก​ปี.

คริสตจักร​ที่​แม่​เข้า​ร่วม​ด้วย​นั้น​ทำ​ให้​แม่​ผิด​หวัง​กับ​ศาสนา​อย่าง​สิ้นเชิง จน​แม่​ไม่​ต้องการ​ฟัง​เรื่อง​ใด ๆ เกี่ยว​กับ​พระเจ้า. แต่​วัน​หนึ่ง​ใน​ปี 1949 อิลเซ ฟุกส์ ผู้​หญิง​รูป​ร่าง​เล็ก สุภาพ​เรียบร้อย​ได้​แวะ​เยี่ยม​ที่​บ้าน​ของ​เรา​และ​สนทนา​กับ​แม่​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. คำ​ถาม​และ​การ​หา​เหตุ​ผล​ของ​เธอ​ทำ​ให้​แม่​รู้สึก​ทึ่ง​และ​สนใจ​อยาก​รู้. การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​ความ​หวัง​แก่​แม่.

อย่าง​ไร​ก็​ตาม เด็ก​ผู้​ชาย​อย่าง​เรา​ที​แรก​รู้สึก​เคลือบ​แคลง. เหล่า​นาซี​และ​ต่อ​มา​พวก​คอมมิวนิสต์​ต่าง​ให้​คำ​สัญญา​ต่าง ๆ นานา​อย่าง​เลิศ​ลอย แต่​แล้ว​ก็​ทำ​ให้​พวก​เรา​ผิด​หวัง​ตาม ๆ กัน. ถึง​แม้​พวก​เรา​คิด​สงสัย​คำ​สัญญา​ใหม่ ๆ ไม่​ว่า​เรื่อง​ใด​ก็​ตาม แต่​ก็​รู้สึก​ประทับใจ​เมื่อ​รู้​ว่า​พยาน​ฯ บาง​คน​ถูก​ส่ง​เข้า​ค่าย​กัก​กัน​เพราะ​ปฏิเสธ​ที่​จะ​ร่วม​ทำ​สงคราม. ปี​ถัด​มา แม่, พีเตอร์, และ​ผม​ได้​รับ​บัพติสมา.

มันเฟรด​น้อง​ชาย​คน​เล็ก​ได้​รับ​บัพติสมา​เช่น​กัน แต่​ดู​เหมือน​ว่า​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ได้​หยั่ง​ราก​ใน​หัวใจ​ของ​เขา. เมื่อ​ฝ่าย​คอมมิวนิสต์​ประกาศ​ห้าม​งาน​ของ​เรา​ใน​ปี 1950 และ​น้อง​ชาย​คน​นี้​ถูก​กดดัน​จาก​ตำรวจ​ลับ—หน่วย​ชตาซี​ซึ่ง​มี​ชื่อเสียง​ฉาวโฉ่—เขา​จึง​เปิด​เผย​ให้​เจ้าหน้าที่​รู้​สถาน​ที่​ที่​เรา​ประชุม. นั่น​เป็น​เหตุ​ที่​แม่​และ​น้อง​ชาย​คน​อื่น ๆ ของ​ผม​ถูก​จับ​กุม​ใน​ที่​สุด.

รับใช้​ใน​ระหว่าง​การ​สั่ง​ห้าม

เนื่อง​จาก​การ​สั่ง​ห้าม พวก​เรา​จึง​ต้อง​ลอบ​นำ​สรรพหนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​เข้า​ไป​ใน​เยอรมนี​ตะวัน​ออก. ผม​จึง​ไป​รับ​หนังสือ​จาก​ฟาก​ตะวัน​ตก​ของ​เบอร์ลิน​ซึ่ง​ที่​นั่น​สรรพหนังสือ​ของ​เรา​ไม่​ถูก​สั่ง​ห้าม แล้ว​ขน​ข้าม​ชายแดน. ผม​หลบ​การ​จับ​กุม​ของ​ตำรวจ​ได้​หลาย​ครั้ง แต่​ก็​ถูก​จับ​ใน​เดือน​พฤศจิกายน ปี 1950.

หน่วย​ชตาซี จับ​ผม​ยัด​ใส่​ห้อง​ขัง​ใต้​ดิน ไม่​มี​หน้าต่าง​แม้​แต่​บาน​เดียว. เขา​ไม่​ยอม​ให้​ผม​หลับ​ตอน​กลางวัน แถม​ตอน​กลางคืน​ยัง​ถูก​ไต่สวน​อีก และ​บาง​ครั้ง​ถูก​เฆี่ยน. ผม​ไม่​มี​โอกาส​ติด​ต่อ​ทาง​บ้าน​จน​กระทั่ง​เดือน​มีนาคม ปี 1951 ตอน​นั้น​แม่, พีเตอร์, และ​โยเคน​ได้​มา​เข้า​ร่วม​การ​พิจารณา​คดี​ของ​ผม. คำ​พิพากษา​จบ​ลง​ด้วย​การ​ตัดสิน​จำ​คุก​ผม​หก​ปี.

หลัง​การ​พิจารณา​คดี​ของ​ผม​เพียง​หก​วัน พีเตอร์, โยเคน, และ​แม่​ก็​ถูก​จับ​กุม. ใน​เวลา​ต่อ​มา เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ได้​ช่วย​ดู​แล​ฮันเนอลอเรอ น้อง​สาว​วัย 11 ขวบ​ของ​ผม และ​ป้า​รับซาบีเนอ อายุ 7 ขวบ​ไป​เลี้ยง​ดู. หน่วย​ชตาซี ปฏิบัติ​กับ​แม่​และ​น้อง​ชาย​ของ​ผม​เหมือน​เป็น​นัก​โทษ​อุก​ฉกรรจ์ แม้​แต่​เชือก​ผูก​รอง​เท้า​ก็​ถูก​ริบ​ไป. แม่​กับ​น้อง​ชาย​ต้อง​ยืน​ตลอด​เวลา​ระหว่าง​การ​ซัก​ถาม. แต่​ละ​คน​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ​หก​ปี​เช่น​เดียว​กัน.

ใน​ปี 1953 มี​การ​มอบหมาย​งาน​ให้​ผม​และ​นัก​โทษ​พยาน​ฯ บาง​คน​สร้าง​สนามบิน​ทหาร ซึ่ง​เรา​ไม่​ยอม​ทำ​งาน​นี้. เจ้าหน้าที่​ลง​โทษ​พวก​เรา​ด้วย​การ​แยก​ขัง​เดี่ยว 21 วัน หมาย​ถึง​ไม่​ให้​งาน​ทำ, ไม่​มี​การ​ติด​ต่อ​ทาง​จดหมาย, และ​ได้​อาหาร​เล็ก​น้อย. พี่​น้อง​หญิง​คริสเตียน​บาง​คน​เก็บ​อาหาร​ของ​ตน​เอง​ที่​ได้​จาก​การ​ปัน​ส่วน​อย่าง​จำกัด​แล้ว​แอบ​ส่ง​ให้​พวก​เรา. ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​ผม​ได้​รู้​จัก​อันนี หนึ่ง​ใน​จำนวน​พี่​น้อง​หญิง​เหล่า​นั้น และ​ได้​แต่งงาน​กับ​เธอ​หลัง​จาก​เธอ​และ​ผม​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว​ใน⁠ปี 1956 และ​ปี 1957. หนึ่ง​ปี​หลัง​การ​แต่งงาน เรา​ได้​ลูก​สาว​ชื่อ​รูท. ส่วน​พีเตอร์, โยเคน, และ​ฮันเนอลอเรอ​นั้น ทุก​คน​ได้​แต่งงาน​ใน​เวลา​ไล่เลี่ย​กัน.

ประมาณ​สาม​ปี​หลัง​จาก​ผม​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว ผม​ก็​ถูก​จับ​กุม​อีก. หน่วย​ชตาซี พยายาม​เกลี้ยกล่อม​ผม​ให้​แจ้ง​เบาะแส. เขา​พูด​ว่า “นี่​คุณ​บรึกเกไมเยอร์ มี​เหตุ​ผล​หน่อย​ซี. คุณ​ก็​รู้​ว่า​ชีวิต​ใน​คุก​เป็น​อย่าง​ไร และ​เรา​ไม่​อยาก​ให้​คุณ​ตก​อยู่​ใน​สภาพ​เช่น​นั้น​อีก. คุณ​ยัง​คง​เป็น​พยาน​ฯ ได้, ศึกษา​ค้นคว้า​ต่อ​ไป​ก็​ได้, และ​จะ​พูด​เรื่อง​คัมภีร์​ไบเบิล​ก็​ได้​ตาม​ใจ​ชอบ. เรา​เพียง​แต่​ต้องการ​รับ​ข้อมูล​ล่า​สุด​เท่า​นั้น​เอง. นึก​ถึง​ภรรยา​และ​ลูก​สาว​ตัว​น้อย​ของ​คุณ​บ้าง.” คำ​พูด​ตอน​ท้าย​นั้น​ทำ​ให้​อารมณ์​ผม​ขุ่น​มัว​ขึ้น​มา​ทันที. แต่​กระนั้น ผม​รู้​ว่า​ระหว่าง​อยู่​ใน​คุก พระ​ยะโฮวา​จะ​พิทักษ์​ดู​แล​ครอบครัว​ของ​ผม​ได้​ดี​กว่า​ที่​ผม​จะ​ดู​แล​ด้วย​ตัว​เอง และ​ก็​เป็น​เช่น​นั้น​จริง!

พวก​เจ้าหน้าที่​พยายาม​บังคับ​อันนี​ให้​ทำ​งาน​เต็ม​เวลา​และ​ปล่อย​ให้​คน​อื่น​เลี้ยง​รูท​ช่วง​วัน​ทำ​งาน​ระหว่าง​สัปดาห์. อันนี​ยืนกราน​จะ​ทำ​งาน​กะ​กลางคืน เพื่อ​ดู​แล​รูท​ตอน​กลางวัน. พี่​น้อง​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา​ก็​คอย​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​เป็น​อย่าง​ดี​และ​ให้​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง​แก่​ภรรยา​ผม​จน​มี​พอ​แบ่ง​ปัน​ให้​คน​อื่น ๆ ได้. ช่วง​เวลา​เดียว​กัน ผม​ยัง​ต้อง​ติด​คุก​อีก​เกือบ​หก​ปี.

วิธี​ที่​เรา​รักษา​ความ​เชื่อ​ระหว่าง​ถูก​คุม​ขัง

ครั้น​ผม​กลับ​เข้า​คุก​อีก เพื่อน​พยาน​ฯ ร่วม​ห้อง​ขัง​กระหาย​อยาก​รู้​ว่า​มี​การ​พิมพ์​อะไร​ออก​มา​ใหม่​บ้าง​ระยะ​หลัง​นี้. ผม​มี​ความ​สุข​เสีย​นี่​กระไร​ที่​ผม​ได้​ศึกษา​วารสาร​หอสังเกตการณ์ อย่าง​ถี่ถ้วน​และ​เข้า​ร่วม​ประชุม​สม่ำเสมอ ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​จึง​กลาย​เป็น​แหล่ง​หนุน​กำลัง​ฝ่าย​วิญญาณ​สำหรับ​พวก⁠เขา!

เมื่อ​เรา​ขอร้อง​ผู้​คุม​อนุญาต​ให้​เรา​มี​คัมภีร์​ไบเบิล​สัก​เล่ม​หนึ่ง เขา​ตอบ​ว่า “การ​ให้​พระ​คัมภีร์​แก่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เป็น​อันตราย​พอ ๆ กัน​กับ​การ​ให้​เครื่อง​มือ​ที่​ใช้​แหก​คุก​แก่​ผู้​ร้าย.” แต่​ละ​วัน พี่​น้อง​ชาย​ที่​เป็น​ผู้​นำ​หน้า​จะ​เลือก​ข้อ​คัมภีร์​หนึ่ง​ข้อ​ขึ้น​มา​พิจารณา. ช่วง​ครึ่ง​ชั่วโมง​ระหว่าง​ที่​เรา​เดิน​ใน​สนาม​เป็น​ประจำ​ทุก​วัน พวก​เรา​ไม่​สนใจ​กับ​การ​ได้​ออก​กำลัง⁠กาย​หรือ​ได้​สูด​อากาศ​บริสุทธิ์​เมื่อ​นำ​มา​เทียบ​กับ​ความ​สนใจ​ที่​จะ​รับ​ประโยชน์​จาก​ข้อ​คัมภีร์​ประจำ​วัน. แม้​เรา​ต้อง​อยู่​ห่าง​กัน 15 ฟุต​และ​ไม่​มี​การ​อนุญาต​ให้​พูด กระนั้น เรา​ก็⁠ยัง​หา​วิธี​ส่ง​ข้อ​คัมภีร์​ประจำ​วัน​ผ่าน​ไป​ถึง​กัน​ได้. เมื่อ​กลับ​เข้า⁠ห้อง​ขัง เรา​ยก​เอา​ข้อ​ความ​ที่​แต่​ละ​คน​พอ​จะ​ได้​ยิน​มา​ปะติดปะต่อ​กัน แล้ว​การ​พิจารณา​ข้อ​คัมภีร์​ประจำ​วัน​ของ​เรา​ก็​เริ่ม​ขึ้น.

ใน​ที่​สุด คน​ให้​เบาะแส​ได้​เปิด​เผย​การ​กระทำ​ของ​พวก​เรา และ​ผม​ถูก​แยก​ขัง​เดี่ยว. ผม​สุข​ใจ​มาก​เพราะ​ตอน​นั้น​ผม​จำ​ข้อ​คัมภีร์​ได้​หลาย​ร้อย​ข้อ​จน​ขึ้น​ใจ! ผม​สามารถ​เติม​เต็ม​วัน​เวลา​ที่​ว่าง​เปล่า​โดย​การ​คิด​ใคร่ครวญ​เรื่อง​ต่าง ๆ ใน​พระ​คัมภีร์. ครั้น​แล้ว​เขา​ย้าย​ผม​ไป​ขัง​อีก​คุก​หนึ่ง ที่​นั่น ผู้​คุม​ให้​ผม​อยู่​รวม​กับ​พยาน​ฯ สอง​คน​ใน​ห้อง​ขัง​และ​สิ่ง​ที่​ยัง​ความ​ยินดี​มาก​ที่​สุด​คือ​ผู้​คุม​ให้​พวก​เรา​มี​พระ​คัมภีร์​เล่ม​หนึ่ง. หลัง​จาก​ผม​ถูก​ขัง​เดี่ยว​นาน​หก​เดือน ผม​ซึ้ง​ใจ​มาก​ที่​สามารถ​พิจารณา​เนื้อหา​สำคัญ​ใน​พระ​คัมภีร์​ได้​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​กับ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ.

พีเตอร์​น้อง​ชาย​ผม​พรรณนา​สิ่ง​ที่​ช่วย​เขา​ให้​อด​ทน​ได้​ใน​คุก​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ว่า “ผม​สร้าง​มโนภาพ​ชีวิต​ใน​โลก​ใหม่ ไม่​ปล่อยใจ​ให้​เลื่อน​ลอย แต่​หมกมุ่น​อยู่​กับ​ข้อ​คัมภีร์​ต่าง ๆ ตลอด​เวลา. พวก​เรา​พยาน​ฯ เสริม​กำลัง​กัน​และ​กัน​ด้วย​การ​ตั้ง​คำ​ถาม​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ต่าง ๆ ใน​พระ​คัมภีร์ หรือ​ไม่​ก็​ทดสอบ​ความ​รู้​จาก​พระ​คัมภีร์. ชีวิต​พวก​เรา​ไม่​สะดวก​สบาย​เลย. บาง​ครั้ง พวก​เรา 11 คน​ถูก​จำกัด​อยู่​ใน​เนื้อ​ที่​แค่ 12 ตาราง⁠เมตร. เรา​ต้อง​ทำ​ทุก​อย่าง​ใน​บริเวณ​นี้—กิน, นอน, ซัก​ล้าง, กระทั่ง​ขับ​ถ่าย. พวก​เรา​กลาย​เป็น​คน​ประสาท​เสีย มี​อารมณ์​ฉุนเฉียว.”

โยเคน น้อง​ชาย​อีก​คน​หนึ่ง​ของ​ผม​เล่า​ประสบการณ์​ชีวิต​ใน​คุก​ว่า “ผม​ร้อง​เพลง​ที่​ผม​จำ​ได้​จาก​หนังสือ​เพลง​ของ​เรา. ทุก​วัน​ผม​คิด​รำพึง​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ที่​ผม​จำ​ได้. เมื่อ​ออก​จาก​คุก​แล้ว ผม​ยัง​คง​ทำ​กิจวัตร​ที่​ดี​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​ตาม​คำ​สอน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. ผม​อ่าน​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ประจำ​วัน​ทุก ๆ วัน​พร้อม​กับ​ครอบครัว. นอก​จาก​นั้น เรา​ทุก​คน​เตรียม​ตัว​พร้อม​สำหรับ​การ​ประชุม​ทุก​วาระ.”

แม่​ออก​จาก​คุก

แม่​ได้​รับ​การ​ปลด​ปล่อย​ภาย​หลัง​ถูก​คุม​ขัง​นาน​กว่า​สอง​ปี. แม่​ได้​ใช้​เสรีภาพ​ที่​มี​อยู่​สอน​ความ​รู้​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ให้​แก่​ฮันเนอลอเรอ​และ​ซาบีเนอ ช่วย​ลูก​ทั้ง​สอง​สร้าง​รากฐาน​ที่​มั่นคง​สำหรับ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา. แม่​ยัง​ได้​สอน​วิธี​จัด​การ​ประเด็น​ปัญหา​ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​ใน​โรง​เรียน​สืบ​เนื่อง​จาก​ความ​เชื่อ​ใน​พระเจ้า. ฮันเนอลอเรอ​บอก​ว่า “เรา​ไม่​ห่วง​เรื่อง​ผล​กระทบ​เพราะ​ที่​บ้าน​เรา​ให้​กำลังใจ​กัน​และ​กัน. สาย​ใย​ครอบครัว​อัน​เหนียวแน่น​ได้​ชดเชย​ความ​ยาก​ลำบาก​ใด ๆ ที่​พวก​เรา​ประสบ.”

ฮันเนอลอเรอ​พูด​ต่อ​ว่า “พวก​เรา​จัด​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​ให้​แก่​พี่​น้อง​ใน​คุก​ด้วย. เรา​คัด​ลอก​วารสาร​หอสังเกตการณ์ ทั้ง​เล่ม​โดย​เขียน​ตัว​หนังสือ​ขนาด​จิ๋ว​ลง​บน​กระดาษ​ไข แล้ว​หุ้ม​ห่อ​หน้า​เหล่า​นั้น​ด้วย​กระดาษ​กัน​น้ำ และ​ใส่​แทรก​ปน​ไป​กับ​ลูก​พรุน​แห้ง​ภาย​ใน​กล่อง​พัสดุ​ที่​เรา​จัด​ส่ง​ราย​เดือน. น่า​ยินดี​จริง ๆ เมื่อ​เรา​ได้​รับ​ตอบ​กลับ​มา​ว่า​ลูก​พรุน​แห้ง ‘อร่อย​เหลือ​เกิน.’ เรา​เพลิดเพลิน​อยู่​กับ​งาน​จน​ดิฉัน​ต้อง​บอก​ว่า​ช่วง​เวลา​นั้น​วิเศษ​มาก ๆ.”

การ​ดำเนิน​ชีวิต​ภาย​ใต้​คำ​สั่ง​ห้าม

พีเตอร์​ได้​เล่า​สภาพ​ความ​เป็น​อยู่​หลาย​สิบ​ปี​ใน​เยอรมนี​ตะวัน​ออก​ภาย​ใต้​คำ​สั่ง​ห้าม​ดัง​นี้: “เรา​ประชุม​กัน​เป็น​กลุ่ม​เล็ก​ใน​บ้าน​ส่วน​ตัว จะ​เข้า​บ้าน​หรือ​ออก​บ้าน​ก็​มัก​สลับ​เวลา​ให้​ต่าง​กัน. ณ การ​ประชุม​แต่​ละ​ครั้ง เรา​จะ​เตรียม​การ​สำหรับ​ครั้ง​ต่อ​ไป. เรา​ทำ​อย่าง​นี้​โดย​การ​ให้​อาณัติสัญญาณ​และ​ใช้​วิธี​เขียน เนื่อง​จาก​มี​อันตราย​อยู่​เสมอ​จาก​การ​ลอบ​ฟัง​ของ​หน่วย​ชตาซี.”

ฮันเนอลอเรอ​ชี้​แจง​ว่า “บาง​ครั้ง​เรา​ได้​รับ​เทป​บันทึก​ระเบียบ​วาระ​การ​ประชุม​หมวด. สิ่ง​นี้​ทำ​ให้​พวก​เรา​ที่​ร่วม​การ​ประชุม​เบิกบาน​ยินดี​เสมอ. กลุ่ม​เล็ก ๆ ของ​เรา​มา​กัน​พร้อม​หน้า​และ​อยู่​นาน​หลาย​ชั่วโมง​เพื่อ​ฟัง​คำ​แนะ​นำ​ที่​อาศัย​พระ​คัมภีร์​เป็น​หลัก. แม้​เรา​ไม่​ได้​เห็น​ผู้​บรรยาย กระนั้น เรา​ติด​ตาม​ระเบียบ​วาระ​อย่าง​ถี่ถ้วน​และ​จด​บันทึก.”

พีเตอร์​พูด​ว่า “พี่​น้อง​คริสเตียน​ใน​ประเทศ​อื่น ๆ ได้​ทุ่มเท​ความ​พยายาม​เป็น​พิเศษ​เพื่อ​ให้​เรา​มี​สรรพหนังสือ​คู่มือ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. ใน​ช่วง​ประมาณ​สิบ​ปี​สุด​ท้าย​ก่อน​การ​ทลาย​กำแพง​เบอร์ลิน​ใน​ปี 1989 พี่​น้อง​ได้​ผลิต​สิ่ง​พิมพ์​ต่าง ๆ สำหรับ​พวก​เรา​เป็น​พิเศษ โดย​การ​ย่อ​ขนาด​ให้​เล็ก​ลง. บาง​คน​เสี่ยง​ต่อ​การ​ถูก​ยึด​รถยนต์, เงิน​ตรา, และ​กระทั่ง​อิสรภาพ​ด้วย​ซ้ำ​ใน​การ​ลำเลียง​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​เข้า​ไป​ใน​เยอรมนี​ตะวัน​ออก. คืน​หนึ่ง​เรา​เฝ้า​คอย​พยาน​ฯ สอง​สามี​ภรรยา แต่​ปรากฏ​ว่า​เขา​ไม่​ได้​มา. ตำรวจ​ค้น​พบ​สรรพหนังสือ​และ​ได้​ยึด​รถยนต์​ของ​เขา. ถึง​แม้​มี​อันตราย​ต่าง ๆ พวก​เรา​ไม่​เคย​คิด​จะ​ล้ม​เลิก​การ​งาน​ของ​เรา​เพื่อ​มี​ชีวิต​สุข​สงบ​กว่า​ที่​เป็น​อยู่.”

มันเฟรด น้อง​ชาย​คน​เล็ก​ซึ่ง​ได้​ทรยศ​พวก​เรา​ใน​ปี 1950 เล่า​ถึง​สิ่ง​ที่​ช่วย​ให้​เขา​ฟื้น​ตัว​และ​ยัง​ตั้ง​มั่น​ใน​ความ​เชื่อ: “หลัง​จาก​ถูก​กัก​ตัว​ประมาณ​สอง​สาม​เดือน ผม​ก็​ย้าย​ไป​ที่​เยอรมนี​ตะวัน​ตก ทั้ง​ได้​ละ​ทิ้ง​แนว​ทาง​แห่ง​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​เสีย​สิ้น. ปี 1954 ผม​กลับ​มา​อยู่​ใน​เยอรมนี​ตะวัน​ออก​และ​ได้​แต่งงาน​ใน​ปี​ถัด​มา. แต่​ใน​ไม่​ช้า ภรรยา​ผม​ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล และ​ใน​ปี 1957 เธอ​รับ​บัพติสมา. ใน​ที่​สุด สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​เริ่ม​รบกวน​จิตใจ​ผม และ​ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​ของ​ภรรยา ผม​จึง​ได้​กลับ​คืน​สู่​ประชาคม.

“พี่​น้อง​คริสเตียน​ที่​เคย​รู้​จัก​กัน​ก่อน​ที่​ผม​ออก​ไป​จาก​ความ​จริง พวก​เขา​รับ​ผม​กลับ​ด้วย​แนว​ทาง​อัน​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก เหมือน​กับ​ว่า​ไม่​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น. การ​มี​คน​เข้า​มา​ทักทาย​ด้วย​รอย​ยิ้ม​และ​สวมกอด​อย่าง​จริง​ใจ​นั้น​วิเศษ​สุด. ผม​มี​ความ​สุข​เหลือ​เกิน​ที่​ได้​กลับ​คืน​ดี​กับ​พระ​ยะโฮวา​และ​พี่​น้อง​ของ​ผม.”

การ​ต่อ​สู้​ฝ่าย​วิญญาณ​ดำเนิน​ต่อ​ไป

ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​ของ​เรา​จำ​ต้อง​สู้​อย่าง​ทรหด​เพื่อ​ความ​เชื่อ. พีเตอร์​น้อง​ชาย​ของ​ผม​ชี้​จุด​สำคัญ​ว่า “ทุก​วัน​นี้​พวก​เรา​ถูก​ห้อม​ล้อม​ด้วย​สิ่ง​ยวน​ตา​ล่อ​ใจ​หลาย​อย่าง อีก​ทั้ง​การ​ชัก​นำ​ไป​ใน​ทาง​นิยม​วัตถุ อย่าง​ที่​ไม่​เคย​เป็น​มา​ก่อน. สมัย​ที่​มี​การ​สั่ง​ห้าม เรา​ยัง​รู้สึก​พอ​ใจ​กับ​สิ่ง​ที่​เรา​มี. ตัว​อย่าง​เช่น ไม่​มี​สัก​คน​ใน​กลุ่ม​ของ​เรา​ต้องการ​ไป​อยู่​ใน​กลุ่ม​การ​ศึกษา​อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​ด้วย​เหตุ​ผล​ส่วน​ตัว และ​ไม่​มี​ใคร​โอด​ครวญ​ว่า​ที่​ประชุม​อยู่​ห่าง​ไกล​หรือ​ประชุม​ใน​เวลา​มืด​ค่ำ​เกิน​ไป. เรา​ทุก​คน​รู้สึก​เป็น​สุข​ที่​ได้​มา​ร่วม​ประชุม​ด้วย​กัน ถึง​แม้​บาง​คน​ยัง​ต้อง​รอ​ถึง​ห้า​ทุ่ม​ซึ่ง​เป็น​เวลา​กำหนด​ให้​เรา​ออก​จาก​ที่​ประชุม.”

ปี 1959 แม่​ตัดสิน​ใจ​ย้าย​ไป​เยอรมนี​ตะวัน​ตก​กับ​ซาบีเนอ​ซึ่ง​ตอน​นั้น​อายุ 16 ปี. เพราะ​ทั้ง​สอง​คน​ต้องการ​รับใช้​ใน​เขต​ที่​มี​ความ​ต้องการ​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร ทาง​สำนักงาน​สาขา​ได้​แนะ​นำ​ให้​ไป​ที่​เมือง​เอลล์วา​เงิน, บาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก. การ​ที่​แม่​มี​ใจ​แรง​กล้า​ถึง​แม้​สุขภาพ​ไม่​ค่อย​ดี​ได้​กระตุ้น​ซาบีเนอ​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​เมื่อ​อายุ 18 ปี. เมื่อ​ซาบีเนอ​แต่งงาน แม่​ตอน​นั้น​อายุ 58 ปี ได้​เรียน​ขับ​รถ​เพื่อ​จะ​ได้​ทำ​งาน​ประกาศ​มาก​ขึ้น. แม่​ยึด​มั่น​อยู่​กับ​งาน​รับใช้​นี้​จน​กระทั่ง​สิ้น​ชีวิต​ใน​ปี 1974.

ส่วน​ผม​เอง หลัง​จาก​ติด​คุก​ครั้ง​ที่​สอง​นาน​เกือบ​หก​ปี ผม​ก็​ถูก​เนรเทศ​ไป​เยอรมนี​ตะวัน​ตก​ใน​ปี 1965 โดย​ที่​ครอบครัว​ของ​ผม​ไม่​รู้​เรื่อง​เลย. แต่​ต่อ​มา อันนี ภรรยา​กับ​รูท​ลูก​สาว​ของ​เรา​ได้​ตาม​มา​อยู่​กับ​ผม. ผม​ได้​ปรึกษา​กับ​ทาง​สำนักงาน​สาขา​ถึง​แนว​ทาง​อัน​เป็น​ไป​ได้​ที่​เรา​จะ​รับใช้​ใน​เขต​งาน​ที่​มี​ความ​ต้องการ​ผู้​ประกาศ ดัง​นั้น พวก​เรา​จึง​รับ​การ​ชี้​แนะ​ให้​ไป​ที่​เนอร์ทลิงเงิน, รัฐ​บาวาเรีย. รูท​และ​โยฮันเนส​ลูก​ชาย​คน​เล็ก​ของ​เรา​เติบโต​ที่​นี่. อันนี​เริ่ม​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์. ตัว​อย่าง​ที่​ดี​ของ​มารดา​เป็น​แรง​กระตุ้น​รูท​ให้​ก้าว​สู่​งาน​ไพโอเนียร์​ทันที​หลัง​จบ​โรง​เรียน. ลูก​ทั้ง​สอง​คน​ของ​เรา​แต่งงาน​กับ​ไพโอเนียร์. เวลา​นี้​พวก​เขา​ต่าง​ก็​มี​ครอบครัว​ของ​ตัว​เอง และ​เรา​มี​หลาน ๆ น่า​รัก​น่า​เอ็นดู​ถึง​หก​คน.

ปี 1987 ผม​ถือ​โอกาส​เกษียณ​อายุ​ก่อน​เวลา​และ​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ร่วม​กับ​อันนี. สาม​ปี​หลัง​จาก​นั้น สำนักงาน​สาขา​ใน​เมือง​เซลเทอร์ส ได้​เชิญ​ผม​เข้า​ไป​ช่วย​ใน​โครงการ​ก่อ​สร้าง​ขยาย​อาคาร. หลัง​จาก​นั้น​เรา​ได้​ช่วย​สร้าง​ห้อง​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​แห่ง​แรก​ใน​เมือง​เกลาเคา​ซึ่ง​เคย​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​เยอรมนี​ตะวัน​ออก ต่อ​มา​เรา​ทำ​งาน​ดู​แล​ห้อง​ประชุม​นี้. แต่​เนื่อง​จาก​ปัญหา​ด้าน​สุขภาพ เรา​จึง​ย้าย​ไป​อยู่​กับ​ลูก​สาว​ใน​ประชาคม​เนอร์ทลิงเงิน และ​ทำ​งาน​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์.

ผม​ปลื้ม​ปีติ​มาก​ที่​น้อง​ชาย​และ​น้อง​สาว​ของ​ผม​ทั้ง​หมด รวม​ทั้ง​สมาชิก​ส่วน​ใหญ่​ใน​ครอบครัว​ยัง​คง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​องค์​ประเสริฐ​ยิ่ง​ของ​เรา​อยู่​เรื่อย​มา. ตลอด⁠เวลา​หลาย​ปี เรา​ได้​เรียน​รู้​ว่า​ตราบ​ใด​ที่​เรา​คง​ความ​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ ตราบ​นั้น​เรา​ย่อม​ประสบ​ความ​จริง​แห่ง​ถ้อย​คำ​ใน​บทเพลง​สรรเสริญ 126:3 ที่​ว่า “พระ​ยะโฮวา​ได้​ทรง​กระทำ​การ​มโหฬาร​แก่​พวก​ข้าพเจ้า, และ​พวก​ข้าพเจ้า​จึง​ชื่นชม​ยินดี.”

[ภาพ​หน้า 13]

วัน​แต่งงาน​ของ​เรา ปี 1957

[ภาพ​หน้า 13]

กับ​ครอบครัว​ของ​ผม ปี 1948 (แถว​หน้า จาก​ซ้าย​ไป​ขวา) มันเฟรด, เบอร์ทา, ซาบีเนอ, ฮันเนอลอเรอ, พีเตอร์; (แถว​หลัง จาก​ซ้าย​ไป​ขวา) ผม​และ​โยเคน

[ภาพ​หน้า 15]

หนังสือ​ขนาด​ย่อ​ให้​เล็ก​ลง​ที่​ใช้​ระหว่าง​การ​สั่ง​ห้าม และ​เครื่อง​ดัก​ฟัง​ของ​หน่วย “ชตาซี”

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Forschungs- und Gedenkstätte NORMANNENSTRASSE

[ภาพ​หน้า 16]

กับ​น้อง ๆ ของ​ผม: (แถว​หน้า จาก​ซ้าย​ไป​ขวา) ฮันเนอลอเรอ​และ​ซาบีเนอ; (แถว​หลัง จาก​ซ้าย​ไป​ขวา) ผม, โยเคน, พีเตอร์, และ​มันเฟรด