ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การเลือกที่ถูกต้องนำไปสู่พระพรตลอดชีวิต

การเลือกที่ถูกต้องนำไปสู่พระพรตลอดชีวิต

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

การ​เลือก​ที่​ถูก​ต้อง​นำ​ไป​สู่​พระ​พร​ตลอด​ชีวิต

เล่า​โดย พอล คุชเนียร์

ปี 1897 คุณ​ตา​คุณ​ยาย​ของ​ผม​ได้​ย้าย​จาก​ยูเครน​ไป​อยู่​แคนาดา​และ​ตั้ง​รกราก​ใกล้​เมือง​ยอร์กทัน รัฐ​ซัสแคตเชวัน. ท่าน​ไป​พร้อม​กับ​ลูก​สี่​คน—ลูก​ชาย​สาม​และ​ลูก​สาว​หนึ่ง. ปี 1923 มารินกา​ที่​เป็น​ลูก​สาว​ได้​กลาย​มา​เป็น​แม่​ของ​ผม ผม​เป็น​ลูก​คน​ที่​เจ็ด. วิถี​ชีวิต​สมัย​นั้น​เรียบ​ง่าย แต่​ก็​สงบ​และ​ปลอด​ภัย. เรา​ได้​รับ​อาหาร​ที่​มี​คุณประโยชน์​และ​มี​เครื่อง​นุ่ง​ห่ม​กัน​หนาว และ​รัฐบาล​ได้​จัด​เตรียม​บริการ​สาธารณะ​พื้น​ฐาน​ให้​ประชาชน. เพื่อน​บ้าน​มี​อัธยาศัย​ไมตรี พร้อม​ให้​การ​ช่วยเหลือ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​เมื่อ​มี​งาน​ใหญ่. ใน​ช่วง​ฤดู​หนาว​ปลาย​ปี 1925 มี​คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น ได้​มา​เยี่ยม​พวก​เรา. การ​เยี่ยม​ครั้ง​นั้น​เป็น​แรง​กระตุ้น​เรา​ให้​ตัดสิน​ใจ​เลือก​สิ่ง​ซึ่ง​ผม​ยัง​คง​รู้สึก​ขอบคุณ​จวบ​จน​บัด​นี้.

ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เข้า​มา​ใน​บ้าน​ของ​เรา

แม่​รับ​เอา​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​สอง​สาม​เล่ม​จาก​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​และ​ไม่​นาน​ก็​ตระหนัก​ว่า​สิ่ง​ที่​ได้​ยิน​นั้น​เป็น​ความ​จริง. แม่​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​อย่าง​รวด​เร็ว​และ​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี 1926. ครั้น​แม่​กลาย​เป็น​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เช่น​นั้น ครอบครัว​ของ​เรา​ก็​เปลี่ยน​ทัศนคติ​อย่าง​สิ้นเชิง​ต่อ​ชีวิต. บ้าน​ของ​พวก​เรา​กลาย​เป็น​สถาน​รับรอง​แขก​มา​พัก​อาศัย. ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ซึ่ง​สมัย​นั้น​เรียก​พวก​เขา​ว่า​พิลกริม และ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​คน​อื่น​แวะ​พัก​ค้าง​คืน​ที่​บ้าน​ของ​เรา​บ่อย ๆ. ปี 1928 ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ได้​นำ​ภาพ​ชุด “ยูรีคา ดรามา” มา​ให้​พวก​เรา​ชม ซึ่ง​ก็​คือ “ภาพยนตร์​เรื่อง​การ​ทรง​สร้าง” ใน​ภาค​ย่อ. เขา​ขอ​ยืม​กบ​ของ​เล่น​เด็ก​จาก​พวก​เรา​ไป​ทำ​เสียง​คลิก. เมื่อ​เขา​ทำ​เสียง​คลิก​จาก​กบ​นั้น​ก็​หมาย​ความ​ว่า​ถึง​เวลา​ที่​จะ​เปลี่ยน​ภาพ​นิ่ง. พวก​เรา​เด็ก ๆ ภูมิ​ใจ​ที่​มี​ส่วน​ร่วม​ให้​เขา​ใช้​ประโยชน์​จาก​ของ​เล่น​ชิ้น​นั้น!

ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ชื่อ​อีมิล ซาริสกี​ขับ​รถ​พ่วง​มา​เยี่ยม​เรา​บ่อย ๆ. บาง​ครั้ง​มา​กับ​ลูก​ชาย​ที่​โต​แล้ว​ซึ่ง​เขา​สนับสนุน​เด็ก ๆ อย่าง​พวก​เรา​ให้​คิด​ถึง​การ​รับใช้​เต็ม​เวลา​หรือ​ไพโอเนียร์​นั่น​เอง. ไพโอเนียร์​หลาย​คน​เคย​พัก​ค้าง​คืน​ที่​บ้าน​ของ​เรา​เช่น​กัน. คราว​หนึ่ง แม่​ให้​เสื้อ​เชิ้ต​ไพโอเนียร์​ยืม​ใส่​ระหว่าง​ที่​แม่​ปะ​ซ่อม​เสื้อ​เชิ้ต​ของ​เขา. แต่​เมื่อ​เขา​กลับ​ไป โดย​ไม่​เจตนา​เขา​ไม่​ได้​คืน​เสื้อ​ให้. อีก​นาน​หลัง​จาก​นั้น เขา​ถึง​ได้​ส่ง​คืน พร้อม​กับ​ขอ​โทษ​ใน​ความ​ล่า​ช้า. เขา​เขียน​ว่า “ผม​ไม่​มี​สิบ​เซนต์​ซื้อ​แสตมป์​เป็น​ค่า​ส่ง​ครับ.” พวก​เรา​อยาก​ให้​เขา​เก็บ​เชิ้ต​ตัว​นั้น​ไว้​ใช้​อย่าง​ยิ่ง! ผม​หวัง​ว่า​สัก​วัน​หนึ่ง​ผม​จะ​สามารถ​เลียน​แบบ​ไพโอเนียร์​ที่​มี​น้ำใจ​เสีย​สละ​เช่น​นั้น. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​น้ำใจ​เอื้อ​อารี​ของ​แม่ ซึ่ง​แต่ง​เติม​ชีวิต​อัน​ดี​งาม​แก่​พวก​เรา และ​เสริม​สร้าง​พวก​เรา​ให้​รัก​พวก​พี่​น้อง​มาก​ขึ้น.—1 เปโตร 4:8, 9.

พ่อ​ไม่​ได้​มา​เป็น​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ แต่​ก็​ไม่​ขัด​ขวาง​พวก​เรา. ใน​ปี 1930 พ่อ​ถึง​กับ​อนุญาต​ให้​พวก​พี่​น้อง​ใช้​โรง​เรือน​เปิด​โล่ง​ขนาด​ใหญ่​ชั้น​เดียว​ของ​ท่าน​สำหรับ​การ​ประชุม​หนึ่ง​วัน. แม้​ตอน​นั้น​อายุ​ผม​แค่​เจ็ด​ขวบ แต่​ความ​ยินดี​และ​ความ​สง่า​งาม​ครั้ง​นั้น​ประทับใจ​ผม​มาก. พ่อ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1933. แล้ว​แม่​ก็​เป็น​ม่าย​มี​ภาระ​เลี้ยง​ดู​ลูก​แปด​คน กระนั้น แม่​ไม่​เลิก​ความ​ตั้งใจ​แม้​แต่​น้อย​ที่​จะ​บำรุง​รักษา​พวก​เรา​ให้​อยู่​บน​เส้น​ทาง​การ​นมัสการ​แท้. แม่​คอย​ดู​แล​ผม​ให้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ต่าง ๆ กับ​ท่าน. ใน​ตอน​นั้น การ​ประชุม​ดู​เหมือน​ยืดเยื้อ​ไม่​จบ​สิ้น และ​ผม​นึก​อยาก​ออก​ไป​สมทบ​พวก​เด็ก​ที่​มา​กับ​พ่อ​แม่​ของ​เขา แต่​ถูก​ปล่อย​ให้​วิ่ง​เล่น​ข้าง​นอก. อย่าง​ไร​ก็​ดี เนื่อง​จาก​ผม​เคารพ​แม่ ผม​จึง​อยู่​ร่วม ณ การ​ประชุม. เวลา​แม่​ทำ​อาหาร ท่าน​มัก​จะ​ยก​ข้อ​คัมภีร์​ขึ้น​มา​และ​ตั้ง​คำ​ถาม​ให้​ผม​ตอบ​ว่า​จะ​พบ​ข้อ​นั้น​ใน​พระ​ธรรม​เล่ม​ไหน. ปี 1933 พวก​เรา​เก็บ​เกี่ยว​ผล​ผลิต​ได้​มาก​กว่า​ปกติ เรา​มี​ราย​ได้​เพิ่ม​ขึ้น และ​แม่​ใช้​เงิน​ที่​ได้​พิเศษ​นี้​ซื้อ​รถยนต์. เพื่อน​บ้าน​บาง​คน​วิพากษ์วิจารณ์​ว่า​สิ้น​เปลือง​เงิน​ทอง​เปล่า ๆ แต่​แม่​หมาย​มั่น​จะ​ใช้​รถ​คัน​นี้​ช่วย​พวก​เรา​ใน​กิจกรรม​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า. แม่​เป็น​ฝ่าย​ถูก.

คน​อื่น​ช่วย​ผม​ตัดสิน​ใจ​อย่าง​ถูก​ต้อง

เมื่อ​ถึง​จุด​หนึ่ง หนุ่ม​สาว​ไม่​ว่า​ใคร​ก็​ต้อง​ตัดสิน​ใจ​เลือก​ทาง​เดิน​ซึ่ง​มี​ผล​กระทบ​ต่อ​อนาคต​ของ​เขา. เมื่อ​ถึง​เวลา​นั้น เฮเลน​และ​เคย์​พี่​สาว​ของ​ผม สอง​คน​นี้​เริ่ม​ทำ​งาน​เป็น​ไพโอเนียร์. ไพโอเนียร์​คน​หนึ่ง​ที่​เคย​เป็น​แขก​พัก​บ้าน​ของ​เรา​คือ​จอห์น จาซูสกี เขา​เป็น​คน​ดี​เรียบร้อย. แม่​ขอ​ให้​จอห์น​อยู่​กับ​เรา​สัก​ระยะ​หนึ่ง​เพื่อ​ช่วย​งาน​ใน​ฟาร์ม. ต่อ​มา​จอห์น​ได้​แต่งงาน​กับ​เคย์ และ​ทั้ง​สอง​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ไม่​ไกล​จาก​บ้าน​ของ​เรา. เมื่อ​ผม​อายุ 12 ขวบ พวก​เขา​ได้​ชวน​ผม​ไป​ประกาศ​ด้วย​กัน​ใน​ช่วง​ปิด​ภาค​เรียน. การ​ประกาศ​ตาม​บ้าน​ใน​เขต​งาน​ทำ​ให้​ผม​ได้​สัมผัส​ชีวิต​ไพโอเนียร์.

ต่อ​มา ผม​กับ​จอห์น​พี่​ชาย​สามารถ​จัด​การ​ดู​แล​งาน​ใน​ฟาร์ม​ได้​พอ​สม​ควร. แม่​ถือ​โอกาส​เหมาะ ๆ อย่าง​นี้​ใน​ช่วง​ฤดู​ร้อน​ออก​ไป​รับใช้ ซึ่ง​เวลา​นี้​เรียก​ว่า​งาน​ไพโอเนียร์​สมทบ. แม่​อาศัย​ม้า​แก่​ตัว​หนึ่ง​ลาก​รถ​สอง​ล้อ. พ่อ​ตั้ง​ชื่อ​ม้า​สอน​ยาก​ตัว​นี้​ว่า​เซาโล แต่​สำหรับ​แม่​แล้ว​มัน​เป็น​ม้า​สอน​ง่าย​และ​ควบคุม​ได้. ผม​และ​จอห์น​ชื่น​ชอบ​งาน​ใน​ฟาร์ม​มาก แต่​ทุก​ครั้ง​เมื่อ​แม่​กลับ​มา​ถึง​บ้าน และ​เล่า​ประสบการณ์​ที่​พบ​เห็น​ใน​เขต​งาน ความ​รัก​ที่​เรา​มี​ให้​กับ​งาน​ใน​ฟาร์ม​เปลี่ยน​ไป​อยู่​ที่​งาน​รับใช้​ประเภท​ไพโอเนียร์​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ. ปี 1938 ผม​เพิ่ม​กิจกรรม​ด้าน​การ​ประกาศ​มาก​ขึ้น และ​ผม​ได้​รับ​บัพติสมา​เมื่อ​วัน​ที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี 1940.

ใน​เวลา​ต่อ​มา ผม​ถูก​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​รับใช้​ใน​ประชาคม. ผม​ดู​แล​การ​เก็บ​รักษา​บันทึก​ของ​ประชาคม และ​ปลื้ม​ปีติ​ทุก​ครั้ง​เมื่อ​มี​การ​เพิ่ม​ทวี. ผม​มี​เขต​งาน​ส่วน​ตัว​ใน​เมือง​หนึ่ง ห่าง​จาก​บ้าน​ราว ๆ สิบ​หก​กิโลเมตร. ใน​ช่วง​หน้า​หนาว ผม​เดิน​ไป​เขต​งาน​ทุก​สัปดาห์​และ​นอน​ค้าง​หนึ่ง​หรือ​สอง​คืน​ใน​ห้อง​ใต้​หลังคา​บ้าน​ของ​ครอบครัว​ที่​แสดง​ความ​สนใจ. ภาย​หลัง​การ​โต้​ตอบ​กับ​นัก​เทศน์​นิกาย​ลูเทอรัน ผม​เอง​ก็​อาจ​ขาด​การ​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​ไป​บ้าง เขา​เลย​ข่มขู่​จะ​เรียก​ตำรวจ​มา​จัด​การ หาก​ผม​ยัง​ขืน​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​สานุศิษย์​ของ​เขา. การ​ขู่​ของ​เขา​ยิ่ง​ทำ​ให้​ผม​ตั้งใจ​แน่วแน่​ยิ่ง​ขึ้น​ที่​จะ​รุด​หน้า​ต่อ​ไป.

ปี 1942 เคย์​พี่​สาว​ผม​กับ​จอห์น​ผู้​เป็น​สามี​วาง​แผน​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​เมือง​คลีฟแลนด์ รัฐ​โอไฮโอ สหรัฐ. ผม​ดีใจ​ที่​เขา​ชวน​ผม​ไป​ด้วย. การ​ประชุม​ครั้ง​นั้น​เป็น​เหตุ​การณ์​หนึ่ง​ที่​ดี​ที่​สุด​สำหรับ​ผม. มัน​ช่วย​เสริม​การ​วาง​แผน​ของ​ผม​สำหรับ​อนาคต​ให้​แน่นอน​ยิ่ง​ขึ้น. เมื่อ​บราเดอร์​นาทาน นอรร์ เวลา​นั้น​เป็น​ผู้​นำ​หน้า​งาน​ที่​พยาน​ฯ ทำ​อยู่​ทั่ว​โลก ท่าน​ได้​เรียก​ร้อง​ต้องการ​ไพโอเนียร์ 10,000 คน ผม​จึง​ตัดสิน​ใจ​ทันที​ทันใด​เพื่อ​จะ​เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​จำนวน​นั้น!

เดือน​มกราคม ปี 1943 เฮนรี ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​คน​หนึ่ง​มา​เยี่ยม​ประชาคม​ของ​เรา. เขา​บรรยาย​อย่าง​น่า​ตื่นเต้น​เร้า​ใจ​ให้​พวก​เรา​เกิด​ความ​กระตือรือร้น. หนึ่ง​วัน​หลัง​จาก​เขา​บรรยาย อุณหภูมิ​ลด​ลง​มา​อยู่​ที่​ลบ 40 องศา​เซลเซียส และ​ลม​ที่​พัด​รุนแรง​จาก​ทาง​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ​ทำ​ให้​อากาศ​ยิ่ง​หนาว​จัด. เมื่อ​เกิด​คลื่น​อากาศ​เย็น​ขนาด​นั้น ปกติ​แล้ว​เรา​จะ​อยู่​ภาย​ใน​บ้าน แต่​เฮนรี​กระตือรือร้น​ออก​ไป​ใน​งาน​รับใช้. ที่​จะ​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​ซึ่ง​ไกล​ออก​ไป 11 กิโลเมตร เขา​พร้อม​ทั้ง​คน​อื่น ๆ นั่ง​บน​เลื่อน​เทียม​ม้า​มี​ประทุน และ​มี​เตา​ถ่าน​ติด​ไฟ​ให้​ความ​ร้อน​ด้วย. ส่วน​ผม​ไป​คน​เดียว​เพื่อ​กลับ​เยี่ยม​ครอบครัว​ซึ่ง​มี​ลูก​ชาย​ห้า​คน. พวก​เขา​ตก​ลง​รับ​คำ​จะ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ผม และ​พวก​เขา​ได้​ยึด​เอา​ความ​จริง​ใน​เวลา​ต่อ​มา.

การ​เผยแพร่​เมื่อ​มี​การ​สั่ง​ห้าม

ระหว่าง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 งาน​ประกาศ​ใน​แคนาดา​ถูก​สั่ง​ห้าม. เรา​จำเป็น​ต้อง​ซ่อน​สรรพหนังสือ​ไว้​ใน​ที่​ลับ​ตา และ​ที่​ฟาร์ม​ของ​เรา​มี​ที่​ซ่อน​หลาย​จุด. ตำรวจ​เข้า​ค้น​บ้าน​ของ​เรา​บ่อย​ครั้ง ทว่า​ไม่​พบ​สิ่ง​ใด. ขณะ​ทำ​การ​ประกาศ เรา​ใช้​แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​เท่า​นั้น. เรา​ประชุม​กัน​เป็น​กลุ่ม​เล็ก ๆ ส่วน​ผม​กับ​จอห์น​พี่​ชาย​ถูก​เลือก​ให้​เป็น​ผู้​สื่อสาร​อย่าง​ลับ ๆ.

ใน​ช่วง​สงคราม ประชาคม​ของ​เรา​มี​ส่วน​ใน​งาน​จ่าย​หนังสือ​เล่ม​เล็ก​อวสาน​ของ​ลัทธิ​นาซี ไป​ทั่ว​ประเทศ. เรา​ออก​ไป​กลาง​ดึก. ผม​รู้สึก​กลัว​มาก​เมื่อ​เรา​ค่อย ๆ แอบ​ไป​ที่​บ้าน​แต่​ละ​หลัง และ​วาง​หนังสือ​ไว้​ที่​บันได​หน้า​ประตู. ผม​ไม่​เคย​ทำ​สิ่ง​ใด​ที่​น่า​กลัว​ที่​สุด​อย่าง​ครั้ง​นี้​มา​ก่อน. เมื่อ​เรา​จ่าย​เล่ม​สุด​ท้าย​ออก​ไป​แล้ว ผม​รู้สึก​โล่ง​อก​สบาย​ใจ​เสีย​นี่​กระไร! เรา​รีบ​กลับ​ไป​ยัง​รถ​ที่​จอด​รอ​อยู่ นับ​จำนวน​คน​ครบ​แล้ว​ขึ้น​รถ​ขับ​ฝ่า​ความ​มืด​หนี​โดย​เร็ว.

เป็น​ไพโอเนียร์, เรือน​จำ, และ​การ​ประชุม​ใหญ่

วัน​ที่ 1 พฤษภาคม 1943 ผม​อำลา​แม่​แล้ว​ก็​ออก​จาก​บ้าน. ผม​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​เขต​งาน​มอบหมาย​แรก​ใน​ฐานะ​เป็น​ไพโอเนียร์ มี​เงิน​ติด​ตัว​ไป​ประมาณ 20 ดอลลาร์ และ​กระเป๋า​เสื้อ​ผ้า​เล็ก ๆ หนึ่ง​ใบ. บราเดอร์​ทอม ทรูพ​และ​ครอบครัว​ซึ่ง​มี​ความ​รัก​ได้​เอื้อเฟื้อ​ต้อนรับ​ผม​ให้​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​เขา​ที่​เมือง​ควิลล์เลก รัฐ​ซัสแคตเชวัน. ปี​ถัด​มา ผม​ย้าย​ไป​เขต​โดด​เดี่ยว​ใน​เวย์​เบิร์น รัฐ​ซัสแคตเชวัน. ขณะ​ให้​คำ​พยาน​ตาม​ถนน ผม​ถูก​จับ นั่น​เป็น​วัน​ที่ 24 ธันวาคม ปี 1944. หลัง​จาก​ถูก​ขัง​ใน​เรือน​จำ​ท้องถิ่น​ระยะ​หนึ่ง เขา​ส่ง​ผม​ไป​ที่​ค่าย​แรงงาน​ใน​เมือง​แจสเพอร์ รัฐ​แอลเบอร์ตา. ที่​นั่น ผม​ได้​อยู่​กับ​พยาน​ฯ คน​อื่น ๆ และ​ห้อม​ล้อม​ไป​ด้วย​สิ่ง​ทรง​สร้าง​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​ยะโฮวา ผม​หมาย​ถึง​เทือก​เขา​รอกกี​ด้าน​แคนาดา. ช่วง​ต้น​ปี 1945 เจ้าหน้าที่​ดู​แล​ค่าย​อนุญาต​ให้​พวก​เรา​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใน​เมือง​เอดมันตัน รัฐ​แอลเบอร์ตา. บราเดอร์​นอรร์​ให้​รายงาน​อย่าง​น่า​ตื่นเต้น​ยินดี​เกี่ยว​กับ​ความ​ก้าว​หน้า​ของ​งาน​ทั่ว​โลก. พวก​เรา​เฝ้า​รอ​ว่า​เมื่อ​ไร​การ​กัก​กัน​จะ​จบ​สิ้น​เสีย​ที และ​เรา​จะ​ได้​ร่วม​งาน​ประกาศ​อย่าง​เต็ม​ที่​อีก.

ครั้น​ได้​รับ​อิสรภาพ ผม​กลับ​ไป​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​ดัง​เดิม. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน มี​การ​แจ้ง​เรื่อง​การ​ประชุม​ใหญ่ “การ​แผ่​ขยาย​ไป​ทุก​ชาติ” ซึ่ง​จะ​จัด​ขึ้น​ที่​นคร​ลอสแอนเจลิส รัฐ​แคลิฟอร์เนีย. พี่​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​เขต​งาน​มอบหมาย​ใหม่​ของ​ผม​จัดแจง​เอา​รถ​บรรทุก​ของ​เขา​ออก​มา​และ​ทำ​ม้า​นั่ง​ใน​รถ​สำหรับ​ผู้​โดยสาร 20 คน. วัน​ที่ 1 สิงหาคม ปี 1947 พวก​เรา​เริ่ม​การ​เดิน​ทาง​ที่​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​เลย เป็น​การ​เดิน​ทาง​ระยะ​ไกล 7,200 กิโลเมตร ผ่าน​ทุ่ง​หญ้า​กว้าง​ใหญ่, ผ่าน​ทะเล​ทราย, และ​ภูมิ​ประเทศ​ที่​น่า​เกรง​ขาม รวม​ทั้ง​อุทยาน​แห่ง​ชาติ​เยลโลว์สโตน​และ​โยเซมิตี. การ​เดิน​ทาง​กิน​เวลา 27 วัน ถือ​เป็น​ประสบการณ์​น่า​พิศวง​ที​เดียว!

เอา​แค่​การ​ประชุม​ใหญ่​ก็​เป็น​ประสบการณ์​วิเศษ​สุด​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​เสมอ. เพื่อ​มี​ส่วน​ร่วม​เต็ม​ที่​ใน​การ​ประชุม​ใหญ่​ครั้ง​นั้น ผม​ปฏิบัติ​หน้า​ที่​ช่วง​กลางวัน​อยู่​ฝ่าย​ต้อนรับ และ​ช่วง​กลางคืน​ผม​เฝ้า​ยาม. หลัง​จาก​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​จัด​ขึ้น​สำหรับ​คน​ที่​สนใจ​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี ผม​ก็​กรอก​ใบ​สมัคร​แต่​ไม่​ได้​ตั้ง​ความ​หวัง​สูง​นัก. ใน​ระหว่าง​นั้น เมื่อ​ปี 1948 ผม​ตอบรับ​การ​เป็น​ไพโอเนียร์​ไป​ทำ​งาน​ที่​มณฑล​ควิเบก ประเทศ​แคนาดา.—ยะซายา 6:8.

เข้า​เรียน​ที่​กิเลียด แล้ว​หลัง​จาก​นั้น

ปี 1949 ผม​ดีใจ​เมื่อ​ได้​รับ​เชิญ​เป็น​นัก​เรียน​รุ่น​ที่ 14 ของ​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด. การ​อบรม​ครั้ง​นั้น​เสริม​ความ​เชื่อ​ของ​ผม​และ​ดึงดูด​ผม​เข้า​ใกล้​พระ​ยะโฮวา​มาก​ยิ่ง​ขึ้น. จอห์น​กับ​เคย์​จบ​หลัก​สูตร​รุ่น​ที่ 11 และ​ได้​รับใช้​ฐานะ​มิชชันนารี​ใน​ประเทศ​โรดีเซีย​เหนือ (ปัจจุบัน​คือ​แซมเบีย). จอห์น​พี่​ชาย​ผม​จบ​กิเลียด​ปี 1956. พร้อม​ด้วย​ฟรีดา​ภรรยา เขา​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​ที่​บราซิล​เป็น​เวลา 32 ปี​กระทั่ง​สิ้น​ชีวิต.

วัน​ที่​ผม​จบ​หลัก​สูตร​การ​เรียน​เดือน​กุมภาพันธ์ ปี 1950 ผม​ได้​รับ​โทรเลข​สอง​ฉบับ​ที่​ให้​กำลังใจ​มาก ฉบับ​หนึ่ง​จาก​แม่ และ​อีก​ฉบับ​หนึ่ง​จาก​ครอบครัว​ทรูพ​ใน​เมือง​ควิลล์เลก. โทรเลข​จาก​ครอบครัว​ทรูพ บรรทัด​แรก​เป็น “คำ​แนะ​นำ​แก่​ผู้​สำเร็จ​การ​ศึกษา” มี​เนื้อ​ความ​ว่า “วัน​นี้​พิเศษ​สุด​สำหรับ​คุณ เป็น​วัน​ที่​คุณ​จะ​ชื่นชม​เสมอ. จง​ประสบ​ความ​สำเร็จ​และ​ความ​ยินดี​เป็น​นิตย์.”

ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​ใน​เมือง​ควิเบก แต่​ยัง​คง​อยู่​ที่​ฟาร์ม​ราชอาณาจักร​ใน​รัฐ​นิวยอร์ก​ชั่ว​ระยะ​หนึ่ง ซึ่ง​ตอน​นั้น​โรง​เรียน​กิเลียด​ยัง​อยู่​ที่​นั่น. วัน​หนึ่ง​บราเดอร์​นอรร์​ถาม​ผม​ว่า​เต็ม​ใจ​จะ​ไป​รับใช้​ที่​ประเทศ​เบลเยียม​หรือ​ไม่. แต่​ไม่​กี่​วัน​ต่อ​มา ท่าน​ถาม​ผม​ว่า ถ้า​มอบหมาย​ให้​ไป​ประเทศ​เนเธอร์แลนด์​จะ​ตก​ลง​หรือ​เปล่า. เมื่อ​ผม​รับ​จดหมาย​มอบ​งาน ผม​ได้​รับ​แจ้ง​ให้​ไป “รับ​หน้า​ที่​ผู้​รับใช้​สาขา.” ผม​ตื้นตัน​ใจ​เป็น​อย่าง​มาก.

วัน​ที่ 24 สิงหาคม 1950 ผม​เริ่ม​เดิน​ทาง​ไป​ประเทศ​เนเธอร์แลนด์​โดย​ทาง​เรือ​เดิน​ทะเล​นาน 11 วัน—มี​เวลา​มาก​พอ​สำหรับ​การ​อ่าน​พระ​คัมภีร์​คริสเตียน​ภาค​ภาษา​กรีก​ฉบับ​แปล​โลก​ใหม่​จน​จบ. ผม​มา​ถึง​รอตเทอร์ดัม​เมื่อ​วัน​ที่ 5 กันยายน 1950 และ​ครอบครัว​เบเธล​ต้อนรับ​ผม​อย่าง​อบอุ่น. ทั้ง ๆ ที่​ได้​รับ​ความ​เสียหาย​ยับเยิน​จาก​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 พวก​พี่​น้อง​ทำ​ได้​เยี่ยม​มาก​ใน​การ​ฟื้นฟู​กิจกรรม​คริสเตียน​ขึ้น​อีก. ขณะ​ฟัง​เรื่อง​ราว​ที่​พวก​เขา​ได้​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ระหว่าง​ถูก​กดขี่​ข่มเหง​อย่าง​สาหัส ผม​คิด​ว่า​พี่​น้อง​เหล่า​นั้น​คง​จะ​ลำบาก​ใจ​พอ​สม​ควร​ที่​จะ​ปฏิบัติ​งาน​ภาย​ใต้​การ​ชี้​แนะ​ของ​ผู้​รับใช้​สาขา​ซึ่ง​เป็น​คน​หนุ่ม​และ​ขาด​ความ​ช่ำชอง. อย่าง​ไร​ก็​ดี ไม่​ช้า​ไม่​นาน​ก็​เห็น​ได้​ชัด​ว่า​ผม​ไม่​มี​หลักฐาน​ที่​จะ​หวั่น​ใจ​เช่น​นั้น.

แน่นอน บาง​เรื่อง​ก็​จำเป็น​ต้อง​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล. ผม​เพิ่ง​มา​ถึง​ก่อน​การ​ประชุม​ใหญ่ และ​รู้สึก​ประทับใจ​ที่​เห็น​ตัว​แทน​หลาย​พัน​คน​ได้​พัก​ใน​บริเวณ​ที่​จัด​สำหรับ​การ​ประชุม. ผม​เสนอ​แนะ​ว่า​เมื่อ​จัด​การ​ประชุม​ใหญ่​ครั้ง​ถัด​ไป​ให้​หา​ที่​พัก​ตาม​บ้าน​ส่วน​ตัว. พวก​พี่​น้อง​คิด​ว่า​ความ​คิด​ที่​เสนอ​นั้น​ดี แต่​ไม่​เหมาะ​สำหรับ​ประเทศ​ของ​เขา. หลัง​จาก​หา​เหตุ​ผล​ใน​เรื่อง​นี้​แล้ว เรา​ก็​ประนีประนอม​กัน โดย​ให้​ตัว​แทน​ครึ่ง​หนึ่ง​เข้า​พัก​ใน​บริเวณ​สถาน​การ​ประชุม และ​อีก​ครึ่ง​หนึ่ง​พัก​ที่​บ้าน​ของ​คน​ที่​ไม่​ได้​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เมือง​ที่​ถูก​จัด​ให้​มี​การ​ประชุม​ใหญ่. ด้วย​ความ​ภูมิ​ใจ ผม​พูด​ถึง​ความ​สำเร็จ​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​นี้​กับ​บราเดอร์​นอรร์​เมื่อ​ท่าน​มา​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่. อย่าง​ไร​ก็​ดี ความ​รู้สึก​ว่า​ได้​ประสบ​ความ​สำเร็จ​แล้ว​นั้น​กลับ​เหือด​หาย​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว​เมื่อ​ได้​อ่าน​รายงาน​การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ซึ่ง​แถลง​ดัง​นี้: “พวก​เรา​รู้สึก​แน่​ใจ​ว่า ครั้ง​ต่อ​ไป​พี่​น้อง​จะ​มั่น​ใจ​ว่า​เขา​สามารถ​จัด​หา​ที่​พัก​ให้​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​บ้าน​ของ​ประชาชน​ได้ ซึ่ง​เหมาะ​แก่​การ​ให้​คำ​พยาน​อย่าง​บังเกิด​ผล​ดี​ที่​สุด.” เรา​ปฏิบัติ​ตาม​ถ้อย​แถลง​นั้น​จริง ๆ ใน “ครั้ง​ต่อ​ไป”!

เดือน​กรกฎาคม ปี 1961 ตัว​แทน​สอง​คน​จาก​สำนักงาน​สาขา​ของ​เรา​ได้​รับ​เชิญ​ไป​ประชุม​ร่วม​กับ​ตัว​แทน​จาก​สาขา​ประเทศ​อื่น ๆ ที่​ลอนดอน. บราเดอร์​นอรร์​ประกาศ​ว่า​จะ​มี​การ​แปล​พระ​คัมภีร์​บริสุทธิ์​ฉบับ​แปล​โลก​ใหม่​อีก​หลาย​ภาษา รวม​ทั้ง​ภาษา​ดัตช์​ด้วย. นับ​เป็น​ข่าว​ที่​สร้าง​ความ​ตื่นเต้น​ดีใจ​อะไร​เช่น​นั้น! ยัง​ดี​ที่​เรา​ไม่​รู้​ว่า​โครงการ​นี้​ใหญ่​โต​แค่​ไหน. สอง​ปี​ต่อ​มา ใน​ปี 1963 ผม​ปลื้ม​ปีติ​เสีย​จริง ๆ ที่​ได้​มี​ส่วน​ใน​ระเบียบ​วาระ​การ​ประชุม​ใหญ่​ที่​นิวยอร์ก เมื่อ​มี​การ​ออก​พระ​คัมภีร์​คริสเตียน​ภาค​ภาษา​กรีก​ฉบับ​แปล​โลก​ใหม่​ภาษา​ดัตช์.

การ​ตัดสิน​ใจ​และ​งาน​มอบหมาย​ใหม่

เดือน​สิงหาคม ปี 1961 ผม​แต่งงาน​กับ​ไลดา วาเมอลิงค์. เธอ​และ​ทั้ง​ครอบครัว​ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​ใน​ปี 1942 ระหว่าง​ช่วง​การ​ข่มเหง​ของ​พวก​นาซี. ไลดา​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​ปี 1950 และ​มา​เบเธล​ใน​ปี 1953. การ​ที่​เธอ​ทำ​งาน​อย่าง​ขยัน​ขันแข็ง​ทั้ง​ใน​เบเธล​และ​ใน​ประชาคม​เป็น​สิ่ง​บ่ง​บอก​ให้​ผม​รู้​ว่า​เธอ​คง​จะ​เป็น​เพื่อน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​ใน​งาน​รับใช้​ของ​ผม.

หนึ่ง​ปี​เศษ ๆ หลัง​จาก​เรา​แต่งงาน ผม​ได้​รับ​เชิญ​ไป​บรุกลิน​เพื่อ​รับ​การ​อบรม​เพิ่ม​เติม​เป็น​เวลา​สิบ​เดือน. ตอน​นั้น​ไม่​มี​การ​จัด​เตรียม​ให้​ภรรยา​ไป​กับ​สามี. แม้​สุขภาพ​ร่าง​กาย​ไม่​แข็งแรง แต่​ด้วย​ความ​รัก ไลดา​เห็น​ด้วย​ว่า​ผม​ควร​ตอบรับ​คำ​เชิญ. ใน​เวลา​ต่อ​มา สุขภาพ​ของ​ไลดา​ทรุด​ลง. เรา​ได้​พยายาม​จะ​ทำ​งาน​ที่​เบเธล​ต่อ​ไป แต่​ใน​ที่​สุด​ก็​ตัดสิน​ใจ​ว่า​การ​รับใช้​เต็ม​เวลา​ใน​เขต​งาน​คง​เป็น​แนว​ทาง​ที่​ดี​กว่า. ดัง​นั้น เรา​เริ่ม​งาน​รับใช้​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ภรรยา​ผม​ต้อง​เข้า​รับ​การ​ผ่าตัด​ใหญ่. เนื่อง​ด้วย​การ​เกื้อ​หนุน​จาก​พี่​น้อง​คริสเตียน​ที่​มี​ความ​รัก เรา​จึง​รับมือ​สถานการณ์​คราว​นั้น​ได้ และ​หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา เรา​สามารถ​รับ​หน้า​ที่​มอบหมาย​ดู​แล​งาน​ภาค​ได้​ด้วย​ซ้ำ.

เรา​เพลิดเพลิน​กับ​งาน​รับใช้​ที่​ยัง​ความ​สดชื่น​กระปรี้กระเปร่า​ตลอด​ช่วง​เจ็ด​ปี​ของ​การ​เดิน​ทาง​เยี่ยม. ครั้น​แล้ว​ก็​ต้อง​ตัดสิน​ใจ​ครั้ง​ใหญ่​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​เมื่อ​ผม​ถูก​เชิญ​ให้​เป็น​ผู้​สอน​โรง​เรียน​พระ​ราชกิจ​ที่​เบเธล. เรา​ตอบ​ตก​ลง แม้​การ​ปรับ​เปลี่ยน​นี้​ไม่​ง่าย​นัก เนื่อง​จาก​เรา​รัก​งาน​เดิน​ทาง​เยี่ยม​หมวด. โรง​เรียน​จัด​โครงการ​สอน​ไว้ 47 รุ่น แต่​ละ​รุ่น​เรียน​สอง​สัปดาห์ ทั้ง​นี้​ทำ​ให้​ผม​มี​โอกาส​ได้​แบ่ง​ปัน​พระ​พร​ฝ่าย​วิญญาณ​กับ​พวก​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ต่าง ๆ.

ใน​ช่วง​เวลา​ดัง​กล่าว ผม​เตรียม​การ​จะ​ไป​เยี่ยม​แม่​ใน​ปี 1978. แต่​โดย​ไม่​คาด​คิด วัน​ที่ 29 เมษายน ปี 1977 เรา​ได้​รับ​โทรเลข​แจ้ง​ข่าว​การ​เสีย​ชีวิต​ของ​แม่. ผม​ถึง​กับ​นิ่ง​อั้น​ด้วย​ความ​เศร้า​โศก​อาลัย​เพราะ​ตระหนัก​ดี​ว่า​ผม​จะ​ไม่​ได้​ยิน​น้ำ​เสียง​แสดง​ความ​รักใคร่​เอ็นดู​ของ​แม่​อีก​แล้ว และ​ผม​หมด​โอกาส​บอก​แม่​ว่า​ผม​สำนึก​บุญคุณ​แม่​เพียง​ไร​สำหรับ​ทุก​สิ่ง​ที่​แม่​ทำ​เพื่อ​ผม.

เมื่อ​เสร็จ​สิ้น​การ​สอน​ใน​โรง​เรียน​พระ​ราชกิจ เรา​ได้​รับ​เชิญ​เข้า​เป็น​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล. ใน​ช่วง​หลาย​ปี​ต่อ​มา ผม​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ประสาน​งาน​คณะ​กรรมการ​สาขา​อยู่​สิบ​ปี. ต่อ​มา คณะ​กรรมการ​ปกครอง​ได้​แต่ง​ตั้ง​ผู้​ประสาน​งาน​คน​ใหม่​ซึ่ง​สามารถ​ทำ​ภารกิจ​ได้​ดี​กว่า. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​เป็น​อย่าง​มาก​สำหรับ​การ​ปรับ​เปลี่ยน​นี้.

รับใช้​เท่า​ที่​อายุ​อำนวย

เวลา​นี้ ทั้ง​ผม​และ​ไลดา​มี​อายุ 83 ปี. ผม​ชื่นชม​กับ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​มา​นาน​กว่า 60 ปี ใน​ช่วง 45 ปี​หลัง​นี้​ได้​รับใช้​ด้วย​กัน​กับ​ภรรยา​ที่​ซื่อ​สัตย์​ภักดี. เธอ​มอง​การ​สนับสนุน​ผม​ใน​งาน​มอบหมาย​ทุก​อย่าง​เป็น​ส่วน​ของ​การ​รับใช้​ที่​เธอ​อุทิศ​แด่​พระ​ยะโฮวา. ณ ปัจจุบัน เรา​ทำ​เท่า​ที่​พอ​ทำ​ได้ ไม่​ว่า​งาน​ใน​เบเธล​หรือ​ใน​ประชาคม.—ยะซายา 46:4.

บาง​ครั้ง​บาง​คราว เรา​ชอบ​หวน​ระลึก​ถึง​ช่วง​สำคัญ ๆ ใน​ชีวิต​ของ​เรา. เรา​ไม่​เคย​นึก​เสียดาย​หรือ​เสียใจ​กับ​สิ่ง​ที่​ได้​ทำ​ใน​งาน​รับใช้​พระ​ยะโฮวา และ​เรา​เชื่อ​มั่น​ว่า​การ​ตัดสิน​ใจ​เลือก​ของ​เรา​ตั้ง​แต่​อายุ​ยัง​น้อย​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ที่​ดี​ที่​สุด. เรา​ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​รับใช้​และ​ถวาย​เกียรติ​แด่​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​เต็ม​กำลัง​ของ​เรา​สืบ ๆ ไป.

[ภาพ​หน้า 13]

กับ​บิลล์ พี่​ชาย​ของ​ผม และ​เซาโล ม้า​ของ​เรา

[ภาพ​หน้า 15]

วัน​แต่งงาน​ของ​เรา สิงหาคม 1961

[ภาพ​หน้า 15]

กับ​ไลดา ใน​ปัจจุบัน