ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เหตุที่ฉันปลื้มปีติกับการทำให้คนเป็นสาวก

เหตุที่ฉันปลื้มปีติกับการทำให้คนเป็นสาวก

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เหตุ​ที่​ฉัน​ปลื้ม​ปีติ​กับ​การ​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก

เล่า​โดย พาเมลา โมสลีย์

ใน​ปี 1941 ขณะ​ที่​สงคราม​เป็น​ไป​อย่าง​ดุเดือด​ทั่ว​ประเทศ​อังกฤษ ตอน​นั้น​แม่​พา​ฉัน​ไป​ร่วม การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​เมือง​เลสเตอร์. อัลเบิร์ต ชโรเดอร์ ได้​กล่าว​คำ​บรรยาย​พิเศษ​เกี่ยว​กับ​เด็ก. เมื่อ​ฉัน​กับ​แม่​ได้​รับ​บัพติสมา ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ครั้ง​นั้น ฉัน​สังเกต​ว่า​ผู้​สนับสนุน​เรา​ให้​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​ล้วน​มี​ความ​ปลื้ม​ปีติ. เวลา​นั้น​ฉัน​ไม่​ตระหนัก​เลย​ว่า​จะ​มี​ความ​ชื่นชม​ยินดี มาก​มาย​เพียง​ใด​อัน​เนื่อง​มา​จาก​การ​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก​ของ​พระ​เยซู​คริสต์.

ความ​ก้าว​หน้า​ของ​เรา​ถึง​ขั้น​เป็น​สาวก​เริ่ม​ใน​ปี​ก่อน​หน้า​นั้น. ฉัน​ยัง​จำ​วัน​อัน​น่า​หวาด​กลัว​ใน​เดือน​กันยายน ปี 1939 นั้น​ได้​เมื่อ​เกิด​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2. ฉัน​เห็น​น้ำตา​แม่​ไหล​อาบ​แก้ม​เมื่อ​ท่าน​รำพัน​ว่า “ทำไม​หนอ​มนุษย์​โลก​หา​ความ​สุข​สงบ​ไม่​ได้?” พ่อ​และ​แม่​เป็น​ทหาร​ใน​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 1 และ​เคย​พบ​เห็น​ความ​ร้ายกาจ​น่า​กลัว​ของ​สงคราม​มา​แล้ว. แม่​หยิบ​ยก​ข้อ​กังขา​ดัง​กล่าว​ไป​ถาม​นัก​เทศน์​นิกาย​แองกลิกัน​ใน​เมือง​บริสตอล. เขา​แค่​พูด​ว่า “สงคราม​เกิด​ขึ้น​เสมอ​มา​และ​จะ​เป็น​เช่น​นี้​เสมอ​ไป.”

อย่าง​ไร​ก็​ดี ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น สตรี​สูง​วัย​คน​หนึ่ง​แวะ​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา. เธอ​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. แม่​ถาม​เธอ​ด้วย​คำ​ถาม​เดียว​กัน: “ทำไม​มนุษย์​โลก​หา​ความ​สุข​สงบ​ไม่​ได้?” พยาน​ฯ อธิบาย​ว่า​สงคราม​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​หมาย​สำคัญ​ซึ่ง​ชี้​ว่า​เรา​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ช่วง​อวสาน​ของ​ระบบ​ที่​รุนแรง. (มัดธาย 24:3-14) ต่อ​มา ลูก​สาว​ของ​เธอ​ได้​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​พวก​เรา. ทั้ง​แม่​และ​ลูก​สาว​รวม​อยู่​ใน​กลุ่ม​ผู้​สังเกตการณ์​ที่​มี​ความ​สุข ณ วัน​ที่​เรา​รับ​บัพติสมา. ทำไม​การ​สอน​คน​ให้​เป็น​สาวก​ถึง​ทำ​ให้​ผู้​คน​มี​ความ​สุข​ขนาด​นั้น? ฉัน​มา​เข้าใจ​เหตุ​ผล​ใน​ภาย​หลัง. ฉัน​ขอ​เล่า​บาง​ส่วน​จาก​สิ่ง​ที่​เรียน​รู้​มา​นาน​กว่า 65 ปี​ว่า​ด้วย​การ​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก.

ค้น​พบ​ความ​ยินดี​ใน​การ​สอน

ฉัน​เริ่ม​มี​ส่วน​ใน​งาน​ประกาศ​ราชอาณาจักร​ใน​บริสตอล​เมื่อ​อายุ 11 ขวบ. บราเดอร์​คน​หนึ่ง​มอบ​หีบ​เสียง​พร้อม​กับ​บัตร​ให้​คำ​พยาน และ​พูด​ว่า “เอา​ละ เธอ​ไป​ทุก​บ้าน​ที่​อยู่​ฟาก​ถนน​ด้าน​นั้น.” แล้ว​ฉัน​ก็​เริ่ม​งาน​ประกาศ​ทันที​และ​ไป​คน​เดียว. แน่นอน ฉัน​ประหม่า​มาก. ฉัน​เปิด​หีบ​เสียง​ให้​เจ้าของ​บ้าน​ฟัง​คำ​บรรยาย แล้ว​เชิญ​เขา​อ่าน​บัตร​ให้​คำ​พยาน ซึ่ง​ชี้​ชวน​ผู้​คน​ให้​รับ​สรรพหนังสือ​อธิบาย​พระ​คัมภีร์.

เมื่อ​เริ่ม​ต้น​ทศวรรษ 1950 มี​การ​เน้น​ย้ำ​มาก​ขึ้น​ใน​การ​ที่​ให้​เรา​อ่าน​จาก​พระ​คัมภีร์​ขณะ​ไป​เยี่ยม​ตาม​บ้าน. ที​แรก เนื่อง​จาก​ฉัน​เป็น​คน​ขี้อาย​จึง​เป็น​เรื่อง​ยาก​ที่​ฉัน​จะ​พูด​กับ​คน​แปลก​หน้า​และ​อธิบาย​ข้อ​คัมภีร์. แต่​ใน​ที่​สุด ฉัน​มี​ความ​มั่น​ใจ​มาก​ขึ้น. ตอน​นั้น​เอง​ที่​ฉัน​เริ่ม​ชื่นชม​งาน​รับใช้​อย่าง​แท้​จริง. บาง​คน​มอง​เรา​เป็น​แค่​คน​ขาย​หนังสือ แต่​เมื่อ​เรา​อ่าน​ข้อ​คัมภีร์​และ​อธิบาย​ให้​เข้าใจ พวก​เขา​ยอม​รับ​เรา​เป็น​ครู​สอน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า. ฉัน​ชอบ​ทำ​งาน​ด้าน​นี้​มาก จน​ฉัน​อยาก​มี​ส่วน​ร่วม​มาก​ขึ้น. ดัง​นั้น ใน​เดือน​กันยายน ปี 1955 ฉัน​เข้า​สู่​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ฐานะ​ไพโอเนียร์.

ความ​เพียร​พยายาม​อย่าง​ไม่​ละลด​ให้​ผล​ตอบ​แทน

หนึ่ง​ใน​บทเรียน​แรก ๆ ที่​ฉัน​เรียน​รู้​นั้น​คือ​ว่า​ความ​เพียร​พยายาม​ไม่​ละลด​ประกอบ​ด้วย​ความ​กรุณา​ย่อม​ให้​ผล​ตอบ​แทน. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง ฉัน​มอบ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​ฉบับ​หนึ่ง​แก่​ผู้​หญิง​ชื่อ​ไวโอเลต มอริซ. เมื่อ​ฉัน​กลับ​ไป​เยี่ยม เธอ​เปิด​ประตู​กว้าง เอา​มือ​กอด​อก และ​ตั้งใจ​ฟัง​ขณะ​ที่​ฉัน​อธิบาย​ข้อ​พระ​คัมภีร์​ต่าง ๆ. ทุก​ครั้ง​ที่​ฉัน​แวะ​เยี่ยม ดู​เหมือน​ว่า​เธอ​แสดง​ท่า​ทาง​สนใจ​จริง ๆ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม เมื่อ​เสนอ​จะ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เป็น​ประจำ เธอ​พูด​ว่า “อย่า​เลย. ให้​ลูก​โต​ก่อน​แล้ว​ฉัน​จะ​เรียน.” ฉัน​ผิด​หวัง​สัก​เพียง​ไร! คัมภีร์​ไบเบิล​พูด​ว่า “มี​วาระ​สำหรับ​แสวง​หา, และ​วาระ​สำหรับ​สาบสูญ​ไป.” (ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:​6) ฉัน​ตัดสิน​ใจ​จะ​ไม่​ทิ้ง​ราย​นี้.

หนึ่ง​เดือน​ต่อ​มา ฉัน​กลับ​เยี่ยม​และ​ได้​พิจารณา​ข้อ​คัมภีร์​กับ​ไวโอเลต​อีก​หลาย​ข้อ. จาก​นั้น​ไม่​นาน เธอ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​สัปดาห์​ละ​ครั้ง​ที่​บันได​หน้า​ประตู​บ้าน. ใน​ที่​สุด​เธอ​พูด​ว่า “ฉัน​คิด​ว่า​คุณ​เข้า​มา​ใน​บ้าน​คง​จะ​ดี​กว่า​กระมัง.” ไวโอเลต​กลาย​มา​เป็น​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​และ​เป็น​เพื่อน​สนิท​ที่​ยอด​เยี่ยม​เสีย​จริง ๆ! ใช่​แล้ว ไวโอเลต​ได้​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

วัน​หนึ่ง​ไวโอเลต​สะเทือน​ใจ​มาก​เมื่อ​รู้​ว่า​สามี​ขาย​บ้าน​โดย​ที่​เธอ​ไม่​รู้​เรื่อง​เลย แล้ว​ทิ้ง​เธอ​ไป. แต่​น่า​ยินดี ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​เพื่อน​พยาน​ฯ บ่าย​วัน​นั้น​เอง​เธอ​ก็​ได้​บ้าน​อีก​หลัง​หนึ่ง. ด้วย​ความ​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา เธอ​ตก​ลง​ใจ​จะ​ใช้​ชีวิต​ที่​เหลือ​อยู่​เป็น​ไพโอเนียร์​ตลอด​ไป. เมื่อ​ฉัน​ได้​เห็น​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​ยะโฮวา​เพิ่ม​กำลัง​ให้​เธอ​มี​ความ​กระตือรือร้น​เพื่อ​การ​นมัสการ​แท้ ฉัน​จึง​เข้าใจ​แจ่ม​แจ้ง​ว่า​เหตุ​ใด​การ​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก​จึง​ก่อ​ผล​เป็น​ความ​สุข​ดัง​กล่าว. แน่นอน งาน​นี้​จะ​เป็น​งาน​ประจำ​ชีพ​ของ​ฉัน!

ปี 1957 ฉัน​และ​แมรี โรบินสัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​เขต​อุตสาหกรรม​รูเทอร์เกลน​ใน​เมือง​กลาสโกว์ สกอตแลนด์. เรา​ออก​ทำ​งาน​เผยแพร่​ขณะ​ที่​หมอก​ลง​จัด, ฝน​ตก, ลม​แรง, และ​หิมะ​ตก แต่​ก็​คุ้มค่า. วัน​หนึ่ง​ฉัน​พบ​เจสซี. ฉัน​ยินดี​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​เธอ. วอล​ลี สามี​ของ​เธอ​เป็น​คอมมิวนิสต์ และ​ที​แรก​คอย​หลบ​หน้า​ฉัน. ครั้น​เขา​ได้​มา​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​และ​ตระหนัก​ว่า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เท่า​นั้น​จะ​นำ​สภาพการณ์​ที่​ดี​เยี่ยม​มา​สู่​ผู้​คน​ทั้ง​หลาย เขา​ตื่นเต้น​ดีใจ​มาก. ต่อ​มา สามี​ภรรยา​คู่​นี้​ได้​กลาย​เป็น​ผู้​สอน​คน​เป็น​สาวก.

ปฏิกิริยา​ครั้ง​แรก​อาจ​ลวง​ตา

ภาย​หลัง เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ที่​เมือง​เพสลีย์ สกอตแลนด์. วัน​หนึ่ง ขณะ​เผยแพร่​ที่​นั่น ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ไม่​ยอม​ฟัง มิ​หนำ​ซ้ำ​ปิด​ประตู​ใส่​ฉัน. แต่​ไม่​นาน​เธอ​ตาม​หา​ฉัน​เพื่อ​จะ​ขอ​โทษ. พอ​ฉัน​กลับ​ไป​เยี่ยม​ใน​สัปดาห์​ต่อ​มา เธอ​พูด​ว่า “ฉัน​รู้สึก​เหมือน​กับ​ว่า​ได้​ปิด​ประตู​ไม่​ให้​พระเจ้า​เข้า​บ้าน. ฉัน​จึง​ต้อง​ตาม​หา​คุณ​ให้​พบ​จน​ได้.” เธอ​ชื่อ​เพิร์ล. เธอ​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​เธอ​ผิด​หวัง​กับ​เพื่อน ๆ และ​ญาติ​พี่​น้อง เธอ​จึง​ได้​ทูล​อธิษฐาน​พระเจ้า​ขอ​ให้​มี​เพื่อน​แท้. เธอ​พูด​ว่า “แล้ว​คุณ​มา​ที่​ประตู​บ้าน. บัด​นี้​ฉัน​ตระหนัก​ที​เดียว​ว่า​คุณ​คง​เป็น​เพื่อน​แท้​ที่​ฉัน​ต้องการ​แน่ ๆ.”

การ​จะ​เป็น​เพื่อน​ของ​เพิร์ล​นั้น​ไม่​ง่าย​เสีย​ที​เดียว. บ้าน​เธอ​อยู่​บน​ยอด​เขา​สูง​ชัน และ​ฉัน​ต้อง​เดิน​ขึ้น​เขา​ไป​หา. เมื่อ​ฉัน​ไป​รับ​เธอ​ที่​บ้าน​เพื่อ​จะ​พา​เธอ​มา​ยัง​การ​ประชุม​เป็น​ครั้ง​แรก​นั้น ทั้ง​ฝน​และ​ลม​ทำ​เอา​ฉัน​แทบ​ล้ม. ฉัน​ต้อง​ทิ้ง​ร่ม​เพราะ​มัน​หัก​ใช้​การ​ไม่​ได้. แค่​หก​เดือน​หลัง​จาก​การ​ปิด​ประตู​ใส่​ฉัน เพิร์ล​ก็​ได้​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระเจ้า​โดย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ.

ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น สามี​ของ​เธอ​ตก​ลง​ใจ​จะ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ และ​หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน เขา​ออก​ไป​ประกาศ​ตาม​บ้าน​กับ​ฉัน. วัน​นั้น​ฝน​ตก​เช่น​เคย แต่​เขา​พูด​ว่า “ไม่​ต้อง​เป็น​ห่วง​ครับ ผม​ยืน​ดู​ฟุตบอล​เป็น​ชั่วโมง ๆ ใน​สภาพ​อากาศ​อย่าง​นี้ ฉะนั้น เพื่อ​พระ​ยะโฮวา ผม​ยอม​เปียก​ฝน​ได้​แน่นอน.” ฉัน​ยกย่อง​ชมเชย​ความ​ตั้งใจ​แน่วแน่​ของ​ชน​ชาว​สกอต​อยู่​เสมอ.

น่า​ยินดี​พอ​ใจ​สัก​เพียง​ไร​เมื่อ​กลับ​ไป​หลัง​จาก​นั้น​หลาย​สิบ​ปี​และ​เห็น​ว่า​ส่วน​ใหญ่​ของ​ผู้​ที่​ฉัน​นำ​การ​ศึกษา​ยัง​มั่นคง​อยู่​ใน​ความ​เชื่อ! นี่​แหละ​คือ​ความ​ชื่นชม​ยินดี​ที่​มา​จาก​การ​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก. (1 เธซะโลนิเก 2:17-20) ใน​ปี 1966 ภาย​หลัง​ทำ​งาน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​ใน​สกอตแลนด์​มาก​กว่า​แปด​ปี ฉัน​ได้​รับ​เชิญ​เข้า​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด​เพื่อ​ฝึก​อบรม​เป็น​มิชชันนารี.

เขต​งาน​ใน​ต่าง​ประเทศ

ฉัน​ถูก​มอบหมาย​ไป​ทำ​งาน​ที่​โบลิเวีย ณ เมือง​ซานตาค​รูซ​อัน​เป็น​เขต​ร้อน ที่​นั่น​มี​ประชาคม​หนึ่ง​ประกอบ​ด้วย​ผู้​ประกาศ​ประมาณ 50 คน. เมือง​นี้​ทำ​ให้​ฉัน​นึก​ถึง​แดน​เถื่อน​ตะวัน​ตก ดัง​แสดง​ใน​ภาพยนตร์​ฮอลลีวูด. เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง ฉัน​คิด​ว่า​ฉัน​เป็น​มิชชันนารี​ธรรมดา​คน​หนึ่ง. ฉัน​ไม่​เคย​ผจญ​จระเข้, ไม่​เคย​ถูก​กลุ้ม​รุม​ทำ​ร้าย, ไม่​เคย​พลัด​หลง​ใน​ทะเล​ทราย, หรือ​เรือ​แตก​กลาง​ทะเล​หลวง. กระนั้น สำหรับ​ฉัน​แล้ว การ​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก​นั้น​เป็น​เรื่อง​น่า​ตื่นเต้น​มาก​กว่า.

อันโตนยา​เป็น​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​แรก ๆ ที่​ฉัน​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ใน​ซานตา​ครูซ. การ​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ด้วย​ภาษา​สเปน​นั้น​ฉัน​จะ​ต้อง​อุตสาหะ​พยายาม. ครั้ง​หนึ่ง​ลูก​ชาย​ตัว​เล็ก ๆ ของ​อันโตนยา​พูด​ว่า “แม่ คน​สอน​เขา​ตั้งใจ​พูด​ผิด​เพื่อ​ให้​พวก​เรา​ได้​หัวเราะ​ใช่​ไหม?” ใน​ที่​สุด​อันโตนยา​ก็​เข้า​มา​เป็น​สาวก และ​โยลันดา​ลูก​สาว​ของ​เธอ​ด้วย. โยลันดา​มี​เพื่อน​เป็น​นัก​ศึกษา​ด้าน​กฎหมาย เรียก​ชื่อ​เล่น​ว่า​ดิโท เขา​เริ่ม​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เช่น​เดียว​กัน​และ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พวก​เรา. ฉัน​ยัง​ได้​เรียน​รู้​บาง​อย่าง​จาก​การ​ศึกษา​กับ​ดิโท นั่น​คือ บาง​ครั้ง การ​สอน​ความ​จริง​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล ผู้​คน​ก็​ต้องการ​ให้​เรา​รุน​หลัง​เบา ๆ.

เมื่อ​ดิโท​เริ่ม​ขาด​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ ฉัน​บอก​อย่าง​นี้: “ดิโท พระ​ยะโฮวา​ไม่​ได้​ฝืน​ใจ​คุณ​ให้​สนับสนุน​ราชอาณาจักร​ของ​พระองค์​นะ. คุณ​ต้อง​เลือก​เอา​เอง.” ครั้น​เขา​ตอบ​ว่า​เขา​ต้องการ​รับใช้​พระเจ้า ฉัน​พูด​ว่า “ที่​นี่​คุณ​มี​รูป​ถ่าย​ของ​ผู้​นำ​การ​ปฏิวัติ​หลาย​รูป. เมื่อ​ผู้​มา​เยี่ยม​เห็น​รูป​เหล่า​นี้​เขา​จะ​ลง​ความ​เห็น​ไหม​ว่า​คุณ​ได้​เลือก​สนับสนุน​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า?” นั่น​เป็น​การ​รุน​หลัง​เบา ๆ อย่าง​ที่​เขา​จำ​ต้อง​ได้​รับ.

สอง​สัปดาห์​ต่อ​มา เกิด​การ​ปฏิวัติ​ขึ้น​จริง ๆ และ​มี​การ​ยิง​ปืน​ต่อ​สู้​กัน​ระหว่าง​นัก​ศึกษา​มหาวิทยาลัย​กับ​ตำรวจ. ดิโท​ตะโกน​บอก​เพื่อน​ของ​เขา “ให้​เรา​ออก​ไป​จาก​ที่​นี่​เถอะ!” แต่​เพื่อน​ตอบ​ว่า “ไม่​ไป! วัน​นี้​เป็น​วัน​สำคัญ​ที่​เรา​เฝ้า​รอ​อยู่.” เขา​คว้า​ปืน​และ​วิ่ง​ขึ้น​ไป​บน​ดาดฟ้า​อาคาร​ของ​มหาวิทยาลัย. เขา​เป็น​หนึ่ง​ใน​จำนวน​เพื่อน​แปด​คน​ของ​ดิโท​ที่​เสีย​ชีวิต ณ วัน​นั้น. คุณ​นึก​ภาพ​ได้​ไหม​ว่า​ฉัน​สุข​ใจ​เพียง​ใด​ที่​ยัง​ได้​เห็น​ชาย​ที่​ชื่อ​ดิโท ซึ่ง​อาจ​ตาย​ไป​แล้ว​ถ้า​เขา​ไม่​ได้​ตัดสิน​ใจ​เป็น​คริสเตียน​แท้?

การ​เห็น​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ปฏิบัติการ

วัน​หนึ่ง​ฉัน​กำลัง​ผ่าน​ประตู​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ไป โดย​คิด​ว่า​เรา​เคย​ไป​บ้าน​นั้น​แล้ว พอ​ดี​หญิง​เจ้าของ​บ้าน​เรียก​ฉัน. เธอ​ชื่อ​อิกนาเซีย. เธอ​รู้​จัก​พยาน​พระ​ยะโฮวา แต่​เธอ​ถูก​ต่อ​ต้าน​อย่าง​รุนแรง​จาก​สามี—นาย​ตำรวจ​รูป​ร่าง​ล่ำสัน​ชื่อ​อะดอลเบอร์โต—ซึ่ง​ขัด​ขวาง​การ​ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เธอ. เธอ​สับสน​ใน​เรื่อง​คำ​สอน​พื้น​ฐาน​หลาย​ข้อ​ใน​พระ​คัมภีร์ ดัง​นั้น​ฉัน​จึง​เริ่ม​ต้น​นำ​การ​ศึกษา​กับ​เธอ. ถึง​แม้​อะดอลเบอร์โต​ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​ให้​เลิก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ แต่​ฉัน​ก็​สามารถ​คุย​กับ​เขา​ได้​นาน​ใน​เรื่อง​อื่น ๆ. นั่น​เป็น​ขั้น​ตอน​แรก​ที่​เรา​ได้​กลาย​มา​เป็น​เพื่อน​กัน.

นึก​ภาพ​ความ​ยินดี​ของ​ฉัน​เมื่อ​เห็น​อิกนาเซีย​ได้​กลาย​มา​เป็น​สมาชิก​ที่​น่า​รัก​ของ​ประชาคม และ​เห็น​เธอ​เอา​ใจ​ใส่​สวัสดิภาพ​ทั้ง​ฝ่าย​วิญญาณ​และ​ด้าน​ร่าง​กาย​ของ​หลาย ๆ คน​ซึ่ง​ต้องการ​คำ​ปลอบ​ประโลม. ต่อ​มา​สามี​และ​ลูก​ชาย​หญิง​สาม​คน​ของ​เธอ​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ ด้วย. ที่​จริง เมื่อ​อะดอลเบอร์โต​ได้​เข้าใจ​ความ​หมาย​ของ​ข่าว​ดี​ใน​ที่​สุด เขา​กลับ​ไป​ยัง​สถานี​ตำรวจ​และ​ให้​คำ​พยาน​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น ถึง​ขนาด​ที่​มี​ตำรวจ​บอกรับ​วารสาร​หอสังเกตการณ์​และ​ตื่นเถิด! มาก​ถึง 200 ราย.

พระ​ยะโฮวา​ทำ​ให้​เติบโต

หลัง​จาก​รับใช้​ใน​เมือง​ซานตา​ครูซ​เป็น​เวลา​หก​ปี ฉัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ที่​กรุง​ลาปาซ เมือง​หลวง​ของ​โบลิเวีย ฉัน​ใช้​เวลา​อยู่​ที่​นั่น 25 ปี. ครั้น​มา​ถึง​ต้น​ทศวรรษ 1970 สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ลาปาซ​มี​สมาชิก​ทั้ง​หมด​แค่ 12 คน. เนื่อง​จาก​การ​ขยาย​ตัว​ของ​งาน​ประกาศ​เผยแพร่ จึง​จำเป็น​ต้อง​มี​ที่​ทำ​การ​ใหญ่​กว่า​เดิม มี​การ​ก่อ​สร้าง​อาคาร​สาขา​ใหม่​ขึ้น​ใน​เมือง​ซานตา​ครูซ​ที่​เจริญ​เติบโต​อย่าง​รวด​เร็ว. สาขา​ได้​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​นั่น​ใน​ปี 1998 และ​ฉัน​ได้​รับ​เชิญ​เข้า​มา​เป็น​สมาชิก​สาขา​คน​หนึ่ง เวลา​นี้​มี​สมาชิก​มาก​กว่า 50 คน.

ประชาคม​เดียว​ใน​เมือง​ซานตา​ครูซ​เมื่อ​ปี 1966 ได้​เติบโต​เป็น​ประชาคม​ต่าง ๆ มาก​กว่า 50 ประชาคม. ซึ่ง​เวลา​นั้น​ทั่ว​ทั้ง​ประเทศ​โบลิเวีย​มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา 640 คน แล้ว​เพิ่ม​จำนวน​ขึ้น​เป็น​เกือบ 18,000 คน​ใน​ปัจจุบัน!

น่า​ชื่น​ใจ​ที่​งาน​มอบหมาย​ของ​ฉัน​ใน​โบลิเวีย​เกิด​ผล​เรื่อย​มา. อย่าง​ไร​ก็​ดี ฉัน​รู้สึก​มี​กำลังใจ​เสมอ​เนื่อง​ด้วย​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ของ​เพื่อน​คริสเตียน​จาก​ทุก​หน​ทุก​แห่ง. พวก​เรา​ทุก​คน​ดีใจ​เมื่อ​เห็น​พระ​ยะโฮวา​อวย​พร​งาน​ประกาศ​ราชอาณาจักร. นับ​ว่า​เป็น​ความ​ปลื้ม​ปีติ​อย่าง​แน่นอน​ที่​มี​ส่วน​ใน​งาน​ทำ​ให้​คน​เป็น​สาวก.—มัดธาย 28:19, 20.

[ภาพ​หน้า 13]

เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​สกอตแลนด์

[ภาพ​หน้า 15]

รับใช้​ที่​สำนักงาน​สาขา​ใน​โบลิเวีย; (ใน​ภาพ​เล็ก) วัน​สำเร็จ​การ​ศึกษา​รุ่น​ที่ 42 ของ​โรง​เรียน​กิเลียด