เราตั้งใจแน่วแน่จะทำงานรับใช้ให้สำเร็จ
เรื่องราวชีวิตจริง
เราตั้งใจแน่วแน่จะทำงานรับใช้ให้สำเร็จ
เล่าโดย ลีนา เดวิสัน
“สายตาผมใช้ไม่ได้แล้ว ผมมองไม่เห็นอะไรเลย.” นักบินบอกเราด้วยน้ำเสียงพร่าฟังไม่ถนัด. ไม่กี่อึดใจต่อมา มือของเขาหลุดจากคันควบคุมของเครื่องบินเล็กที่พวกเราโดยสารอยู่ แล้วเขาก็ทรุดลงกับเก้าอี้และหมดสติ. สามีของฉันซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการบินได้พยายามสุดกำลังเพื่อช่วยเขาให้ฟื้น. ก่อนฉันเล่าเรื่องที่เรารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ขอให้ฉันชี้แจงสาเหตุที่เราขึ้นเครื่องบินลำนั้นที่ปาปัวนิวกินี ซึ่งเป็นภูมิภาคหนึ่งของโลกที่ห่างไกลมาก.
ฉันเกิดปี 1929 ที่ประเทศออสเตรเลียและเติบโตในเมืองซิดนีย์ นครหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์. พ่อฉันคือบิล มัสแคตเป็นคอมมิวนิสต์ซึ่งออกจะแปลกอยู่สักหน่อย เพราะท่านเชื่อเรื่องพระเจ้า. ปี 1938 ท่านถึงกับเห็นชอบที่จะเซ็นชื่อร่วมลงประชามติขอทางการอนุญาตให้โจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด จากสำนักงานใหญ่แห่งพยานพระยะโฮวาเข้าไปเทศน์ให้คำพยานที่ศาลาว่าการเมืองซิดนีย์.
ครั้งนั้นพ่อบอกพวกเราว่า “เขาต้องมีอะไรบางอย่างสำคัญที่จะพูด.” อีกแปดปีต่อมา พวกเราได้มาเรียนรู้สาระสำคัญของข่าวสารนั้น. พ่อได้เชิญนอร์มัน เบลลอตตี พยานพระยะโฮวาที่รับใช้เต็มเวลาฐานะไพโอเนียร์มาที่บ้านเพื่อสนทนาโต้ตอบกันเกี่ยวกับเรื่องของคัมภีร์ไบเบิล. ครอบครัวของเรารับรองเอาความจริงของคัมภีร์ไบเบิลอย่างรวดเร็วและจากนั้นไม่นานก็ได้ทำงานเผยแพร่ของคริสเตียนอย่างขยันขันแข็ง.
มาถึงกลางทศวรรษ 1940 ฉันเลิกไปโรงเรียนเพราะต้องคอยดูแลแม่ซึ่งป่วยเรื้อรัง. นอกจากนั้น ยังหาเงินเลี้ยงชีพด้วยการตัดเย็บเสื้อผ้า. วันเสาร์ตอนเย็น ฉันกับโรสพี่สาวมักจะออกไปร่วมกับกลุ่มไพโอเนียร์ให้คำพยานที่ถนนนอกศาลาว่าการเมืองซิดนีย์. ในปี 1952 จอห์นพี่ชายจบหลักสูตรโรงเรียนกิเลียดฝึกมิชชันนารีที่สหรัฐ และเขาได้รับมอบหมายไปทำงานที่ปากีสถาน. ฉันเองรักงานรับใช้เช่นกันและต้องการติดตามแบบอย่างของพี่ชาย. ดังนั้น ปีถัดไป ฉันเข้าสู่งานไพโอเนียร์ประจำ.
แต่งงานและงานมิชชันนารี
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันได้มารู้จักกับจอห์น เดวิสัน เขาทำงานที่สำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวาที่ออสเตรเลีย. ความถ่อม, ความตั้งใจจริงแบบไม่โอ้อวด, และพลังเข้มแข็งทางศีลธรรมของเขาทำให้ฉันรู้สึกประทับใจ. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกคุมขังสามครั้งเพราะการรักษาความเป็นกลางของคริสเตียน. เราตกลงกันว่าจะให้งานเผยแพร่ของคริสเตียนเป็นงานที่ทำร่วมกันไปตลอดชีวิตของเรา.
ฉันแต่งงานกับจอห์นในเดือนมิถุนายน ปี 1955. เราซื้อรถบัสคันหนึ่ง ตั้งใจจะแปลงให้เป็นบ้านเคลื่อนที่. เรามีเป้าหมายจะใช้รถคันนี้เป็นฐานสำหรับงานประกาศในท้องถิ่นที่ห่างไกลของออสเตรเลีย. ปีต่อมา มีการขอร้องให้เหล่าพยานฯ ย้ายไปที่นิวกินี ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย. * ภูมิภาคส่วนนี้ของโลกยังไม่เคยมีการประกาศข่าวราชอาณาจักร. เราอาสาสมัครไปทันที.
สมัยนั้น วิธีเดียวที่จะเข้านิวกินีได้ก็ต้องมีสัญญาการทำงานเต็มเวลา ดังนั้น จอห์นจึงเริ่มติดต่อเพื่อจะได้งาน. จากนั้นไม่นานเขาทำสัญญากับโรงเลื่อยในนิวบริเตน เกาะขนาดเล็กกว่ามากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิวกินี. หลายสัปดาห์ต่อมา เราออกเดินทางไปยังเขตมอบหมายใหม่ และมาถึงเมืองราเบาล์บนเกาะนิวบริเตนในเดือนกรกฎาคม 1956. ที่นั่น เราคอยเรือที่จะนำเราไปยังอ่าววอเตอร์ฟอลล์เบย์นานถึงหกวัน.
งานรับใช้ของเราที่อ่าววอเตอร์ฟอลล์เบย์
หลังจากเรือแล่นฝ่าคลื่นลมแรงอยู่หลายวัน เราก็มาถึงวอเตอร์ฟอลล์เบย์ ซึ่งเป็นอ่าวเว้าล้ำเข้าไปในแผ่นดิน อยู่ห่างราเบาล์ไปทางใต้ประมาณ 240 กิโลเมตร. ที่นี่โรงเลื่อยขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนที่โล่งเตียนในป่า. ค่ำวันนั้นเมื่อคนงานทั้งหมดได้นั่งลงรอบโต๊ะอาหารแล้ว ผู้จัดการก็พูดว่า “เอาละ คุณเดวิสันและภรรยา นโยบายของบริษัทนี้คือลูกจ้างทุกคนต้องแจ้งว่าตนถือศาสนาอะไร.”
เราค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีนโยบายดังกล่าว แต่เนื่องจากเราปฏิเสธการสูบบุหรี่ พวกเขาจึงเกิดความสงสัยอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว. ไม่ว่าจะอย่างไร จอห์นตอบดังนี้: “เราเป็นพยานพระยะโฮวา.” จากนั้นทั้งห้องก็เงียบจนน่าอึดอัด. คนเหล่านั้นเคยเป็นทหารผ่านศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีอคติต่อเหล่าพยานฯ เพราะพวกเขาได้ยืนหยัดรักษาความเป็นกลางในช่วงสงคราม. นับแต่นั้น ผู้ชายพวกนั้นมองหาทุกโอกาสที่จะสร้างความยุ่งยากให้เรา.
ทีแรก ผู้จัดการไม่ยอมให้ตู้เย็นและเตาหุงต้ม ทั้ง ๆ ที่เรามีสิทธิ์ได้รับทั้งสองอย่าง. อาหารที่เสียง่ายก็พลอยบูดเน่าเสียไป และเราจำใจต้องใช้เตาเก่าที่ชำรุดซึ่งได้มาจากดงหญ้า. ครั้งต่อมา ชาวบ้านแถบนั้นถูกห้ามไม่ให้ขายพืชผลให้เรา ดังนั้น เราอยู่รอดด้วยการเก็บพืชผักเท่าที่พอจะหาได้. นอกจากนั้น เราถูกตราหน้าว่าเป็นคนสอดแนมและถูกจับตามองว่าเราสอนพระคัมภีร์แก่ใครบ้าง. ครั้นแล้วฉันติดเชื้อไข้มาลาเรีย.
แต่กระนั้น เราได้ตั้งใจแน่วแน่จะทำงานรับใช้ของเราให้สำเร็จ. ดังนั้น เราจึงขอหนุ่มคนงานพื้นเมืองสองคนที่โรงเลื่อยซึ่งพูดภาษาอังกฤษช่วยสอนภาษาเมลานีเซียพิดจิน ภาษาประจำชาติให้เรา. แล้วเราก็ได้สอนเขาเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล. พอถึงวันสุดสัปดาห์ เราตระเวนเที่ยวไปไกล ๆ เพื่อ “ชม” สถานที่ต่าง ๆ. ขณะไปตามทาง เราใช้ดุลพินิจเพื่อให้คำพยานแก่ชาวชนบทที่เราได้พบปะ และคนที่ศึกษาพระคัมภีร์กับเราทำหน้าที่เป็นผู้แปล. เราได้ข้ามแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว มิหนำซ้ำยังมีจระเข้ตัวใหญ่เบ้อเร่อตั้งหลายตัวขึ้นมาผึ่งแดดอยู่ตามสองฟากแม่น้ำ. ยกเว้นครั้งเดียวที่เรารอดชีวิตอย่างหวุดหวิด นอกนั้นแทบไม่เจอความลำบากจากนักล่าเหยื่อที่น่ากลัวเหล่านั้น.
จัดทำเครื่องมือเสริมการสอน
ขณะที่งานรับใช้ของเราแผ่กว้างออกไป เราตัดสินใจพิมพ์ข่าวสารในคัมภีร์ไบเบิลเป็นเรื่องง่าย ๆ แจกจ่ายให้แก่ผู้คนที่สนใจ. นักศึกษาพระคัมภีร์ของเราที่โรงเลื่อยได้ช่วยเราแปลเรื่องแรกที่พิมพ์ออกมา. เราใช้เวลาหลายคืนพิมพ์แผ่นพับจำนวนหลายร้อยแล้วแจกให้ชาวชนบทและพวกลูกเรือที่ผ่านไปมา.
ในปี 1957 จอห์น คัตฟอร์ท ผู้รับใช้เดินทางที่มีประสบการณ์ได้มาเยี่ยมให้การหนุนใจพวกเรา. * เขาเสนอแนะว่าการใช้รูปภาพอาจจะได้ผลเมื่อสอนความจริงในคัมภีร์ไบเบิลแก่คนไม่รู้หนังสือ. คัตฟอร์ทกับสามีฉันได้ช่วยกันคิดวาดภาพที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่ออธิบายหลักคำสอนพื้นฐานในคัมภีร์ไบเบิล. ตอนหลังเราใช้เวลามากกับการลอกภาพวาดที่เป็นคำสอนเหล่านี้ลงในสมุดแบบฝึกหัด. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้รับคนละหนึ่งเล่ม ซึ่งเขาก็ใช้สอนคนอื่นต่อ. วิธีสอนแบบนี้ในที่สุดก็นำไปใช้ทั่วประเทศ.
หลังจากอยู่ที่อ่าววอเตอร์ฟอลล์เบย์สองปีครึ่ง สัญญาว่าจ้างทำงานหมดอายุ และเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองอนุญาตให้เราอยู่ต่อไปได้. ดังนั้น เราตอบรับคำเชิญที่จะรับใช้ฐานะไพโอเนียร์พิเศษ.
กลับไปที่ราเบาล์
เรือของเราแล่นขึ้นเหนือไปยังราเบาล์ แวะจอดที่อ่าวไวด์เบย์และพักแรมในไร่ตากมะพร้าวแห้งและไร่โกโก้. เจ้าของไร่เป็นคู่สามีภรรยาสูงอายุซึ่งต้องการเลิกกิจการที่ทำ
อยู่และจะกลับไปออสเตรเลีย เขาเสนอให้จอห์นดูแลจัดการงานในไร่. ข้อเสนอนี้ล่อใจเสียจริง ๆ แต่คืนนั้นเมื่อเราได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ เราลงความเห็นตรงกันว่าเราไม่ได้มาที่นิวกินีเพื่อแสวงความมั่งคั่งด้านวัตถุ. เราได้ตั้งใจแน่วแน่จะทำงานรับใช้ให้สำเร็จด้วยการเป็นไพโอเนียร์. ดังนั้น วันรุ่งขึ้นเราจึงแจ้งให้สามีภรรยาคู่นั้นทราบการตัดสินใจของเราและกลับไปลงเรืออีก.หลังจากมาถึงเมืองราเบาล์แล้ว เราได้สมทบพยานฯ กลุ่มเล็ก ๆ จากประเทศอื่นซึ่งย้ายมาทำงานในแถบนี้. คนท้องถิ่นแสดงความสนใจอย่างมากต่อข่าวราชอาณาจักร และเราเริ่มนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลหลายราย. ในช่วงเดียวกัน เราได้จัดการประชุมคริสเตียนขึ้นในศาลาท้องถิ่นที่เช่าไว้ ผู้ที่เข้ามาฟังมีมากถึง 150 คน. หลายคนในจำนวนนี้รับเอาความจริงและช่วยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าไปยังส่วนอื่น ๆ ของประเทศ.—มัดธาย 24:14.
นอกจากนั้น เราไปเยี่ยมหมู่บ้านวูเนบัล อยู่ห่างราเบาล์ประมาณ 50 กิโลเมตร ที่นี่มีกลุ่มคนสนใจความจริงของคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจัง. ในไม่ช้าชาวคาทอลิกที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในหมู่บ้านได้หันมาเพ่งเล็งพวกเขา. คนที่ว่านี้พร้อมกับสมาชิกโบสถ์เข้ามาขัดขวางการประชุมศึกษาพระคัมภีร์ประจำสัปดาห์ของพวกเราและบังคับเราให้ออกจากหมู่บ้าน. เมื่อรู้ว่าสัปดาห์ถัดไปจะเกิดความยุ่งยาก เราจึงได้ร้องเรียนขอตำรวจร่วมทางไปกับพวกเรา.
วันนั้น บนถนนคลาคล่ำด้วยชาวคาทอลิกที่มาตั้งแถวยาวเหยียดหลายกิโลเมตรพร้อมกับโห่เยาะเย้ย. หลายคนพร้อมจะเอาก้อนหินขว้างปาพวกเรา. ในช่วงนั้นเองบาทหลวงคนหนึ่งได้เรียกชุมนุมคนนับร้อยในหมู่บ้าน. ฝ่ายตำรวจได้รับรองกับพวกเราว่าเรามีสิทธิ์จัดการประชุม ดังนั้น ตำรวจจึงเปิดทางให้เราฝ่าฝูงชนไปได้. อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากเราเริ่มการประชุม บาทหลวงก็ปลุกระดมฝูงชนยุให้เกิดความบ้าระห่ำ. ตำรวจไม่สามารถยับยั้งผู้คนมากมายเช่นนั้น ดังนั้น ผู้บังคับการตำรวจจึงเร่งเร้าให้เรารีบหนี และพาพวกเรากลับไปที่รถโดยเร็ว.
ฝูงชนพากันรุมล้อมพวกเราไว้ พร้อมทั้งสบถสาบาน, ถ่มน้ำลาย, ชูกำปั้นใส่หน้าเรา ขณะที่บาทหลวงยืนกอดอกมองและยิ้ม. หลังจากเราหนีรอดไปได้ ผู้บังคับการตำรวจยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญ. แม้คนส่วนใหญ่ในวูเนบัลรู้สึกกลัวความรุนแรงจากฝูงชนที่วุ่นวายและเลิกอยู่ฝ่ายความจริง แต่ก็มีนักศึกษาพระคัมภีร์คนหนึ่งยึดมั่นอยู่ฝ่ายความจริงแห่งราชอาณาจักรอย่างกล้าหาญ. นับแต่นั้น คนอื่น ๆ อีกหลายร้อยคนทั่วนิวบริเตนได้ยืนหยัดอยู่ฝ่ายราชอาณาจักร.
นิวกินีเปิดประตูรับ
เดือนพฤศจิกายน 1960 เราได้รับมอบหมายเขตงานใหม่ที่เมืองมาดัง ซึ่งเป็นเมืองกว้างใหญ่บนชายฝั่งทะเลทางเหนือของนิวกินีเกาะใหญ่. ที่นี่ จอห์นกับฉันมีโอกาสมากมายที่จะได้งานทำเต็มเวลา. บริษัทหนึ่งสนับสนุนฉันให้ดูแลจัดการร้านจำหน่ายเสื้อผ้าของเขา. อีกรายหนึ่งต้องการให้ฉันแก้หรือเปลี่ยนทรงเสื้อและกางเกง. ผู้หญิงพลัดถิ่นบางคนถึงกับเสนอเงินทุนให้ฉันมีร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง. โดยระลึกอยู่เสมอในเรื่องเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เราจึงปฏิเสธข้อเสนอเหล่านี้และงานอื่น ๆ อย่างสุภาพ.—2 ติโมเธียว 2:4.
เขตงานในเมืองมาดังบังเกิดผล และในไม่ช้าก็มีประชาคมที่เติบโตเร็วและก้าวหน้า. เราเดินเท้าและใช้จักรยานยนต์ออกไปทำงานประกาศและสำรวจชนบทรอบนอกซึ่งต้องใช้เวลาอยู่นานหลายวัน. ในกระท่อมร้างริมทางหลายหลัง เราใช้เป็นที่พัก เรานอนหลับบนหญ้าที่ปูแผ่เป็นชั้น ๆ ซึ่งตัดมาจากป่าละเมาะ. อาหารกระป๋อง, ขนมปังกรอบ, และมุ้งเป็นสิ่งจำเป็นเท่าที่เรานำติดตัวไปด้วย.
การเดินทางสำรวจคราวหนึ่ง เราได้ไปพบกลุ่มคนสนใจที่หมู่บ้านทาลิดิก ห่างจากเมืองมาดังไปทางเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร. ขณะที่กลุ่มนี้ก้าวหน้าในด้านความจริง ครูใหญ่โรงเรียนในท้องถิ่นได้ห้ามพวกเขาศึกษาพระคัมภีร์บนที่ดินสาธารณะ. ในเวลาต่อมา ครูใหญ่ยุยงตำรวจให้ทำลายบ้านเรือนและขับไล่พวกเขาเข้าป่า. อย่างไรก็ดี หัวหน้าหมู่บ้านใกล้เคียงกลับยินยอมให้คนกลุ่มดังกล่าวอาศัยอยู่บนพื้นที่ของเขา. ต่อมา หัวหน้าใจดีคนนี้ได้รับเอาความจริงของคัมภีร์ไบเบิล และได้มีการสร้างหอประชุมราชอาณาจักรทันสมัยในท้องที่นั้น.
การแปลและงานเดินทาง
หลังจากเรามาถึงนิวบริเตนในปี 1956 ได้เพียงสองปี จอห์นกับฉันก็ได้รับเชิญให้แปลหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเมลานีเซียพิดจิน. งานนี้ต่อเนื่องเป็นปี ๆ. แล้วมาในปี 1970 เราได้รับเชิญให้รับใช้เป็นผู้แปลเต็มเวลา ณ สำนักงานสาขาในพอร์ตมอร์สบี เมืองหลวงของประเทศปาปัวนิวกินี. เรายังได้สอนชั้นเรียนภาษาที่นั่นด้วย.
ปี 1975 เรากลับมาที่เกาะนิวบริเตนเพื่อทำงานรับใช้ด้านการเดินทางเยี่ยม. ตลอด 13 ปีถัดมา เราเดินทางโดยเครื่องบิน, เรือ, รถ, หรือไม่ก็เดินเท้าไปเกือบทั่วทุกภาคในประเทศ. หลายครั้งเรารอดตายอย่างหวุดหวิดระหว่างเดินทาง รวมถึงเหตุการณ์ดังพรรณนาในตอนต้น. คราวนั้น นักบินของเราวูบหมดสติด้วยโรคกระเพาะอักเสบรุนแรงขณะที่เราจวนจะถึงทางขึ้นลงสำหรับเครื่องบินของเมืองคันเดรียนในเกาะนิวบริเตน. ด้วยเครื่องบินที่อาศัยอุปกรณ์การบินอัตโนมัติ เราบินวนเวียนอยู่เหนือผืนป่าอย่างหมดหวัง ขณะที่จอห์นพยายามปลุกนักบินที่สิ้นสติ. ในที่สุด นักบินก็ฟื้น การมองเห็นของเขาแจ่มชัดพอจะนำเครื่องลงถึงพื้นดินอย่างทุลักทุเล. ครั้นแล้วเขาก็หมดสติไปอีกครั้งหนึ่ง.
ประตูสู่กิจกรรมอีกบานหนึ่งเปิดออก
ปี 1988 เราได้รับมอบหมายอีกครั้งให้ไปที่พอร์ตมอร์สบี เพื่อดูแลความจำเป็นด้านการแปลที่มีมากขึ้น ณ สำนักงานสาขา. พวกเราประมาณ 50 คนอาศัยและทำงานในสาขาฐานะเป็นครอบครัว ที่นั่นเราได้ฝึกผู้แปลคนใหม่ ๆ ด้วย. พวกเราทุกคนถูกจัดให้อยู่ในห้องเดี่ยวขนาดย่อมภายในอาคารชุด. จอห์นกับฉันตกลงกันแง้มประตูห้องของเราไว้เผื่อสมาชิกครอบครัวและแขกมาเยี่ยมจะได้รู้จักคุ้นเคยกับเรา. ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวของเราจึงใกล้ชิดสนิทสนมกันและเราสามารถเผื่อแผ่ความรักและเกื้อหนุนซึ่งกันและกันได้มาก.
ครั้นมาในปี 1993 จอห์นเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย. ฉันรู้สึกว่าส่วนหนึ่งของตัวเองตายไปด้วย. เราแต่งงานอยู่ด้วยกันมานานถึง 38 ปี และตลอดหลายปีเราได้ร่วมงานรับใช้ด้วยกัน. ถึงกระนั้น ฉันตั้งใจแน่วแน่จะทำงานต่อไปโดยอาศัยกำลังที่มาจากพระยะโฮวา. (2 โกรินโธ 4:7) ประตูห้องฉันยังเปิดอยู่ และเยาวชนหนุ่มสาวมาเยี่ยมมิได้ขาด. การสมาคมคบหาที่ดีงามเช่นนี้ช่วยให้ฉันสามารถรักษาทัศนะในแง่บวกไว้ได้.
ปี 2003 สุขภาพของฉันเสื่อมถอย และด้วยเหตุนี้ ฉันจึงถูกมอบหมายให้ไปอยู่ในสำนักงานสาขานครซิดนีย์ ออสเตรเลีย. ตอนนี้ ฉันอายุ 77 ปี ฉันยังคงรับใช้เต็มเวลาในแผนกแปล นอกจากนั้น ฉันหมกมุ่นในงานประกาศด้วย. เพื่อน ๆ และลูกหลานฝ่ายวิญญาณทำให้ฉันมีความชื่นใจยินดีเสมอ.
ประตูห้องของฉันที่เบเธลยังคงเปิดอ้าไว้ และมีแขกแวะมาเยี่ยมแทบทุกวัน. อันที่จริง เมื่อประตูปิดอยู่ก็มักจะมีคนมาเคาะเพื่อจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น. ฉันยังมีลมหายใจอยู่ตราบใด ฉันตั้งใจแน่วแน่จะทำงานรับใช้พระยะโฮวาพระเจ้าของฉันให้สำเร็จครบถ้วนตราบนั้น.—2 ติโมเธียว 4:5.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 10 เวลานั้น ทางตะวันออกของเกาะถูกแบ่งให้ตอนใต้เป็นปาปัวและตอนเหนือเป็นนิวกินี. ปัจจุบันทางตะวันตกของเกาะนี้เรียกว่าปาปัว เป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย และทางตะวันออกคือปาปัวนิวกินี.
^ วรรค 19 ชีวประวัติของจอห์น คัตฟอร์ทถูกนำลงในหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 1 มิถุนายน 1958 หน้า 333-336.
[แผนที่หน้า 18]
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
ปาปัวนิวกินี
นิวกินี
ออสเตรเลีย
ซิดนีย์
อินโดนีเซีย
ทาลิดิก
มาดัง
พอร์ตมอร์สบี
นิวบริเตน
ราเบาล์
วูเนบัล
ไวด์เบย์
วอเตอร์ฟอลล์เบย์
[ที่มาของภาพ]
Map and globe: Based on NASA/Visible Earth imagery
[ภาพหน้า 17]
กับจอห์น ณ การประชุมใหญ่ในเมืองเล เกาะนิวกินี ปี 1973
[ภาพหน้า 20]
ที่สาขาในปาปัวนิวกินีปี 2002