อะไรทำให้ชีวิตมีค่า?
อะไรทำให้ชีวิตมีค่า?
“จงเกรงกลัวพระเจ้า, จงถือรักษาบัญญัติทั้งปวงของพระองค์.”—ผู้ป. 12:13.
1, 2. เราจะได้รับประโยชน์จากการพิจารณาหนังสือท่านผู้ประกาศได้อย่างไร?
ขอให้นึกภาพชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนมีพร้อมทุกสิ่ง. เขาเป็นรัฐบุรุษผู้เรืองนาม, ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง, และมีปัญญาเหนือกว่าใครในยุคเดียวกัน. แต่แม้ว่าเขาประสบความสำเร็จมากมายอย่างนั้น เขายังคงถามตัวเองในทำนองว่า ‘อะไรทำให้ชีวิตมีค่า?’
2 ชายดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ—เมื่อประมาณสามพันปีที่แล้ว. ชื่อของท่านคือโซโลมอน และเราพบคำพรรณนาเกี่ยวกับการที่ท่านแสวงหาความอิ่มใจในหนังสือท่านผู้ประกาศ. (ผู้ป. 1:13) มีหลายสิ่งให้เราเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ของโซโลมอน. ที่จริง สติปัญญาที่พบในหนังสือท่านผู้ประกาศสามารถช่วยเราให้ตั้งเป้าหมายเพื่อทำให้ชีวิตเรามีความหมายอย่างแท้จริง.
“วิ่งไล่ตามลม”
3. ข้อเท็จจริงอะไรที่น่าคิดเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ที่เราทุกคนต้องเผชิญ?
3 โซโลมอนอธิบายว่าพระเจ้าทรงสร้างสิ่งสวยงามมากมายบนแผ่นดินโลก—มีสิ่งน่าทึ่งนับไม่ถ้วนที่น่าสนใจและน่าพิศวงให้เราได้ชื่นชม. อย่างไรก็ตาม เราแทบจะไม่ได้เริ่มสำรวจสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าเลยเสียด้วยซ้ำเนื่องจากชีวิตเราสั้นมาก. (ผู้ป. 3:11; 8:17) ดังที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าว วันเวลาของเรามีน้อยและผ่านไปอย่างรวดเร็ว. (โยบ 14:1, 2; ผู้ป. 6:12) ข้อเท็จจริงที่น่าคิดนี้น่าจะกระตุ้นเราให้ใช้ชีวิตอย่างสุขุม. การทำอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากโลกของซาตานอาจชักนำเราไปผิดทาง.
4. (ก) คำ “อนิจจัง” แสดงนัยถึงอะไร? (ข) อะไรคือสิ่งที่ผู้คนแสวงหาและหมกมุ่นในชีวิตซึ่งเราจะพิจารณากัน?
4 เพื่อเน้นถึงอันตรายของการใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่า โซโลมอนใช้คำ “อนิจจัง” ประมาณ 30 ครั้งในหนังสือท่านผู้ประกาศ. คำฮีบรูที่แปลไว้ว่า “อนิจจัง” หมายถึงสิ่งที่ว่างเปล่า, ไร้ประโยชน์, ไร้ความหมาย, ไร้แก่นสาร, หรือไม่มีคุณค่าถาวร. (ผู้ป. 1:2, 3) บางครั้ง โซโลมอนใช้คำ “อนิจจัง” ในความหมายเดียวกับ ‘การวิ่งไล่ตามลม.’ (ผู้ป. 1:14; 2:11) เห็นได้ชัด การพยายามไล่จับลมเป็นเรื่องไร้ประโยชน์. ใครก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นย่อมลงเอยด้วยการไม่ได้อะไรเลย. การมุ่งดำเนินตามเป้าหมายที่ไม่สุขุมจะปรากฏผลออกมาเป็นความผิดหวังเช่นเดียวกับการวิ่งไล่ตามลม. ชีวิตในระบบปัจจุบันนี้สั้นมาก จึงไม่ควรใช้ให้สูญเปล่าไปกับกิจกรรมที่ไร้ประโยชน์. ดังนั้น เพื่อจะไม่ทำผิดพลาดอย่างนั้น ให้เรามาดูบางตัวอย่างที่โซโลมอนได้ให้ไว้เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนทั่วไปแสวงหาและหมกมุ่นในชีวิต. ในอันดับแรก เราจะพิจารณาการมุ่งหาความเพลิดเพลินและทรัพย์สมบัติ. หลังจากนั้น เราจะพิจารณาคุณค่าของการงาน.
การมุ่งหาความเพลิดเพลินจะทำให้เรามีความสุขไหม?
5. โซโลมอนหาความพอใจจากที่ไหน?
5 เช่นเดียวกับผู้คนมากมายในทุกวันนี้ โซโลมอนพยายามผู้ป. 2:10) ท่านหาความเพลิดเพลินจากที่ไหน? ตามที่กล่าวไว้ในท่านผู้ประกาศบท 2 ท่าน ‘ทำให้กายคึกคักด้วยเหล้าองุ่น’—แต่ก็ยังควบคุมตัวเองได้—และหมกมุ่นกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น จัดสวน, ออกแบบพระราชวัง, ฟังดนตรี, และชื่นชมกับอาหารอันโอชะ.
หาความพอใจด้วยการใช้ชีวิตมุ่งหาความเพลิดเพลิน. ท่านรายงานว่า “ข้าฯมิได้ห้ามใจของข้าฯไว้ไม่ให้ชอบความสนุกใด ๆ.” (6. (ก) เหตุใดจึงไม่ผิดที่จะชื่นชมกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต? (ข) จำเป็นต้องมีความสมดุลอย่างไรในเรื่องนันทนาการ?
6 คัมภีร์ไบเบิลตำหนิการใช้เวลาหย่อนใจกับเพื่อน ๆ ไหม? ไม่เลย. เพื่อเป็นตัวอย่าง โซโลมอนชี้ว่าการเพลิดเพลินกับอาหารในบรรยากาศที่ผ่อนคลายหลังจากทำงานหนักมาทั้งวันเป็นของประทานจากพระเจ้า. (อ่านท่านผู้ประกาศ 2:24; 3:12, 13.) นอกจากนั้น พระยะโฮวาเองทรงเชิญเยาวชนให้ ‘ชื่นชมยินดี, และให้จิตต์ใจของเขาทำตัวเขาให้ชุ่มชื่น’ อย่างเหมาะสม. (ผู้ป. 11:9) เราจำเป็นต้องมีการหย่อนใจและนันทนาการที่ดีงาม. (เทียบกับมาระโก 6:31.) อย่างไรก็ตาม นันทนาการไม่ควรเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตเรา. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น การหย่อนใจควรเป็นเหมือนของหวานที่รับประทานหลังอาหาร ไม่ใช่อาหารหลัก. คุณคงเห็นด้วยว่าแม้คุณชอบของหวานขนาดไหน แต่ไม่นานคุณก็จะเบื่อถ้าคุณกินแต่ของหวานและไม่กินอะไรอย่างอื่น และของหวานนั้นก็ไม่ได้ให้สารอาหารที่จำเป็นมากนัก. คล้ายกัน โซโลมอนพบว่าชีวิตที่เน้นหนักในเรื่องความเพลิดเพลินเป็น “เหมือนวิ่งไล่ตามลม.”—ผู้ป. 2:10, 11.
7. เหตุใดเราควรเลือกนันทนาการอย่างรอบคอบ?
7 นอกจากนั้น ไม่ใช่นันทนาการทุกชนิดเป็นสิ่งดีงาม. นันทนาการหลายอย่างเป็นอันตรายอย่างยิ่ง—ทั้งด้านวิญญาณและศีลธรรม. มีกี่ล้านคนที่ชีวิตเขาจมอยู่ในความท้อแท้เพียงเพราะพวกเขา ‘อยากสนุก,’ ใช้ยาเสพติด, ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, หรือเล่นการพนัน? พระยะโฮวาทรงเตือนเราอย่างกรุณาว่าถ้าเราปล่อยตาปล่อยใจให้นำเราไปหาสิ่งที่เป็นอันตราย ก็คาดหมายได้เลยว่าจะต้องได้รับผลเสียหาย.—กลา. 6:7.
8. เหตุใดจึงสุขุมที่จะใคร่ครวญดูแนวทางชีวิตของเรา?
8 นอกจากนั้น การหาความเพลิดเพลินอย่างไม่สมดุลยังจะกีดกันเราไว้ด้วยจากการใส่ใจสิ่งที่สำคัญกว่า. จำไว้ว่า วันเวลาในชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่มีอะไรค้ำประกันว่าชีวิตเราที่แสนสั้นจะมีสุขภาพดีและปราศจากปัญหาเสมอไป. นั่นคือเหตุผลที่เราอาจได้ประโยชน์จากการไปร่วมงานศพ—โดยเฉพาะงานศพของพี่น้องคริสเตียนที่ภักดี—มากกว่าการไปยัง “เรือนที่มีการสนุกสนาน” ดังที่โซโลมอนให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม. (อ่านท่านผู้ประกาศ 7:2, 4.) เหตุใดจึงเป็นอย่างนั้น? เพราะเมื่อเราได้ฟังคำบรรยายงานศพและใคร่ครวญแนวทางชีวิตของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาที่เสียชีวิตไป เราอาจถูกกระตุ้นให้ตรวจสอบแนวทางชีวิตของเราเอง. ผลก็คือ เราอาจลงความเห็นว่าเราจำเป็นต้องปรับเป้าหมายของเราเพื่อจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สุขุม.—ผู้ป. 12:1.
การมีทรัพย์สมบัติวัตถุจะทำให้เราอิ่มใจไหม?
9. โซโลมอนได้พบอะไรเกี่ยวกับการมีทรัพย์มากมาย?
9 โซโลมอนเป็นบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่งเมื่อท่านเขียนหนังสือท่านผู้ประกาศ. (2 โคร. 9:22) ท่านมีทรัพย์สินที่ทำให้ท่านสามารถได้สิ่งใดก็ตามที่ปรารถนา. ท่านเขียนว่า “สิ่งใด ๆ ที่ลูกตาของข้าฯปรารถนาเห็น ข้าฯก็ได้ตามใจลูกตา.” (ผู้ป. 2:10) อย่างไรก็ตาม ท่านพบว่าทรัพย์สมบัติที่ท่านมีไม่ทำให้อิ่มใจ. ท่านลงความเห็นว่า “คนรักเงิน, ไม่อิ่มด้วยเงิน; และคนรักกำไร, ไม่รู้อิ่มด้วยความมั่งคั่ง.”—ผู้ป. 5:10.
10. อะไรทำให้อิ่มใจและมั่งคั่งอย่างแท้จริง?
10 แม้ว่าทรัพย์สินเงินทองมีคุณค่าแค่ชั่วคราว แต่ก็มีแรงดึงดูดที่มีพลังมาก. ในการสำรวจเมื่อไม่นานนี้ที่สหรัฐ ร้อยละ 75 ของนักศึกษามหาวิทยาลัยปีแรกพรรณนาเป้าหมายหลักในชีวิตว่าอยาก “มีฐานะร่ำรวยมาก ๆ.” แต่หากพวกเขาบรรลุเป้าหมายนี้ พวกเขาจะมีความสุขอย่างแท้จริงไหม? ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป. นักวิจัยได้สังเกตว่า อันที่จริงการเน้นหนักในเรื่องวัตถุกลับขัดขวางความสุขความอิ่มใจในชีวิต. โซโลมอนได้ข้อสรุปอย่างเดียวกันนานมาแล้ว. ท่านเขียนว่า “ข้าฯได้สะสมเงินและทองไว้สำหรับข้าฯ * (ผู้ป. 2:8, 11) ในทางตรงกันข้าม หากเราใช้ชีวิตรับใช้พระยะโฮวาอย่างสุดหัวใจและได้รับพระพรจากการทำอย่างนั้น เราจะมีความมั่งคั่งที่แท้จริง.—อ่านสุภาษิต 10:22.
ด้วย, และสะสมทรัพย์สมบัติอันควรคู่กับกษัตริย์ . . . และดูเถอะ, การทั้งหลายเป็นอนิจจังเหมือนวิ่งไล่ตามลม.”งานชนิดใดทำให้อิ่มใจอย่างแท้จริง?
11. พระคัมภีร์กล่าวอย่างไรเกี่ยวกับคุณค่าของงาน?
11 พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงทำงานจนถึงเดี๋ยวนี้ และเราก็ทำงานอยู่.” (โย. 5:17) ไม่มีข้อสงสัยว่าพระยะโฮวาและพระเยซูทรงอิ่มใจยินดีเมื่อได้ทำงาน. คัมภีร์ไบเบิลชี้ถึงความพึงพอพระทัยของพระยะโฮวาที่มีต่อสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง เมื่อบอกว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรดูสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้นเห็นว่าดีนัก.” (เย. 1:31) ทูตสวรรค์ทั้งหลาย “ส่งเสียงแสดงความยินดี” เมื่อเห็นสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง. (โยบ 38:4-7) โซโลมอนก็เห็นคุณค่าของงานที่มีความหมายเช่นเดียวกัน.—ผู้ป. 3:13.
12, 13. (ก) สองคนที่กล่าวถึงในข้อนี้แสดงถึงความพึงพอใจอย่างไรที่เขาได้จากงานสุจริต? (ข) ทำไมบางครั้งงานฝ่ายโลกอาจทำให้ผิดหวัง?
12 ผู้คนมากมายเข้าใจในเรื่องคุณค่าของงานสุจริต. ตัวอย่างเช่น โฮเซ จิตรกรที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อคุณสามารถวาดภาพที่อยู่ในความคิดของคุณลงบนผืนผ้าใบ คุณจะรู้สึกราวกับได้พิชิตยอดภูเขาสูง.” มิเกล * ซึ่งเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ให้ข้อสังเกตว่า “งานให้ความอิ่มใจเพราะงานทำให้คุณสามารถหาเลี้ยงครอบครัว. งานยังทำให้คุณรู้สึกว่าประสบความสำเร็จ.”
13 ในอีกด้านหนึ่ง งานหลายอย่างมีลักษณะจำเจและไม่เปิดโอกาสให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์. บางครั้ง ผู้คนรู้สึกหงุดหงิดหรือถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเมื่ออยู่ในที่ทำงาน. ดังที่โซโลมอนชี้ให้เห็น คนเกียจคร้าน—อาจเพราะรู้จักมักคุ้นกับคนที่มีฐานะตำแหน่ง—กลับได้รับรางวัลที่ควรเป็นของคนงานที่ขยันขันแข็ง. (ผู้ป. 2:21) ปัจจัยอื่น ๆ ก็อาจทำให้ผิดหวังด้วย. สิ่งที่ในตอนแรกดูเหมือนกับว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมอาจลงเอยกลายเป็นความล้มเหลวเนื่องจากความตกต่ำทางเศรษฐกิจหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด. “วาระและเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดล่วงหน้าย่อมบังเกิดแก่เขาทุกคน.” (ท่านผู้ประกาศ 9:11, ล.ม.) หลายครั้ง คนที่ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจะประสบความสำเร็จในที่สุดรู้สึกผิดหวังอย่างขมขื่นเมื่อตระหนักว่าเขาได้ “ลงแรงเพื่อลมแล้ง.”—ผู้ป. 5:16.
14. งานอะไรทำให้พอใจยินดีอย่างแท้จริงเสมอ?
14 มีงานชนิดใดไหมที่ไม่มีทางทำให้ผิดหวัง? โฮเซ จิตรกรที่กล่าวถึงไปแล้ว ให้ข้อสังเกตว่า “เมื่อเวลาผ่านไป ภาพวาดอาจสูญหายหรือถูกทำลาย. แต่ไม่เป็นอย่างนั้นกับผลงานที่เราทำในการรับใช้พระเจ้า. โดยเชื่อฟังพระยะโฮวาในเรื่องการประกาศข่าวดี ผมได้ช่วยสร้างสิ่งที่ถาวร—คือคริสเตียนที่ดีและเกรงกลัวพระเจ้า. นั่นคือสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง.” (1 โค. 3:9-11) มิเกลก็กล่าวเช่นกันว่าการประกาศ ข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรทำให้เขาอิ่มใจพอใจยิ่งกว่างานฝ่ายโลก. เขากล่าวว่า “ไม่มีอะไรสามารถแทนที่ความยินดีที่คุณได้รับเมื่อพิจารณาความจริงในพระคัมภีร์กับบางคน และรู้สึกได้ว่าความจริงได้เข้าถึงหัวใจของคนนั้น.”
“เจ้าจงโยนขนมปังของเจ้า”
15. อะไรทำให้ชีวิตมีค่าอย่างแท้จริง?
15 เพื่อจะสรุป อะไรทำให้ชีวิตมีค่าอย่างแท้จริง? เราอิ่มใจยินดีอย่างแท้จริงหากเราใช้เวลาอันน้อยนิดที่เรามีในระบบนี้ทำสิ่งที่ดีและทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย. เราสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระเจ้า; เราสามารถถ่ายทอดค่านิยมฝ่ายวิญญาณให้ลูก ๆ; เราสามารถช่วยคนอื่น ๆ ให้รู้จักพระยะโฮวา; และเราสามารถพัฒนามิตรภาพที่ยั่งยืนนานกับพี่น้อง. (กลา. 6:10) ความพยายามทั้งหมดนี้มีคุณค่าถาวรและทำให้คนที่ทำอย่างนั้นได้รับพระพร. โซโลมอนใช้การเปรียบเทียบที่น่าสนใจเพื่อพรรณนาคุณค่าของการทำดี. ท่านกล่าวว่า “เจ้าจงโยนขนมปังของเจ้าให้ลอยไว้บนพื้นน้ำ; ถึงอีกหลายวันต่อมาเจ้าจะพบขนมปังนั้นได้.” (ผู้ป. 11:1) พระเยซูทรงกระตุ้นเหล่าสาวกว่า “จงให้แก่ผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะให้แก่เจ้า.” (ลูกา 6:38) นอกจากนั้น พระยะโฮวาเองทรงสัญญาว่าจะประทานรางวัลแก่คนที่ทำดีต่อคนอื่น.—สุภา. 19:17; อ่านฮีบรู 6:10.
16. เวลาใดที่นับว่าเหมาะที่สุดในการวางแผนแนวทางชีวิตของเรา?
16 คัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นเราให้ตัดสินใจอย่างสุขุมในเรื่องวิธีใช้ชีวิตตั้งแต่เราอายุยังน้อย. โดยวิธีนั้น เราจะสามารถหลีกเลี่ยงความข้องขัดใจในช่วงบั้นปลายชีวิต. (ผู้ป. 12:1) คงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าสักเพียงไรหากเราต้องเสียเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไปด้วยการไล่ตามสิ่งต่าง ๆ ในโลกที่ยั่วตายั่วใจ แล้วในภายหลังก็พบว่าการทำอย่างนั้นไร้แก่นสารเหมือนวิ่งไล่ตามลม!
17. อะไรจะช่วยคุณเลือกแนวทางชีวิตที่ดีที่สุด?
17 เช่นเดียวกับบิดาผู้เปี่ยมด้วยความรักที่เป็นมนุษย์ พระยะโฮวาทรงต้องการให้คุณชื่นชมกับชีวิต ทำดี และหลีกเลี่ยงความปวดร้าวใจโดยไม่จำเป็น. (ผู้ป. 11:9, 10) อะไรจะช่วยคุณให้ทำอย่างนั้น? จงตั้งเป้าหมายฝ่ายวิญญาณและพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายนั้น. เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ฮาเบียร์ ต้องเลือกว่าจะทำงานเป็นแพทย์ซึ่งมีรายได้ดีหรือจะรับใช้เต็มเวลา. เขากล่าวว่า “แม้ว่าการทำงานเป็นแพทย์คงจะน่าพอใจยินดี แต่ไม่มีสิ่งใดจะเทียบได้กับความยินดีที่ผมมีเมื่อได้ช่วยหลายคนมารู้จักความจริง. งานรับใช้เต็มเวลาทำให้ผมสามารถชื่นชมกับชีวิตอย่างเต็มที่. ผมเสียใจก็เพียงแค่ไม่ได้เริ่มเร็วกว่านี้.”
18. ทำไมวิธีที่พระเยซูทรงใช้ชีวิตบนแผ่นดินโลกจึงมีค่าอย่างยิ่ง?
18 ถ้าอย่างนั้น อะไรคือสิ่งมีค่าที่สุดที่เราควรพยายามเป็นเจ้าของ? หนังสือท่านผู้ประกาศกล่าวว่า “ชื่อเสียงหอมผู้ป. 7:1) ไม่มีอะไรที่แสดงความเป็นจริงในเรื่องนี้ได้ดีเท่ากับชีวิตของพระเยซู. แน่นอนที่สุดว่าพระองค์ได้สร้างชื่อเสียงกับพระยะโฮวาอย่างโดดเด่น. เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์อย่างซื่อสัตย์ พระองค์ทรงพิสูจน์ให้เห็นความถูกต้องแห่งอำนาจปกครองของพระบิดา และทรงจัดให้มีเครื่องบูชาไถ่ซึ่งเปิดทางไว้ให้เรารอด. (มัด. 20:28) ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทรงอยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบไว้ในเรื่องการใช้ชีวิตที่มีค่าอย่างแท้จริง—ตัวอย่างที่เราพยายามจะเลียนแบบ.—1 โค. 11:1; 1 เป. 2:21.
ก็ดีกว่าน้ำมันหอมอย่างวิเศษ; และวันตายก็ดีกว่าวันเกิดของคนผู้หนึ่ง.” (19. โซโลมอนให้คำแนะนำอะไรที่สุขุม?
19 เราเองก็เช่นกันสามารถสร้างชื่อเสียงที่ดีกับพระเจ้า. การมีชื่อเสียงที่ดีในสายพระเนตรพระยะโฮวานั้นมีค่าสำหรับเรามากยิ่งกว่าการมีทรัพย์สินใด ๆ มากนัก. (อ่านมัดธาย 6:19-21.) ทุกวัน เราสามารถหาช่องทางทำสิ่งต่าง ๆ ที่ดีในสายพระเนตรพระยะโฮวาและการทำอย่างนั้นจะทำให้ชีวิตเรามีความหมาย. ตัวอย่างเช่น เราสามารถประกาศข่าวดีแก่คนอื่น ๆ, เสริมสร้างสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสและกับครอบครัว, และพัฒนาสภาพฝ่ายวิญญาณให้ดียิ่งขึ้นโดยการศึกษาส่วนตัวและเข้าร่วมการประชุม. (ผู้ป. 11:6; ฮีบรู 13:16) เพราะฉะนั้น คุณอยากมีชีวิตที่มีค่าอย่างแท้จริงไหม? ถ้าอย่างนั้น จงทำตามคำแนะนำของโซโลมอนต่อ ๆ ไปที่ว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้า, จงถือรักษาบัญญัติทั้งปวงของพระองค์; เพราะว่าการนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน.”—ผู้ป. 12:13.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 10 โซโลมอนมีรายได้ประจำในแต่ละปีเป็นทองคำหนัก 666 ตะลันต์ (มากกว่า 22,000 กิโลกรัม).—2 โคร. 9:13, ฉบับแปลใหม่.
^ วรรค 12 ชื่อสมมุติ.
คุณจะตอบอย่างไร?
• อะไรควรกระตุ้นเราให้คิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับเป้าหมายในชีวิต?
• เราควรมีทัศนะอย่างไรต่อการมุ่งหาความเพลิดเพลินและทรัพย์สินเงินทอง?
• งานชนิดใดจะทำให้อิ่มใจอย่างถาวร?
• เราควรพยายามเพื่อจะได้สิ่งมีค่าอะไร?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 23]
นันทนาการควรอยู่ในอันดับใดในชีวิตเรา?
[ภาพหน้า 24]
เพราะเหตุใดงานประกาศจึงทำให้อิ่มใจอย่างยิ่ง?