การประกาศตามบ้าน—เหตุใดจึงสำคัญในเวลานี้?
การประกาศตามบ้าน—เหตุใดจึงสำคัญในเวลานี้?
“พวกเขาจึงสอนและประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสต์ คือพระเยซู ทั้งในพระวิหารและตามบ้านต่อไปทุกวันมิได้ขาด.”—กิจ. 5:42.
1, 2. (ก) พยานพระยะโฮวาเป็นที่รู้จักกันดีเพราะวิธีการประกาศแบบใด? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความนี้?
นี่คือภาพที่คุ้นตาในแทบทุกประเทศทั่วโลก. คนแต่งตัวเรียบร้อยสองคนไปที่บ้านหลังหนึ่งและพยายามบอกข่าวสารในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้ากับเจ้าของบ้านสั้น ๆ. ถ้าเจ้าของบ้านแสดงความสนใจ เขาก็อาจให้หนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิลและเสนอการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่บ้านโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย. จากนั้น ทั้งสองก็จะไปยังบ้านถัดไป. หากคุณมีส่วนร่วมในงานนี้ คุณอาจพบว่าหลายครั้งผู้คนรู้ว่าคุณเป็นพยานพระยะโฮวาแม้แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มพูดด้วยซ้ำ. เป็นความจริงที่ว่าการประกาศตามบ้านได้กลายเป็นลักษณะเฉพาะกลุ่มของพวกเราไปแล้ว.
2 เราใช้หลายวิธีเพื่อทำงานประกาศและทำให้คนเป็นสาวกซึ่งเป็นงานที่พระเยซูทรงมอบหมาย. (มัด. 28:19, 20) เราให้คำพยานที่ตลาด, ตามมุมถนน, และในที่สาธารณะอื่น ๆ. (กิจ. 17:17) เราติดต่อกับหลายคนโดยทางโทรศัพท์และจดหมาย. เราบอกความจริงในคัมภีร์ไบเบิลกับคนที่เราพบระหว่างที่ทำกิจวัตรประจำวัน. นอกจากนี้แล้ว เรายังมีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการซึ่งสามารถเข้าไปหาข้อมูลที่เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลในภาษาต่าง ๆ มากกว่า 300 ภาษา. * วิธีการทั้งหมดนี้เกิดผลเป็นอย่างดี. ถึงกระนั้น ในที่ส่วนใหญ่ วิธีหลักของเราในการกระจายข่าวดีก็คือการประกาศตามบ้าน. วิธีการประกาศแบบนี้มีพื้นฐานมาจากที่ไหน? วิธีประกาศแบบนี้เริ่มใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชนของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันอย่างไร? และเหตุใดการประกาศแบบนี้จึงเป็นวิธีที่สำคัญในเวลานี้?
วิธีประกาศของเหล่าอัครสาวก
3. พระเยซูทรงสั่งอะไรกับเหล่าอัครสาวกเรื่องการประกาศ และคำสั่งนี้แสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะใช้ในการประกาศ?
3 วิธีประกาศตามบ้านมีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์. เมื่อพระเยซูส่งเหล่าอัครสาวกออกไปประกาศ พระองค์ทรงสั่งพวกเขาว่า “พวกเจ้าเข้าไปในเมืองใดหรือหมู่บ้านใด จงเสาะหาคนที่คู่ควร.” พวกเขาจะเสาะหาคนที่คู่ควรโดยวิธีใด? พระเยซูทรงสั่งพวกเขาให้ไปที่บ้านของผู้คน โดยตรัสว่า “เมื่อเจ้าเข้าไปในบ้านใด จงทักทายคนในบ้านนั้น และถ้าบ้านนั้นคู่ควร ก็ให้สันติสุขที่เจ้าขอให้มีแก่บ้านนั้นจงมีแก่เขา.” พวกเขาควรจะไปเยี่ยมโดยไม่รอให้คนเชิญก่อนหรือ? โปรดสังเกตคำตรัสต่อจากนั้นของพระเยซู: “ที่ใดคนไม่ต้อนรับเจ้าหรือฟังคำของเจ้า เมื่อจะออกจากบ้านนั้นหรือเมืองนั้น จงสะบัดฝุ่นออกจากเท้าของเจ้า.” (มัด. 10:11-14) คำสั่งดังกล่าวทำให้เห็นชัดเจนว่าเมื่อเหล่าอัครสาวก “ออกไปตามหมู่บ้านทั่วเขตนั้นเพื่อประกาศข่าวดี” พวกเขาต้องเป็นฝ่ายริเริ่มไปเยี่ยมผู้คนที่บ้านของพวกเขา.—ลูกา 9:6.
4. มีการกล่าวถึงโดยตรงที่ไหนในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับการประกาศตามบ้าน?
4 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวโดยตรงเลยว่าเหล่าอัครสาวกประกาศตามบ้าน. ตัวอย่างเช่น กิจการ 5:42 บอกว่า “พวกเขาจึงสอนและประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสต์ คือพระเยซู ทั้ง ในพระวิหารและตามบ้านต่อไปทุกวันมิได้ขาด.” ประมาณ 20 ปีต่อมา อัครสาวกเปาโลเตือนความจำผู้เฒ่าผู้แก่ในประชาคมเอเฟโซส์ให้ระลึกว่า “ข้าพเจ้าทุ่มเทตัวเพื่อบอกทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายและเพื่อสอนพวกท่านทั้งในที่สาธารณะและตามบ้านเรือน.” เปาโลได้ไปเยี่ยมผู้ปกครองเหล่านี้ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาเป็นผู้เชื่อถือไหม? ดูเหมือนว่าเป็นอย่างนั้น เพราะท่านสอนพวกเขาหลายเรื่อง รวมถึงเรื่อง “การกลับใจและหันมาหาพระเจ้ากับเรื่องความเชื่อในพระเยซูเจ้าของเรา.” (กิจ. 20:20, 21) หนังสือภาพพจน์ในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่โดยโรเบิร์ตสัน (ภาษาอังกฤษ) ให้ความเห็นเกี่ยวกับกิจการ 20:20 ไว้ว่า “น่าสังเกตว่า ผู้ประกาศที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ทำงานประกาศตามบ้าน.”
กองทัพตั๊กแตนในสมัยปัจจุบัน
5. คำพยากรณ์ของโยเอลพรรณนางานประกาศไว้อย่างไร?
5 การประกาศในศตวรรษแรกเป็นเพียงภาพตัวอย่างของงานที่ใหญ่โตกว่าซึ่งจะทำกันในสมัยของเรา. ผู้พยากรณ์โยเอลเปรียบการประกาศของคริสเตียนผู้ถูกเจิมว่าเป็นเหมือนภัยพิบัติซึ่งทำให้พินาศย่อยยับที่เกิดจากแมลงต่าง ๆ รวมถึงพวกตั๊กแตน. (โยเอล 1:4) ขณะเดินหน้าไปดุจดังกองทัพ ตั๊กแตนเหล่านี้ปีนข้ามสิ่งกีดขวางทั้งหลาย, เข้าไปในบ้าน, และกินทุกอย่างที่ขวางหน้า. (อ่านโยเอล 2:2, 7-9.) ช่างเป็นภาพพรรณนาที่ชัดเจนจริง ๆ ซึ่งแสดงถึงความอุตสาหะพยายามและความทั่วถึงของงานประกาศที่ประชาชนของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันกำลังทำกันอยู่! วิธีที่โดดเด่นที่สุดซึ่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมและ “แกะอื่น” สหายของพวกเขาใช้เพื่อให้สำเร็จตามภาพพยากรณ์ดังกล่าวก็คือการประกาศตามบ้าน. (โย. 10:16) พวกเราที่เป็นพยานพระยะโฮวาเริ่มรับเอาวิธีการประกาศนี้ของเหล่าอัครสาวกอย่างไร?
6. ในปี 1922 มีการสนับสนุนอย่างไรให้ไปประกาศตามบ้าน แต่บางคนตอบสนองอย่างไร?
6 นับตั้งแต่ปี 1919 เป็นต้นมา มีการเน้นเรื่องหน้าที่รับผิดชอบของคริสเตียนแต่ละคนที่จะร่วมในการประกาศ. ตัวอย่างเช่น บทความหนึ่งที่ชื่อ “งานรับใช้เป็นงานสำคัญ” ในหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 15 สิงหาคม 1922 เตือนคริสเตียนผู้ถูกเจิมให้นึกถึงความสำคัญของ “การนำข่าวสารที่ตีพิมพ์ไปถึงมือผู้คนและพูดคุยกับพวกเขาที่บ้านอย่างกระตือรือร้น ให้คำพยานยืนยันว่าราชอาณาจักรฝ่าย
สวรรค์มาใกล้แล้ว.” องค์การได้แนะนำวิธีการเสนอข่าวสารไว้อย่างละเอียดในจดหมายข่าว (ปัจจุบันคือพระราชกิจของเรา). ถึงกระนั้น ในตอนแรก ๆ มีคนที่ออกไปประกาศตามบ้านจริง ๆ ไม่มาก. บางคนไม่ยอมทำ. เหตุผลที่พวกเขายกขึ้นมาอ้างมีหลายอย่าง แต่ปัญหาพื้นฐานนั้นเป็นเพราะบางคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรีที่เขาจะไปประกาศตามบ้าน. เมื่อมีการเน้นเรื่องการประกาศในเขตทำงานมากขึ้น หลายคนที่มีทัศนะอย่างนั้นค่อย ๆ ถอนตัวจากการคบหากับองค์การของพระยะโฮวา.7. ในทศวรรษ 1950 เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องมีอะไร?
7 ในช่วงหลายทศวรรษหลังจากนั้น มีการขยายขอบเขตของงานประกาศมากขึ้น. แต่ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องมีการฝึกอบรมเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับการประกาศตามบ้าน. ขอให้สังเกตสถานการณ์ในสหรัฐเป็นตัวอย่าง. ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 มี 28 เปอร์เซ็นต์ของพยานฯในประเทศนี้ที่ทำงานประกาศโดยเพียงแค่แจกใบปลิวหรือยืนถือวารสารอยู่ตามถนน. มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ไม่สม่ำเสมอในการประกาศ โดยปล่อยให้หลายเดือนผ่านไปโดยไม่ได้ประกาศเลย. มีอะไรบ้างที่อาจทำได้เพื่อช่วยคริสเตียนที่อุทิศตัวแล้วทุกคนให้ประกาศตามบ้าน?
8, 9. โครงการฝึกอบรมอะไรเริ่มขึ้นในปี 1953 และผลเป็นอย่างไร?
8 ในการประชุมนานาชาติซึ่งจัดที่นครนิวยอร์กเมื่อปี 1953 มีการเน้นเป็นพิเศษเรื่องการประกาศตามบ้าน. บราเดอร์นาทาน เอช. นอรร์ ประกาศว่างานหลักที่ผู้ดูแลคริสเตียนทุกคนควรทำก็คือช่วยพยานฯทุกคนให้ประกาศตามบ้านเป็นประจำ. ท่านกล่าวว่า “ทุกคนควรสามารถประกาศข่าวดีตามบ้านได้.” ได้มีการจัดโครงการฝึกอบรมทั่วโลกเพื่อจะบรรลุเป้าหมายนี้. คนที่ยังไม่ได้ไปประกาศตามบ้านได้รับการฝึกอบรมให้รู้วิธีเข้าพบผู้คนที่บ้าน, ช่วยเจ้าของบ้านหาเหตุผลจากคัมภีร์ไบเบิล, และตอบคำถามต่าง ๆ ของพวกเขา.
9 ผลของโครงการฝึกอบรมนี้นับว่าโดดเด่นทีเดียว. ภายในสิบปี จำนวนผู้ประกาศทั่วโลกเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์, จำนวนการกลับเยี่ยมเพิ่มขึ้น 126 เปอร์เซ็นต์, และจำนวนรายศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเพิ่มขึ้น 150 เปอร์เซ็นต์. ปัจจุบัน ผู้ประกาศเกือบเจ็ดล้านคนกำลังประกาศข่าวดีอยู่ทั่วโลก. การเติบโตที่น่าทึ่งนี้เป็นหลักฐานประการหนึ่งว่าพระยะโฮวาอวยพรความพยายามของประชาชนของพระองค์ในการประกาศตามบ้าน.—ยซา. 60:22.
การหมายผู้คนที่จะรอดชีวิต
10, 11. (ก) ยะเอศเคลได้รับนิมิตอะไรตามที่บันทึกไว้ในยะเอศเคลบท 9? (ข) นิมิตนั้นกำลังสำเร็จในสมัยของเราอย่างไร?
10 ความสำคัญของการประกาศตามบ้านนั้นสามารถเห็นได้จากนิมิตที่ผู้พยากรณ์ยะเอศเคลได้รับ. ในนิมิตนั้น ยะเอศเคลเห็นชายหกคนมือถืออาวุธและชายคนที่เจ็ดนุ่งห่มผ้าป่านมีกระปุกหมึกห้อยข้างตัว. ชายคนที่เจ็ดนี้ได้รับคำสั่งให้ “ไปให้ตลอดท่ามกลางเมืองนั้น” และ “ประทับตราบนหน้าผากคนทั้งปวงที่ร้องครางเพราะความชั่วลามกทั้งปวงที่กระทำอยู่ในท่ามกลางเมืองนั้น.” หลังจากงานประทับตรานั้นเสร็จแล้ว ชายหกคนที่มีอาวุธประหารก็ได้รับคำสั่งให้สังหารทุกคนที่ไม่มีตราประทับ.—อ่านยะเอศเคล 9:1-6.
11 เราเข้าใจว่าคำพยากรณ์นี้สำเร็จโดยที่ชายผู้ “นุ่งห่มผ้าป่าน” เป็นภาพเล็งถึงชนที่เหลือแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณ. โดยงานประกาศและงานทำให้คนเป็นสาวก ชนชั้นผู้ถูกเจิมประทับตราโดยนัยบนหน้าผากคนที่มาเป็นส่วนหนึ่งแห่ง “แกะอื่น” ของพระคริสต์. (โย. 10:16) ตราประทับนั้นคืออะไร? ตราประทับนั้นคือหลักฐานว่าแกะเหล่านั้นเป็นสาวกที่อุทิศตัวและรับบัพติสมาแล้วของพระเยซูคริสต์และพวกเขาสวมใส่บุคลิกภาพใหม่แบบพระคริสต์. หลักฐานดังกล่าวปรากฏชัดราวกับว่าแสดงไว้บนหน้าผากของพวกเขา. (เอเฟ. 4:20-24) ชนเยี่ยงแกะเหล่านี้เข้ามารวมเป็นฝูงเดียวกับคริสเตียนผู้ถูกเจิม และช่วยพวกเขาทำงานสำคัญด้วยการประทับตราคนอื่น ๆ ต่อไป.—วิ. 22:17.
12. นิมิตของยะเอศเคลเกี่ยวกับการประทับตราบนหน้าผากเน้นอย่างไรถึงความสำคัญของการเสาะหาคนเยี่ยงแกะซึ่งมีการทำกันมาอย่างต่อเนื่อง?
2 เทส. 1:7, 8) ขอให้สังเกตว่าผู้คนจะถูกพิพากษาอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าเขาตอบรับหรือปฏิเสธข่าวดี. ด้วยเหตุนั้น การประกาศข่าวสารของพระเจ้าต้องทำกันอย่างเต็มที่จนถึงที่สุด. (วิ. 14:6, 7) งานนี้จึงเป็นหน้าที่รับผิดชอบอันหนักสำหรับผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วของพระยะโฮวาทุกคน.—อ่านยะเอศเคล 3:17-19.
12 นิมิตของยะเอศเคลเน้นให้เห็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมการเสาะหาผู้คนที่ “ร้องคราง” ซึ่งทำกันมาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน. การเสาะหานี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน. ในไม่ช้า กองกำลังสำเร็จโทษของพระยะโฮวาที่อยู่ในสวรรค์ ซึ่งได้ให้ภาพแสดงไว้คือชายหกคนที่มีอาวุธ จะประหารคนที่ไม่มีตราโดยนัยนั้น. อัครสาวกเปาโลเขียนเกี่ยวกับการพิพากษาที่กำลังจะมาถึงว่า พระเยซูเจ้า พร้อมกับ “เหล่าทูตสวรรค์ผู้มีฤทธิ์ของพระองค์” จะ “ทรงสนองโทษคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าและคนที่ไม่เชื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าของเรา.” (13. (ก) อัครสาวกเปาโลสำนึกถึงความรับผิดชอบอะไร และเพราะเหตุใด? (ข) คุณสำนึกถึงหน้าที่รับผิดชอบเช่นไรต่อผู้คนในเขตของคุณ?
13 อัครสาวกเปาโลสำนึกถึงความรับผิดชอบเป็นส่วนตัวที่จะบอกข่าวดีแก่ผู้อื่น. ท่านเขียนดังนี้: “ข้าพเจ้าเป็นหนี้ทั้งชาวกรีกและคนชาติอื่น ๆ ทั้งคนมีปัญญาและคนเขลา ข้าพเจ้าจึงกระตือรือร้นจะประกาศข่าวดีแก่ท่านทั้งหลายที่อยู่ในกรุงโรมนี้ด้วย.” (โรม 1:14, 15) ด้วยความขอบคุณสำหรับพระเมตตาที่ท่านได้รับ เปาโลถูกกระตุ้นให้พยายามช่วยคนอื่น ๆ เพื่อจะได้ประโยชน์จากพระกรุณาคุณอันใหญ่หลวงของพระเจ้าเช่นเดียวกับที่ท่านเคยได้รับมาแล้ว. (1 ติโม. 1:12-16) ท่านรู้สึกเหมือนกับเป็นหนี้แต่ละคนที่ท่านพบ อันเป็นหนี้ที่จะจ่ายคืนได้ก็เฉพาะแต่โดยการบอกข่าวดีแก่คนคนนั้น. คุณรู้สึกว่าเป็นหนี้ผู้คนในเขตของคุณอย่างนั้นไหม?—อ่านกิจการ 20:26, 27.
14. เหตุผลสำคัญที่สุดที่เราประกาศในที่สาธารณะและตามบ้านคืออะไร?
14 แม้ว่าการช่วยชีวิตผู้คนเป็นเรื่องสำคัญ แต่มีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราประกาศตามบ้าน. ในคำพยากรณ์ซึ่งบันทึกไว้ที่มาลาคี 1:11 พระยะโฮวาทรงประกาศว่า “ตั้งแต่ตะวันออกจนจดตะวันตก, นามของเราจะเป็นใหญ่ในท่ามกลางเมืองทั้งปวง, และเขาจะ . . . ถวายเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์แก่นามของเราในทุกตำบล, เพราะนามของเราเป็นใหญ่ในประเทศทั้งปวง.” คำพยากรณ์นี้สำเร็จเป็นจริงโดยที่ผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วของพระยะโฮวากำลังสรรเสริญพระนามของพระองค์อย่างเปิดเผยแก่ผู้คนทั่วโลกขณะที่พวกเขาทำงานรับใช้ของตนให้สำเร็จอย่างถ่อมใจ. (เพลง. 109:30; มัด. 24:14) การถวาย “เครื่องบูชาที่เป็นคำสรรเสริญ” แด่พระยะโฮวาเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่เราประกาศทั้งในที่สาธารณะและตามบ้านเรือน.—ฮีบรู 13:15.
เหตุการณ์สำคัญในอนาคต
15. (ก) ชาวอิสราเอลทวีความเข้มข้นของกิจกรรมที่พวกเขาทำอย่างไรขณะที่พวกเขาเดินทัพรอบเมืองเยรีโคในวันที่เจ็ด? (ข) เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงอะไรเกี่ยวกับงานประกาศ?
15 งานประกาศจะเป็นอย่างไรในอนาคต? การล้อมเมืองเยริโค ดังที่มีบันทึกไว้ที่หนังสือยะโฮซูอะ เป็นภาพแสดงถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับงานประกาศ. ขอให้นึกย้อนกลับไปว่าก่อนพระเจ้าจะทำลายเมืองเยริโค พระองค์ทรงบัญชาให้ชาวอิสราเอลเดินทัพรอบเมืองวันละรอบเป็นเวลาหกวัน. แต่ในวันที่เจ็ด พวกเขาจะต้องทำเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด. พระยะโฮวาทรงมีรับสั่งแก่ยะโฮซูอะว่า “เจ้าทั้งหลายจงเดินรอบเมืองเจ็ดครั้งให้ปุโรหิตเป่าเขาแกะไปยโฮ. 6:2-5, ฉบับแปลใหม่) เป็นไปได้ว่าจะมีการขยายขอบเขตการประกาศของเราคล้าย ๆ กันนั้น. ไม่ต้องสงสัย เมื่อถึงเวลาที่ระบบปัจจุบันนี้จะถูกทำลาย เราจะได้เห็นการให้คำพยานอันยิ่งใหญ่เพื่อพระนามของพระเจ้าและราชอาณาจักรเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์โลก.
ด้วย และเมื่อเขาเป่าเขาแกะเป็นเสียงยาว . . . ก็ให้ประชาชนทั้งปวงโห่ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง กำแพงเมืองนั้นก็จะพังลงราบ.” (16, 17. (ก) อะไรจะสำเร็จก่อนที่ “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” จะสิ้นสุดลง? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความถัดไป?
16 ในที่สุดก็คงจะถึงเวลาที่ข่าวสารที่เราประกาศจะเป็นเหมือนกับการ “โห่ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง.” ในหนังสือวิวรณ์ มีการแสดงภาพข่าวการพิพากษาอันทรงพลังว่าเหมือนกับ “ลูกเห็บห่าใหญ่ซึ่งทุกก้อนหนักประมาณยี่สิบกิโลกรัม.” และวิวรณ์ 16:21 บอกว่า “ภัยลูกเห็บนั้นร้ายแรงนัก.” ส่วนเรื่องที่ว่าการประกาศตามบ้านจะมีบทบาทอย่างไรในการประกาศข่าวการพิพากษาของพระเจ้าอันเป็นจุดสุดยอดนั้นคงต้องรอดูกันต่อไป. แต่เราแน่ใจได้ว่าก่อน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” จะสิ้นสุดลง พระนามพระยะโฮวาจะกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์.—วิ. 7:14; ยเอศ. 38:23.
17 ขณะที่เราคอยเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขอให้เราประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรอย่างกระตือรือร้นต่อ ๆ ไป. เมื่อทำหน้าที่มอบหมายนี้ เราพบข้อท้าทายอะไรบ้างในการประกาศตามบ้าน และเรารับมือกับข้อท้าทายเหล่านั้นได้โดยวิธีใด? จะมีการพิจารณาคำถามเหล่านี้ในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 2 เว็บไซต์นี้ชื่อ www.watchtower.org.
คุณจะตอบอย่างไร?
• การประกาศตามบ้านมีพื้นฐานอย่างไรในพระคัมภีร์?
• มีการเน้นเรื่องการประกาศตามบ้านในสมัยปัจจุบันอย่างไร?
• เหตุใดผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วของพระยะโฮวามีหน้าที่รับผิดชอบที่จะประกาศ?
• จะมีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นในอนาคต?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 4]
เช่นเดียวกับอัครสาวกเปาโล คุณสำนึกไหมถึงหน้าที่รับผิดชอบที่จะประกาศข่าวดีแก่คนอื่น ๆ?
[ภาพหน้า 5]
บราเดอร์นอรร์ ในปี 1953