จงรักษา “เชือกสามเกลียว” ในชีวิตสมรส
จงรักษา “เชือกสามเกลียว” ในชีวิตสมรส
“เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้.”—ผู้ป. 4:12.
1. ใครผูกมนุษย์คู่แรกไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยสายสมรส?
หลังจากสร้างพืชและสัตว์แล้ว พระยะโฮวาพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์คนแรก คืออาดาม. ภายหลัง พระเจ้าทรงบันดาลให้อาดามหลับสนิท และพระองค์ทรงใช้กระดูกซี่โครงซี่หนึ่งของอาดามเพื่อสร้างผู้ช่วยที่สมบูรณ์ให้แก่เขา. เมื่อเห็นเธอ อาดามกล่าวว่า “นี่เป็นกระดูกแท้และเนื้อแท้ของเรา.” (เย. 1:27; 2:18, 21-23) พระยะโฮวาทรงแสดงความเห็นชอบกับเรื่องนี้ โดยทรงผูกมนุษย์คู่แรกไว้ด้วยสายสมรสและอวยพรพวกเขา.—เย. 1:28; 2:24.
2. ซาตานทำให้อาดามและฮาวาแตกแยกกันอย่างไร?
2 น่าเสียดาย ไม่นานสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสอย่างที่พระเจ้าทรงมุ่งหมายให้เป็นก็ถูกโจมตี. เป็นเช่นนั้นอย่างไร? กายวิญญาณชั่วตนหนึ่ง ซึ่งภายหลังถูกเรียกว่าซาตาน ล่อลวงฮาวาให้กินผลจากต้นไม้ต้นเดียวที่พระเจ้าทรงห้ามกิน. จากนั้น อาดามก็ร่วมกับภรรยาทำสิ่งที่ถือเป็นการขืนอำนาจปกครองที่พระเจ้าทรงมีสิทธิ์โดยชอบธรรมและไม่ยอมรับการชี้นำที่ดีจากพระองค์. (เย. 3:1-7) เมื่อพระยะโฮวาทรงถามทั้งสองว่าพวกเขาได้ทำอะไร เห็นได้ชัดว่าสายสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มมีปัญหาแล้ว. อาดามโทษภรรยาว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพเจ้านั้นส่งผลไม้นั้นให้ข้าพเจ้า ๆ จึงรับประทาน.”—เย. 3:11-13.
3. ชาวยิวบางคนมีทัศนะที่ไม่ถูกต้องอย่างไร?
3 หลายศตวรรษนับแต่นั้นมา ซาตานได้ใช้วิธีการอันแฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมหลายอย่างเพื่อขยายความบาดหมางในชีวิตสมรสให้มากขึ้น. ตัวอย่างเช่น บางครั้งมันใช้พวกผู้นำทางศาสนาให้ส่งเสริมทัศนะที่ไม่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์ในเรื่องการสมรส. ผู้นำชาวยิวบางคนลดทอนความสำคัญของมาตรฐานของพระเจ้า โดยยอมให้สามีหย่าภรรยาเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อยอย่างเช่นทำอาหารเค็มเกินไป. แต่พระเยซูทรงชี้ว่า “ผู้ใดที่หย่าภรรยาแล้วแต่งงานใหม่ก็เป็นคนเล่นชู้ เว้นแต่หย่าเพราะเหตุที่นางผิดประเวณี.”—มัด. 19:9.
4. สายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสถูกโจมตีอย่างไรในทุกวันนี้?
4 ซาตานยังคงพยายามอยู่เรื่อย ๆ เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของคนเราพังทลาย. การสมรสของพวกรักร่วมเพศ, การอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน, และการหย่าร้างกันอย่างง่าย ๆ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าซาตานประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องนี้. (อ่านฮีบรู 13:4.) ในฐานะคริสเตียน เราจะทำอะไรได้เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับอิทธิพลจากทัศนะผิด ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในเรื่องการสมรส? ให้เราพิจารณาลักษณะบางประการของชีวิตสมรสที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข.
จงให้พระยะโฮวาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสเสมอ
5. คำว่า “เชือกสามเกลียว” หมายถึงอะไรในเรื่องการสมรส?
5 เพื่อชีวิตสมรสจะดำเนินไปด้วยดี ต้องให้พระยะโฮวามีส่วนร่วมในสายสัมพันธ์นี้. พระคำของพระองค์กล่าวว่า “เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้.” (ผู้ป. 4:12) “เชือกสามเกลียว” เป็นคำกล่าวที่มีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ. เมื่อนำมาใช้กับการสมรส คำเปรียบนี้หมายถึงการที่สามีและภรรยาเป็นเชือกสองเส้นซึ่งฟั่นเป็นเกลียวกับเส้นที่เป็นแกนกลาง คือพระยะโฮวาพระเจ้า. การที่คู่สมรสรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าทำให้ทั้งสองเข้มแข็งพอที่จะรับมือปัญหาต่าง ๆ และเป็นกุญแจสำคัญที่จะประสบความสุขได้มากที่สุดในชีวิตสมรส.
6, 7. (ก) คริสเตียนจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้แน่ใจว่าพระเจ้าทรงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสของพวกเขา? (ข) อะไรคือสิ่งที่พี่น้องหญิงคนหนึ่งเห็นว่ามีค่ามากในตัวสามี?
6 แต่คู่สมรสจะทำอะไรได้เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตสมรสจะเพลง. 40:8) ความรักของเราต่อพระเจ้าก็กระตุ้นเราเช่นกันให้รับใช้พระองค์อย่างสุดหัวใจ. ด้วยเหตุนั้น ทั้งสองควรพัฒนาสายสัมพันธ์อันอบอุ่นเป็นส่วนตัวกับพระยะโฮวาและมีความยินดีในการทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์. คู่สมรสควรพยายามเสริมความรักที่คู่ของตนมีต่อพระเจ้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วย.—สุภา. 27:17.
เป็นเหมือนเชือกสามเกลียวดังกล่าว? ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้ายินดีที่จะประพฤติตามน้ำพระทัยของพระองค์; แท้จริงพระบัญญัติของพระองค์อยู่ในใจของข้าพเจ้า.” (7 หากกฎหมายของพระเจ้าฝังอยู่ในส่วนลึกของเราจริง ๆ คุณลักษณะที่ดีอย่างเช่นความเชื่อ, ความหวัง, และความรักก็จะแสดงออกมาและจะช่วยทำนุบำรุงสายสมรส. (1 โค. 13:13) คริสเตียนคนหนึ่งชื่อแซนดรา ซึ่งสมรสมา 50 ปีแล้ว กล่าวว่า “สิ่งที่ดิฉันเห็นว่ามีค่ามากที่สุดในตัวสามีก็คือการที่เขาให้การชี้นำและให้คำแนะนำโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิล รวมถึงความรักของเขาต่อพระยะโฮวา ซึ่งแรงกล้ายิ่งกว่าความรักที่เขามีต่อดิฉัน.” สามีทั้งหลาย ภรรยาของคุณสามารถกล่าวถึงคุณคล้าย ๆ กันนี้ไหม?
8. จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับ ‘ผลของงานที่ดี’ ในชีวิตสมรส?
8 ในฐานะคู่สมรส คุณจัดให้เรื่องฝ่ายวิญญาณและผลประโยชน์ของราชอาณาจักรมาก่อนสิ่งอื่นในชีวิตไหม? นอกจากนั้น คุณมองอย่างแท้จริงไหมว่าคู่สมรสเป็นเพื่อนที่รับใช้พระยะโฮวาด้วยกัน? (เย. 2:24) กษัตริย์โซโลมอนผู้ฉลาดสุขุมเขียนว่า “สองคนก็ดีกว่าคนเดียว, เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับผลของงานดีกว่า.” (ผู้ป. 4:9) จริงทีเดียว สามีและภรรยาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้รับ ‘ผลของงานที่ดี’ ซึ่งอยู่ในรูปของสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสที่ยั่งยืนและเปี่ยมด้วยความรักที่พระเจ้าทรงอวยพร.
9. (ก) สามีมีความรับผิดชอบอะไร? (ข) ตามโกโลซาย 3:19 สามีควรปฏิบัติต่อภรรยาอย่างไร?
9 สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่าพระเจ้าทรงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสหรือไม่ก็คือความพยายามของทั้งสามีและภรรยาในการทำตามข้อเรียกร้องของพระองค์. สามีมีพันธะในอันดับแรกที่จะเลี้ยงดูครอบครัวทั้งทางด้านวัตถุและฝ่ายวิญญาณ. (1 ติโม. 5:8) พวกเขายังได้รับการสนับสนุนให้คำนึงถึงความต้องการด้านอารมณ์ของภรรยา. ที่โกโลซาย 3:19 เราอ่านว่า “สามีทั้งหลาย จงรักภรรยาเสมอและอย่าเกรี้ยวกราดต่อนาง.” ผู้คงแก่เรียนด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งอธิบายว่า คำ “เกรี้ยวกราด” หมายรวมถึง “การใช้คำพูดรุนแรง, หรือทุบตี, และไม่ให้ความรัก, การเอาใจใส่, สิ่งจำเป็นทางการเงิน, การปกป้อง, และการช่วยเหลือ.” เห็นได้ชัด พฤติกรรมเช่นนั้นไม่ควรมีอยู่ในครอบครัวคริสเตียน. สามีที่ทำหน้าที่ประมุขครอบครัวด้วยความรักจะกระตุ้นภรรยาให้พร้อมจะอยู่ใต้อำนาจของเขา.
10. ภรรยาคริสเตียนควรแสดงเจตคติแบบใด?
10 ภรรยาคริสเตียนที่พยายามให้พระยะโฮวาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสของตนเสมอต้องทำตามข้อเรียกร้องของพระเจ้าเช่นกัน. อัครสาวกเปาโลเขียนดังนี้: “ให้ภรรยายอมเชื่อฟังสามีเหมือนเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสามีเป็นประมุขของภรรยาเหมือนพระคริสต์ทรงเป็นประมุขของประชาคม.” (เอเฟ. 5:22, 23) ซาตานล่อลวงฮาวา ส่งเสริมคำโกหกที่ว่าการไม่หมายพึ่งพระเจ้าจะทำให้มีความสุขอย่างยั่งยืน. เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้มีน้ำใจเป็นเอกเทศอยู่ในชีวิตสมรสของผู้คนจำนวนมาก. แต่สำหรับสตรีที่เลื่อมใสพระเจ้า การยอมอยู่ใต้อำนาจประมุขผู้เปี่ยมด้วยความรักไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ. พวกเขาระลึกเสมอว่าพระยะโฮวาทรงแต่งตั้งฮาวาให้เป็น “คู่เคียง” ของสามี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพระเจ้าทรงถือว่านั่นเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ. (เย. 2:18) ภรรยาคริสเตียนที่เต็มใจรับเอาบทบาทที่พระเจ้าประทานให้นี้นับเป็น “มงกุฎ” ของสามีอย่างแท้จริง.—สุภา. 12:4.
11. พี่น้องคนหนึ่งลงความเห็นว่าอะไรได้ช่วยชีวิตสมรสของเขา?
11 อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้พระเจ้าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสเสมอก็คือการที่คู่สมรสศึกษาพระคำของพระเจ้าด้วยกัน. เจอรัลด์ซึ่งสมรสมาแล้วอย่างมีความสุขเป็นเวลา 55 ปีกล่าวว่า “องค์ประกอบสำคัญที่สุดที่ทำให้ชีวิตสมรสประสบความสำเร็จก็คือการอ่านและศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยกัน.” เขากล่าวอีกว่า “การทำอะไร ๆ ด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องฝ่ายวิญญาณ ทำให้คู่สมรสใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นและใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้น.” การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยกันช่วยครอบครัวให้คิดถึงมาตรฐานของพระยะโฮวาเสมอ, เสริมสายสัมพันธ์กับพระองค์, และช่วยครอบครัวให้ก้าวหน้าต่อ ๆ ไป.
12, 13. (ก) เหตุใดการอธิษฐานด้วยกันจึงสำคัญมากสำหรับคู่สมรส? (ข) กิจกรรมฝ่ายวิญญาณอื่น ๆ อะไรอีกที่เสริมชีวิตสมรส?
เพลง. 62:8, ฉบับแปลใหม่) ตัวอย่างเช่น คงจะง่ายกว่าสักเพียงไรที่จะสลายความขัดแย้งกับคู่สมรสหลังจากที่คุณทูลวิงวอนต่อองค์ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งด้วยกันเพื่อขอการชี้นำจากพระองค์! (มัด. 6:14, 15) สอดคล้องกับคำอธิษฐาน นับว่าเหมาะที่คู่สมรสแต่ละคนจะตั้งใจแน่วแน่ว่าจะช่วยกันและ “ทนกันและกันเรื่อยไปและให้อภัยกันอย่างใจกว้าง.” (โกโล. 3:13) จงจำไว้เสมอว่าการที่เราอธิษฐานแสดงว่าเราหมายพึ่งพระเจ้า. กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “คนทั้งปวงเพ่งมองพระองค์ด้วยความหวัง.” (เพลง. 145:15, ล.ม.) เมื่อเราเพ่งมองพระเจ้าด้วยความหวังโดยอธิษฐานถึงพระองค์ เราจะกระวนกระวายน้อยลง เพราะรู้ว่า ‘พระองค์ทรงใฝ่พระทัยเรา.’—1 เป. 5:7.
12 นอกจากนั้นแล้ว คู่สมรสที่มีความสุขอธิษฐานด้วยกัน. เมื่อสามี “ระบายความในใจ” โดยทูลขอในเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาพการณ์เฉพาะของเขาทั้งสอง นั่นย่อมเสริมสายสัมพันธ์ในชีวิตสมรสอย่างแน่นอน. (13 กุญแจสำคัญอีกประการหนึ่งเพื่อให้พระยะโฮวาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสเสมอก็คือการเข้าร่วมประชุมประชาคมและทำงานรับใช้ด้วยกัน. ณ การประชุม คู่สมรสเรียนรู้ที่จะต่อสู้กับ “กลอุบาย” ที่ซาตานใช้เพื่อทำให้ครอบครัวแตกแยก. (เอเฟ. 6:11) และสามีกับภรรยาที่ทำงานรับใช้ด้วยกันเป็นประจำเรียนรู้ที่จะ ‘ยืนหยัดมั่นคง ไม่หวั่นไหว.’—1 โค. 15:58.
เมื่อเกิดความยุ่งยาก
14. มีอะไรบ้างที่อาจมีส่วนทำให้เกิดความตึงเครียดในชีวิตสมรส?
14 จริงอยู่ ข้อเสนอแนะข้างต้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คุณน่าจะลองพิจารณาข้อแนะเหล่านี้กับคู่ของคุณอย่างตรงไปตรงมา. ลองดูว่ามีบางแง่มุมหรือไม่ในชีวิตสมรสของคุณที่น่าจะเอาใจใส่มากขึ้น. อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลยอมรับว่าแม้แต่คนที่ให้พระเจ้าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสของตน “จะมีความยากลำบากในชีวิต.” (1 โค. 7:28, ฉบับแปล 2002) เนื่องจากความไม่สมบูรณ์, อิทธิพลที่ไม่ดีจากโลกชั่ว, และกับดักของพญามาร แม้แต่ชีวิตสมรสของผู้รับใช้พระเจ้าที่ซื่อสัตย์ก็อาจตึงเครียดอย่างหนัก. (2 โค. 2:11) แต่พระยะโฮวาทรงช่วยให้เราสามารถรับมือความตึงเครียดเช่นนั้นได้. เราสามารถรับมือความตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน. โยบบุรุษผู้ซื่อสัตย์สูญเสียฝูงปศุสัตว์, คนรับใช้, และ ลูก ๆ. กระนั้น คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “ในเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ท่านโยบหาได้กระทำผิดสิ่งใดไม่, และมิได้กล่าวโทษอันใดต่อพระเจ้าเลย.”—โยบ 1:13-22.
15. ความตึงเครียดอาจทำให้คนเราแสดงปฏิกิริยาอย่างไร และคู่สมรสควรรับมือกับปฏิกิริยาเช่นนั้นอย่างไร?
15 ในทางตรงกันข้าม ภรรยาของโยบกล่าวกับท่านว่า “ท่านยังจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หรือ? จงแช่งด่าพระเจ้า; ถึงจะตายก็ตายเถิด.” (โยบ 2:9) จริงทีเดียว เมื่อมีโศกนาฏกรรมหรือสถานการณ์ที่ยุ่งยากอื่น ๆ เกิดขึ้น ความวุ่นวายใจที่เป็นผลตามมาอาจทำให้คนเราทำอะไรที่ขาดเหตุผล. บุรุษผู้ฉลาดสุขุมตั้งข้อสังเกตว่า “การกดขี่ข่มเหงกระทำผู้มีสติปัญญาให้คลั่งไป.” (ผู้ป. 7:7) หากคู่สมรสของคุณโพล่งคำพูดที่ทำร้ายความรู้สึกออกมาเมื่อประสบความทุกข์ยากหรือ “การกดขี่ข่มเหง” จงพยายามรักษาความเยือกเย็นไว้. การตอบโต้การร้ายด้วยการร้ายอาจทำให้คนหนึ่งหรือทั้งคู่พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 37:8.) ดังนั้น จงมองข้าม ‘คำพูดหุนหัน’ ที่อาจเกิดมาจากความหงุดหงิดหรือความท้อแท้ใจ.—โยบ 6:3, ฉบับแปลใหม่.
16. (ก) คำตรัสของพระเยซูที่พบในมัดธาย 7:1-5 ใช้ได้อย่างไรกับชีวิตสมรส? (ข) เหตุใดความสมดุลจึงสำคัญมากในชีวิตสมรส?
16 คู่สมรสจำเป็นต้องคาดหมายอย่างที่ตรงกับสภาพจริง. คู่สมรสคนหนึ่งอาจสังเกตว่าคู่ของตนมีนิสัยเฉพาะตัวบางอย่างที่แปลกและคิดว่า ‘ฉันจะเปลี่ยนเขา (หรือเธอ) ได้.’ ด้วยความรักและความอดทน คุณอาจสามารถช่วยคู่ของคุณให้ค่อย ๆ ปรับปรุง. แต่อย่าลืมว่า พระเยซูทรงเปรียบคนที่หยิบยกข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนอื่นขึ้นมาตำหนิว่าเป็นเหมือนกับคนที่มองดู “เศษฟาง” ในตาพี่น้องแต่ไม่มอง “ไม้ทั้งท่อน” ในตาตัวเอง. พระเยซูทรงกระตุ้นเราว่า “จงเลิกตัดสินผู้อื่นเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ถูกตัดสิน.” (อ่านมัดธาย 7:1-5.) นี่ไม่ได้หมายความว่าควรเพิกเฉยข้อบกพร่องที่ร้ายแรง. โรเบิร์ต ซึ่งแต่งงานมานานเกือบ 40 ปี กล่าวว่า “การเปิดเผยตรงไปตรงมาและพร้อมจะยอมรับฟังความคิดเห็นที่มีเหตุผล อาจทำให้แต่ละคนจำเป็นต้องเปลี่ยนทัศนคติ.” ดังนั้น จงสมดุล. แทนที่จะหงุดหงิดเพราะคู่สมรสไม่มีนิสัยอย่างที่คุณอยากเห็น จงเรียนรู้ที่จะพอใจและชื่นชมกับคุณลักษณะที่ดีที่เขาหรือเธอมีอยู่แล้ว.—ผู้ป. 9:9.
17, 18. เมื่อมีความลำบากเพิ่มขึ้น เราจะขอความช่วยเหลือได้จากที่ไหน?
17 เมื่อสถานการณ์ในชีวิตเปลี่ยนไปก็อาจเกิดการทดสอบ. คู่สมรสอาจเผชิญข้อท้าทายเมื่อพวกเขามีบุตร. คู่สมรสหรือบุตรอาจป่วยหนัก. บิดามารดาที่ชราแล้วอาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ. ลูก ๆ ที่โตแล้วอาจย้ายไปอยู่ไกลบ้าน. การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ อาจเป็นผลมาจากการเอาใจใส่สิทธิพิเศษและหน้าที่รับผิดชอบตามระบอบของพระเจ้า. การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดและเกิดความกระวนกระวาย.
18 หากความตึงเครียดในชีวิตสมรสทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังจะถึงจุดที่คุณทนไม่ได้อีกต่อไป คุณจะทำอะไรได้? (สุภา. 24:10) อย่ายอมแพ้! ไม่มีอะไรที่ซาตานชอบมากไปกว่าการที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าคนหนึ่งละทิ้งการนมัสการบริสุทธิ์. มันจะมีความสุขยิ่งกว่านั้นอีกหากคู่สมรสทั้งสองคนละทิ้งพระเจ้า. ดังนั้น จงทำทุกสิ่งที่คุณทำได้เพื่อจะแน่ใจว่าชีวิตสมรสของคุณยังคงเป็นเชือกสามเกลียวอยู่. คัมภีร์ไบเบิลมีเรื่องราวของหลายคนที่รักษาความซื่อสัตย์แม้เผชิญการทดลองอย่างรุนแรง. ตัวอย่างเช่น ดาวิดระบายความในใจกับพระยะโฮวาในโอกาสหนึ่งโดยกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงพระเมตตาข้าพเจ้า; เพราะมนุษย์ . . . ต่อสู้เบียดเบียนข่มเหงข้าพเจ้าทุกเวลา.” (เพลง. 56:1) คุณเคยรู้สึกว่าถูก “มนุษย์” กดขี่ไหม? ไม่ว่าความตึงเครียดที่คุณรู้สึกนั้นมาจากที่ห่างไกลหรือจากคนที่อยู่ใกล้ตัว ขอให้จำไว้ว่าดาวิดได้กำลังเข้มแข็งที่จะทนได้ และคุณก็สามารถทนได้เช่นกัน. ดาวิดกล่าวว่า “เมื่อข้าพเจ้าได้แสวงหาพระยะโฮวา, พระองค์ได้ทรงตอบข้าพเจ้า, และได้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความหวาดกลัวทั้งปวง.”—เพลง. 34:4.
พระพรอื่น ๆ
19. เราจะหลีกเลี่ยงผลเสียหายจากการโจมตีของซาตานได้โดยวิธีใด?
19 ในเวลาอวสานนี้ คู่สมรสจำเป็นต้อง “ชูใจกันและส่งเสริมกันเรื่อยไป.” (1 เทส. 5:11) อย่าลืมว่าซาตานอ้างว่าเราภักดีต่อพระยะโฮวาเพราะความเห็นแก่ตัว. มันจะใช้ทุกวิถีทางที่ทำได้ รวมทั้งการทำให้ครอบครัวแตกแยก เพื่อทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของเราต่อพระเจ้า. เพื่อจะไม่ได้รับผลเสียหายจากการโจมตีของซาตาน เราจำเป็นต้องไว้วางใจพระยะโฮวาอย่างเต็มที่. (สุภา. 3:5, 6) เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้ามีกำลังสำหรับทุกสิ่งโดยพระองค์ผู้ทรงประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า.”—ฟิลิป. 4:13.
20. พระพรอะไรมาจากการให้พระเจ้าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสเสมอ?
20 พระพรที่เกิดจากการให้พระเจ้าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสนั้นมีมากมาย. เรื่องนี้เป็นจริงอย่างแน่นอนสำหรับชีวิตสมรสที่นานถึง 51 ปีของโจเอลและภรรยา. เขากล่าวว่า “ผมขอบพระคุณพระยะโฮวาเสมอสำหรับภรรยาและการที่เราอยู่เป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข. เธอเป็นคู่ชีวิตที่ยอดเยี่ยม.” เคล็ดลับของทั้งสองคืออะไร? “เราพยายามแสดงความกรุณาต่อกัน, อดทนต่อกัน, และรักกัน.” ไม่มีใครทำได้อย่างสมบูรณ์แบบในระบบนี้. กระนั้น ให้เราพยายามนำหลักการในคัมภีร์ไบเบิลมาใช้อย่างเต็มที่และให้พระยะโฮวาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสของเราเสมอ. หากเราทำอย่างนั้น ชีวิตสมรสของเราจะเป็นเหมือนกับ “เชือกสามเกลียว [ซึ่ง] จะขาดง่ายก็หามิได้.”—ผู้ป. 4:12.
คุณจำได้ไหม?
• การให้พระยะโฮวาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสหมายความอย่างไร?
• คู่สมรสควรทำอะไรเมื่อมีความยุ่งยากเกิดขึ้น?
• เรารู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าทรงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสมรสของเราแล้วหรือยัง?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 18]
การอธิษฐานด้วยกันช่วยคู่สมรสเผชิญสถานการณ์ที่ยุ่งยากลำบาก