คุณนำหน้าในการให้เกียรติไหม?
คุณนำหน้าในการให้เกียรติไหม?
“จงนำหน้าในการให้เกียรติกัน.”—โรม 12:10.
1. ในหลายส่วนของโลก อะไรไม่ใช่เรื่องที่ปฏิบัติกันเป็นธรรมดาอีกต่อไป?
ในบางส่วนของโลก เป็นธรรมเนียมที่เด็กจะแสดงความนับถือและให้เกียรติผู้ใหญ่ด้วยการคุกเข่าเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่. โดยวิธีนี้ พวกเขาจะไม่ยืนค้ำหัวคนที่อายุมากกว่า. ในชุมชนที่มีธรรมเนียมดังกล่าว การที่เด็กจะหันหลังให้ผู้ใหญ่ยังถือด้วยว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้ความนับถือ. แม้ว่าความนับถือแสดงออกแตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม แต่การแสดงความนับถือเช่นนั้นทำให้เรานึกถึงพระบัญญัติของโมเซ. ในพระบัญญัติมีพระบัญชานี้อยู่ด้วยที่ว่า “จงคำนับคนผมหงอกและนับถือคนแก่.” (เลวี. 19:32) น่าเสียดาย ในหลาย ๆ แห่งการให้เกียรติแก่ผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่ปฏิบัติกันเป็นธรรมดาอีกต่อไป. ที่จริง มีการแสดงความไม่นับถือให้เห็นอยู่ทั่วไปในสมัยปัจจุบัน.
2. พระคำของพระเจ้าบอกให้เราให้เกียรติใคร?
2 พระคำของพระเจ้าถือว่าการให้เกียรติเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราให้ถวายเกียรติพระยะโฮวาและพระเยซู. (โย. 5:23) เราได้รับพระบัญชาด้วยว่าให้เราให้เกียรติสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมความเชื่อ รวมทั้งบางคนที่อยู่นอกประชาคม. (โรม 12:10; เอเฟ. 6:1, 2; 1 เป. 2:17) มีวิธีใดบ้างที่เราแสดงว่าเราถวายเกียรติพระยะโฮวา? เราให้เกียรติหรือแสดงความนับถืออย่างยิ่งต่อพี่น้องคริสเตียนชายหญิงอย่างไร? ให้เราพิจารณาคำถามเหล่านี้และคำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง.
จงถวายเกียรติพระยะโฮวาและพระนามของพระองค์
3. แนวทางที่สำคัญอย่างหนึ่งในการถวายเกียรติพระยะโฮวาคืออะไร?
3 วิธีสำคัญวิธีหนึ่งในการถวายเกียรติพระยะโฮวาก็คือโดยแสดงความนับถืออย่างเหมาะสมต่อพระนามของพระองค์. ที่จริง เราเป็น “ประชาชนสำหรับพระนามพระองค์.” (กิจ. 15:14) นับเป็นเกียรติอย่างแท้จริงที่เราถูกเรียกตามพระนามของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง พระยะโฮวา. ผู้พยากรณ์มีคากล่าวว่า “ส่วนประชาชนทั้งสิ้น ต่างก็จะดำเนินในนามแห่งพระเจ้าของเขา; แต่ส่วนเราจะดำเนินในพระนามของพระยะโฮวาพระเจ้าของเราจนถึงเวลาไม่กำหนด ตลอดไปเป็นนิตย์.” (มีคา 4:5, ล.ม.) เรา “ดำเนินในพระนามของพระยะโฮวา” โดยพยายามดำเนินชีวิตแต่ละวันในวิธีที่ทำให้พระนามของพระองค์ได้รับความนับถือ. ดังที่เปาโลเตือนคริสเตียนในกรุงโรมให้คิด หากเราไม่ดำเนินชีวิตประสานกับข่าวดีที่เราประกาศ พระนามของพระเจ้าจะ “ถูกดูหมิ่น” ชื่อเสียงของพระองค์ก็จะเสื่อมเสีย.—โรม 2:21-24.
4. คุณรู้สึกอย่างไรต่อสิทธิพิเศษที่ได้เป็นพยานของพระยะโฮวา?
4 นอกจากนั้น เราถวายเกียรติพระยะโฮวาด้วยการทำงานให้คำพยาน. ในอดีต พระยะโฮวาทรงเชิญชาติอิสราเอลให้เป็นพยานของพระองค์ แต่พวกเขาไม่ได้ทำบทบาทนั้น. (ยซา. 43:1-12) หลายครั้งหลายคราที่พวกเขาหันหลังให้พระยะโฮวาและ “ขัดพระทัยพระองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งพวกยิศราเอล.” (เพลง. 78:40, 41) ในที่สุด ชาตินี้สูญเสียความโปรดปรานของพระยะโฮวาจนหมดสิ้น. แต่พวกเราในปัจจุบันรู้สึกขอบคุณที่ได้รับสิทธิพิเศษเป็นพยานของพระยะโฮวาและประกาศพระนามของพระองค์ให้ผู้คนรู้จัก. เราทำอย่างนั้นเพราะเรารักพระองค์และปรารถนาอย่างยิ่งให้พระนามของพระองค์ได้รับความนับถืออันบริสุทธิ์. เราจะเลี่ยงงานประกาศได้อย่างไรในเมื่อเรารู้ความจริงเกี่ยวกับพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์และพระประสงค์ของพระองค์? เรารู้สึกแบบเดียวกับอัครสาวกเปาโลเมื่อท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศอยู่แล้ว. ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี วิบัติจะมีแก่ข้าพเจ้าแน่!”—1 โค. 9:16.
5. การมีความเชื่อในพระยะโฮวาเกี่ยวข้องกับการแสดงความนับถือพระองค์อย่างไร?
เพลง. 9:10) หากเรารู้จักพระยะโฮวาอย่างแท้จริงและแสดงความนับถือต่อพระนามพระองค์ เราจะไว้วางใจพระองค์เช่นเดียวกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ในสมัยโบราณ. การไว้วางใจและเชื่อในพระยะโฮวาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะแสดงความนับถือพระองค์. ขอสังเกตถึงวิธีที่พระคำของพระเจ้าแสดงความเกี่ยวข้องกันระหว่างการไว้วางใจพระยะโฮวากับการแสดงความนับถือพระองค์. เมื่อชาติอิสราเอลโบราณไม่ไว้วางใจพระองค์ พระยะโฮวาทรงถามโมเซว่า “ชนชาตินี้จะสบประมาทเรานานเท่าไร? พวกเขาจะไม่เชื่อเรานานแค่ไหน? แม้เราได้ทำการอัศจรรย์ทุกอย่างท่ามกลางพวกเขามาแล้ว.” (อาฤ. 14:11, ฉบับแปล 2002) เป็นความจริงในทางตรงกันข้ามด้วย. โดยไว้วางใจพระยะโฮวาว่าจะทรงปกป้องและค้ำจุนเราแม้เมื่อถูกทดลอง เราแสดงให้เห็นว่าเรานับถือพระองค์.
5 ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวว่า “คนทั้งหลายที่รู้จักพระนามของพระองค์แล้วจะวางใจในพระองค์; ด้วยพระยะโฮวาไม่ทรงละทิ้งคนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์.” (6. อะไรกระตุ้นเราให้แสดงความนับถืออย่างยิ่งต่อพระยะโฮวา?
6 พระเยซูทรงชี้ว่าความนับถือต่อพระยะโฮวาต้องออกมาจากหัวใจ. เมื่อพระเยซูตรัสกับคนที่นมัสการอย่างที่ไม่ออกมาจากใจจริง พระองค์ยกคำตรัสของพระยะโฮวาว่า “ชนชาตินี้ดีแต่พูดว่านับถือเรา แต่หัวใจพวกเขาห่างไกลจากเรา.” (มัด. 15:8) ความนับถือจากใจจริงต่อพระยะโฮวาเกิดมาจากความรักแท้ต่อพระองค์. (1 โย. 5:3) และเรายังจำคำสัญญาของพระยะโฮวาได้เสมอด้วย ที่ว่า “ผู้ที่ให้เรามีเกียรติยศเราจะให้เกียรติยศแก่ผู้นั้น.”—1 ซามู. 2:30.
ผู้ดูแลแสดงความนับถือต่อผู้อื่น
7. (ก) เหตุใดพี่น้องที่มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบควรให้เกียรติคนที่พวกเขาดูแล? (ข) เปาโลแสดงความนับถือเพื่อนร่วมความเชื่ออย่างไร?
7 อัครสาวกเปาโลแนะนำเพื่อนร่วมความเชื่อว่า “จงนำหน้าในการให้เกียรติกัน.” (โรม 12:10) พี่น้องที่มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมควรวางตัวอย่างด้วยการ “นำหน้า” ในการให้เกียรติคนที่พวกเขาดูแล. ในเรื่องนี้ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญควรทำตามตัวอย่างที่เปาโลวางไว้. (อ่าน 1 เทสซาโลนิเก 2:7, 8.) พี่น้องในประชาคมต่าง ๆ ที่เปาโลเยี่ยมรู้ว่าท่านไม่มีทางขอให้พวกเขาทำสิ่งที่ท่านเองไม่อยากทำ. เปาโลแสดงความนับถือต่อเพื่อนร่วมความเชื่อซึ่งทำให้ท่านได้รับความนับถือจากพวกเขา. เมื่อเปาโลกล่าวว่า “ดังนั้น ข้าพเจ้าขอให้พวกท่านเลียนแบบข้าพเจ้า” เราจึงแน่ใจได้ว่าหลายคนคงเต็มใจเลียนแบบท่านเพราะท่านวางตัวอย่างที่ดี.—1 โค. 4:16.
8. (ก) วิธีสำคัญอย่างหนึ่งที่พระเยซูทรงแสดงความนับถือต่อเหล่าสาวกคืออะไร? (ข) ผู้ดูแลในสมัยปัจจุบันสามารถทำตามแบบอย่างของพระเยซูได้อย่างไร?
8 อีกวิธีหนึ่งที่พี่น้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบแสดงความนับถือต่อคนที่เขาดูแลก็คือโดยบอกเหตุผลด้วยเมื่อเขาขอร้องหรือแนะนำพี่น้อง. ด้วยการทำอย่างนั้น เขาเลียนแบบพระเยซู. ตัวอย่างเช่น เมื่อบอกเหล่าสาวกให้อธิษฐานขอพระเจ้าทรงส่งคนงานเกี่ยวมากขึ้น พระเยซูทรงบอกเหตุผลพวกเขา. พระองค์ตรัสว่า “การเกี่ยวเป็นงานใหญ่ แต่คนงานมีน้อย. ฉะนั้น จงขอเจ้าของงานเกี่ยวให้ส่งคนงานออกไปในงานเกี่ยวของพระองค์.” (มัด. 9:37, 38) คล้ายกัน เมื่อพระองค์ทรงบอกเหล่าสาวกให้ “เฝ้าระวังอยู่เสมอ” พระองค์ทรงให้เหตุผล. พระองค์ตรัสว่า “เพราะเจ้าทั้งหลายไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าจะมาในวันใด.” (มัด. 24:42) หลายต่อหลายครั้ง พระเยซูทรงบอกเหล่าสาวกไม่เพียงแค่ว่าพวกเขาควรทำอะไร แต่บอกด้วยว่าทำไมจึงควรทำสิ่งนั้น. โดยวิธีนั้น พระองค์ทรงแสดงความนับถือและให้เกียรติพวกเขา. นับเป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ ที่ผู้ดูแลคริสเตียนจะเลียนแบบ!
นับถือประชาคมของพระยะโฮวาและการชี้นำจากประชาคม
9. เราให้เกียรติใครเมื่อเราแสดงความนับถือต่อประชาคมคริสเตียนทั่วโลกและตัวแทนทั้งหลาย? จงอธิบาย.
9 เพื่อจะถวายเกียรติพระยะโฮวา เราจำเป็นด้วยต้องนับถือประชาคมคริสเตียนทั่วโลก รวมถึงตัวแทนทั้งหลายของประชาคม. เมื่อเราเอาใจใส่ทำตามคำแนะนำจากชนชั้นทาสสัตย์ซื่อ เราแสดงความนับถือต่อการจัดเตรียมของ3 โยฮัน 9-11.) คำกล่าวของโยฮันแสดงว่าคนเหล่านั้นขาดความนับถือไม่เฉพาะต่อตัวผู้ดูแลเอง แต่ต่อการสอนและการชี้นำของพวกเขาด้วย. น่ายินดีที่คริสเตียนส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนั้น. ระหว่างที่เหล่าอัครสาวกมีชีวิตอยู่ เห็นได้ชัดว่าพี่น้องโดยรวมได้แสดงความนับถืออย่างยิ่งต่อคนที่นำหน้า.—ฟิลิป. 2:12.
พระยะโฮวา. ในประชาคมคริสเตียนสมัยศตวรรษแรก อัครสาวกโยฮันเห็นความจำเป็นต้องว่ากล่าวคนที่ไม่นับถือพี่น้องที่ได้รับการแต่งตั้ง. (อ่าน10, 11. จงอธิบายจากพระคัมภีร์ว่าเหตุใดจึงเหมาะสมที่บางคนมีอำนาจระดับหนึ่งในประชาคมคริสเตียน.
10 บางคนหาเหตุผลว่าเนื่องจากพระเยซูทรงบอกเหล่าสาวกว่า “พวกเจ้าทุกคนเป็นพี่น้องกัน” จึงไม่ควรมีใครมีตำแหน่งที่มีอำนาจในประชาคมคริสเตียน. (มัด. 23:8) แต่ทั้งพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูและภาคภาษากรีกมีตัวอย่างมากมายของชายที่ใช้อำนาจที่ได้รับมอบจากพระเจ้า. ประวัติของปฐมบรรพบุรุษ, ผู้วินิจฉัย, และกษัตริย์ในหมู่ชาวฮีบรูโบราณให้หลักฐานมากพอว่าพระยะโฮวาทรงชี้นำโดยทางตัวแทนที่เป็นมนุษย์. เมื่อประชาชนไม่ได้ให้เกียรติอย่างเหมาะสมแก่คนที่ได้รับแต่งตั้ง พวกเขาถูกพระยะโฮวาตีสอน.—2 กษัต. 1:2-17; 2:19, 23, 24.
11 คล้ายกัน คริสเตียนในศตวรรษแรกยอมรับอำนาจของเหล่าอัครสาวก. (กิจ. 2:42) ตัวอย่างเช่น เปาโลให้คำแนะนำแก่พวกพี่น้อง. (1 โค. 16:1; 1 เทส. 4:2) อย่างไรก็ตาม ท่านเองก็เต็มใจยอมรับอำนาจของคนที่มีอำนาจเหนือท่าน. (กิจ. 15:22; กลา. 2:9, 10) ไม่มีข้อสงสัย เปาโลมีทัศนะที่ถูกต้องต่ออำนาจในประชาคมคริสเตียน.
12. เราได้บทเรียนสองประการอะไรจากตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องอำนาจหน้าที่?
12 เราได้บทเรียนสองประการ. ประการแรก เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์ที่ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” โดยทางคณะกรรมการปกครอง แต่งตั้งพี่น้องชายให้มีตำแหน่งที่รับผิดชอบ และบางคนถูกแต่งตั้งให้มีอำนาจเหนือชายที่ได้รับแต่งตั้งคนอื่น ๆ. (มัด. 24:45-47; 1 เป. 5:1-3) ประการที่สอง เราทุกคน รวมทั้งคนที่ได้รับแต่งตั้งด้วย ควรให้เกียรติคนที่มีอำนาจเหนือเรา. ถ้าอย่างนั้น มีวิธีใดบ้างที่ใช้ได้ที่เราจะสามารถให้เกียรติคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้ดูแลในประชาคมคริสเตียนทั่วโลก?
แสดงความนับถือต่อผู้ดูแลเดินทาง
13. เราจะแสดงความนับถือตัวแทนของประชาคมคริสเตียนในสมัยปัจจุบันได้โดยวิธีใด?
13 เปาโลกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย เราขอให้พวกท่านนับถือผู้ที่ทำงานหนักท่ามกลางพวกท่าน ซึ่งนำหน้าในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเตือนสติพวกท่าน และให้คำนึงถึงพวกเขาเป็นพิเศษด้วยความรักเนื่องจากการงานของพวกเขา. จงอยู่กันอย่างสันติ.” (1 เทส. 5:12, 13) ผู้ดูแลเดินทางสมควรถูกนับอยู่ในกลุ่ม “ผู้ที่ทำงานหนัก” อย่างแน่นอน. ด้วยเหตุนั้น ให้เรา “คำนึงถึงพวกเขาเป็นพิเศษ.” วิธีหนึ่งที่จะทำอย่างนั้นก็คือโดยทำตามคำแนะนำของเขาอย่างเต็มใจ. เมื่อผู้ดูแลเดินทางให้คำแนะนำที่มาจากทาสสัตย์ซื่อแก่เรา “สติปัญญาจากเบื้องบน” ก็จะกระตุ้นเราให้ “พร้อมจะเชื่อฟัง.”—ยโก. 3:17.
14. ประชาคมให้หลักฐานแสดงถึงความนับถือที่แท้จริงต่อผู้ดูแลเดินทางโดยวิธีใด และผลเป็นเช่นไร?
14 แต่จะว่าอย่างไรหากเราได้รับคำแนะนำให้ทำสิ่งที่ต่างไปจากที่เราเคยชิน? บางครั้ง เพื่อจะแสดงความนับถือเรา2 โค. 7:13-16) ในปัจจุบัน เราสามารถมั่นใจได้เช่นเดียวกันว่าการที่เราเต็มใจทำตามคำแนะนำจากผู้ดูแลเดินทางช่วยให้เรามีความยินดีอย่างมากในงานประกาศ.—อ่าน 2 โครินท์ 13:11.
ต้องไม่คัดค้านว่า “ที่นี่เราไม่ทำกันอย่างนั้น” หรือ “นั่นอาจใช้ได้ในที่อื่น แต่ใช้ไม่ได้หรอกกับประชาคมของเรา.” แทนที่จะคัดค้านอย่างนั้น เราพยายามทำตามคำแนะนำ. การจำไว้เสมอว่าประชาคมเป็นของพระยะโฮวาและพระเยซูทรงเป็นประมุขของประชาคมจะช่วยเราให้ทำอย่างนั้น. เมื่อประชาคมยินดีรับและทำตามคำแนะนำของผู้ดูแลเดินทาง นั่นเป็นหลักฐานแสดงถึงความนับถือที่แท้จริง. อัครสาวกเปาโลชมเชยพี่น้องในเมืองโครินท์ที่เชื่อฟังด้วยความนับถือต่อคำแนะนำของทิทุส ผู้ปกครองที่มาเยี่ยมประชาคม. (“จงให้เกียรติคนทุกชนิด”
15. มีวิธีใดบ้างที่เราจะแสดงความนับถือเพื่อนร่วมความเชื่อ?
15 เปาโลเขียนว่า “อย่าติเตียนชายสูงอายุ. แต่จงขอร้องเขาเหมือนเป็นบิดา ขอร้องชายที่อายุน้อยกว่าเหมือนเป็นพี่น้อง ขอร้องหญิงสูงอายุเหมือนเป็นมารดา ขอร้องหญิงที่อายุน้อยกว่าเหมือนเป็นพี่น้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ. จงให้เกียรติแม่ม่ายที่ไร้ที่พึ่งจริง ๆ.” (1 ติโม. 5:1-3) ดังนั้น พระคำของพระเจ้าแนะนำเราว่าควรให้เกียรติทุกคนในประชาคมคริสเตียน. แต่จะว่าอย่างไรถ้าคุณมีเรื่องขัดแย้งเป็นส่วนตัวกับพี่น้องชายหญิงบางคน? นั่นจะขัดขวางคุณไว้ไม่ให้ทำตามพันธะที่จะนับถือเพื่อนคริสเตียนไหม? หรือว่าคุณสามารถปรับทัศนะด้วยการยอมรับคุณลักษณะที่ดีแบบคริสเตียนของผู้รับใช้ของพระเจ้าคนนั้น? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีอำนาจหน้าที่ควรรักษาทัศนะที่นับถือพี่น้อง—“ไม่ใช่เป็นนายเหนือ . . . ฝูงแกะ.” (1 เป. 5:3) ที่จริง ในประชาคมคริสเตียนซึ่งได้รับการระบุตัวโดยความรักจากหัวใจในหมู่สมาชิกประชาคม เรามีโอกาสมากมายที่จะให้เกียรติกัน.—อ่านโยฮัน 13:34, 35.
16, 17. (ก) เหตุใดจึงสำคัญที่จะนับถือไม่เฉพาะคนที่เราประกาศ แต่คนที่ต่อต้านเราด้วย? (ข) เรา “ให้เกียรติคนทุกชนิด” โดยวิธีใด?
16 แน่นอน เรานับถือไม่เฉพาะแต่คนที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมคริสเตียนเท่านั้น. เปาโลเขียนถึงคริสเตียนในสมัยท่านว่า “ตราบที่เรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อทุกคน.” (กลา. 6:10) จริงอยู่ การใช้หลักการนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนนักเรียนปฏิบัติต่อเราอย่างไม่กรุณา. เมื่อพวกเขาทำอย่างนั้น เราต้องจำคำกล่าวนี้ไว้ที่ว่า “อย่าให้ใจเดือดร้อนเพราะคนที่กระทำชั่ว.” (เพลง. 37:1) การใช้คำแนะนำนี้จะช่วยเราให้ปฏิบัติอย่างนับถือแม้แต่กับ ผู้ต่อต้าน. คล้ายกัน ขณะที่เราทำงานประกาศ การมองตัวเราเองอย่างถ่อมใจจะช่วยเราให้ปฏิบัติต่อทุกคนด้วย “อารมณ์อ่อนโยนและด้วยความนับถืออย่างยิ่ง.” (1 เป. 3:15) แม้แต่การปรากฏตัวและเสื้อผ้าของเราก็อาจบ่งบอกได้ว่าเรานับถือคนที่เราประกาศด้วย.
17 จริงทีเดียว ไม่ว่าเรากำลังปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมความเชื่อหรือกับคนที่อยู่นอกประชาคม เราพยายามใช้คำแนะนำนี้ที่ว่า “จงให้เกียรติคนทุกชนิด จงรักทุกคนในสังคมพี่น้องคริสเตียน จงยำเกรงพระเจ้า จงให้เกียรติกษัตริย์.”—1 เป. 2:17.
คุณจะตอบอย่างไร?
คุณจะแสดงความนับถืออย่างเหมาะสมได้โดยวิธีใดต่อ
• พระยะโฮวา?
• ผู้ปกครองประชาคมและผู้ดูแลเดินทาง?
• สมาชิกแต่ละคนในประชาคม?
• คนที่คุณประกาศด้วย?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 23]
คริสเตียนในศตวรรษแรกนับถือการดูแลของคณะกรรมการปกครอง
[ภาพหน้า 24]
ผู้ปกครองในทุกประเทศให้เกียรติผู้ดูแลเดินทางซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการปกครอง