จงช่วยแกะที่หลงหายไป
จงช่วยแกะที่หลงหายไป
“จงยินดีกับเราเถิด เพราะเราพบแกะตัวที่หายไปแล้ว.”—ลูกา 15:6.
1. พระเยซูทรงพิสูจน์อย่างไรว่าเป็นผู้เลี้ยงแกะที่เปี่ยมด้วยความรัก?
พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระยะโฮวา ทรงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บำรุงเลี้ยงฝูงแกะองค์ยิ่งใหญ่.” (ฮีบรู 13:20) พระคัมภีร์บอกล่วงหน้าถึงการมาของพระองค์ และแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ไม่มีใครเหมือนซึ่งพยายามตามหา ‘แกะที่หายไป’ ของอิสราเอล. (มัด. 2:1-6; 15:24) นอกจากนั้น เช่นเดียวกับที่ผู้เลี้ยงแกะอาจยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องฝูงแกะ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เป็นเครื่องบูชาไถ่เพื่อคนที่มีลักษณะเยี่ยงแกะจะได้ประโยชน์จากเครื่องบูชาของพระองค์.—โย. 10:11, 15; 1 โย. 2:1, 2.
2. มีอะไรบ้างที่อาจทำให้คริสเตียนบางคนเลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ?
2 น่าเสียดาย บางคนที่ดูเหมือนเคยสำนึกบุญคุณเครื่องบูชาของพระเยซูและอุทิศตัวแด่พระเจ้าไม่คบหากับประชาคมคริสเตียนอีกต่อไป. ความท้อใจ, ปัญหาสุขภาพ, หรือปัจจัยอื่น ๆ อาจทำให้ความกระตือรือร้นของพวกเขาลดน้อยลงไป แล้วก็เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ. อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะมีความสงบใจและความสุขอย่างที่ดาวิดกล่าวถึงในบทเพลงสรรเสริญบท 23 ได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในฝูงแกะของพระเจ้าเท่านั้น. ตัวอย่างเช่น ดาวิดร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาเป็นผู้ทรงบำรุงเลี้ยงข้าพเจ้า; ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน.” (เพลง. 23:1) คนที่อยู่ในฝูงแกะของพระเจ้าไม่ขาดสิ่งใดทางฝ่ายวิญญาณ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นกับแกะที่หลงหายไป. ใครสามารถช่วยพวกเขา? จะช่วยพวกเขาได้โดยวิธีใด? ที่จริง อาจทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยแกะเหล่านั้นกลับสู่ฝูง?
ใครสามารถช่วย?
3. พระเยซูทรงแสดงโดยวิธีใดว่าจำเป็นต้องพยายามอย่างจริงจังเพื่อช่วยแกะที่หลงไปจากทุ่งหญ้าของพระเจ้า?
3 เพื่อจะช่วยแกะที่หลงไปจากทุ่งหญ้าของพระเจ้าจำเป็นต้องพยายามอย่างจริงจัง. (เพลง. 100:3) พระเยซูทรงใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นจุดนี้เมื่อพระองค์ตรัสว่า “ถ้าคนหนึ่งมีแกะหนึ่งร้อยตัวและตัวหนึ่งหลงหายไป เขาจะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขาแล้วไปตามหาตัวที่หลงหายนั้นหรือ? และถ้าเขาพบมัน เราบอกเจ้าทั้งหลายตามจริงว่า เขาจะชื่นชมยินดีที่พบแกะตัวนั้นยิ่งกว่าที่มีแกะเก้าสิบเก้าตัวที่ไม่ได้หลงหายเสียอีก. เช่นนั้นแหละ พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็มิได้ปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนเดียวพินาศเลย.” (มัด. 18:12-14) ใครสามารถช่วยคนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหายไป?
4, 5. ผู้ปกครองจำเป็นต้องมีเจตคติเช่นไรต่อฝูงแกะของพระเจ้า?
เพลง. 79:13, ฉบับแปลใหม่) แกะที่รักเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างอ่อนละมุน และนี่หมายความว่าผู้เลี้ยงแกะที่เปี่ยมด้วยความรักต้องสนใจแกะเหล่านี้เป็นส่วนตัว. การเยี่ยมบำรุงเลี้ยงพวกเขาอย่างเป็นกันเองอาจเกิดผลที่ดีมาก. การที่ผู้บำรุงเลี้ยงหนุนใจคนเหล่านี้ด้วยความรักอาจเสริมพวกเขาให้แข็งแรงขึ้นฝ่ายวิญญาณ และทำให้แกะเหล่านี้มีความปรารถนามากขึ้นที่จะกลับสู่ฝูง.— 1 โค. 8:1
4 ถ้าผู้ปกครองคริสเตียนต้องการช่วยแกะที่หลงหาย พวกเขาต้องจำไว้ว่าฝูงแกะของพระเจ้าได้แก่ประชาคมซึ่งประกอบด้วยประชาชนที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา—เป็น ‘ฝูงแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระเจ้า’ ที่มีค่ายิ่ง. (5 ผู้บำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้ามีหน้าที่เสาะหาแกะที่หลงหาย แล้วก็พยายามช่วยแกะเหล่านั้น. อัครสาวกเปาโลเตือนผู้ปกครองคริสเตียนจากเมืองเอเฟโซส์โบราณให้นึกถึงหน้าที่รับผิดชอบในการบำรุงเลี้ยงเมื่อท่านกล่าวว่า “จงเอาใจใส่ตัวท่านเองและแกะทั้งฝูงซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งพวกท่านให้เป็นผู้ดูแล ให้บำรุงเลี้ยงประชาคมของพระเจ้าที่พระองค์ทรงซื้อไว้ด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์.” (กิจ. 20:28) คล้ายกัน อัครสาวกเปโตรกระตุ้นเตือนผู้เฒ่าผู้แก่ที่ถูกเจิมว่า “จงบำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ในความดูแลของท่านทั้งหลาย ไม่ใช่โดยฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะอยากได้ผลประโยชน์ แต่ด้วยความกระตือรือร้น ไม่ใช่เป็นนายเหนือคนเหล่านั้นที่เป็นทรัพย์สมบัติของพระเจ้า แต่เป็นแบบอย่างให้ฝูงแกะนั้น.”—1 เป. 5:1-3.
6. เหตุใดแกะของพระเจ้าจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากผู้บำรุงเลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน?
6 ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนจำเป็นต้องเลียนแบบ “ผู้เลี้ยงที่ดี” ซึ่งก็คือพระเยซู. (โย. 10:11) พระองค์ทรงห่วงใยแกะของพระเจ้าอย่างยิ่งและทรงเน้นความสำคัญของการดูแลแกะเมื่อพระองค์ทรงบอกซีโมนเปโตรให้ ‘เลี้ยงแกะเล็ก ๆ ของพระองค์.’ (อ่านโยฮัน 21:15-17.) แกะจำเป็นต้องได้รับการดูแลเช่นนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะพญามารทุ่มเทความพยายามมากขึ้นเพื่อทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของผู้ที่อุทิศตัวแด่พระเจ้า. ซาตานฉวยประโยชน์จากความอ่อนแอของมนุษย์และใช้สิ่งล่อใจต่าง ๆ ในโลกเพื่อชักนำแกะของพระยะโฮวาให้ทำบาป. (1 โย. 2:15-17; 5:19) คนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณอยู่ในสภาพที่เสี่ยงอันตรายเป็นพิเศษ และด้วยเหตุนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเพื่อจะใช้คำแนะเตือนที่ให้ ‘ดำเนินชีวิตตามการทรงนำจากพระวิญญาณ.’ (กลา. 5:16-21, 25) เพื่อจะช่วยแกะเหล่านี้จำเป็นต้องหมายพึ่งพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน, ให้พระวิญญาณของพระองค์ชี้นำ, และใช้พระคำของพระองค์อย่างชำนาญ.—สุภา. 3:5, 6; ลูกา 11:13; ฮีบรู 4:12.
7. เป็นเรื่องสำคัญเพียงไรที่ผู้ปกครองจะบำรุงเลี้ยงคนที่มีลักษณะเยี่ยงแกะที่พวกเขาดูแล?
7 ผู้เลี้ยงแกะในอิสราเอลโบราณใช้ไม้เท้ายาวด้ามโค้งเพื่อนำฝูงแกะ. เมื่อแกะผ่านเข้าหรือออกจากคอก พวกมันจะ “ลอดใต้ไม้เท้า” และโดยวิธีนี้ผู้เลี้ยงแกะก็จะนับจำนวนแกะได้. (เลวี. 27:32, ฉบับแปลใหม่; มีคา 2:12; 7:14) ในทำนองเดียวกัน ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนจำเป็นต้องรู้จักฝูงแกะของพระเจ้าที่เขาดูแลและรู้ความเป็นไปของพวกเขา. (เทียบกับสุภาษิต 27:23.) ด้วยเหตุนั้น การบำรุงเลี้ยงเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่คณะผู้ปกครองพิจารณา. เรื่องนี้รวมถึงการจัดเตรียมเพื่อช่วยแกะที่หลงหาย. พระยะโฮวาเองตรัสว่าพระองค์จะเสาะหาแกะของพระองค์และดูแลแกะเหล่านั้นตามที่จำเป็น. (ยเอศ. 34:11) ดังนั้น พระเจ้าทรงยินดีเมื่อผู้ปกครองพยายามทำคล้าย ๆ กันเพื่อช่วยแกะที่หลงหายให้กลับสู่ฝูง.
8. ผู้ปกครองสามารถเอาใจใส่แกะเป็นส่วนตัวได้โดยวิธีใดบ้าง?
8 เมื่อเพื่อนร่วมความเชื่อป่วยด้านร่างกาย การที่ผู้บำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าไปเยี่ยมทำให้ผู้ป่วยยินดีและได้กำลังใจ. เป็นอย่างนั้นด้วยเมื่อแกะที่ป่วยฝ่ายวิญญาณได้รับการเอาใจใส่เป็นส่วนตัว. มีหลายสิ่งที่อาจทำได้ เช่น ผู้ปกครองอาจอ่านข้อคัมภีร์, ทบทวนบทความหนึ่ง, พิจารณาจุดสำคัญ ๆ จากการประชุม, และอธิษฐานกับคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ. พวกเขาอาจบอกก็ได้ว่าพี่น้องในประชาคมจะรู้สึกยินดีถ้าเห็นเขากลับมาเข้าร่วมการประชุมประชาคมอีก. (2 โค. 1:3-7; ยโก. 5:13-15) การไปเยี่ยม, โทรศัพท์ไปหา, หรือส่งจดหมายไปถึงอาจมีความ หมายอย่างมาก! การให้ความช่วยเหลือเป็นส่วนตัวแก่แกะตัวหนึ่งที่หลงหายไปจากฝูงอาจทำให้ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนที่เมตตาสงสารมีความยินดีมากขึ้นด้วย.
ร่วมมือกัน
9, 10. เหตุใดคุณจึงกล่าวว่าไม่ใช่เฉพาะผู้ปกครองเท่านั้นที่ควรห่วงใยแกะที่หลงหาย?
9 เรามีชีวิตอยู่ในสมัยที่ยุ่งและวิกฤติ จึงเป็นไปได้ที่เราอาจไม่สังเกตว่ามีเพื่อนร่วมความเชื่อที่กำลังลอยห่างจากประชาคม. (ฮีบรู 2:1) กระนั้น แกะของพระยะโฮวามีค่ายิ่งในสายพระเนตรพระองค์. ทุกคนที่เป็นแกะของพระเจ้ามีค่า เหมือนกับที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกายมนุษย์มีค่า. ด้วยเหตุนั้น เราทุกคนต้องสนใจพี่น้องของเราและเอาใจใส่กันอย่างแท้จริง. (1 โค. 12:25) คุณมีทัศนะแบบนั้นไหม?
10 แม้ว่าผู้ปกครองนำหน้าในการเสาะหาและช่วยเหลือแกะที่หลงหาย แต่ไม่ใช่เฉพาะผู้ดูแลคริสเตียนเท่านั้นที่ควรห่วงใยเพื่อนร่วมความเชื่อ. คนอื่น ๆ ก็สามารถร่วมมือกับผู้บำรุงเลี้ยง. เราสามารถให้กำลังใจและการเกื้อหนุนฝ่ายวิญญาณแก่พี่น้องของเราที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือให้กลับสู่ประชาคม และนั่นคือสิ่งที่เราควรทำ. อาจช่วยอย่างนั้นโดยวิธีใด?
11, 12. คุณอาจได้รับสิทธิพิเศษอย่างไรในการช่วยบางคนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณ?
11 ในบางกรณี ผู้ปกครองอาจขอผู้ประกาศราชอาณาจักรที่มีประสบการณ์ให้นำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัวกับพี่น้องที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณซึ่งแสดงความปรารถนาจะได้รับความช่วยเหลือ. จุดประสงค์ที่เราพยายามทำเช่นนั้นก็คือเพื่อกระตุ้นเขาให้ฟื้นฟู “ความรักอย่างที่ [เขา] เคยมีในตอนแรก. (วิ. 2:1, 4) เพื่อนร่วมความเชื่อเหล่านี้อาจได้รับการเสริมสร้างและมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้ยินเนื่องจากขาดหายไปจากประชาคม.
12 ถ้าผู้ปกครองขอคุณให้นำการศึกษากับเพื่อนร่วมความเชื่อที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณ จงอธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยชี้นำและอวยพรความพยายามของคุณ. จริงทีเดียว “จงมอบธุระการงานของเจ้าไว้กับพระยะโฮวา, และจุดประสงค์ของเจ้าจะสำเร็จผล.” (สุภา. 16:3) จงใคร่ครวญข้อคัมภีร์บางข้อและบางจุดที่เสริมความเชื่อที่คุณจะนำไปใช้ได้ในการพิจารณากับคนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณ. ขอให้พิจารณาตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของอัครสาวกเปาโล. (อ่านโรม 1:11, 12.) เปาโลอยากพบหน้าคริสเตียนในกรุงโรมเพื่อให้ของประทานฝ่ายวิญญาณบางอย่างแก่พวกเขาเพื่อช่วยพวกเขาตั้งมั่นคง. ท่านยังตั้งตาคอยโอกาสที่จะได้หนุนใจกัน. เราน่าจะมีทัศนะแบบนี้มิใช่หรือเมื่อเราพยายามช่วยแกะที่หลงหายไปจากฝูงแกะของพระเจ้า?
13. คุณอาจพิจารณาอะไรได้บ้างกับคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ?
13 ในช่วงที่พิจารณาด้วยกัน คุณอาจถามเขาว่า “คุณรู้จักความจริงอย่างไร?” ชวนคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้ระลึกถึงความชื่นชมยินดีที่เขาเคยมีในอดีต โดยขอเขาให้พูดถึงประสบการณ์ที่น่ายินดีที่เขาเคยมีในการประชุม, ยโก. 4:8) แสดงให้เขาเห็นว่าตัวคุณเองรู้สึกขอบคุณวิธีที่พระเจ้าทรงดูแลพวกเราที่เป็นประชาชนของพระองค์—โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการประทานการชูใจและความหวังแก่เราที่ตกอยู่ในความทุกข์ลำบาก.—โรม 15:4; 2 โค. 1:3, 4.
ในงานประกาศ, และในการประชุมใหญ่. พูดถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่คุณอาจเคยมีด้วยกันกับเขาในการรับใช้พระยะโฮวา. พูดถึงความยินดีที่คุณได้รับเมื่อมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า. (14, 15. อาจเป็นประโยชน์ที่จะเตือนคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้นึกถึงพระพรอะไรบ้างที่พวกเขาเคยมี?
14 คงเป็นประโยชน์ที่จะชวนคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้นึกถึงพระพรบางอย่างที่เขาเคยมีซึ่งเป็นผลมาจากการคบหาอย่างใกล้ชิดกับประชาคม. ตัวอย่างเช่น มีพระพรจากการได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับพระคำและพระประสงค์ของพระเจ้า. (สุภา. 4:18) เมื่อเขา “ดำเนินชีวิตตามการทรงนำจากพระวิญญาณ” นั่นย่อมทำให้ง่ายขึ้นที่เขาจะต้านทานการล่อใจให้ทำผิด. (กลา. 5:22-26) เมื่อเป็นอย่างนั้น สติรู้สึกผิดชอบที่สะอาดจึงทำให้เขาสามารถเข้าเฝ้าพระยะโฮวาในคำอธิษฐานและมี ‘สันติสุขของพระเจ้าซึ่งเหนือกว่าความคิดทุกอย่างที่ช่วยปกป้องหัวใจและจิตใจของเรา.’ (ฟิลิป. 4:6, 7) ขอให้จำจุดต่าง ๆ เหล่านี้ไว้, แสดงความสนใจจากใจจริง, และพยายามสนับสนุนพี่น้องฝ่ายวิญญาณของคุณด้วยความรักให้กลับมาสมทบกับประชาคมให้ได้.—อ่านฟิลิปปอย 2:4.
15 ในกรณีที่คุณเป็นผู้ปกครองซึ่งเยี่ยมบำรุงเลี้ยงพี่น้อง คุณอาจสนับสนุนคู่สมรสที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้คิดถึงตอนที่ทั้งสองเรียนรู้ความจริงจากพระคำของพระเจ้าเป็นครั้งแรก. ความจริงนั้นช่างยอดเยี่ยม, มีเหตุผล, ทำให้อิ่มใจ, และทำให้เป็นอิสระสักเพียงไร! (โย. 8:32) หัวใจของพวกเขาพองโตด้วยความสำนึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวา, ความรักของพระองค์, และพระประสงค์อันวิเศษสุดของพระองค์! (เทียบกับลูกา 24:32.) เตือนพวกเขาให้ตระหนักว่าคริสเตียนที่อุทิศตัวมีสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระยะโฮวาและมีสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยมในการอธิษฐาน. จงพยายามอย่างจริงจังเพื่อจะหนุนใจคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้ตอบรับอีกครั้งหนึ่งต่อ “ข่าวดีอันยอดเยี่ยมที่พระเจ้าผู้มีความสุข” ประทานแก่เรา.—1 ติโม. 1:11.
จงแสดงความรักต่อพวกเขาต่อ ๆ ไป
16. จงเล่าประสบการณ์ที่เป็นตัวอย่างแสดงว่าการพยายามช่วยคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณเกิดผลดีจริง ๆ.
16 คำแนะนำที่กล่าวไปข้างต้นใช้ได้จริง ๆ ไหม? คำแนะนำเหล่านั้นใช้ได้จริง ๆ. ตัวอย่างเช่น ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเริ่มเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรเมื่ออายุ 12 ปีแต่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณตอนอายุ 15 ปี. แต่ภายหลังเขากลับมาทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณอีกครั้ง และรับใช้เต็มเวลานานกว่า 30 ปี. ที่เขาฟื้นตัวฝ่ายวิญญาณได้แบบนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะความช่วยเหลือที่เขาได้รับจากผู้ปกครองคนหนึ่ง. เขารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้!
17, 18. คุณลักษณะอะไรบ้างที่คุณจำเป็นต้องมีเพื่อจะช่วยบางคนที่หลงหายไปจากฝูงแกะของพระเจ้า?
17 ความรักคือสิ่งที่กระตุ้นคริสเตียนให้ช่วยคนที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้กลับมาหาประชาคม. พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “เราให้บัญญัติใหม่แก่เจ้าทั้งหลาย คือ ให้พวกเจ้ารักกัน เรารักพวกเจ้ามาแล้วอย่างไร ก็ให้พวกเจ้ารักกันอย่างนั้นด้วย. เพราะเหตุนี้แหละ คนทั้งหลายจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นสาวกของเรา ถ้าพวกเจ้ารักกัน.” (โย. 13:34, 35) ความรักเป็นเครื่องหมายระบุตัวคริสเตียนแท้. เราควรแสดงความรักเช่นนั้นต่อคริสเตียนซึ่งรับบัพติสมาแล้วที่เลิกทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณมิใช่หรือ? แน่นอนว่าเราควร ทำอย่างนั้น! แต่การให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นอาจต้องอาศัยคุณลักษณะแบบพระเจ้าหลายประการ.
18 หากคุณต้องการช่วยบางคนที่หลงออกไปจากฝูงแกะของพระเจ้า คุณอาจจำเป็นต้องแสดงคุณลักษณะอะไรบ้าง? นอกจากความรักแล้ว คุณอาจจำเป็นต้องแสดงความปรานี, ความกรุณา, ความอ่อนโยน, และความอดกลั้นไว้นาน. ในบางสถานการณ์ คุณอาจต้องให้อภัยด้วย. เปาโลเขียนว่า “ท่านทั้งหลายจงสวมความปรานี ความกรุณา ความถ่อมใจ ความอ่อนโยน และความอดกลั้นไว้นาน. จงทนกันและกันเรื่อยไปและให้อภัยกันอย่างใจกว้างถ้าใครมีเหตุจะบ่นว่าผู้อื่น. พระยะโฮวาเต็มพระทัยให้อภัยท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านทั้งหลายก็จงทำอย่างนั้น. นอกจากนี้ ท่านทั้งหลายจงสวมความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่ผูกพันผู้คนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์.”—โกโล. 3:12-14.
19. เหตุใดจึงคุ้มค่าที่จะพยายามช่วยคนที่มีลักษณะเยี่ยงแกะให้กลับสู่คอก?
19 บทความศึกษาถัดไปในฉบับนี้จะพิจารณาเหตุผลที่บางคนหลงออกไปจากฝูงแกะของพระเจ้า และจะแสดงให้เห็นด้วยว่าคนเหล่านั้นที่กลับมาสามารถคาดหมายว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างไร. เมื่อคุณศึกษาบทความนั้นและใคร่ครวญบทความนี้ ขอให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าที่คุณจะพยายามช่วยคนที่มีลักษณะเยี่ยงแกะให้กลับสู่คอก. ในระบบปัจจุบันนี้ หลายคนใช้เวลาทั้งชีวิตพยายามส่ำสมทรัพย์สินเงินทอง แต่ชีวิตเพียงแค่หนึ่งชีวิตก็ยังมีค่ายิ่งกว่าเงินทองทั้งหมดในโลกนี้มากนัก. พระเยซูทรงเน้นเรื่องนี้ในตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องแกะที่หลงหาย. (มัด. 18:12-14) ขอให้จำเรื่องนี้ไว้ ขณะที่คุณพยายามอย่างจริงจังและเร่งด่วนเพื่อช่วยคนที่มีลักษณะเยี่ยงแกะซึ่งพระยะโฮวาทรงรักแต่ได้หลงหายไปให้กลับสู่ฝูง.
คุณจะตอบอย่างไร?
• ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนมีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเกี่ยวกับคนที่เป็นเหมือนแกะที่หลงหายไป?
• คุณอาจช่วยคนที่ตอนนี้ไม่ได้คบหากับประชาคมได้โดยวิธีใด?
• คุณลักษณะอะไรบ้างที่คุณจำเป็นต้องมีเพื่อจะสามารถช่วยแกะที่หลงหายไป?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 10]
ผู้บำรุงเลี้ยงคริสเตียนพยายามด้วยความรักเพื่อช่วยคนที่หลงหายไปจากฝูงแกะของพระเจ้า