ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

“ทูตของพระยะโฮวาแวดล้อมเหล่าคนที่ยำเกรงพระองค์”

“ทูตของพระยะโฮวาแวดล้อมเหล่าคนที่ยำเกรงพระองค์”

“ทูต​ของ​พระ​ยะโฮวา​แวด​ล้อม​เหล่า​คน​ที่​ยำเกรง​พระองค์”

เล่า​โดย คริสตาเบล คอนเนลล์

พวก​เรา​มัว​แต่​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​คริสโตเฟอร์​เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​จน​ไม่​ทัน​สังเกต​ว่า​ดึก​มาก​แล้ว ทั้ง​ไม่​ได้​สังเกต​ว่า​คริสโตเฟอร์​คอย​มอง​ออก​นอก​หน้าต่าง. ใน​ที่​สุด เขา​หัน​มา​พูด​กับ​พวก​เรา​ว่า “ออก​ไป​ตอน​นี้​ปลอด​ภัย.” แล้ว​เขา​ก็​พา​เรา​ออก​ไป​เอา​จักรยาน​แล้ว​บอก​ลา​กัน. เขา​เฝ้า​สังเกต​ดู​อะไร​หรือ​ที่​เป็น​อันตราย​ขนาด​นั้น?

ฉัน​ชื่อ​คริสตาเบล เอิร์ล ตอน​ที่​ฉัน​เกิด​ใน​ปี 1927 ที่​เมือง​เชฟฟิลด์ ประเทศ​อังกฤษ. ใน​ช่วง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 บ้าน​ของ​เรา​โดน​ระเบิด​ทำลาย ดัง​นั้น ฉัน​ถูก​ส่ง​ไป​อยู่​กับ​คุณ​ยาย​จน​กระทั่ง​จบ​โรง​เรียน. ฉัน​เคย​เรียน​ใน​โรง​เรียน​คอนแวนต์​แห่ง​หนึ่ง ฉัน​เฝ้า​ถาม​แม่ชี​บ่อย ๆ ว่า​ทำไม​ถึง​มี​ความ​ชั่ว​และ​ความ​รุนแรง​มาก​เสีย​จริง ๆ. พวก​แม่ชี​หรือ​คน​เคร่ง​ศาสนา​คน​อื่น ๆ ก็​ไม่​มี​ใคร​สามารถ​ให้​คำ​ตอบ​ที่​น่า​พอ​ใจ​แก่​ฉัน​ได้.

ภาย​หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 สิ้น​สุด​แล้ว ฉัน​เข้า​รับ​การ​ฝึก​อบรม​เป็น​พยาบาล. ฉัน​ย้าย​ไป​กรุง​ลอนดอน​เข้า​ทำ​งาน​ที่​โรง​พยาบาล​แพดดิงตัน แต่​ใน​เมือง​นั้น ฉัน​มอง​เห็น​ความ​รุนแรง​มี​มาก​ขึ้น. ไม่​นาน​หลัง​จาก​พี่​ชาย​ฉัน​ไป​รบ​ที่​ประเทศ​เกาหลี ฉัน​เห็น​การ​ชก​ต่อย​อย่าง​เอา​เป็น​เอา​ตาย​ข้าง​นอก​โรง​พยาบาล​นั่น​เอง. ไม่​มี​สัก​คน​เข้า​ช่วยเหลือ​ผู้​บาดเจ็บ​ซึ่ง​ต้อง​กลาย​เป็น​คน​ตา​บอด เนื่อง​จาก​ถูก​ทำ​ร้าย. ใน​เวลา​ไล่เลี่ย​กัน ฉัน​กับ​แม่​ได้​ไป​ยัง​ที่​ชุมนุม​ของ​ผู้​คน​ซึ่ง​พยายาม​จะ​ติด​ต่อ​คน​ตาย​ผ่าน​คน​ทรง แต่​ฉัน​ก็​ยัง​ไม่​เข้าใจ​อยู่​ดี​ว่า​ทำไม​จึง​มี​ความ​ชั่ว​มาก​เหลือ​เกิน.

รับ​การ​สนับสนุน​ให้​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล

วัน​หนึ่ง จอห์น​พี่​ชาย​คน​โต​ซึ่ง​ได้​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​มา​เยี่ยม​ฉัน. เขา​ถาม​ฉัน​ว่า “เธอ​รู้​ไหม เพราะ​อะไร​ถึง​ได้​เกิด​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​เลว​ร้าย​เหล่า​นี้?” ฉัน​ตอบ​ว่า “ไม่​รู้.” เขา​เปิด​พระ​คัมภีร์​และ​อ่าน​วิวรณ์ 12:7-12. บัด​นี้ ฉัน​ได้​มา​เข้าใจ​ว่า​ซาตาน​และ​พวก​ปิศาจ​เป็น​ตัวการ​ก่อ​ความ​ชั่ว​ร้าย​ขึ้น​ใน​โลก. ดัง​นั้น ฉัน​จึง​ทำ​ตาม​คำ​แนะ​นำ​ของ​จอห์น ไม่​ช้า ฉัน​ก็​ตอบ​ตก​ลง​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ณ เวลา​นั้น​ฉัน​ยัง​กลัว​หน้า​มนุษย์​อยู่ ฉัน​จึง​ยัง​ไม่​รับ​บัพติสมา.—สุภา. 29:25.

โดโรที พี่​สาว​ฉัน​ได้​มา​เป็น​พยาน​ฯ เช่น​เดียว​กัน. เมื่อ​เธอ​กลับ​จาก​การ​เข้า​ร่วม​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​นิวยอร์ก (1953) พร้อม​กับ​บิลล์ โรเบิตส์​คู่​หมั้น ฉัน​บอก​คน​ทั้ง​สอง​ว่า​มี​คน​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ฉัน​แล้ว. บิลล์​ก็​เลย​ถาม​ว่า “คุณ​เปิด​ดู​พระ​คัมภีร์​ทุก ๆ ข้อ​หรือ​เปล่า? คุณ​ได้​ขีด​เส้น​ใต้​คำ​ตอบ​ใน​หนังสือ​ไหม?” ครั้น​ฉัน​ตอบ​ว่า​ไม่​ได้​ทำ เขา​จึง​บอก​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​คุณ​ก็​ยัง​ไม่​ได้​ศึกษา​อะไร​เลย! ติด​ต่อ​ซิสเตอร์​คน​นั้น​แล้ว​เริ่ม​อีก​ที!” ประมาณ​ช่วง​นั้น​เอง พวก​ปิศาจ​ก็​เริ่ม​รังควาน​ฉัน. ฉัน​จำ​ได้​ว่า​ฉัน​ทูล​ขอ​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​ปก​ป้อง​ให้​พ้น​อิทธิพล​ของ​มัน.

งาน​ไพโอเนียร์​ที่​สกอตแลนด์​และ​ไอร์แลนด์

ฉัน​รับ​บัพติสมา​เมื่อ​วัน​ที่ 16 มกราคม 1954 หมด​สัญญา​ทำ​งาน​ให้​โรง​พยาบาล​เป็น​ที่​เรียบร้อย​ใน​เดือน​พฤษภาคม และ​เริ่ม​งาน​ไพโอเนียร์​เดือน​มิถุนายน. แปด​เดือน​ต่อ​มา ฉัน​ใน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ถูก​ส่ง​ไป​ทำ​งาน​ที่​แกรนจ์เมาท์ สกอตแลนด์. เมื่อ​อยู่​ที่​นั่น​ฉัน​รู้สึก​ว่า​ทูต​ของ​พระ​ยะโฮวา “แวด​ล้อม” ฉัน​ขณะ​ทำ​งาน​มอบหมาย​ใน​เขต​ที่​ห่าง​ไกล​เช่น​นั้น.—เพลง. 34:7.

ปี 1956 ฉัน​ถูก​เชิญ​ไป​ประกาศ​ใน​ไอร์แลนด์. ฉัน​พร้อม​ด้วย​พี่​น้อง​หญิง​อีก​สอง​คน​ถูก​มอบหมาย​ไป​ที่​เมือง​กัลเวย์. พอ​เริ่ม​งาน​วัน​แรก ฉัน​ได้​ประกาศ​กับ​บาทหลวง​คน​หนึ่ง. ชั่ว​ประเดี๋ยว​เดียว ตำรวจ​นาย​หนึ่ง​ก็​มา​และ​นำ​ฉัน​กับ​เพื่อน​ร่วม​งาน​ไป​ยัง​สถานี​ตำรวจ. เมื่อ​ได้​ชื่อ​และ​ที่​อยู่​ของ​เรา​แล้ว เขา​ยก​หู​โทรศัพท์​ขึ้น​พูด. เรา​ได้​ยิน​เขา​พูด​ว่า “ครับ คุณ​พ่อ ผม​รู้​ที่​อยู่​ของ​พวก​เขา​แล้ว.” บาทหลวง​ส่ง​ตำรวจ​มา​จับ​เรา! เจ้าของ​บ้าน​เช่า​ถูก​กดดัน​ให้​ไล่​พวก​เรา​ออก​จาก​บ้าน ดัง​นั้น สำนักงาน​สาขา​จึง​แนะ​นำ​ให้​เรา​ออก​ไป​จาก​พื้น​ที่. เรา​ถึง​สถานี​รถไฟ​ช้า​ไป​สิบ​นาที. แต่​รถไฟ​ยัง​ไม่​ออก และ​มี​ชาย​คน​หนึ่ง​คอย​ดู​จน​แน่​ใจ​ว่า​เรา​ขึ้น​รถไฟ​จริง ๆ. เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​หลัง​จาก​เรา​ทำ​งาน​ใน​กัลเวย์​เพียง​สาม​สัปดาห์​เท่า​นั้น!

เรา​ถูก​มอบหมาย​ไป​ที่​ลิเมอริก ซึ่ง​เป็น​อีก​เมือง​หนึ่ง​ที่​คริสตจักร​คาทอลิก​มี​อิทธิพล​มาก. กลุ่ม​คน​พา​กัน​ฮา​ป่า​ไม่​หยุดหย่อน. หลาย​คน​ไม่​กล้า​เปิด​ประตู​หน้า​บ้าน​พูด​คุย​กับ​เรา. หนึ่ง​ปี​ก่อน​หน้า​นี้ ที่​เมือง​คลูนลารา เมือง​เล็ก ๆ อยู่​ไม่​ไกล พี่​น้อง​ชาย​คน​หนึ่ง​ถูก​ตี​จน​บอบช้ำ. ดัง​นั้น เรา​รู้สึก​ดีใจ​เมื่อ​พบ​คริสโตเฟอร์ ที่​กล่าว​ไป​แล้ว​ข้าง​ต้น เขา​ขอร้อง​ให้​เรา​กลับ​ไป​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​เขา​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล. ขณะ​อยู่​ที่​นั่น บาทหลวง​ก็​เดิน​เข้า​มา​ใน​บ้าน​และ​บังคับ​ให้​คริสโตเฟอร์​ไล่​พวก​เรา​ออก​ไป. แต่​เขา​พูด​ว่า “ผม​เป็น​ฝ่าย​เชิญ​สตรี​สอง​คน​นี้​มา​ที่​บ้าน คน​ทั้ง​สอง​ได้​เคาะ​ประตู​ก่อน​จะ​เข้า​มา. คุณ​ต่าง​หาก​ไม่​ถูก​เชิญ มิ​หนำ​ซ้ำ​ยัง​ไม่​เคาะ​ประตู​เสีย​ด้วย.” บาทหลวง​จาก​ไป​ทันที​ด้วย​ความ​ฉุนเฉียว.

เรา​ไม่​รู้​เลย​ว่า​บาทหลวง​ได้​รวบ​รวม​ผู้​ชาย​กลุ่ม​ใหญ่​คอย​เรา​อยู่​ข้าง​นอก​บ้าน​คริสโตเฟอร์. เพราะ​รู้​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​กำลัง​โกรธ​แค้น คริสโตเฟอร์​จึง​ทำ​อย่าง​ที่​กล่าว​ไว้​ข้าง​ต้น โดย​ให้​เรา​อยู่​จน​กว่า​ฝ่าย​บาทหลวง​แยก​ย้าย​กัน​กลับ. เรา​มา​รู้​ที​หลัง​ว่า​จาก​นั้น​ไม่​นาน​คริสโตเฟอร์​พร้อม​ทั้ง​ครอบครัว​จำ​ต้อง​ย้าย​ออก​จาก​พื้น​ที่​และ​เข้า​ไป​อยู่​ใน​ประเทศ​อังกฤษ.

ถูก​เชิญ​ไป​กิเลียด

ฉัน​วาง​แผน​ไว้​แล้ว​ที่​จะ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ พระทัย​ประสงค์​ของ​พระเจ้า ปี 1958 ใน​นคร​นิวยอร์ก ตอน​นั้น​พอ​ดี ฉัน​ได้​รับ​คำ​เชิญ​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​รุ่น​ที่ 33. ฉัน​ไม่​ได้​กลับ​บ้าน​หลัง​เสร็จ​การ​ประชุม แต่​ไป​รับใช้​ที่​เมือง​คอลลิงวูด มณฑล​ออนแทรีโอ ประเทศ​แคนาดา​แทน จน​กว่า​กิเลียด​จะ​เริ่ม​เปิด​ภาค​เรียน​ปี 1959. ระหว่าง​การ​ประชุม​ใหญ่ ฉัน​ได้​รู้​จัก​เอริก คอนเนลล์. เขา​เรียน​รู้​ความ​จริง​ปี 1957 และ​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​ปี 1958. การ​ประชุม​ใหญ่​ผ่าน​ไป​แล้ว เขา​เขียน​จดหมาย​ถึง​ฉัน​ทุก​วัน​ระหว่าง​ที่​ฉัน​อยู่​ใน​แคนาดา​และ​ตลอด​ช่วง​เรียน​ที่​กิเลียด​ด้วย. ฉัน​อยาก​รู้​ว่า​เรา​จะ​ทำ​อะไร​หลัง​จาก​ฉัน​จบ​หลัก​สูตร.

การ​เข้า​เรียน​ที่​กิเลียด​นับ​เป็น​เหตุ​การณ์​สำคัญ​ยิ่ง​ใน​ชีวิต​ของ​ฉัน. โดโรที​กับ​สามี​ของ​เธอ​ก็​อยู่​ใน​รุ่น​เดียว​กัน​นี้​ด้วย. ทั้ง​สอง​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ทำ​งาน​ที่​โปรตุเกส. ฉัน​ประหลาด​ใจ​มาก​เมื่อ​ถูก​มอบหมาย​ให้​ไป​ไอร์แลนด์. ฉัน​รู้สึก​ผิด​หวัง​มาก​ที่​ไม่​ได้​ไป​กับ​พี่​สาว! ฉัน​เลย​ต้อง​ถาม​หนึ่ง​ใน​คณะ​ผู้​สอน​ว่า​ฉัน​ทำ​ผิด​อะไร​หรือ. เขา​ตอบ​ว่า “ไม่. คุณ​และ​ไอลีน มาโฮนีย์​เพื่อน​ร่วม​งาน​ได้​ตก​ลง​ใจ​แล้ว​จะ​ไป​ที่​ไหน​ก็​ได้​ใน​โลก” และ​แน่นอน​ไอร์แลนด์​ก็​เป็น​ประเทศ​หนึ่ง​ใน​โลก.

กลับ​สู่​ไอร์แลนด์

ฉัน​กลับ​มา​ถึง​ไอร์แลนด์​ใน​เดือน​สิงหาคม 1959 และ​ถูก​มอบหมาย​ให้​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​ประชาคม​ดันเลอเออ. ช่วง​นั้น​เอริก​ได้​กลับ​ไป​ประเทศ​อังกฤษ​และ​เขา​ดีใจ​ที่​ฉัน​อยู่​ใกล้​แค่​นั้น​เอง. เขา​อยาก​เป็น​มิชชันนารี​เหมือน​กัน. เขา​หา​เหตุ​ผล​ว่า​ถึง​ไหน ๆ ไอร์แลนด์​เวลา​นั้น​เป็น​เขต​งาน​สำหรับ​มิชชันนารี เขา​ก็​น่า​จะ​ไป​เป็น​ไพโอเนียร์​ที่​นั่น. เขา​จึง​ย้าย​ไป​ที่​ดันเลอเออ แล้ว​เรา​แต่งงาน​ใน​ปี 1961.

หก​เดือน​ต่อ​มา เอริก​ประสบ​อุบัติเหตุ​รถ​จักรยานยนต์ กะโหลก​ศีรษะ​ร้าว อาการ​สาหัส. แพทย์​ที่​รักษา​ไม่​มั่น​ใจ​ว่า​จะ​ช่วย​ชีวิต​เขา​ไว้​ได้. หลัง​จาก​เขา​รักษา​ตัว​ใน​โรง​พยาบาล​นาน​สาม​สัปดาห์ ฉัน​ได้​ดู​แล​พยาบาล​เขา​ที่​บ้าน​เป็น​เวลา​ห้า​เดือน​จน​กระทั่ง​ฟื้น​ตัว​ได้​อย่าง​เดิม. ส่วน​ฉัน​ก็​ได้​รับใช้​อย่าง​ต่อ​เนื่อง​เท่า​ที่​ทำ​ได้.

ปี 1965 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​สมทบ​กับ​ประชาคม​ซึ่ง​มี​ผู้​ประกาศ​แปด​คน​ใน​สไลโก ท่า​เรือ​บน​ฝั่ง​ตะวัน​ตก​เฉียง​เหนือ. สาม​ปี​ต่อ​มา เรา​ไป​ยัง​ประชาคม​ค่อนข้าง​เล็ก​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ลอนดอน​เดอร์รี ห่าง​ไป​ทาง​เหนือ. วัน​หนึ่ง เรา​กลับ​จาก​งาน​รับใช้​ก็​เห็น​ลวด​หนาม​ขึง​กั้น​ถนน​ทาง​ไป​บ้าน​ของ​เรา. ความ​ยุ่งยาก​ใน​ไอร์แลนด์​เหนือ​ก่อ​ตัว​ขึ้น​แล้ว. กลุ่ม​เด็ก​หนุ่ม​พา​กัน​เผา​รถยนต์. เกิด​การ​แบ่ง​เขต​แดน​ใน​เมือง​แยก​เป็น​พื้น​ที่​ของ​ฝ่าย​โปรเตสแตนต์​และ​คาทอลิก. นับ​ว่า​เป็น​อันตราย​ที่​จะ​ข้าม​เขต​พื้น​ที่​หนึ่ง​ไป​อีก​พื้น​ที่​หนึ่ง.

ดำเนิน​ชีวิต​และ​ให้​คำ​พยาน​ต่อ​ไป​ตลอด​ช่วง​ที่​มี​ความ​วุ่นวาย

อย่าง​ไร​ก็​ตาม งาน​ประกาศ​เผยแพร่​ทำ​ให้​เรา​ได้​ตระเวน​ไป​ทั่ว​ทุก​หัว​ระแหง. อีก​ครั้ง​หนึ่ง เรา​รู้สึก​เหมือน​กับ​ว่า​ทูตสวรรค์​แวด​ล้อม​อยู่​รอบ​ข้าง. เมื่อ​พบ​ตัว​เอง​อยู่​ใน​บริเวณ​ที่​เริ่ม​จะ​เกิด​จลาจล เรา​ละ​จาก​ที่​นั่น​ทันที​แล้ว​ย้อน​กลับ​ไป​อีก​เมื่อ​สถานการณ์​เป็น​ปกติ. มี​อยู่​ครั้ง​หนึ่ง​ขณะ​เกิด​จลาจล​ใกล้ ๆ อพาร์ตเมนต์​ของ​เรา เกิด​ไฟ​ไหม้​ที่​ร้าน​ขาย​สี​ที่​อยู่​ใกล้ ๆ และ​มี​ลูก​ไฟ​ปลิว​มา​ตก​ที่​ขอบ​หน้าต่าง​อพาร์ตเมนต์​ของ​เรา. เรา​ไม่​เป็น​อัน​หลับ​นอน เพราะ​กลัว​ไฟ​จะ​ไหม้. หลัง​จาก​ย้าย​ไป​ที่​กรุง​เบลฟัสต์​ใน​ปี 1970 เรา​ได้​ข่าว​ว่า​ใน​ที่​สุด​มี​การ​วาง​ระเบิด​เพลิง​ใน​ร้าน​ขาย​สี​นั้น และ​อพาร์ตเมนต์​ที่​เรา​เคย​อยู่​ก็​ถูก​ไฟ​ไหม้​ทำลาย​หมด.

คราว​หนึ่ง​ฉัน​กับ​พี่​น้อง​หญิง​ออก​ไป​ประกาศ​และ​สังเกต​เห็น​ท่อ​รูป​ร่าง​แปลก​ท่อน​หนึ่ง วาง​อยู่​บน​ขอบ​หน้าต่าง. เรา​ก็​เดิน​เลย​ไป. เพียง​อึด​ใจ​เดียว​มัน​ก็​ระเบิด. คน​แถว​นั้น​ที่​ออก​มา​ต่าง​ก็​คิด​ว่า​เรา​เป็น​คน​วาง​ระเบิด​ไว้​ที่​นั่น! ทันใด​นั้น​เอง พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​อยู่​ใน​ละแวก​นั้น​ได้​ชวน​เรา​เข้า​ไป​ใน​บ้าน. เพื่อน​บ้าน​ของ​เธอ​จึง​ไม่​ได้​กล่าวหา​เรา​เพราะ​การ​ระเบิด​ครั้ง​นั้น.

ปี 1971 เรา​กลับ​ไป​เยี่ยม​พี่​น้อง​หญิง​คน​หนึ่ง​ใน​ลอนดอน​เดอร์รี. เมื่อ​เรา​พรรณนา​เส้น​ทาง​และ​ด่าน​ตรวจ​ที่​เรา​ได้​ผ่าน​มา เธอ​ก็​ถาม​ว่า “ไม่​มี​ใคร​เฝ้า​อยู่​ที่​ด่าน​ตรวจ​เลย​หรือ?” ครั้น​ตอบ​เธอ​ว่า “มี แต่​เขา​ไม่​สนใจ​เรา” เธอ​รู้สึก​ประหลาด​ใจ. ทำไม​ล่ะ? เพราะ​ไม่​กี่​วัน​ก่อน​หน้า​นั้น มี​หมอ​และ​ตำรวจ​ถูก​ปล้น​รถยนต์​แล้ว​เผา​ทิ้ง.

ปี 1972 เรา​ย้าย​ไป​ที่​เมือง​คอร์ก. ต่อ​มา เรา​ไป​ประกาศ​เผยแพร่​ที่​เมือง​เนส จาก​นั้น​ไป​ที่​อาร์ก-โลว์. ท้าย​ที่​สุด ปี 1987 เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​ที่​แคสเซิลบาร์ อยู่​ที่​นั่น​เรื่อย​มา​จน​ทุก​วัน​นี้. ที่​นี่​เรา​รู้​คุณค่า​ที่​มี​โอกาส​อัน​ดี​เยี่ยม​ได้​ช่วย​สร้าง​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร. เอริก​ล้ม​ป่วย​อย่าง​รุนแรง​ใน​ปี 1999. แต่​ด้วย​การ​ช่วยเหลือ​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​การ​สงเคราะห์​ของ​ประชาคม​ซึ่ง​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก ฉัน​สามารถ​รับมือ​ได้​เช่น​เคย​และ​ดู​แล​พยาบาล​เขา​จน​อาการ​ดี​ขึ้น.

ฉัน​กับ​เอริก​ได้​เข้า​โรง​เรียน​ไพโอเนียร์​สอง​ครั้ง. เอริก​ยัง​คง​รับใช้​ใน​ฐานะ​ผู้​ปกครอง. ส่วน​ฉัน​ป่วย​ด้วย​โรค​ข้อ​อักเสบ​อย่าง​รุนแรง​และ​ต้อง​เปลี่ยน​กระดูก​สะโพก​และ​กระดูก​ข้อ​เข่า​ทั้ง​สอง​ข้าง. ถึง​แม้​ต้อง​เผชิญ​การ​ต่อ​ต้าน​ทาง​ศาสนา​อย่าง​สาหัส​และ​มี​ชีวิต​ผ่าน​ช่วง​ความ​ยุ่งยาก​วุ่นวาย​ทาง​การ​เมือง​และ​ทาง​สังคม ข้อ​ท้าทาย​ยาก​ที่​สุด​อย่าง​หนึ่ง​คือ​ต้อง​เลิก​ขับ​รถ. นั่น​เป็น​การ​ทดสอบ​อย่าง​หนึ่ง เพราะ​มัน​เป็น​การ​รอน​อิสรภาพ​ทำ​ให้​ฉัน​ไม่​สามารถ​จะ​ไป​ที่​ไหน ๆ ได้​ตาม​ต้องการ. ประชาคม​ได้​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​และ​การ​เกื้อ​หนุน​อย่าง​มาก. ตอน​นี้ ฉัน​เดิน​ไป​มา​ได้​โดย​อาศัย​ไม้เท้า และ​หาก​ทาง​ไกล​หน่อย​ก็​ใช้​รถ​สาม​ล้อ​ติด​แบตเตอรี่.

รวม​เวลา​ที่​ฉัน​กับ​เอริก​รับใช้​ด้วย​กัน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ก็​มาก​กว่า 100 ปี—98 ปี​อยู่​ใน​ไอร์แลนด์. เรา​ไม่​เคย​คิด​จะ​เลิก​ทำ​งาน​นี้​โดย​ยก​เหตุ​ผล​ขึ้น​อ้าง​ว่า​เรา​แก่​ชรา​แล้ว. เรา​ไม่​หมาย​พึ่ง​การ​อัศจรรย์​ใด ๆ แต่​เชื่อ​มั่น​ว่า​เหล่า​ทูตสวรรค์​ที่​มี​พลัง​ของ​พระ​ยะโฮวา “แวด​ล้อม” เหล่า​คน​ที่​ยำเกรง​พระองค์​และ​รับใช้​พระองค์​อย่าง​ซื่อ​สัตย์.