ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ฉันจะตอบแทนคุณพระยะโฮวาอย่างไรได้?

ฉันจะตอบแทนคุณพระยะโฮวาอย่างไรได้?

ฉัน​จะ​ตอบ​แทน​คุณ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​ไร​ได้?

เล่า​โดย รูท ดันเนอร์

แม่​เคย​พูด​ด้วย​อารมณ์​ขัน​ว่า​ปี 1933 เป็น​ปี​หายนะ ฮิตเลอร์​ก้าว​ขึ้น​มา​มี​อำนาจ สันตะปาปา​ประกาศ​ให้​ปี​นั้น​เป็น​ปี​ศักดิ์สิทธิ์ และ​ฉัน​ถือ​กำเนิด​ใน​ปี​นั้น.

พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​ยุทซ์ แคว้น​ลอร์เรน ภูมิภาค​ที่​มี​ความ​สำคัญ​ทาง​ประวัติศาสตร์​ของ​ฝรั่งเศส มี​ชายแดน​ติด​ประเทศ​เยอรมนี. แม่​ผู้​เคร่ง​ศาสนา​คาทอลิก​ได้​แต่งงาน​กับ​พ่อ​ซึ่ง​นับถือ​นิกาย​โปรเตสแตนต์​ใน​ปี 1921. เฮเลน​พี่​สาว​ฉัน​เกิด​ปี 1922 ขณะ​เธอ​เป็น​ทารก พ่อ​กับ​แม่​ได้​นำ​เธอ​ไป​รับ​ศีล​บัพติสมา ณ โบสถ์​คาทอลิก.

วัน​หนึ่ง​ใน​ปี 1925 พ่อ​ได้​รับ​หนังสือ​พิณ​ของ​พระเจ้า ภาษา​เยอรมัน. จาก​การ​อ่าน​หนังสือ​เล่ม​นี้ พ่อ​เชื่อ​มั่น​ว่า​ท่าน​พบ​ความ​จริง​เข้า​แล้ว. ท่าน​จึง​ได้​เขียน​ถึง​ผู้​พิมพ์ ซึ่ง​ทำ​ให้​พ่อ​ได้​ติด​ต่อ​บีเบลฟอร์เชอร์ (นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล) ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นั้น​ใน​เยอรมนี. พ่อ​ไม่​รอ​ช้า ท่าน​ลง​มือ​เผยแพร่​สิ่ง​ที่​ตัว​เอง​ค้น​พบ. แต่​แม่​ไม่​สบาย​ใจ​ที่​พ่อ​ทำ​เช่น​นั้น. แม่​จะ​พูด​ด้วย​สำเนียง​เหน่อ ๆ แบบ​เยอรมัน​ว่า “ทำ​อะไร​ก็​แล้ว​แต่​คุณ​พอ​ใจ แต่​อย่า​ไป​ติด​ตาม​พวก​บีเบลฟอร์เชอร์ เชียว​นะ!” ถึง​อย่าง​ไร พ่อ​ได้​ตัดสิน​ใจ​ไป​แล้ว และ​ใน​ปี 1927 ท่าน​ได้​รับ​บัพติสมา​เป็น​หนึ่ง​ใน​พวก​นั้น.

ผล​ที่​ตาม​มา ยาย​ของ​ฉัน​พยายาม​เกลี้ยกล่อม​แม่​ให้​หย่า. วัน​หนึ่ง ณ พิธี​มิสซา บาทหลวง​ประกาศ​เตือน​บรรดา​สมาชิก​ของ​ตน​ให้ “อยู่​ห่าง​ดันเนอร์​ผู้​พยากรณ์​เท็จ.” เมื่อ​กลับ​ถึง​บ้าน​หลัง​เสร็จ​พิธี​มิสซา ยาย​ได้​ทุ่ม​กระถาง​ดอกไม้​ใส่​พ่อ​จาก​ชั้น​บน​ของ​บ้าน. กระถาง​หนัก​ใบ​นั้น​หล่น​ลง​มา​กระแทก​ไหล่​พ่อ​อย่าง​จัง เกือบ​โดน​หัว​พ่อ. เหตุ​การณ์​ครั้ง​นี้​ทำ​ให้​แม่​ได้​แง่​คิด​ว่า ‘ศาสนา​ใด​ชัก​นำ​คน​ให้​เป็น​ฆาตกร​จะ​เป็น​ศาสนา​ที่​ดี​ไม่​ได้.’ แม่​หัน​มา​สนใจ​อ่าน​หนังสือ​ต่าง ๆ ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ไม่​นาน แม่​ก็​เชื่อ​มั่น​ว่า​ตัว​เอง​ได้​พบ​ความ​จริง และ​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี 1929.

พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​ได้​พยายาม​เต็ม​ที่​เพื่อ​จะ​ช่วย​ฉัน​และ​พี่​สาว​ให้​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​ใน​ฐานะ​เป็น​บุคคล​จริง ๆ. ท่าน​อ่าน​เรื่อง​ราว​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แล้ว​ถาม​เรา​สอง​คน​ว่า​เหตุ​ใด​บุคคล​ใน​พระ​คัมภีร์​จึง​ได้​กระทำ​เช่น​นั้น. ใน​ช่วง​นั้น พ่อ​ปฏิเสธ​งาน​กะ​กลางคืน แม้​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​ท่าน​ทอน​ราย​ได้​ของ​ครอบครัว​ลง​ไป​มาก​ก็​ตาม. พ่อ​ต้องการ​เวลา​สำหรับ​การ​ประชุม​คริสเตียน, งาน​เผยแพร่, และ​การ​ศึกษา​กับ​ลูก ๆ.

วิกฤตการณ์​เริ่ม​ส่อ​เค้า

พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​แสดง​ความ​เอื้อเฟื้อ​อย่าง​สม่ำเสมอ โดย​การ​ต้อนรับ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​และ​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล​จาก​สวิตเซอร์แลนด์​และ​ฝรั่งเศส​ให้​มา​พัก​ที่​บ้าน พวก​เขา​ได้​เล่า​ความ​ยาก​ลำบาก​ต่าง ๆ ที่​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ​ประสบ​ใน​เยอรมนี ทั้ง ๆ ที่​อยู่​ห่าง​จาก​บ้าน​ของ​เรา​เพียง​ไม่​กี่​กิโลเมตร. ช่วง​นั้น รัฐบาล​นาซี​เนรเทศ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ไป​ยัง​ค่าย​กัก​กัน และ​พราก​เด็ก ๆ ไป​จาก​พ่อ​แม่​ที่​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

ฉัน​และ​เฮเลน​เตรียม​ตัว​เตรียม​ใจ​ไว้​พร้อม​จะ​รับมือ​ความ​ยาก​ลำบาก​อัน​แสน​สาหัส​ซึ่ง​รอ​อยู่​เบื้อง​หน้า. พ่อ​แม่​ของ​เรา​ได้​ช่วย​เรา​ให้​จด​จำ​ข้อ​คัมภีร์​ต่าง ๆ ไว้​เป็น​เครื่อง​นำ​ทาง. ท่าน​จะ​บอก​ว่า “ถ้า​ลูก​ไม่​รู้​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร ให้​นึก​ถึง​สุภาษิต 3: 5, 6. ถ้า​ลูก​กลัว​การ​ทดสอบ​ใด ๆ ที่​โรง​เรียน ให้​ใช้ 1 โครินท์ 10:13. หาก​ถูก​พราก​ตัว​จาก​พ่อ​แม่ ให้​ท่อง​สุภาษิต 18:10.” ฉัน​ท่อง​จำ​บทเพลง​สรรเสริญ​บท 23 และ​บท 91 จน​ขึ้น​ใจ และ​เกิด​ความ​ไว้​วางใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​คุ้มครอง​ฉัน​เสมอ.

ปี 1940 เยอรมนี​สมัย​นาซี​ผนวก​แคว้น​อัลซาซ-ลอร์เรน​เข้า​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​เขต​แดน​เยอรมนี และ​ระบอบ​การ​ปกครอง​ใหม่​นี้​กำหนด​ให้​ผู้​ใหญ่​ทุก​คน​เข้า​ร่วม​พรรค​นาซี. พ่อ​ไม่​ยอม​และ​ตำรวจ​ลับ​เกสตาโป​ได้​ข่มขู่​จะ​จับ​พ่อ. ครั้น​แม่​ไม่​ยอม​เย็บ​ชุด​เครื่อง​แบบ​ทหาร เกสตาโป​ก็​เริ่ม​ข่มขู่​ท่าน​เช่น​กัน.

โรง​เรียน​กลาย​เป็น​ฝัน​ร้าย​สำหรับ​ฉัน​เสีย​แล้ว. แต่​ละ​วัน ชั้น​เรียน​ของ​เรา​เริ่ม​ด้วย​การ​อธิษฐาน​เพื่อ​ฮิตเลอร์ กล่าว​สดุดี “ไฮล์ ฮิตเลอร์” และ​ร้อง​เพลง​ชาติ​พร้อม​กับ​เหยียด​แขน​ขวา​ออก. แทน​ที่​จะ​ห้าม​ฉัน​กล่าว​สดุดี​ฮิตเลอร์ พ่อ​แม่​ได้​ฝึก​อบรม​ฉัน​ให้​มี​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ. ดัง​นั้น การ​ไม่​ยอม​สดุดี​ฮิตเลอร์​จึง​เป็น​การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​ฉัน​เอง. ฉัน​ถูก​ครู​ตบ​หน้า​และ​ขู่​ขับ​ไล่​ฉัน​ออก​จาก​โรง​เรียน. คราว​หนึ่ง ตอน​อายุ​เจ็ด​ขวบ ฉัน​ต้อง​ยืน​ต่อ​หน้า​ครู​ทั้ง 12 คน​ใน​โรง​เรียน. ครู​เหล่า​นั้น​พยายาม​บังคับ​ฉัน​ให้​สดุดี​ฮิตเลอร์. ถึง​กระนั้น ฉัน​ยืนหยัด​มั่นคง​โดย​อาศัย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา.

ครู​คน​หนึ่ง​เริ่ม​พยายาม​โน้ม​น้าว​ฉัน​ให้​คล้อย​ตาม. เธอ​บอก​ว่า​ฉัน​เป็น​นัก​เรียน​ที่​ดี เธอ​ชอบ​ฉัน​มาก ๆ และ​คง​จะ​เสียใจ​หาก​ฉัน​ถูก​ไล่​ออก. เธอ​พูด​ทำนอง​นี้: “หนู​ไม่​จำเป็น​ต้อง​เหยียด​แขน​ให้​ตรง​ก็​ได้ แค่​ยก​แขน​นิด​หน่อย ไม่​ต้อง​พูด ‘ไฮล์ ฮิตเลอร์!’ แสร้ง​ทำ​ท่า​ขยับ​ปาก​เท่า​นั้น​เอง.”

เมื่อ​ฉัน​เล่า​ให้​แม่​ฟัง​ว่า​ครู​ได้​แนะ​นำ​อย่าง​ไร แม่​เตือน​สติ​ฉัน​ให้​นึก​ถึง​เด็ก​หนุ่ม​ชาว​ฮีบรู​สาม​คน​ยืน​อยู่​เบื้อง​หน้า​รูป​เคารพ​ที่​กษัตริย์​บาบิโลน​ตั้ง​ขึ้น. แม่​ถาม​ฉัน​ว่า “เด็ก​หนุ่ม​สาม​คน​นั้น​ถูก​คาด​หมาย​ให้​ทำ​อะไร? ฉัน​ตอบ​ว่า “คุกเข่า​ทำ​ความ​เคารพ.” แม่​ถาม​ต่อ “ถ้า​พวก​เขา​โน้ม​ตัว​ลง​ต่อ​หน้า​รูป​เคารพ​เพียง​ชั่ว​ครู่ ทว่า​ก้ม​ลง​ผูก​เชือก​รอง​เท้า การ​ทำ​เช่น​นั้น​ถูก​ไหม? ลูก​ตัดสิน​ใจ​เอา​เอง ทำ​สิ่ง​ที่​ลูก​คิด​ว่า​ถูก​ต้อง.” ฉัน​ตัดสิน​ใจ​จะ​ทำ​อย่าง​ซัดรัค เมเซ็ค​และ​อะเบ็ดนะโค คือ​ถวาย​ความ​จงรักภักดี​แด่​พระ​ยะโฮวา​องค์​เดียว.—ดานิ. 3:1, 13-18

ครู​เคย​ไล่​ฉัน​ออก​โรง​เรียน​หลาย​ครั้ง และ​ยัง​ได้​ข่มขู่​จะ​พราก​ฉัน​ไป​จาก​พ่อ​แม่. ฉัน​วิตก​กังวล​มาก แต่​พ่อ​แม่​คอย​ให้​กำลังใจ​ฉัน​เสมอ. เมื่อ​ฉัน​จะ​ออก​จาก​บ้าน​ไป​โรง​เรียน แม่​ได้​อธิษฐาน​กับ​ฉัน โดย​ทูล​ขอ​พระ​ยะโฮวา​ช่วย​คุ้มครอง. ฉัน​รู้​ว่า​พระองค์​จะ​เสริม​กำลัง​ฉัน​ให้​ยืนหยัด​มั่นคง​เพื่อ​ความ​จริง. (2 โค. 4:7) พ่อ​บอก​ฉัน​ว่า​หาก​ถูก​กดดัน​มาก ๆ อย่า​กลัว​ที่​จะ​กลับ​บ้าน. พ่อ​พูด​ว่า “พ่อ​กับ​แม่​รัก​ลูก. ลูก​ยัง​คง​เป็น​ลูก​ของ​พ่อ​แม่​เสมอ. นี่​คือ​ประเด็น​สำคัญ​ระหว่าง​ลูก​กับ​พระ​ยะโฮวา.” คำ​พูด​ของ​พ่อ​เป็น​กำลัง​เสริม​ความ​ปรารถนา​ของ​ฉัน​ที่​จะ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง.—โยบ 27:5

เกสตาโป​เข้า​มา​ใน​บ้าน​เรา​บ่อย​ครั้ง​เพื่อ​ค้น​หา​หนังสือ​ของ​พยาน​ฯ และ​คอย​สอบสวน​พ่อ​แม่​อยู่​เรื่อย ๆ. พวก​เขา​มัก​จะ​พา​แม่​ออก​ไป​จาก​บ้าน​นาน​หลาย​ชั่วโมง และ​แวะ​ไป​เอา​ตัว​พ่อ​และ​พี่​สาว​ฉัน​จาก​ที่​ทำ​งาน​เช่น​กัน. ฉัน​ไม่​มี​ทาง​รู้​เลย​ว่า​แม่​จะ​อยู่​บ้าน​หรือ​เปล่า​เมื่อ​ฉัน​กลับ​บ้าน​หลัง​เลิก​เรียน. บาง​ครั้ง​เพื่อน​บ้าน​ใกล้​เคียง​จะ​บอก​ว่า “ตำรวจ​เอา​ตัว​แม่​ไป.” แล้ว​ฉัน​ก็​จะ​หลบ​ซ่อน​อยู่​ใน​บ้าน ถาม​ตัว​เอง​ว่า ‘เขา​กำลัง​ทรมาน​แม่​หรือ​เปล่า? ฉัน​จะ​เห็น​หน้า​แม่​อีก​ไหม?’

การ​เนรเทศ

วัน​ที่ 28 มกราคม 1943 เกสตาโป​ได้​ปลุก​เรา​ตอน​ตี​สาม​ครึ่ง. พวก​เขา​บอก​ว่า​ถ้า​พ่อ​แม่​และ​พี่​สาว​รวม​ถึง​ฉัน​ด้วย​เข้า​ร่วม​พรรค​นาซี พวก​เรา​จะ​ไม่​ถูก​เนรเทศ. เขา​ให้​เวลา​เรา​เตรียม​ตัว​สาม​ชั่วโมง. แม่​พร้อม​รับมือ​สถานการณ์​นี้​อยู่​แล้ว โดย​บรรจุ​เสื้อ​ผ้า​คน​ละ​ชุด​สำหรับ​ผลัด​เปลี่ยน​และ​พระ​คัมภีร์​เล่ม​หนึ่ง​ไว้​ใน​เป้ ฉะนั้น เรา​ใช้​โอกาส​ใน​ช่วง​นั้น​อธิษฐาน​และ​หนุน​ใจ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน. พ่อ​เตือน​เรา​ให้​ระลึก​ว่า ‘ไม่​มี​สิ่ง​ใด​จะ​พราก​เรา​จาก​ความ​รัก​ของ​พระเจ้า​ได้.’—โรม 8:35-39

พวก​เกสตาโป​หวน​กลับ​มา​จริง ๆ. ฉัน​ไม่​มี​วัน​ลืม​อัง​กลาด พี่​น้อง​หญิง​สูง​อายุ​ขณะ​โบก​มือ​ลา​พวก​เรา​ด้วย​น้ำตา​คลอ​เบ้า. เกสตาโป​ขับ​รถ​นำ​พวก​เรา​ไป​ยัง​สถานี​รถไฟ​ที่​เมตซ์. หลัง​จาก​อยู่​บน​รถไฟ​นาน​สาม​วัน เรา​ก็​มา​ถึง​คอคโววิเซ ค่าย​บริวาร​แห่ง​หนึ่ง​ของ​เอาชวิทซ์​ใน​โปแลนด์. สอง​เดือน​ต่อ​มา พวก​เรา​ถูก​ย้าย​ไป​ที่​กลิวิเซ สำนัก​ชี​คาทอลิก​ซึ่ง​ถูก​ดัด​แปลง​เป็น​ค่าย​แรงงาน. พวก​นาซี​บอก​เรา​ว่า​ถ้า​แต่​ละ​คน​เซ็น​ชื่อ​ใน​เอกสาร​ปฏิเสธ​ความ​เชื่อ​ของ​เรา เขา​จะ​ปล่อย​เรา​เป็น​อิสระ​และ​คืน​ข้าวของ​ให้. พ่อ​กับ​แม่​ไม่​ยินยอม และ​ทหาร​เหล่า​นั้น​พูด​ว่า “พวก​แก​จะ​ไม่​มี​วัน​ได้​กลับ​บ้าน.”

เดือน​มิถุนายน พวก​เรา​ถูก​ย้าย​ไป​ที่​นิคม​ชเวนโทคโววิเซ ฉัน​เริ่ม​ปวด​ศีรษะ​และ​ยัง​ปวด​เรื่อย​มา​กระทั่ง​ทุก​วัน​นี้. เนื่อง​จาก​นิ้ว​มือ​ฉัน​ติด​เชื้อ หมอ​จึง​ต้อง​ถอด​เล็บ​ออก​ตั้ง​หลาย​เล็บ​โดย​ไม่​มี​การ​วาง​ยา​ชา. หาก​มอง​ใน​ด้าน​ดี การ​ได้​ทำ​งาน​เป็น​เด็ก​เดิน​หนังสือ​ให้​พวก​ผู้​คุม​ทำ​ให้​ฉัน​ได้​แวะ​ไป​ที่​โรง​ทำ​ขนมปัง​บ่อย ๆ. ที่​นั่น ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​มัก​จะ​หยิบ​ยื่น​ของ​กิน​ให้​ฉัน.

จน​กระทั่ง​ถึง​วัน​นั้น พวก​เรา​อยู่​รวม​กัน​เป็น​ครอบครัว แยก​ต่าง​หาก​จาก​นัก​โทษ​คน​อื่น ๆ. เดือน​ตุลาคม ปี 1943 เรา​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​ค่าย​ซับโควิเซ. พวก​เรา​นอน​บน​เตียง​สอง​ชั้น​ใน​ห้อง​ใต้​หลังคา อยู่​รวม​กับ​คน​อื่น ๆ อีก​ประมาณ 60 คน​ซึ่ง​มี​ทั้ง​ผู้​ชาย, ผู้​หญิง, และ​เด็ก. หน่วย​เอส​เอส​ของ​นาซี​จงใจ​ให้​เรา​กิน​อาหาร​ที่​เหม็น​บูด​แล้ว​และ​แทบ​จะ​กิน​ไม่​ได้.

แม้​ยาก​ลำบาก​แค่​ไหน เรา​ไม่​เคย​รู้สึก​สิ้น​หวัง. ก่อน​หน้า​นั้น​เรา​เคย​อ่าน​ใน​วารสาร​หอสังเกตการณ์ เกี่ยว​กับ​งาน​ประกาศ​ครั้ง​ใหญ่​ที่​ต้อง​ทำ​ให้​สำเร็จ​หลัง​สงคราม​สงบ​ลง. ดัง​นั้น เรา​รู้​เหตุ​ผล​ที่​เรา​ทน​ทุกข์​และ​อีก​ไม่​ช้า​ไม่​นาน​ความ​ทุกข์​ยาก​ของ​เรา​จะ​สิ้น​สุด.

รายงาน​ข่าว​การ​รุก​เข้า​มา​ของ​กองทัพ​ฝ่าย​พันธมิตร​ทำ​ให้​เรา​รู้​ว่า​นาซี​กำลัง​พ่าย​แพ้. ต้น​ปี 1945 หน่วย​เอส​เอส​ตัดสิน​ใจ​ทิ้ง​ค่าย​ของ​เรา. วัน​ที่ 19 กุมภาพันธ์ ทหาร​นาซี​บังคับ​พวก​เรา​ให้​เดิน​เป็น​ระยะ​ทาง​เกือบ 240 กิโลเมตร. สี่​สัปดาห์​ผ่าน​ไป เรา​ได้​มา​ถึง​เมือง​ชไทน์เฟลส์ ประเทศ​เยอรมนี ที่​นี่​ผู้​คุม​ได้​ต้อน​พวก​นัก​โทษ​ลง​ไป​รวม​กัน​ใน​เหมือง. หลาย​คน​คิด​ว่า​เรา​จะ​ถูก​ฆ่า. แต่​ฝ่าย​พันธมิตร​ก็​มา​ถึง​วัน​นั้น​พอ​ดี หน่วย​เอส​เอส​หลบ​หนี​ไป​หมด และ​ความ​ทุกข์​ยาก​ของ​เรา​เป็น​อัน​ยุติ.

พยายาม​บรรลุ​เป้าหมาย

เวลา​ผ่าน​ไป​เกือบ​สอง​ปี​ครึ่ง วัน​ที่ 5 พฤษภาคม 1945 พวก​เรา​ก็​กลับ​มา​ถึง​บ้าน​ใน​เมือง​ยุทซ์ ใน​สภาพ​มอมแมม​และ​มี​เหา​เต็ม​หัว. เรา​ไม่​ได้​ผลัด​เปลี่ยน​เสื้อ​ผ้า​ตั้ง​แต่​เดือน​กุมภาพันธ์ ดัง​นั้น เรา​ตัดสิน​ใจ​เผา​เสื้อ​ผ้า​เก่า ๆ เหล่า​นั้น​ทิ้ง​ไป. ฉัน​จำ​คำ​พูด​ของ​แม่​ที่​บอก​ว่า “ขอ​ให้​วัน​นี้​เป็น​วัน​ที่​น่า​ยินดี​อย่าง​ยิ่ง​ใน​ชีวิต​ของ​ลูก​นะ. เรา​ไม่​มี​อะไร​เลย. แม้​แต่​เสื้อ​ผ้า​ที่​เรา​ใส่​ก็​ไม่​ใช่​ของ​เรา. กระนั้น พวก​เรา​ทั้ง​สี่​คน​ได้​กลับ​บ้าน​ด้วย​ความ​ซื่อ​สัตย์. พวก​เรา​ไม่​ได้​ประนีประนอม.”

หลัง​จาก​พักฟื้น​สาม​เดือน​ใน​สวิตเซอร์แลนด์ ฉัน​ก็​กลับ​เข้า​โรง​เรียน​อีก และ​ไม่​กลัว​จะ​ถูก​ขับ​ไล่​อีก​ต่อ​ไป. เรา​สามารถ​เข้า​ร่วม​ประชุม​นมัสการ​กับ​พี่​น้อง​คริสเตียน​และ​ประกาศ​อย่าง​เปิด​เผย. วัน​ที่ 28 สิงหาคม 1947 เมื่อ​อายุ 13 ปี ฉัน​ได้​แสดง​ตน​อย่าง​เปิด​เผย​ตาม​ที่​ได้​ปฏิญาณ​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​เมื่อ​หลาย​ปี​ก่อน. พ่อ​เป็น​ผู้​ให้​บัพติสมา​แก่​ฉัน​ใน​แม่น้ำ​โมเซลล์. ฉัน​ต้องการ​เข้า​สู่​งาน​ไพโอเนียร์​ทันที แต่​พ่อ​ขอ​ให้​ฉัน​เรียน​วิชา​ชีพ​ก่อน. ดัง​นั้น ฉัน​ได้​เลือก​เรียน​เป็น​ช่าง​เย็บ​ผ้า. ปี 1951 เมื่อ​อายุ 17 ปี ฉัน​ถูก​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ไพโอเนียร์​รับใช้​ใน​ชุมชน​ตี​ยง​วิลล์​ซึ่ง​อยู่​ใกล้ ๆ.

ปี​นั้น​เอง ฉัน​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​แห่ง​หนึ่ง​ใน​ปารีส​และ​ยื่น​ใบ​สมัคร​เพื่อ​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี. อายุ​ฉัน​ตอน​นั้น​ยัง​ไม่​ถึง​เกณฑ์ แต่​บราเดอร์​นาทาน นอรร์​บอก​ว่า​ท่าน​จะ​รับ​ใบ​สมัคร​ของ​ฉัน​ไว้ “สำหรับ​คราว​หน้า.” เดือน​มิถุนายน 1952 ฉัน​ได้​รับ​เชิญ​ไป​เรียน​ใน​รุ่น 21 ของ​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด ซึ่ง​ตั้ง​อยู่​ที่​เซาท์แลนซิง รัฐ​นิวยอร์ก สหรัฐ​อเมริกา.

กิเลียด​และ​ชีวิต​ฉัน​หลัง​จาก​นั้น

ประสบการณ์​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​ชีวิต! ฉัน​มัก​พบ​ว่า​การ​จะ​พูด​ภาษา​ของ​ตัว​เอง​ต่อ​หน้า​ผู้​คน​นั้น​ยาก​อยู่​แล้ว. บัด​นี้​ฉัน​ต้อง​พูด​ภาษา​อังกฤษ. ถึง​กระนั้น บรรดา​ผู้​สอน​ก็​ได้​สนับสนุน​ฉัน​ด้วย​ความ​รัก. บราเดอร์​คน​หนึ่ง​ตั้ง​ชื่อ​เล่น​ให้​ฉัน​ว่า​ราชอาณาจักร​ยิ้ม เนื่อง​จาก​ฉัน​มี​รอย​ยิ้ม​บน​ใบ​หน้า​ขณะ​ที่​รู้สึก​ขวยเขิน.

วัน​ที่ 19 กรกฎาคม 1953 เป็น​วัน​ที่​พวก​เรา​รับ​ประกาศนียบัตร ซึ่ง​จัด​ขึ้น ณ สนาม​กีฬา​แยงกี​ใน​นคร​นิวยอร์ก ฉัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ปารีส​กับ​ไอดา กันดูโซ (ภาย​หลัง​ใช้​นามสกุล​สามี​คือ​แซนนอบอส). การ​ประกาศ​เผยแพร่​แก่​ชาว​ปารีส​ผู้​มั่งคั่ง​นั้น​เป็น​เรื่อง​น่า​ตระหนก แต่​ฉัน​ก็​สามารถ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ผู้​คน​จำนวน​มาก​ที่​ถ่อม​ตัว. หลัง​จาก​ไอดา​แต่งงาน​ปี 1956 เธอ​ได้​ย้าย​ไป​รับใช้​ใน​แอฟริกา แต่​ฉัน​ยัง​คง​อยู่​ใน​ปารีส.

ปี 1960 ฉัน​แต่งงาน​กับ​บราเดอร์​จาก​เบเธล และ​เรา​ได้​รับใช้​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​เขต​โชมองต์​และ​วีชี. ห้า​ปี​ต่อ​มา ฉัน​ติด​เชื้อ​วัณโรค​จึง​ต้อง​หยุด​งาน​ไพโอเนียร์. ฉัน​รู้สึก​แย่​มาก ๆ เพราะ​ตั้ง​แต่​ตอน​เป็น​เด็ก เป้าหมาย​ของ​ฉัน​คือ​รับใช้​เต็ม​เวลา​และ​จะ​คง​ทำ​อยู่​เรื่อย​ไป. ตอน​หลัง สามี​ทิ้ง​ฉัน​ไป​หา​หญิง​อื่น. การ​เกื้อ​หนุน​ของ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ฝ่าย​วิญญาณ​ได้​ช่วย​ฉัน​ตลอด​เวลา​หลาย​ปี​ที่​มืดมน และ​พระ​ยะโฮวา​ทรง​แบก​ภาระ​ของ​ฉัน​เสมอ​มา.—เพลง. 68:19

เวลา​นี้​ฉัน​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​ลูวีเย แคว้น​นอร์มังดี ใกล้​สำนักงาน​สาขา​ฝรั่งเศส. แม้​จะ​มี​ปัญหา​ด้าน​สุขภาพ แต่​ก็​มี​ความ​สุข​ที่​เห็น​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​มี​ส่วน​ช่วยเหลือ​ใน​ชีวิต​ของ​ฉัน. การ​ถูก​อบรม​เลี้ยง​ดู​ใน​วัย​เด็ก​เป็น​ประโยชน์​แก่​ฉัน​ตราบ​เท่า​ทุก​วัน​นี้​โดย​ให้​มี​ทัศนะ​ที่​ถูก​ต้อง. พ่อ​แม่​เคย​สอน​ฉัน​ว่า​พระ​ยะโฮวา​เป็น​บุคคล​จริง ๆ ผู้​ซึ่ง​ฉัน​จะ​รัก จะ​เฝ้า​ทูล​ได้​ทุก​เวลา และ​เป็น​ผู้​ตอบ​คำ​อธิษฐาน​ของ​ฉัน. ที่​จริง “ข้าพเจ้า​จะ​เอา​อะไร​ตอบ​แทน​พระเจ้า​ได้ เนื่อง​จาก​พระ​ราชกิจ​อัน​มี​พระคุณ​ต่อ​ข้าพเจ้า.”—เพลง. 116:12, ฉบับ R​73

[คำ​โปรย​หน้า 6]

“ฉัน​มี​ความ​สุข​ที่​เห็น​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​มี​ส่วน​ช่วยเหลือ​ใน​ชีวิต​ของ​ฉัน”

[ภาพ​หน้า 5]

ฉัน​สวม​หน้ากาก​กัน​แก๊ส​พิษ เมื่อ​อายุ​หก​ขวบ

[ภาพ​หน้า 5]

กับ​มิชชันนารี​และ ไพโอเนียร์​ที่​ลักเซมเบิร์ก ใน​คราว​รณรงค์​เผยแพร่​พิเศษ​เมื่อ​อายุ 16 ปี

[ภาพ​หน้า 5]

กับ​พ่อ​และ​แม่ ณ การ​ประชุม​ใหญ่​ใน​ปี 1953