พี่น้องชายทั้งหลาย จงหว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณและพยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่!
พี่น้องชายทั้งหลาย จงหว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณและพยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่!
“คนที่หว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณจะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์.”—กลา. 6:8
1, 2. มัดธาย 9:37, 38 กำลังสำเร็จเป็นจริงอย่างไร และนั่นทำให้มีความจำเป็นอะไรในประชาคมต่าง ๆ?
คุณกำลังเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่! งานที่พระเยซูคริสต์ตรัสถึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง. พระเยซูตรัสว่า “การเกี่ยวเป็นงานใหญ่ แต่คนงานมีน้อย. ฉะนั้น จงขอเจ้าของงานเกี่ยวให้ส่งคนงานออกไปในงานเกี่ยวของพระองค์.” (มัด. 9:37, 38) พระยะโฮวาพระเจ้ากำลังตอบคำอธิษฐานเช่นนั้นอย่างที่พระองค์ไม่เคยทำมาก่อน. ระหว่างปีการรับใช้ 2009 จำนวนประชาคมของพยานพระยะโฮวาทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 2,031 ประชาคมเป็น 105,298 ประชาคม. โดยเฉลี่ยแล้ว ในแต่ละวันมีถึง 757 คนที่รับบัพติสมา!
2 การเติบโตเช่นนั้นทำให้มีความจำเป็นต้องมีพี่น้องชายที่มีคุณสมบัติในการทำหน้าที่สอนและบำรุงเลี้ยงประชาคมต่าง ๆ. (เอเฟ. 4:11) ในช่วงหลายสิบปีมานี้ พระยะโฮวาได้มอบหมายผู้ชายที่มีคุณสมบัติให้ดูแลความจำเป็นของแกะของพระองค์ และเรามั่นใจว่าพระองค์จะทรงทำอย่างนั้นต่อไป. คำพยากรณ์ซึ่งบันทึกไว้ที่มีคา 5:5 (ฉบับ R73) รับรองกับเราว่า ในสมัยสุดท้ายประชาชนของพระยะโฮวาจะมี “ผู้เลี้ยงแกะเจ็ดคนและเจ้านายแปดคน” ซึ่งมีความหมายโดยนัยว่าจะมีผู้ชายที่มีความสามารถจำนวนมากที่นำหน้าพวกเขา.
3. จงอธิบายว่า ‘การหว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณ’ หมายถึงอะไร.
3 ถ้าคุณเป็นพี่น้องชายที่รับบัพติสมาแล้ว อะไรอาจช่วยคุณให้อยากรับสิทธิพิเศษในการรับใช้นี้? ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการที่คุณ “หว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณ.” (กลา. 6:8) การทำอย่างนั้นเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตอย่างที่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าดำเนินกิจอย่างเต็มที่ในชีวิตคุณ. จงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ “หว่านเพื่อสนองความปรารถนาของกาย.” อย่าปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เช่น ความสะดวกสบาย, การหย่อนใจ, และความบันเทิงทำให้ความปรารถนาของคุณที่จะทุ่มเทตัวในการรับใช้พระเจ้าลดน้อยลงไป. คริสเตียนทุกคนควร “หว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณ” และในที่สุดพี่น้องชายที่ทำอย่างนั้นอาจมีคุณสมบัติที่จะรับสิทธิพิเศษในประชาคม. เนื่องจากในปัจจุบันมีความจำเป็นต้องมีผู้ช่วยงานรับใช้และผู้ปกครองจำนวนมาก บทความนี้จึงมุ่งไปที่พี่น้องชายโดยเฉพาะ. ดังนั้น พี่น้องชายทั้งหลาย เราขอกระตุ้นคุณให้พิจารณาบทความนี้อย่างจริงจัง.
จงพยายามเพื่อจะได้ทำการงานที่ดี
4, 5. (ก) ผู้ชายที่รับบัพติสมาแล้วถูกกระตุ้นให้พยายามเพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษอะไรในประชาคม? (ข) การพยายามเพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษทำได้โดยวิธีใด?
4 พี่น้องชายไม่ได้เป็นผู้ดูแลโดยอัตโนมัติ. เขาต้องพยายามเพื่อจะได้ทำ “การงานที่ดี” นี้. (1 ติโม. 3:1) การทำอย่างนั้นรวมถึงการรับใช้เพื่อนร่วมความเชื่อโดยเอาใจใส่ความจำเป็นของพวกเขาอย่างแท้จริง. (อ่านยะซายา 32:1, 2) ผู้ชายที่พยายามทำอย่างนั้นโดยมีแรงกระตุ้นที่ถูกต้องไม่ใช่คนทะเยอทะยาน. ตรงกันข้าม เขามีความปรารถนาอันไม่เห็นแก่ตัวที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์.
5 การพยายามเพื่อจะมีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยงานรับใช้และเพื่อจะได้ทำหน้าที่ผู้ดูแลทำได้โดยการพยายามบรรลุข้อเรียกร้องต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์. (1 ติโม. 3:1-10, 12, 13; ทิทุส 1:5-9) ถ้าคุณเป็นผู้ชายที่อุทิศตัวแล้ว จง ถามตัวเองว่า ‘ผมมีส่วนอย่างเต็มที่ในงานประกาศไหม และผมช่วยคนอื่น ๆ ให้ทำอย่างนั้นไหม? ผมเสริมสร้างเพื่อนผู้นมัสการโดยสนใจอย่างแท้จริงในสวัสดิภาพของพวกเขาไหม? ผมมีชื่อเสียงที่ดีในการเป็นนักศึกษาพระคำของพระเจ้าไหม? ผมกำลังปรับปรุงการออกความคิดเห็นให้ดีขึ้นไหม? ผมเอาใจใส่อย่างขยันขันแข็งในงานมอบหมายที่ได้รับจากผู้ปกครองไหม?’ (2 ติโม. 4:5) พี่น้องชายควรพิจารณาคำถามเหล่านี้อย่างจริงจัง.
6. ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้มีคุณสมบัติสำหรับการทำหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมคืออะไร?
6 อีกวิธีหนึ่งที่จะมีคุณสมบัติสำหรับการทำหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมทำได้โดย “ให้ใจภายในของ [คุณ] มีกำลังมากโดยฤทธิ์แห่งพระวิญญาณ [ของพระเจ้า].” (เอเฟ. 3:16) การเป็นผู้ช่วยงานรับใช้หรือผู้ปกครองในประชาคมคริสเตียนไม่ใช่เรื่องของการได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง. คนที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้ต้องพัฒนาสายสัมพันธ์ที่เขามีกับพระยะโฮวา. การพัฒนาสายสัมพันธ์กับพระยะโฮวาทำได้โดยวิธีใด? วิธีหนึ่งก็คือการที่คุณ “ดำเนินชีวิตตามการทรงนำจากพระวิญญาณ” เสมอ และพัฒนาผลของพระวิญญาณ. (กลา. 5:16, 22, 23) เมื่อคุณแสดงให้เห็นหลักฐานว่าคุณมีคุณลักษณะฝ่ายวิญญาณซึ่งจำเป็นในการทำหน้าที่ที่เป็นสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นและเมื่อคุณทำตามคำแนะนำที่ช่วยให้คุณปรับปรุง ‘ความก้าวหน้าของคุณก็จะปรากฏแก่ทุกคน.’—1 ติโม. 4:15
จำเป็นต้องมีน้ำใจเสียสละ
7. การรับใช้ผู้อื่นเกี่ยวข้องกับอะไร?
7 การรับใช้ผู้อื่นเกี่ยวข้องกับงานหนักและจำเป็นต้องมีน้ำใจเสียสละ. เนื่องจากคริสเตียนผู้ดูแลเป็นผู้บำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณ ปัญหาของฝูงแกะจึงเป็นเรื่องที่พวกเขาเป็นห่วงอย่างยิ่ง. ขอให้สังเกตว่าหน้าที่รับผิดชอบในงานบำรุงเลี้ยงมีผลกระทบอย่างไรต่ออัครสาวกเปาโล. ท่านบอกเพื่อนร่วมความเชื่อในเมืองโครินท์ว่า “ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่านทั้งน้ำตาไหลเนื่องด้วยความทุกข์ระทมใจอย่างยิ่ง ไม่ใช่เพื่อทำให้พวกท่านเศร้าใจ แต่เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าข้าพเจ้ารักพวกท่านมาก.” (2 โค. 2:4) เห็นได้ชัดว่าเปาโลทุ่มเทเต็มที่ทั้งกายและใจให้กับงานของท่าน.
8, 9. จงยกตัวอย่างจากพระคัมภีร์ที่แสดงถึงวิธีที่ผู้ชายดูแลเอาใจใส่ความจำเป็นของคนอื่น ๆ.
8 น้ำใจเสียสละเป็นลักษณะเด่นของผู้ชายที่ทำงานหนักเพื่อผลประโยชน์ของผู้รับใช้พระยะโฮวามาโดยตลอด. ตัวอย่างเช่น เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าโนอาห์จะบอกคนในครอบครัวท่านว่า ‘เมื่อสร้างเรือเสร็จแล้วช่วยบอกให้ข้ารู้ด้วย ข้าจะได้มาสมทบกับพวกเจ้า.’ โมเซไม่ได้บอกชาวอิสราเอลในอียิปต์ว่า ‘พวกเจ้าหาทางไปกันเองนะ. แล้วพบกันที่ทะเลแดง.’ ยะโฮซูอะไม่เคยบอกว่า ‘บอกให้ข้ารู้ด้วยเมื่อกำแพงเมืองเยริโคพังแล้ว.’ และยะซายาห์ไม่ได้ชี้ไปที่คนอื่นแล้วพูดว่า ‘เขาอยู่นั่น! ทรงใช้เขาไปเถิด!’—9 ผู้ที่เป็นแบบอย่างอันยอดเยี่ยมที่สุดคือพระเยซูคริสต์ซึ่งทรงยอมให้พระวิญญาณของพระเจ้ากระตุ้นพระองค์. พระองค์ทรงเต็มพระทัยรับงานมอบหมายที่จะรับใช้ในฐานะผู้ไถ่บาปของมนุษยชาติ. (โย. 3:16) การแสดงความรักแบบที่เสียสละของพระเยซูน่าจะกระตุ้นให้เราตอบสนองด้วยความรู้สึกขอบคุณมิใช่หรือ? เมื่อพรรณนาถึงความรู้สึกที่มีต่อฝูงแกะ ผู้ปกครองคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่นี้มานานกล่าวว่า “คำตรัสของพระเยซูที่ตรัสกับเปโตรว่า ‘จงเลี้ยงแกะเล็ก ๆ ของเรา’ กระตุ้นใจผมอย่างมาก. ตลอดหลายปีมานี้ ผมได้เรียนรู้และเข้าใจว่าคำพูดไม่กี่คำที่แสดงความรักหรือการทำสิ่งธรรมดา ๆ ที่กรุณาสามารถหนุนใจคนอื่นได้. งานบำรุงเลี้ยงเป็นงานที่ผมชอบมาก.”—โย. 21:16
10. อะไรสามารถกระตุ้นผู้ชายคริสเตียนให้ทำตามแบบอย่างของพระเยซูในการรับใช้ผู้อื่น?
10 ในเรื่องที่เกี่ยวกับฝูงแกะของพระเจ้า ผู้ชายที่อุทิศตัวแล้วในประชาคมคงต้องการจะสะท้อนทัศนะของพระเยซู ซึ่งตรัสว่า “เราจะทำให้เจ้าทั้งหลายสดชื่น.” (มัด. 11:28) ความเชื่อในพระเจ้าและความรักต่อประชาคมกระตุ้นผู้ชายคริสเตียนพยายามทำการงานที่ดีอย่างนี้ โดยไม่คิดว่าเป็นการเสียสละมากเกินไปหรือเป็นการเรียกร้องจากเขามากเกินไป. แต่จะว่าอย่างไรถ้าเขาไม่มีทีท่าว่าจะพยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่? พี่น้องชายจะพัฒนาความปรารถนาที่จะรับใช้ในประชาคมได้ไหม?
จงพัฒนาความปรารถนาที่จะรับใช้
11. เราจะพัฒนาความปรารถนาที่จะรับใช้ผู้อื่นได้โดยวิธีใด?
11 ถ้าความรู้สึกว่าตัวเองขาดความสามารถยับยั้งคุณไว้ไม่ให้พยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่ คุณควรอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์. (ลูกา 11:13) พระวิญญาณของพระยะโฮวาจะช่วยคุณเอาชนะความกังวลใด ๆ ก็ตามที่คุณอาจมีในเรื่องนี้. ความปรารถนาที่จะรับใช้นั้นมาจากพระเจ้า เพราะพระวิญญาณของพระยะโฮวากระตุ้นพี่น้องชายให้พยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่ แล้วก็ให้กำลังแก่เขาในการทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์. (ฟิลิป. 2:13; 4:13) ด้วยเหตุนั้น จึงนับว่าเหมาะที่จะขอให้พระยะโฮวาช่วยคุณพัฒนาความปรารถนาที่จะรับสิทธิพิเศษในการรับใช้.—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 25:4, 5
12. คนเราจะมีสติปัญญามากพอเพื่อจะทำหน้าที่รับผิดชอบที่เขาได้รับมอบหมายได้โดยวิธีใด?
12 เนื่องจากสังเกตเห็นว่าการเอาใจใส่ความจำเป็นของฝูงแกะเป็นเรื่องยุ่งยากและเป็นงานหนัก ผู้ชายคริสเตียนบางคนอาจไม่ต้องการพยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่นี้. หรือเขาอาจรู้สึกว่าเขามีสติปัญญาไม่เพียงพอที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบให้สำเร็จได้. ถ้าอย่างนั้น เขาอาจได้สติปัญญาเพิ่มขึ้นได้ด้วยการศึกษาพระคำของพระเจ้าและหนังสือที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักอย่างขยันขันแข็งยิ่งขึ้น. เขาน่าจะถามตัวเองว่า ‘ผมจัดเวลาไว้เพื่อศึกษาพระคำของพระเจ้าไหม และผมอธิษฐานขอสติปัญญาไหม?’ สาวกยาโกโบเขียนว่า “ถ้าพวกท่านคนใดขาดสติปัญญา ให้เขาทูลขอพระเจ้าต่อ ๆ ไป แล้วเขาจะได้รับจากพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงประทานแก่ทุกคนด้วยพระทัยกว้างและไม่ทรงตำหนิ.” (ยโก. 1:5) คุณเชื่อคำกล่าวนี้ซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจไหม? เมื่อทรงตอบคำอธิษฐานของโซโลมอน พระเจ้าประทานให้ท่านมี “จิตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ” ซึ่งทำให้ท่านแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรชั่วเมื่อพิพากษาตัดสิน. (1 กษัต. 3:7-14, ฉบับ R73) จริงอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับโซโลมอนนั้นเป็นกรณีพิเศษ. ถึงกระนั้น เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะประทานสติปัญญาแก่ผู้ชายที่มีหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมเพื่อพวกเขาจะดูแลฝูงแกะของพระองค์ได้อย่างเหมาะสม.—สุภา. 2:6
13, 14. (ก) จงอธิบายว่าเปาโลได้รับผลกระทบจาก “ความรักของพระคริสต์” อย่างไร. (ข) “ความรักของพระคริสต์” ควรมีผลกระทบต่อเราอย่างไร?
13 อีกวิธีหนึ่งในการพัฒนาความปรารถนาที่จะรับใช้คน2 โครินท์ 5:14, 15. (อ่าน) “ความรักของพระคริสต์กระตุ้นเรา” อย่างไร? ความรักที่พระคริสต์ทรงแสดงออกด้วยการสละพระชนม์ชีพเพื่อเราตามพระประสงค์ของพระเจ้านั้นโดดเด่นมาก. ด้วยเหตุนั้น ขณะที่เราเข้าใจและซาบซึ้งในความรักของพระองค์มากขึ้น หัวใจเราจึงถูกกระตุ้นอย่างลึกซึ้ง. เปาโลให้ความรักของพระคริสต์มีอิทธิพลต่อแนวทางการกระทำของท่าน. ความรักของพระคริสต์เหนี่ยวรั้งท่านไว้ไม่ให้ทำอย่างเห็นแก่ตัว และช่วยท่านให้มีเป้าหมายหลักที่จะรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ทั้งภายในและภายนอกประชาคมคริสเตียน.
อื่นก็คือการคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์ทรงทำเพื่อเรา. ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณา14 การใคร่ครวญในเรื่องความรักที่พระคริสต์ทรงมีต่อผู้คนกระตุ้นเราให้รู้สึกขอบคุณ. ผลก็คือ เราตระหนักว่าเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งที่เราจะ “หว่านเพื่อสนองความปรารถนาของกาย” ต่อ ๆ ไปด้วยการมุ่งติดตามเป้าหมายอันเห็นแก่ตัวและดำเนินชีวิตเพื่อทำให้ตัวเราเองพอใจเป็นหลัก. แทนที่จะทำอย่างนั้น เราปรับเปลี่ยนชีวิตของเราเพื่อให้งานที่เราได้รับจากพระเจ้ามาเป็นอันดับแรก. เราถูกกระตุ้นให้ “รับใช้” พี่น้องของเราด้วยความรัก. (อ่านกาลาเทีย 5:13) ถ้าเรามองตัวเราเองว่าเป็นทาสที่ทำงานด้วยความถ่อมใจเพื่อประโยชน์ของผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแล้วของพระยะโฮวา เราจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างให้เกียรติและนับถือ. แน่นอน เราจะไม่เลียนแบบน้ำใจชอบตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์ที่ซาตานส่งเสริม.—วิ. 12:10
ความพยายามของทั้งครอบครัว
15, 16. เพื่อพี่น้องชายคนหนึ่งจะมีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยงานรับใช้หรือผู้ปกครอง สมาชิกในครอบครัวของเขามีบทบาทอะไร?
15 ถ้าพี่น้องชายคนหนึ่งแต่งงานแล้วและมีบุตร สภาพในครอบครัวของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่จะถูกนำมาพิจารณาด้วยในการตัดสินว่าเขามีคุณสมบัติจะเป็นผู้ช่วยงานรับใช้หรือผู้ปกครองหรือไม่. เป็นความจริงที่ว่าสภาพฝ่ายวิญญาณและชื่อเสียงของครอบครัวของเขาเกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่เขาจะได้รับการแต่งตั้ง. เรื่องนี้เน้นให้เห็นว่าครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ที่เป็นสามีและบิดาเมื่อเขาพยายามเพื่อจะได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของประชาคมในฐานะผู้ช่วยงานรับใช้หรือผู้ปกครอง.—อ่าน 1 ติโมเธียว 3:4, 5, 12
16 พระยะโฮวาทรงพอพระทัยเมื่อสมาชิกในครอบครัวคริสเตียนร่วมมือกัน. (เอเฟ. 3:14, 15) หัวหน้าครอบครัวต้องมีความสมดุลเพื่อจะทำหน้าที่รับผิดชอบในประชาคมและปกครองครอบครัวของตน “อย่างดี.” ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ปกครองหรือผู้ช่วยงานรับใช้ต้องศึกษาพระคัมภีร์กับภรรยาและบุตร เพื่อทุกคนจะสามารถได้รับประโยชน์จากการนมัสการประจำครอบครัวทุก ๆ สัปดาห์. เขาควรทำงานรับใช้ในเขตประกาศกับครอบครัวเป็นประจำ. ด้วยเหตุผลเดียวกัน เป็นเรื่องสำคัญที่สมาชิกในครอบครัวจะร่วมมือกับความพยายามของหัวหน้าครอบครัว.
คุณจะรับใช้อีกครั้งได้ไหม?
17, 18. (ก) ถ้าพี่น้องชายคนหนึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติจะทำหน้าที่ในประชาคมอีกต่อไป เขาอาจจำเป็นต้องทำอะไร? (ข) พี่น้องชายที่เมื่อก่อนเคยรับใช้เป็นผู้ปกครองหรือผู้ช่วยงานรับใช้ควรมีทัศนะอย่างไร?
17 อาจเป็นได้ว่าเมื่อก่อนคุณเคยเป็นผู้ปกครองหรือผู้ช่วยงานรับใช้ แต่ไม่ได้รับใช้ในหน้าที่นั้น ณ เวลานี้. คุณรักพระยะโฮวาและคุณมั่นใจได้ว่าพระองค์ยังคงใฝ่พระทัยคุณ. (1 เป. 5:6, 7) คุณได้รับคำแนะนำให้ปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างไหม? จงเต็มใจยอมรับข้อผิดพลาดและพยายามแก้ไขเรื่องนั้นโดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้า. ระวังอย่าให้ความรู้สึกขมขื่นเข้าครอบงำ. จงมีปัญญา และแสดงทัศนะในแง่บวก. ผู้ปกครองคนหนึ่งซึ่งเคยรับใช้ในหน้าที่นี้ หลายปีแต่สูญเสียสิทธิพิเศษในการรับใช้นี้ไปกล่าวว่า “ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรักษามาตรฐานไว้ในระดับเดิม ทั้งเรื่องการเข้าร่วมประชุม, การประกาศ, และการอ่านคัมภีร์ไบเบิล เหมือนในตอนที่ผมรับใช้เป็นผู้ปกครอง และผมก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้. ผมได้เรียนรู้ที่จะอดทนด้วยเพราะผมคิดว่าผมคงจะได้รับสิทธิพิเศษกลับคืนมาภายในปีสองปี แต่ผมต้องรอเกือบเจ็ดปี กว่าจะได้รับใช้เป็นผู้ปกครองอีกครั้งหนึ่ง. ในช่วงที่รออยู่นั้น คำพูดที่กระตุ้นหนุนใจว่าอย่าท้อแท้แต่ให้พยายามต่อ ๆ ไปช่วยผมอย่างมาก.”
18 ถ้าคุณเป็นพี่น้องชายที่อยู่ในสถานการณ์อย่างที่พรรณนาไปแล้ว ขออย่าได้ท้อใจ. จงใคร่ครวญถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงอวยพรงานรับใช้ของคุณและครอบครัวในตอนนี้. จงเสริมสภาพฝ่ายวิญญาณของครอบครัวให้แข็งแรง, เยี่ยมพี่น้องที่ป่วย, และหนุนใจคนที่อ่อนแอ. เหนือสิ่งอื่นใด จงเห็นค่าและทะนุถนอมสิทธิพิเศษของคุณในการสรรเสริญพระเจ้าและประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรในฐานะพยานพระยะโฮวาคนหนึ่ง. *—เพลง. 145:1, 2; ยซา. 43:10-12
จงพิจารณาอีกครั้ง
19, 20. (ก) ผู้ชายทุกคนที่รับบัพติสมาแล้วได้รับการกระตุ้นให้ทำอะไร? (ข) บทความถัดไปจะพิจารณาเรื่องอะไร?
19 ในสมัยนี้มีความจำเป็นต้องมีผู้ดูแลและผู้ช่วยงานรับใช้มากยิ่งกว่าสมัยใด ๆ ในอดีต. เราจึงขอกระตุ้นผู้ชายที่รับบัพติสมาแล้วทุกคนให้พิจารณาสภาพการณ์ของตัวเองอีกครั้งและถามตัวเองว่า ‘ถ้าผมไม่ได้เป็นผู้ช่วยงานรับใช้หรือผู้ปกครอง มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมไม่ได้รับใช้ในหน้าที่นั้น?’ จงให้พระวิญญาณของพระเจ้าช่วยคุณให้มีทัศนะที่ถูกต้องในเรื่องที่สำคัญนี้.
20 สมาชิกทุกคนในประชาคมจะได้รับประโยชน์จากความพยายามอย่างไม่เห็นแก่ตัวซึ่งแสดงถึงความเลื่อมใสในพระเจ้าของเพื่อนร่วมความเชื่อ. เมื่อเราลงมือกระทำอย่างกรุณาและไม่เห็นแก่ตัว เราจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความยินดีซึ่งเกิดจากการรับใช้ผู้อื่นและการหว่านเพื่อจะได้พระวิญญาณ. แต่ดังที่บทความถัดไปจะแสดงให้เห็น เราต้องไม่ทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าโศกเศร้า. เราจะหลีกเลี่ยงการทำอย่างนั้นได้โดยวิธีใด?
[เชิงอรรถ]
คุณจะตอบอย่างไร?
• คำพยากรณ์ที่มีคา 5:5 รับรองกับเราในเรื่องใด?
• จงอธิบายว่าน้ำใจเสียสละเกี่ยวข้องกับอะไร.
• คนเราจะพัฒนาความปรารถนาที่จะรับใช้คนอื่น ๆ ได้โดยวิธีใด?
• ความร่วมมือของคนในครอบครัวสำคัญเพียงไรถ้าผู้ชายคริสเตียนคนหนึ่งต้องการจะมีคุณสมบัติในการรับใช้เป็นผู้ช่วยงานรับใช้หรือผู้ปกครอง?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 25]
คุณสามารถทำอะไรในการพยายามเพื่อจะได้ทำหน้าที่?