จงแสวงหาความสดชื่นในสิ่งฝ่ายวิญญาณ
จงแสวงหาความสดชื่นในสิ่งฝ่ายวิญญาณ
“จงรับแอกของเราแบกไว้ . . . แล้วเจ้าทั้งหลายจะสดชื่น.”—มัด. 11:29
1. พระเจ้าทรงโปรดให้มีการจัดเตรียมอะไร ณ ภูเขาไซนาย และเพราะเหตุใด?
เมื่อสัญญาแห่งพระบัญญัติเริ่มใช้เป็นครั้งแรกที่ภูเขาไซนาย สิ่งที่รวมอยู่ด้วยในสัญญานี้ก็คือการถือซะบาโตประจำสัปดาห์. พระยะโฮวาทรงมีพระบัญชาแก่ชาติอิสราเอลโดยทางโมเซว่า “จงทำการงานของเจ้าหกวันแต่ในวันที่เจ็ดนั้นจงหยุดงานเพื่อโคลาของเจ้าจะได้พักและลูกชายทาสีของเจ้ากับคนต่างด้าวจะได้พักผ่อนให้สดชื่นด้วย.” (เอ็ก. 23:12, ฉบับ R73) เนื่องจากทรงคำนึงถึงคนที่อยู่ใต้พระบัญญัติ พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมวันหนึ่งไว้ด้วยความรักให้ประชาชน “ได้พักผ่อนให้สดชื่น.”
2. ชาติอิสราเอลได้รับประโยชน์อย่างไรจากการถือซะบาโต?
2 วันซะบาโตเป็นเพียงวันพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้นไหม? ไม่เลย เพราะวันนี้เป็นส่วนสำคัญในการนมัสการพระยะโฮวาของชาวอิสราเอล. การถือซะบาโตทำให้หัวหน้าครอบครัวมีเวลาสอนครอบครัว ‘ให้ดำเนินตามแนวทางของพระยะโฮวาเพื่อจะทำการชอบธรรม.’ (เย. 18:19, ล.ม.) การถือซะบาโตยังทำให้ครอบครัวและมิตรสหายได้มีโอกาสพบปะกันเพื่อจะใคร่ครวญเกี่ยวกับพระหัตถกิจของพระยะโฮวาและมีการคบหาสมาคมที่น่ายินดี. (ยซา. 58:13, 14) ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ซะบาโตเป็นภาพพยากรณ์ที่ชี้ถึงเวลาเมื่อจะมีความสดชื่นอย่างแท้จริงโดยทางการปกครองของพระคริสต์ในรัชสมัยพันปี. (โรม 8:21) แต่จะว่าอย่างไรสำหรับสมัยของเรา? คริสเตียนแท้ซึ่งฝักใฝ่ในแนวทางของพระยะโฮวาจะพบความสดชื่นเช่นนั้นได้จากที่ไหน และอย่างไร?
พบความสดชื่นจากการคบหาสมาคมกับเพื่อนคริสเตียน
3. คริสเตียนในศตวรรษแรกเกื้อหนุนกันอย่างไร และผลเป็นเช่นไร?
3 อัครสาวกเปาโลพรรณนาถึงประชาคมคริสเตียนว่าเป็น “หลักและรากแห่งความจริง.” (1 ติโม. 3:15) คริสเตียนในยุคแรกได้รับการเกื้อหนุนอย่างมากจากการหนุนใจกันและการส่งเสริมกันให้เจริญขึ้นด้วยความรัก. (เอเฟ. 4:11, 12, 16) ขณะที่อยู่ในเมืองเอเฟโซส์ เปาโลได้รับการหนุนใจจากการเยี่ยมของพี่น้องประชาคมโครินท์. ขอให้สังเกตว่าการเยี่ยมนั้นก่อผลอย่างไร. เปาโลกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ายินดีที่สเตฟานัส ฟอร์ทูนาทุส และอะคาอิคุสมาหา เพราะพวกเขาทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจ.’ (1 โค. 16:17, 18) คล้ายกัน หลังจากที่ทิทุสไปรับใช้พี่น้องที่เมืองโครินท์ เปาโลเขียนไปหาประชาคมนี้ว่า “พวกท่านทุกคนทำให้เขามีใจชื่นบาน.” (2 โค. 7:13) ในทุกวันนี้ก็เช่นกัน พยานพระยะโฮวาพบความสดชื่นอย่างแท้จริงจากมิตรภาพที่ส่งเสริมกันให้เจริญในหมู่คริสเตียน.
4. การประชุมประจำประชาคมทำให้เราสดชื่นอย่างไร?
4 จากประสบการณ์ คุณรู้ว่าการประชุมประจำประชาคมให้ความสดชื่นอย่างมากมาย. ที่นั่น เรา “หนุนกำลังใจกันโดยความเชื่อของทั้งสองฝ่าย.” (โรม 1:12) พี่น้องคริสเตียนของเราไม่ได้เป็นเพียงคนที่รู้จักแต่เพียงผิวเผินซึ่งพบหน้ากันบ้างเป็นครั้งคราว. พวกเขาเป็นเพื่อนแท้ เป็นคนที่เรารักและนับถือ. เราได้รับความยินดีและกำลังใจอย่างมากจากการร่วมประชุมด้วยกันกับพวกเขาเป็นประจำ.—ฟิเล. 7
5. เราจะให้ความสดชื่นแก่กันและกันได้อย่างไรในการประชุมหมวดและการประชุมภาค?
2 โค. 6:12, 13) แต่จะว่าอย่างไรถ้าเราขี้อายและรู้สึกว่าการพบปะพูดคุยกับคนอื่น ๆ เป็นเรื่องยาก? วิธีหนึ่งที่เราจะคุ้นเคยกับพี่น้องของเราก็คือการเสนอตัวเราเองทำงานต่าง ๆ ในการประชุมใหญ่. หลังจากที่ได้ช่วยงานในการประชุมนานาชาติ พี่น้องหญิงคนหนึ่งกล่าวว่า “นอกจากครอบครัวและเพื่อน ๆ อีกแค่ไม่กี่คน ดิฉันไม่รู้จักใครอีกเลย. แต่เมื่อดิฉันช่วยทำความสะอาด ดิฉันได้พบกับพี่น้องมากมาย! ดิฉันสนุกมากเลย!”
5 การประชุมภาคและการประชุมหมวดซึ่งมีเป็นประจำทุกปีเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เราสดชื่น. นอกจากจะให้น้ำแห่งความจริงจากคัมภีร์ไบเบิลพระคำของพระเจ้าแก่เราแล้ว การประชุมใหญ่เหล่านี้ยังทำให้เรามีโอกาส “เปิดใจให้กว้าง” เพื่อจะคบหาสมาคมกับพี่น้องคนอื่น ๆ ด้วย. (6. วิธีหนึ่งที่เราสามารถได้รับความสดชื่นขณะพักร้อนคืออะไร?
6 ชาวอิสราเอลในสมัยโบราณเดินทางไปนมัสการที่กรุงเยรูซาเลมในเทศกาลต่าง ๆ ปีละสามครั้ง. (เอ็ก. 34:23) สำหรับหลายคน นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องทิ้งไร่นาและร้านค้าแล้วก็เดินทางด้วยเท้าเป็นเวลาหลายวันไปตามถนนที่เต็มด้วยฝุ่น. ถึงกระนั้น เมื่อพวกเขาไปถึงพระวิหารและเห็นคนที่อยู่ที่นั่น “สรรเสริญพระยะโฮวา” พวกเขาก็มี “ใจโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง.” (2 โคร. 30:21) ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาหลายคนในทุกวันนี้ก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งคล้าย ๆ กันนั้นเมื่อพวกเขาเดินทางไปเยี่ยมเบเธล สำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวา ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากบ้านของพวกเขา. ในการพักร้อนของครอบครัวครั้งถัดไป คุณจะรวมการเยี่ยมเบเธลไว้ในแผนการเดินทางของคุณได้ไหม?
7. (ก) การสังสรรค์เป็นประโยชน์อย่างไร? (ข) อะไรอาจช่วยให้การสังสรรค์น่าจดจำและเสริมสร้างความสัมพันธ์?
7 การสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อน ๆ ทำให้เราสดชื่นได้ด้วย. กษัตริย์โซโลมอนผู้ฉลาดสุขุมกล่าวว่า “สำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอะไรจะดีไปกว่าจะกินและดื่มกับทำใจของเขาให้ชื่นชมสนุกสนานในการงานของตน.” (ผู้ป. 2:24) การสังสรรค์ไม่เพียงทำให้เราสดชื่น แต่ยังทำให้มีความรักความผูกพันกับเพื่อนคริสเตียนมากขึ้นขณะที่เรารู้จัก พวกเขาดีขึ้น. เพื่อช่วยให้โอกาสนั้นน่าจดจำและเสริมสร้างความสัมพันธ์ ควรจัดการสังสรรค์เป็นกลุ่มเล็ก ๆ และให้มีคนที่คอยควบคุมดูแล โดยเฉพาะถ้ามีการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์.
การรับใช้ทำให้สดชื่น
8, 9. (ก) จงบอกความแตกต่างระหว่างข่าวสารที่พระเยซูประกาศกับกฎที่พวกอาลักษณ์และฟาริซายตั้ง. (ข) เราได้รับประโยชน์อย่างไรจากการประกาศความจริงในคัมภีร์ไบเบิล?
8 พระเยซูทรงมีใจแรงกล้าในการรับใช้ และพระองค์ทรงสนับสนุนเหล่าสาวกให้มีใจแรงกล้าแบบเดียวกัน. เรื่องนี้เห็นได้จากคำตรัสของพระองค์ที่ว่า “การเกี่ยวเป็นงานใหญ่ แต่คนงานมีน้อย. ฉะนั้น จงขอเจ้าของงานเกี่ยวให้ส่งคนงานออกไปในงานเกี่ยวของพระองค์.” (มัด. 9:37, 38) ข่าวสารที่พระเยซูทรงประกาศนั้นทำให้สดชื่นอย่างแท้จริง เพราะเป็น “ข่าวดี.” (มัด. 4:23; 24:14) ข่าวดีนี้นับว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับกฎต่าง ๆ อันเป็นภาระหนักที่พวกฟาริซายยัดเยียดให้ประชาชน.—อ่านมัดธาย 23:4, 23, 24
9 เมื่อบอกข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรแก่คนอื่น ๆ เราให้ความสดชื่นฝ่ายวิญญาณแก่พวกเขา และในขณะเดียวกันเราเองก็จะมีความเข้าใจและเห็นคุณค่ามากขึ้นในความจริงที่อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวไว้อย่างเหมาะเจาะว่า “จงถวายความสรรเสริญแก่พระยะโฮวา; เพราะการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของพวกข้าพเจ้าเป็นการดี; ด้วยการถวายความสรรเสริญนั้นเป็นที่สำราญใจ.” (เพลง. 147:1) คุณจะเพิ่มความยินดีในการสรรเสริญพระยะโฮวาเมื่อประกาศแก่เพื่อนบ้านได้ไหม?
10. ความสำเร็จในงานรับใช้ขึ้นอยู่กับการที่ผู้คนตอบรับข่าวสารของเราไหม? จงอธิบาย.
10 จริงอยู่ ในบางเขตประชาชนตอบรับข่าวดีมากกว่าเขตอื่น ๆ. (อ่านกิจการ 18:1, 5-8) ถ้าคุณอาศัยอยู่ในเขตที่มีการตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรไม่มากนัก ขอให้พยายามมองไปยังส่วนดีที่คุณกำลังทำให้สำเร็จในงานรับใช้. จำไว้ว่าความพยายามอย่างต่อเนื่องของคุณในการประกาศพระนามพระยะโฮวาจะไม่ไร้ประโยชน์. (1 โค. 15:58) นอกจากนั้น ความสำเร็จในงานรับใช้ของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่ผู้คนตอบรับข่าวดี. เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาทรงเป็นผู้ชักนำประชาชนที่มีหัวใจสุจริตเข้ามาหาพระองค์ และคนเหล่านี้จะมีโอกาสได้ตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร.—โย. 6:44
การนมัสการประจำครอบครัวทำให้สดชื่น
11. พระยะโฮวาประทานหน้าที่รับผิดชอบอะไรแก่พ่อแม่ และพวกเขาจะทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จได้อย่างไร?
11 พ่อแม่ที่ยำเกรงพระเจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการสอนลูกเกี่ยวกับพระยะโฮวาและแนวทางของพระองค์. (บัญ. 11:18, 19) ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณกำหนดตารางเวลาไว้ไหมเพื่อจะสอนลูกเกี่ยวกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์ของเราผู้เปี่ยมด้วยความรัก? เพื่อช่วยคุณให้ทำหน้าที่รับผิดชอบสำคัญนี้และดูแลความจำเป็นของครอบครัว พระยะโฮวาทรงจัดให้มีอาหารฝ่ายวิญญาณที่ดีอย่างมากมายโดยทางหนังสือ, วารสาร, วีดิทัศน์, และสื่อบันทึกเสียง.
12, 13. (ก) ครอบครัวอาจได้รับประโยชน์อย่างไรจากการนมัสการประจำครอบครัวในตอนเย็น? (ข) พ่อแม่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าการนมัสการประจำครอบครัวทำให้ทุกคนสดชื่น?
12 นอกจากนั้น ชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุมได้จัดเตรียมให้มีการนมัสการประจำครอบครัวในตอนเย็น. การจัดเตรียมนี้คือการที่แต่ละครอบครัวจะจัดเย็นวันหนึ่งในแต่ละสัปดาห์ไว้เพื่อศึกษาคัมภีร์ไบเบิลประจำครอบครัว. หลายคนพบว่าการจัดเตรียมนี้ทำให้พวกเขามีความรักและความใกล้ชิดกันมากขึ้น และทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเขากับพระยะโฮวาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น. แต่พ่อแม่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าการนมัสการประจำครอบครัวทำให้ทุกคนได้รับความสดชื่นฝ่ายวิญญาณ?
13 การนมัสการประจำครอบครัวในตอนเย็นไม่ควรเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อและเคร่งเครียด. อันที่จริง เรานมัสการ “พระเจ้าผู้มีความสุข” และพระองค์ทรงประสงค์ให้เรานมัสการพระองค์ด้วยความยินดี. (1 ติโม. 1:11; ฟิลิป. 4:4) การจัดเย็นวันหนึ่งไว้เป็นพิเศษเพื่อพิจารณาความจริงอันล้ำค่าจากคัมภีร์ไบเบิลนับเป็นพระพรอย่างแท้จริง. พ่อแม่สามารถปรับเปลี่ยนวิธีที่ใช้สอนลูกได้ตามความเหมาะ สม โดยใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์. ตัวอย่างเช่น ครอบครัวหนึ่งให้แบรนดอน ลูกชายวัยสิบขวบ รายงานในเรื่อง “ทำไมคัมภีร์ไบเบิลเรียกซาตานว่าเป็นงู?” เนื่องจากแบรนดอนชอบงู เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ. เขารู้สึกหงุดหงิดที่งูมีความเกี่ยวข้องกับซาตาน. ในบางโอกาส บางครอบครัวจัดให้มีการแสดงละครที่อาศัยเรื่องจากพระคัมภีร์. สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวอาจแสดงบทบาทของใครคนหนึ่งด้วยการอ่านบทพูดของคนนั้นจากพระคัมภีร์ หรืออาจแสดงละครเกี่ยวกับเหตุการณ์หนึ่งที่อยู่ในพระคัมภีร์. วิธีสอนแบบนี้ไม่ได้ให้แค่ความสนุกสนานแต่ทำให้ลูกมีส่วนร่วม เพื่อให้หลักการในคัมภีร์ไบเบิลเข้าถึงหัวใจของพวกเขา. *
จงหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจถ่วงคุณไว้
14, 15. (ก) ความเครียดและความรู้สึกไม่ปลอดภัยมีเพิ่มขึ้นอย่างไรในสมัยสุดท้ายนี้? (ข) เราอาจเผชิญกับความเครียดอะไรที่เพิ่มเข้ามา?
14 ความเครียดและความรู้สึกไม่ปลอดภัยมีเพิ่มขึ้นในสมัยสุดท้ายของระบบชั่วนี้. การว่างงานและความลำบากทางเศรษฐกิจทำให้หลายล้านคนได้รับผลกระทบ. แม้แต่คนที่มีงานทำก็มักรู้สึกว่าเงินที่เขาอุตส่าห์หามาได้นั้นเหมือนใส่ไว้ในกระเป๋าก้นรั่ว ครอบครัวจึงได้รับประโยชน์เพียงน้อยนิด. (เทียบกับฮาฆี 1:4-6) นักการเมืองและผู้นำด้านอื่น ๆ ดูเหมือนอับจนหนทางเมื่อพวกเขาพยายามรับมือกับการก่อการร้ายและแหล่งที่มาของความชั่วร้ายอื่น ๆ. หลายคนทุกข์ใจเพราะข้อบกพร่องของตัวเอง.—เพลง. 38:4
15 คริสเตียนแท้ต้องประสบกับปัญหาและความกดดันที่มาจากระบบของซาตานเหมือนกับคนอื่น ๆ. (1 โย. 5:19) ในบางกรณี เหล่าสาวกของพระคริสต์อาจเผชิญกับความเครียดที่เพิ่มเข้ามาเมื่อพวกเขาพยายามรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา. พระเยซูตรัสว่า “ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา พวกเขาก็จะข่มเหงพวกเจ้าด้วย.” (โย. 15:20) อย่างไรก็ตาม แม้แต่เมื่อ “เราถูกข่มเหง” เราก็ “ไม่ถูกทอดทิ้ง.” (2 โค. 4:9) เหตุใดจึงเป็นอย่างนั้น?
16. อะไรอาจช่วยเราได้ให้รักษาความยินดี?
16 พระเยซูตรัสว่า “เจ้าทั้งหลายที่ตรากตรำและมีภาระมากจงมาหาเราเถิด แล้วเราจะทำให้เจ้าทั้งหลายสดชื่น.” (มัด. 11:28) โดยมีความเชื่อเต็มเปี่ยมในการจัดเตรียมเกี่ยวกับค่าไถ่ของพระคริสต์ อาจกล่าวโดยนัยได้ว่าเราฝากตัวเราเองไว้ในพระหัตถ์ของพระยะโฮวา. โดยวิธีนี้ เราได้รับ “กำลังที่มากกว่าปกติ.” (2 โค. 4:7) “ผู้ช่วย” ซึ่งก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เสริมความเชื่อของเราอย่างมากจนเราไม่เพียงแต่สามารถอดทนความทุกข์ลำบากเท่านั้น แต่ยังรักษาความยินดีได้ด้วย.—โย. 14:26; ยโก. 1:2-4
17, 18. (ก) เราจำเป็นต้องระวังน้ำใจแบบใด? (ข) ผลจะเป็นเช่นไรถ้าเราเน้นในเรื่องความเพลิดเพลินทางโลก?
17 คริสเตียนแท้ในทุกวันนี้จำเป็นต้องระวังไม่รับอิทธิพลมากเกินไปจากน้ำใจของโลกที่คลั่งไคล้ความเพลิดเพลิน. (อ่านเอเฟโซส์ 2:2-5) มิฉะนั้นเราอาจติดกับดักของ “ความปรารถนาทางกาย ความปรารถนาทางตา หรือการโอ้อวดทรัพย์สมบัติ.” (1 โย. 2:16) หรือเราอาจเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าการสนองความปรารถนาทางกายจะทำให้สดชื่น. (โรม 8:6) ตัวอย่างเช่น บางคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดและการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างผิด ๆ, สื่อลามก, กีฬาผาดโผน, หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมายเพื่อจะได้ความตื่นเต้น. “กลอุบาย” ของซาตานมุ่งจะชักนำคนเราไปในทางผิดด้วยการทำให้เรามีแนวคิดที่ไม่ถูกต้องในเรื่องความสดชื่น.—เอเฟ. 6:11
18 จริงอยู่ ไม่ผิดที่จะกิน, ดื่ม, และเข้าร่วมในนันทนาการที่ดีงามทั้งหลายเมื่อทำอย่างพอเหมาะ. กระนั้น เราไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องหลักในชีวิตของเรา. ความสมดุลและการควบคุมตนเองเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้. การแสวงหาเพื่อตนเองอาจถ่วงเราไว้จนเรากลายเป็นคนที่ “อยู่เฉย ๆ หรือไม่ใช้ความรู้ถ่องแท้ในเรื่องพระเยซูคริสต์เจ้าของเราให้เกิดผล.”—19, 20. เราจะพบความสดชื่นแท้ได้อย่างไร?
19 เมื่อเราปรับความคิดของเราให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของพระยะโฮวา เราตระหนักว่าความเพลิดเพลินที่โลกนี้เสนอให้ไม่ยั่งยืน. โมเซตระหนักเช่นนั้น และเราก็เช่นกัน. (ฮีบรู 11:25) ข้อเท็จจริงก็คือ ความสดชื่นแท้ซึ่งทำให้ยินดีอย่างลึกซึ้งและยาวนานเกิดมาจากการทำตามพระประสงค์ของพระบิดาฝ่ายสวรรค์.—มัด. 5:6
20 ขอให้เราแสวงหาความสดชื่นจากสิ่งฝ่ายวิญญาณต่อ ๆ ไป. โดยทำอย่างนั้น เรา “ปฏิเสธการกระทำที่ดูหมิ่นพระเจ้าและความปรารถนาแบบโลก . . . ขณะที่เราคอยท่าความหวังที่น่ายินดีและการสำแดงสง่าราศีของพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งและของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา คือพระคริสต์เยซู.” (ทิทุส 2:12, 13) ดังนั้น ให้เราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะรับเอาแอกของพระเยซูด้วยการยอมอยู่ใต้อำนาจและทำตามการชี้นำของพระองค์เสมอไป. โดยทำอย่างนั้น เราจะพบความสุขและความสดชื่นอย่างแท้จริง!
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 13 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีทำให้การศึกษาครอบครัวน่าสนใจและให้ความรู้ โปรดดูพระราชกิจของเรา เดือนธันวาคม 1990 หน้า 2-3.
คุณจะตอบอย่างไร?
• ประชาชนของพระยะโฮวาพบความสดชื่นอย่างไรในปัจจุบัน?
• งานรับใช้ทำให้เราและคนที่เราพูดคุยด้วยสดชื่นอย่างไร?
• หัวหน้าครอบครัวสามารถทำอะไรเพื่อจะแน่ใจว่าการนมัสการประจำครอบครัวทำให้ทุกคนสดชื่น?
• มีอะไรบ้างที่ถ่วงเราไว้ในเรื่องการนมัสการ?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 26]
ด้วยการรับเอาแอกของพระเยซู เราพบแหล่งแห่งความสดชื่นมากมาย