พบความปลอดภัยและการปกป้องในหมู่ประชาชนของพระเจ้า
พบความปลอดภัยและการปกป้องในหมู่ประชาชนของพระเจ้า
“ข้าพระองค์จะโมทนาพระคุณพระองค์ในที่ชุมนุมใหญ่.”—เพลง. 35:18, ฉบับ R73
1-3. (ก) อะไรอาจชักนำคริสเตียนบางคนให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายฝ่ายวิญญาณ? (ข) ประชาชนของพระเจ้าสามารถได้รับการปกป้องเมื่ออยู่ที่ไหน?
ในช่วงที่ไปพักร้อน โจกับภรรยาดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นเขตร้อนซึ่งมีปลาหลากสีสันหลายขนาดแหวกว่ายอยู่มากมาย. ทั้งสองว่ายไกลออกไปอีกหน่อยหนึ่งเพื่อจะชื่นชมกับแนวปะการังที่อยู่เบื้องล่างได้มากขึ้น. เมื่อถึงจุดหนึ่งที่พื้นมหาสมุทรยุบตัวกลายเป็นหุบเหวลึกสีน้ำเงินคราม ภรรยาของโจพูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่าเรามาไกลไปแล้วล่ะ.” “ใจเย็น ๆ” โจตอบ. “ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่.” ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็สงสัยว่า ‘เอ๊ ปลามันหายไปไหนกันหมดนะ?’ และแล้วด้วยความสยองขวัญเขาก็เห็นว่าอะไรคือสาเหตุ. ฉลามตัวหนึ่งกำลังว่ายรี่เข้ามาหาเขาจากเขตน้ำลึก. นาทีนั้น เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอมันโจมตีเท่านั้น. เมื่อฉลามอยู่ห่างจากเขาราว ๆ เมตรหนึ่ง มันก็เบนหัวเปลี่ยนทิศทางแล้วก็ว่ายหายลับไป.
2 คริสเตียนอาจหลงใหลในสิ่งที่ดึงดูดใจในระบบของซาตาน เช่น ความบันเทิง, งาน, ทรัพย์สมบัติ จนไม่ตระหนักว่าเขากำลังถลำลึกเข้าไปในเขตน่านน้ำที่อันตราย. โจ ซึ่งเป็นคริสเตียนผู้ปกครอง กล่าวว่า “ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมได้ข้อคิดเกี่ยวกับการคบหาสมาคมของเรา. จงว่ายอยู่ในเขตที่ปลอดภัยและทำให้ชื่นชมยินดี คือในประชาคม!” อย่าว่ายเข้าไปในเขตน้ำลึก ซึ่งเป็นที่ที่คุณอาจอยู่โดดเดี่ยวและประสบอันตรายฝ่ายวิญญาณ. ถ้าคุณรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในที่อันตรายอย่างนั้น จงหันกลับมายัง ‘น่านน้ำที่ปลอดภัย’ ทันที. มิฉะนั้น คุณอาจเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายฝ่ายวิญญาณ.
3 ปัจจุบัน โลกเป็นสถานที่อันตรายสำหรับคริสเตียน. (2 ติโม. 3:1-5) ซาตานรู้ว่าวันเวลาของมันเหลือน้อย และมันเที่ยวหาคนที่ไม่ตื่นตัวเพื่อจะขม้ำกินเสีย. (1 เป. 5:8; วิ. 12:12, 17) อย่างไรก็ตาม เราได้รับการปกป้อง. พระยะโฮวาทรงจัดที่คุ้มภัยให้ประชาชนของพระองค์ได้รับความปลอดภัยฝ่ายวิญญาณ ซึ่งก็คือประชาคมคริสเตียนนั่นเอง.
4, 5. ผู้คนจำนวนมากรู้สึกอย่างไรในเรื่องอนาคตของพวกเขา และเพราะเหตุใด?
4 สังคมโลกนี้ให้ความปลอดภัยและการปกป้องได้ไม่มาก—ไม่ว่าจะทางกายหรือทางอารมณ์. หลายคนรู้สึกว่าความปลอดภัยในชีวิตของตนถูกคุกคามด้วยอาชญากรรม, ความรุนแรง, ค่าครองชีพที่สูงขึ้น, และแม้แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อม. ทุกคนเผชิญปัญหาในเรื่องอายุที่มากขึ้นและปัญหาสุขภาพ. แม้แต่คนที่มีงาน, มีบ้าน, มีฐานะการเงินดี, และมีสุขภาพดีพอสมควรก็อาจสงสัยว่าสิ่งเหล่านี้จะอยู่กับพวกเขาได้นานแค่ไหน.
5 ผู้คนมากมายไม่มีความมั่นคงปลอดภัยทางอารมณ์ด้วย. น่าเศร้า คนจำนวนมากที่หวังจะมีความสงบสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวกลับพบว่าสิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง. ในเรื่องที่เกี่ยวกับการนมัสการ ผู้ไปโบสถ์หลายคนรู้สึกสับสนและหลงทาง และตั้งข้อสงสัยในเรื่องคุณค่าของการชี้นำที่พวกเขาได้รับ. พวกเขารู้สึกอย่างนั้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นการประพฤติที่น่าสงสัยและคำสอนของหัวหน้าศาสนาที่ไม่เป็นตามหลักพระคัมภีร์. ด้วยเหตุนั้น หลายคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะฝากความหวังไว้กับวิทยาศาสตร์หรือไมตรีจิตและความสำนึกที่ดีของเพื่อนมนุษย์. จึงไม่แปลกที่ผู้คน
รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเลย หรือไม่อยากจะคิดมากนักในเรื่องอนาคต.6, 7. (ก) อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ทัศนะของคนที่รับใช้พระเจ้าต่างจากคนที่ไม่ได้รับใช้พระเจ้า? (ข) เราจะพิจารณาอะไร?
6 ทัศนะของคนที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมคริสเตียนช่างต่างกันจริง ๆ กับคนที่ไม่ได้เป็น! แม้ว่าพวกเราที่เป็นประชาชนของพระยะโฮวาต้องเผชิญกับประเด็นและปัญหาต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่เพื่อนบ้านของเราเผชิญ แต่ปฏิกิริยาของเราต่างจากพวกเขา. (อ่านยะซายา 65:13, 14; มาลาคี 3:18) เพราะเหตุใด? เพราะเราพบว่าคัมภีร์ไบเบิลมีคำอธิบายที่น่าพอใจเกี่ยวกับสภาพการณ์ที่มนุษย์เราประสบอยู่ และเราได้รับความช่วยเหลือให้พร้อมจะรับมือกับข้อท้าทายและปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต. ผลก็คือ เราไม่กังวลเกินไปในเรื่องอนาคต. การเป็นผู้นมัสการพระยะโฮวาทำให้เราได้รับการปกป้องไว้จากการหาเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นและไม่เป็นตามหลักพระคัมภีร์, การทำผิดศีลธรรม, และผลเสียหายของสิ่งเหล่านั้น. สมาชิกประชาคมคริสเตียนจึงมีความสงบใจที่คนอื่น ๆ ไม่มี.—ยซา. 48:17, 18; ฟิลิป. 4:6, 7
7 มีบางตัวอย่างที่อาจช่วยเราใคร่ครวญว่าคนที่รับใช้พระยะโฮวาได้รับความปลอดภัยอย่างไรเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับใช้พระยะโฮวา. ตัวอย่างเหล่านี้อาจกระตุ้นเราให้ตรวจสอบการหาเหตุผลและการกระทำของเราเอง และพิจารณาว่าเราจะใช้คำแนะนำของพระเจ้าเต็มที่ยิ่งขึ้นได้หรือไม่ โดยสำนึกว่าพระองค์ประทานคำแนะนำนั้นเพื่อปกป้องเรา.—ยซา. 30:21
“เท้าของข้าพเจ้า เกือบเดินออกนอกทาง”
8. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต้องทำอะไรอยู่เสมอ?
8 นับตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของประวัติศาสตร์มนุษย์ คนที่เลือกรับใช้และเชื่อฟังพระยะโฮวาพยายามเลี่ยงการคบหาใกล้ชิดกับคนที่ไม่รับใช้พระยะโฮวา. ที่จริง พระยะโฮวาทรงชี้ว่าจะมีความเป็นปฏิปักษ์กันระหว่างบรรดาผู้นมัสการพระองค์กับคนที่ติดตามซาตาน. (เย. 3:15) เนื่องจากยึดมั่นในหลักการของพระเจ้า ประชาชนของพระเจ้าประพฤติปฏิบัติแตกต่างจากคนที่อยู่รอบตัวพวกเขา. (โย. 17:15, 16; 1 โย. 2:15-17) การยึดมั่นในจุดยืนเช่นนั้นไม่ใช่ เรื่องง่ายเสมอไป. ที่จริง บางครั้งผู้รับใช้บางคนของพระยะโฮวาสงสัยว่าแนวทางชีวิตที่เสียสละตนเป็นแนวทางที่ฉลาดสุขุมจริง ๆ หรือไม่.
9. จงพรรณนาถึงความยุ่งยากลำบากใจที่ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญบท 73 ประสบ.
9 ผู้รับใช้คนหนึ่งของพระยะโฮวาซึ่งเกิดสงสัยขึ้นมาว่าเขาได้ตัดสินใจอย่างฉลาดสุขุมแล้วหรือไม่ก็คือผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญบท 73 ซึ่งน่าจะเป็นลูกหลานคนหนึ่งของอาซาฟ. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญผู้นี้ถามว่าเพราะเหตุใดคนชั่วจึงดูเหมือนว่ามักประสบความสำเร็จ, มีความสุข, และเจริญรุ่งเรือง ในขณะที่บางคนที่พยายามรับใช้พระเจ้าต้องทนทุกข์.—อ่านบทเพลงสรรเสริญ 73:1-13
10. เหตุใดประเด็นที่ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญยกขึ้นมาจึงสำคัญสำหรับคุณ?
10 คุณเคยถามตัวเองคล้าย ๆ กับที่ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญบันทึกไว้ไหม? ถ้าคุณเคยถามอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดจนเกินไปหรือคิดว่าคุณขาดความเชื่อ. อันที่จริง ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจำนวนมากรวมถึงบางคนที่พระยะโฮวาทรงใช้ให้เขียนคัมภีร์ไบเบิลมีความคิดคล้าย ๆ กันนี้. (โยบ 21:7-13; เพลง. 37:1; ยิระ. 12:1; ฮบา. 1:1-4, 13) ทุกคนที่ปรารถนาจะรับใช้พระยะโฮวาต้อง เข้าใจและยอมรับคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า การรับใช้และการเชื่อฟังพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดไหม? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ซาตานยกขึ้นมาในสวนเอเดน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสิทธิการปกครองเหนือเอกภพ. (เย. 3:4, 5) ดังนั้น พวกเราทุกคนควรพิจารณาประเด็นที่ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญยกขึ้นมา. เราควรอิจฉาคนชั่วที่โอ้อวดซึ่งดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะไปได้ดีไหม? เราควร “เดินออกนอกทาง” จากการรับใช้พระยะโฮวาและเลียนแบบพวกเขาไหม? (เพลง. 73:2, ล.ม.) แน่นอน นั่นคือสิ่งที่ซาตานอยากให้เราทำ.
11, 12. (ก) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเอาชนะข้อสงสัยได้อย่างไร และเรื่องนี้สอนอะไรแก่เรา? (ข) อะไรช่วยคุณให้ได้ข้อสรุปอย่างเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ?
11 อะไรช่วยให้ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเอาชนะข้อสงสัยดังกล่าว? แม้ว่าท่านยอมรับว่าเกือบจะเดินออกนอกทางแห่งความชอบธรรม แต่ทัศนะของท่านเปลี่ยนไปเมื่อท่านเข้าไปใน “สถานนมัสการของพระเจ้า” ซึ่งก็คือเมื่อท่านติดต่อกับเพื่อนผู้นมัสการพระยะโฮวาคนอื่น ๆ ที่พลับพลาหรือพระวิหารและเมื่อท่านใคร่ครวญถึงพระประสงค์ของพระเจ้า. (เพลง. 73:17, ฉบับ R73) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้มาเข้าใจชัดเจนในตอนนั้นว่าท่านไม่ต้องการประสบผลในบั้นปลายแบบเดียวกับคนที่ทำชั่ว. ท่านมองเห็นได้ว่าแนวทางชีวิตที่พวกเขาเลือกทำให้พวกเขายืนอยู่ใน “ที่ลื่น.” ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเข้าใจว่าทุกคนที่ละทิ้งพระยะโฮวาโดยประพฤติผิดศีลธรรมจะไปถึงจุดจบ “ด้วยเหตุอันน่ากลัวพิลึก” อย่างไม่อาจเลี่ยงได้ แต่คนที่รับใช้พระยะโฮวาจะได้รับการค้ำจุนจากพระองค์. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 73:16-19, 27, 28) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณมองเห็นความจริงของถ้อยคำดังกล่าว. การดำเนินชีวิตเพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายของพระเจ้าอาจดูเหมือนว่าเป็นแนวทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับหลายคน แต่ผลเสียหายที่เกิดจากแนวทางเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้เลย.—กลา. 6:7-9
12 เราอาจเรียนรู้อะไรได้อีกจากประสบการณ์ของผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ? ท่านพบความมั่นคงปลอดภัยและสติปัญญาท่ามกลางประชาชนของพระเจ้า. ท่านเริ่มชักเหตุผลอย่างชัดเจนและถูกต้องเมื่อท่านไปยังสถานที่นมัสการพระยะโฮวา. คล้ายกัน ในทุกวันนี้เราสามารถพบกับผู้ให้คำแนะนำที่ฉลาดสุขุมและรับเอาอาหารฝ่ายวิญญาณที่เป็นประโยชน์ได้ที่การประชุมประจำประชาคม. ดังนั้น ด้วยเหตุผลที่ดี พระยะโฮวาทรงบอกผู้รับใช้ของพระองค์ให้เข้าร่วมการประชุมคริสเตียน. ที่นั่น พวกเขาจะได้รับกำลังใจและจะถูกกระตุ้นให้ประพฤติอย่างฉลาดสุขุม.—ยซา. 32:1, 2; ฮีบรู 10:24, 25
จงเลือกเพื่อนอย่างฉลาดสุขุม
13-15. (ก) ดีนาประสบกับอะไร และเรื่องนี้แสดงให้เห็นอะไร? (ข) เหตุใดการคบหากับเพื่อนคริสเตียนจึงเป็นการป้องกัน?
13 ดีนา ลูกสาวของยาโคบ เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนเอ็ก. 23:23; เลวี. 18:2-25; บัญ. 18:9-12) ขอให้นึกถึงผลเสียหายที่ดีนาได้รับจากการคบหากับคนเหล่านี้.
ที่ประสบความยุ่งยากร้ายแรงเพราะการคบกับเพื่อนที่ไม่นมัสการพระยะโฮวา. บันทึกในเยเนซิศบอกเราว่า เธอชอบคบกับหญิงสาวชาวคะนาอันซึ่งอยู่ในเขตที่ครอบครัวเธออาศัยอยู่. ชาวคะนาอันไม่ได้มีมาตรฐานสูงด้านศีลธรรมเหมือนกับผู้นมัสการพระยะโฮวา. ตรงกันข้าม สิ่งที่นักโบราณคดีค้นพบชี้ว่าแนวทางชีวิตของชาวคะนาอันทำให้แผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่เต็มไปด้วยการไหว้รูปเคารพ, การประพฤติผิดศีลธรรม, การบูชาเพศอันเสื่อมทราม, และความรุนแรง. (14 เซเค็ม ซึ่งเป็นคนในท้องที่นั้นและมีชื่อเสียงว่าเป็น “คนมีหน้ามีตายิ่งกว่าใครในบ้านบิดา” เห็นดีนาเข้า “จึงฉุดนางไปข่มขืน.” (เย. 34:1, 2, 19, ล.ม.) ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าจริง ๆ! คุณคิดว่าดีนาเคยคิดมาก่อนไหมว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับเธอ? อาจเป็นได้ว่าเธอก็เพียงแค่อยากเป็นเพื่อนกับคนหนุ่มสาวในท้องถิ่นที่เธอคิดว่าเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไร. อย่างไรก็ตาม ดีนาเข้าใจผิดถนัด.
15 เรื่องนี้สอนอะไรแก่เรา? เรื่องนี้สอนว่าเราไม่อาจคบกับคนที่ไม่มีความเชื่อแล้วก็หวังว่าจะไม่ได้รับผลเสียหายใด ๆ. พระคัมภีร์กล่าวว่า “การคบหาที่ไม่ดีย่อมทำให้นิสัยดีเสียไป.” (1 โค. 15:33) ในทางตรงกันข้าม การคบกับคนที่มีความเชื่อเหมือนกันกับคุณ, มีมาตรฐานสูงด้านศีลธรรม, และมีความรักต่อพระยะโฮวาช่วยป้องกันคุณไว้. การคบหาสมาคมที่ดีเช่นนั้นจะสนับสนุนคุณให้ประพฤติอย่างฉลาดสุขุม.—สุภา. 13:20
“พระเจ้าทรงชำระ พวกท่านให้สะอาดแล้ว”
16. อัครสาวกเปาโลกล่าวถึงบางคนในประชาคมโครินท์อย่างไร?
16 ประชาคมคริสเตียนได้ช่วยหลายคนชำระตัวเองให้สะอาดด้วยการเลิกทำสิ่งที่เป็นมลทิน. เมื่ออัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายฉบับแรกไปถึงประชาคมในเมืองโครินท์ ท่านให้ข้อสังเกตในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่คริสเตียนที่นั่นได้ทำเพื่อจะดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของพระเจ้า. ตัวอย่างเช่น บางคนเคยเป็นคนผิดประเวณี, ไหว้รูปเคารพ, เล่นชู้, รักร่วมเพศ, ขโมย, เมาเหล้า. เปาโลบอกพวกเขาว่า “แต่ . . . พระเจ้าทรงชำระพวกท่านให้สะอาดแล้ว.”—อ่าน 1 โครินท์ 6:9-11
17. การดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิลทำให้ชีวิตของหลายคนเปลี่ยนไปอย่างไร?
17 คนที่ไม่มีความเชื่อขาดหลักการที่ดีซึ่งช่วยชี้นำ. พวกเขากำหนดแนวทางของตนเอง หรือพวกเขาอาจแค่ปล่อยตัวไปกับแนวทางที่ผิดศีลธรรมในโลกรอบตัว เช่นเดียวกับที่บางคนในเมืองโครินท์โบราณทำก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาเป็นคริสเตียน. (เอเฟ. 4:14) แต่ความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระคำและพระประสงค์ของพระเจ้ามีพลังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตทุกคนที่ทำตามคำแนะนำในพระคัมภีร์ให้ดีขึ้น. (โกโล. 3:5-10; ฮีบรู 4:12) หลายคนในทุกวันนี้ที่เป็นสมาชิกของประชาคมคริสเตียนสามารถบอกคุณได้ว่าก่อนจะเรียนรู้และใช้มาตรฐานอันชอบธรรมของพระยะโฮวา พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างปราศจากการเหนี่ยวรั้งทางศีลธรรม. แต่ในตอนนั้นพวกเขาไม่มีความสุขและไม่อิ่มใจ. เมื่อพวกเขาเริ่มคบหากับประชาชนของพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิล พวกเขาจึงมีความสงบใจ.
18. หญิงสาวคนหนึ่งเคยมีประสบการณ์อะไร และประสบการณ์นั้นพิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริงอะไร?
18 ในทางตรงกันข้าม บางคนที่ในอดีตได้เลือกละทิ้งประชาคมคริสเตียนซึ่งเป็น ‘น่านน้ำที่ปลอดภัย’ ตอนนี้รู้สึกเสียใจอย่างมากที่เคยตัดสินใจอย่างนั้น. พี่น้องหญิงคนหนึ่ง
ซึ่งเราจะเรียกเธอว่าทันยา อธิบายว่าเธอ “โตขึ้นมาโดยมีโอกาสได้เรียนรู้ความจริงพอสมควร” แต่เมื่อเธออายุ 16 ปี เธอทิ้งประชาคมไปและ “มุ่งติดตามสิ่งต่าง ๆ ที่ล่อใจในโลก.” ผลอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเธอก็คือการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และการทำแท้ง. เธอกล่าวว่า “ช่วงสามปีที่ดิฉันออกไปจากประชาคมได้ทำให้เกิดรอยแผลเป็นทางอารมณ์ที่น่าเกลียดซึ่งไม่ยอมหายไปง่าย ๆ. สิ่งหนึ่งที่รบกวนใจดิฉันอยู่ตลอดก็คือการที่ดิฉันฆ่าลูกในท้อง. . . . ดิฉันอยากบอกเยาวชนทุกคนที่อยาก ‘ลิ้มลอง’ โลกนี้แม้แต่แค่ช่วงสั้น ๆ ว่า ‘อย่าลอง!’ มันอาจมีรสชาติดีในตอนแรก แต่มันจะทิ้งรสที่ขมสุด ๆ ติดปากไปอีกนาน. โลกนี้ไม่มีอะไรจะให้หรอกนอกจากความทุกข์. ดิฉันรู้. ดิฉันเคยลิ้มลองมันมาแล้ว. จงอยู่ในองค์การของพระยะโฮวาเสมอ! นี่เป็นแนวทางชีวิตเพียงแนวทางเดียวเท่านั้นที่ทำให้มีความสุข.”19, 20. ประชาคมคริสเตียนให้การปกป้องอะไร และโดยวิธีใด?
19 ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณถ้าคุณละทิ้งประชาคมคริสเตียนที่ให้การปกป้อง. แค่นึกถึงแนวทางชีวิตอันเปล่าประโยชน์ของตนก่อนจะรับความจริงหลายคนก็ขนลุกแล้ว. (โย. 6:68, 69) คุณจะได้รับความปลอดภัยและการปกป้องเสมอให้พ้นจากความโศกเศร้าและความทุกข์ระทมซึ่งมีอยู่ทั่วไปในโลกของซาตานโดยการคบหาอย่างใกล้ชิดกับพี่น้องคริสเตียน. การคบหากับพี่น้องและการเข้าร่วมการประชุมเป็นประจำจะเตือนใจคุณเสมอว่าการทำตามมาตรฐานอันชอบธรรมของพระยะโฮวาเป็นแนวทางที่ฉลาดสุขุมและจะกระตุ้นคุณให้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์. คุณมีเหตุผลมากมายที่จะ ‘โมทนาพระคุณพระยะโฮวาในที่ชุมนุมใหญ่’ เช่นเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ.—เพลง. 35:18, ฉบับ R73
20 แน่นอน มีเหตุผลที่แตกต่างกันไปซึ่งทำให้คริสเตียนทุกคนต้องผ่านช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระเจ้า. พวกเขาอาจเพียงแค่จำเป็นต้องมีใครสักคนช่วยชี้ทางที่ถูกต้องให้. คุณ—อันที่จริง ทุกคนในประชาคม—จะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเพื่อนร่วมความเชื่อในช่วงเวลาที่ยุ่งยากดังกล่าว? บทความถัดไปจะพิจารณาวิธีที่คุณจะสามารถ “ชูใจกันและส่งเสริม” พี่น้องของคุณต่อ ๆ ไป.—1 เทส. 5:11
คุณจะตอบอย่างไร?
• เราเรียนอะไรได้จากประสบการณ์ของผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญบท 73?
• ประสบการณ์ของดีนาสอนอะไรแก่เรา?
• เหตุใดคุณสามารถพบความปลอดภัยและการปกป้องในประชาคมคริสเตียน?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 7]
จงว่ายในที่ที่ปลอดภัย; จงอยู่ในประชาคมเสมอ!