เยาวชนทั้งหลาย—จงต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน
เยาวชนทั้งหลาย—จงต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน
“ให้คำพูดของท่านทั้งหลาย . . . เหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ ท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร.”—โกโล. 4:6
1, 2. เยาวชนจำนวนมากรู้สึกอย่างไรที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ และเพราะเหตุใด?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณไม่เพียงแค่เคยได้ยินวลี “แรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน” แต่รู้จักวลีนี้จากประสบการณ์ของตัวคุณเองด้วย. ไม่คราวใดก็คราวหนึ่ง อาจมีบางคนกระตุ้นคุณให้ทำบางสิ่งที่คุณรู้ว่าผิด. คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น? คริสโตเฟอร์ ซึ่งอายุ 14 ปี กล่าวว่า “บางครั้งผมอยากหายตัวได้ หรือไม่ก็เป็นเหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดไปเลย ผมจะได้ไม่แตกต่างจากคนอื่น ๆ.”
2 คนรุ่นเดียวกันมีอิทธิพลอย่างมากต่อคุณไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น เพราะเหตุใด? อาจเป็นได้ไหมว่าคุณต้องการให้พวกเขายอมรับคุณ? ไม่ผิดที่จะมีความปรารถนาอย่างนั้น. ที่จริง ผู้ใหญ่ก็ต้องการได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างด้วย. ไม่มีใครชอบรสชาติอันขมขื่นของการถูกปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาวหรือผู้สูงอายุ. แต่ตามความเป็นจริงแล้วการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องจะไม่ทำให้เราได้รับการยกย่องจากคนอื่นเสมอไป. แม้แต่พระเยซูก็เคยมีประสบการณ์เช่นนั้น. ถึงกระนั้น พระเยซูทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ. ในขณะที่บางคนติดตามและเป็นสาวกของพระองค์ คนอื่น ๆ ดูถูกพระบุตรของพระเจ้าและ ‘หาได้นับถือพระองค์ไม่.’—ยซา. 53:3
แรงกดดันให้ทำตามคนอื่น ๆ มีพลังขนาดไหน?
3. เพราะเหตุใดจึงไม่ถูกต้องที่คุณจะทำตามมาตรฐานของคนรุ่นเดียวกัน?
3 บางครั้ง คุณอาจถูกล่อใจให้ทำตามมาตรฐานของคนรุ่นเดียวกันเพียงเพราะอยากให้พวกเขาชอบคุณ. การทำอย่างนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง. คริสเตียนไม่ควร ‘เป็นเด็ก ถูกซัดไปซัดมาเหมือนโดนคลื่น.’ (เอเฟ. 4:14) เด็กเล็กอาจถูกคนอื่นโน้มน้าวได้ง่าย. แต่ในฐานะที่เป็นเยาวชน วันหนึ่งคุณก็จะเป็นผู้ใหญ่. ดังนั้น ถ้าคุณเชื่อว่าพระยะโฮวาทรงวางมาตรฐานไว้เพื่อประโยชน์ของคุณ คุณก็ควร ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความเชื่อของคุณจริง ๆ. (บัญ. 10:12, 13) ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้นย่อมเท่ากับว่าคุณเลิกควบคุมชีวิตตัวเอง. อันที่จริง เมื่อคุณยอมแพ้แก่แรงกดดันจากคนอื่น ๆ คุณก็แทบไม่ต่างจากหุ่นที่ถูกเชิด.—อ่าน 2 เปโตร 2:19
4, 5. (ก) อาโรนพ่ายแพ้แก่แรงกดดันอย่างไร และคุณเรียนอะไรได้จากเรื่องนี้? (ข) เพื่อน ๆ ของคุณอาจใช้วิธีอะไรเพื่อกดดันคุณ?
4 ในโอกาสหนึ่ง อาโรนพี่ชายของโมเซพ่ายแพ้แก่แรงกดดันจากคนรอบข้าง. เมื่อชาวอิสราเอลกระตุ้นให้อาโรนสร้างรูปเคารพให้พวกเขากราบไหว้ ท่านยอมทำตาม. อาโรนไม่ใช่คนอ่อนแอ. ก่อนหน้านั้น ท่านเคยยืนเคียงข้างโมเซเมื่อเผชิญหน้ากับฟาโรห์ บุรุษผู้มีอำนาจมากที่สุดในอียิปต์. ในตอนนั้น อาโรนพูดอย่างกล้าหาญและประกาศข่าวสารจากพระเจ้าแก่ฟาโรห์. แต่เมื่อเพื่อนร่วมชาติชาวอิสราเอลกดดันท่าน อาโรนยอมแพ้แก่แรงกดดันนั้น. แรงกดดันจากคนรอบข้างช่างมีพลังมากจริง ๆ! อาโรนรู้สึกว่าการต้านทานกษัตริย์แห่งอียิปต์นั้นทำได้ง่ายกว่าการต้านทานคนชาติเดียวกัน.—เอ็ก. 7:1, 2; 32:1-4
5 จากตัวอย่างของอาโรนเราเห็นว่าแรงกดดันจากคนรอบข้างไม่ได้เกิดขึ้นกับเยาวชนเท่านั้น อีกทั้งไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะกับคนที่มีแนวโน้มจะทำชั่ว. แรงกดดันจากคนรอบข้างอาจส่งผลกระทบแม้แต่ต่อคนที่ต้องการทำสิ่งถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งก็รวมถึงคุณด้วย. เพื่อน ๆ อาจพยายามบีบบังคับให้คุณทำผิดด้วยการท้า, กล่าวหา, หรือเย้ยหยันคุณ. เป็นเรื่องยากที่จะต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันไม่ว่าจะในรูปแบบใด. เพื่อจะต้านทานแรงกดดันนี้ได้ต้องเริ่มด้วยการเสริมความมั่นใจในสิ่งที่คุณเชื่อ.
“จงหมั่นพิสูจน์ยืนยันตัวท่าน”
6, 7. (ก) เหตุใดจึงสำคัญที่คุณจะมั่นใจในความเชื่อของคุณ และคุณจะเสริมความเชื่อได้อย่างไร? (ข) คุณอาจถามตัวเองเช่นไรเพื่อเสริมความเชื่อของคุณให้เข้มแข็ง?
6 เพื่อจะต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันได้ ก่อนอื่นคุณต้องเชื่อมั่นว่าความเชื่อและมาตรฐานที่คุณยึดถือนั้นถูกต้อง. (อ่าน 2 โครินท์ 13:5) ความเชื่อมั่นเช่นนั้นจะช่วยให้คุณมีความกล้า แม้ว่าคุณอาจเป็นคนขี้อาย. (2 ติโม. 1:7, 8) อย่างไรก็ตาม แม้แต่คนที่ตามปกติเป็นคนกล้าก็อาจเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่เขาจะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่เขาเชื่อเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ. ดังนั้น คุณน่าจะพิสูจน์ยืนยันกับตัวเองว่าสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริงมิใช่หรือ? ขอให้เริ่มด้วยการตรวจสอบความเชื่อพื้นฐานก่อน. ตัวอย่างเช่น คุณเชื่อเรื่องพระเจ้าและคุณได้ยินคนอื่นพูดถึงเหตุผลที่พวกเขาเชื่อว่ามีพระเจ้า. ถ้าอย่างนั้น ถามตัวเองดูว่า ‘อะไรทำให้ฉัน เชื่อว่ามีพระเจ้า?’ ที่ถามอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นให้สงสัย แต่เพื่อทำให้คุณมีความเชื่อที่มั่นคงยิ่งขึ้น. ในทำนองเดียวกัน ถามตัว คุณเองว่า ‘ฉันรู้ได้อย่างไรว่าพระคัมภีร์มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า?’ (2 ติโม. 3:16) ‘ทำไมฉันจึงมั่นใจว่านี่เป็น “สมัยสุดท้าย”?’ (2 ติโม. 3:1-5) ‘อะไรทำให้ฉันเชื่อว่ามาตรฐานของพระยะโฮวาเป็นประโยชน์ต่อฉัน?’—ยซา. 48:17, 18
7 คุณอาจลังเลที่จะถามตัวเองอย่างนั้น เพราะกลัวว่าจะตอบไม่ได้. แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เหมือนกับคุณไม่กล้าดูมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่แผงหน้าปัดรถ เพราะกลัวว่าเข็มกำลังชี้อยู่ตรงตำแหน่งที่บอกว่าน้ำมันใกล้ “หมด”! คุณจำเป็นต้องรู้ว่าน้ำมันในถังเหลือน้อยแค่ไหนเพื่อคุณจะลงมือทำอะไรบางอย่างได้. คล้ายกัน คุณจำเป็นต้องรู้ว่าคุณยังขาดความเชื่อในเรื่องใดเพื่อจะได้เสริมความเชื่อในเรื่องนั้นให้เข้มแข็งขึ้น.—กิจ. 17:11
8. จงอธิบายวิธีที่จะทำให้คุณมั่นใจว่าการทำตามคำสั่งของพระเจ้าที่ให้ละเว้นจากการผิดประเวณีเป็นเรื่องฉลาดสุขุม.
8 ขอพิจารณาตัวอย่างหนึ่ง. คัมภีร์ไบเบิลเตือนคุณให้ “หลีกหนีจากการผิดประเวณี.” ถามตัวคุณเองว่า ‘ทำไมจึงฉลาดสุขุมที่ฉันจะทำตามคำเตือนนี้?’ ขอให้คิดถึงสาเหตุที่คนรุ่นเดียวกันกับคุณทำเช่นนั้น. ขอให้ใคร่ครวญด้วยว่าทำไมคนที่ทำผิดประเวณี “ทำบาปต่อกายตนเอง.” (1 โค. 6:18) ทีนี้ลองวิเคราะห์เหตุผล และถามตัวเองว่า ‘แนวทางไหนเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่ควรติดตาม? คุ้มค่าจริง ๆ ไหมที่จะทำผิดในเรื่องเพศ?’ ขอให้คิดต่อไปอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยถามตัวเองว่า ‘ฉันจะรู้สึกอย่างไรถ้าฉันทำผิดศีลธรรมทางเพศ?’ คุณอาจได้รับการยอมรับจากเพื่อนบางคนทันที แต่คุณจะรู้สึกอย่างไรในเวลาต่อมาเมื่ออยู่กับพ่อแม่หรือกับเพื่อนคริสเตียนที่หอประชุมราชอาณาจักร? คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณพยายามอธิษฐานถึงพระเจ้า? คุณพร้อมจริง ๆ หรือที่จะสละฐานะที่สะอาดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพียงเพื่อให้เพื่อนร่วมชั้นพอใจ?
9, 10. การที่คุณเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณเชื่อนั้นถูกต้องจะทำให้มั่นใจมากขึ้นได้อย่างไรเมื่ออยู่กับเพื่อน ๆ?
9 ถ้าคุณเป็นวัยรุ่น คุณอยู่ในช่วงชีวิตที่ “ความสามารถในการใช้เหตุผล” กำลังพัฒนาอย่างมาก. (อ่านโรม 12:1, 2) จงใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อจะคิดอย่างจริงจังว่าการเป็นพยานพระยะโฮวามีความหมายอย่างไรต่อคุณเป็นส่วนตัว. การใคร่ครวญอย่างนี้จะทำให้คุณเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่คุณเชื่อนั้นถูกต้อง. เมื่อคุณเผชิญแรงกดดันจากคนรอบข้าง คุณก็จะต้านทานแรงกดดันนั้นได้ทันทีและด้วยความมั่นใจ. คุณจะรู้สึกเหมือนกับพี่น้องหญิงคนหนึ่งที่กล่าวว่า “เมื่อดิฉันยืนหยัดต้านทานแรงกดดัน สิ่งที่ดิฉันต้องทำก็เพียงแค่บอกให้คนอื่นรู้ว่าดิฉันเป็นใคร. การเป็นพยานฯ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ ‘การนับถือศาสนา’ แต่เป็นแกนกลางของทัศนะ, เป้าหมาย, หลักศีลธรรม, และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของดิฉัน.”
10 เพื่อคุณจะยืนหยัดมั่นคงในเรื่องที่คุณรู้ว่าถูกต้อง ต้องอาศัยความพยายาม. (ลูกา 13:24) และคุณอาจสงสัยว่าคุ้มค่าไหมที่จะพยายามทำอย่างนั้น. จำไว้ว่า ถ้าคุณแสดงท่าทีว่าคุณรู้สึกผิดหรือรู้สึกละอาย คนอื่นก็จะรู้สึกได้ และพวกเขาก็อาจกดดันคุณมากยิ่งขึ้น. แต่ถ้าคุณพูดด้วยความมั่นใจ คุณอาจแปลกใจที่เห็นว่าไม่นานเพื่อน ๆ ก็จะเลิกกดดันคุณ.—เทียบกับลูกา 4:12, 13
“ตรึกตรองก่อนแล้วจึงตอบ”
11. การเตรียมตัวให้พร้อมจะรับมือแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันเป็นประโยชน์อย่างไร?
11 ขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการยืนหยัดต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันก็คือการเตรียมตัวให้พร้อม. (อ่านสุภาษิต 15:28) การเตรียมตัวให้พร้อมหมายถึงการคิดไว้ล่วงหน้าว่ามีสถานการณ์อะไรบ้างที่อาจจะเกิดขึ้น. บางครั้ง การคิดเผื่อไว้ก่อนอาจช่วยคุณให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า. ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณเห็นเพื่อนนักเรียนกลุ่มหนึ่งอยู่แต่ไกลและพวกเขากำลังสูบบุหรี่กัน. พวกเขาอาจจะชวนคุณให้สูบบุหรี่ไหม? หากคาดการณ์ไว้ว่าอาจมีปัญหา คุณจะทำอะไรได้? สุภาษิต 22:3 กล่าวว่า “คนฉลาดมองเห็นภัยแล้วหนีไปซ่อนตัว.” โดยการเดินเลี่ยงไป อีกทางหนึ่ง คุณก็อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้อย่างสิ้นเชิง. ที่คุณทำอย่างนี้ไม่ใช่เพราะคุณกลัว แต่เพราะเป็นแนวทางที่ฉลาดสุขุม.
12. คุณอาจตอบอย่างไรเมื่อถูกเพื่อน ๆ กดดัน?
12 จะว่าอย่างไรถ้าคุณต้องเผชิญกับสถานการณ์อย่างหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้? สมมุติว่ามีเพื่อนคนหนึ่งถามคุณอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “นี่เธอยังไม่มีแฟนหรือ?” สิ่งสำคัญที่คุณควรทำก็คือทำตามคำแนะนำในโกโลซาย 4:6 ที่ว่า “ให้คำพูดของท่านทั้งหลายเป็นคำพูดที่แสดงความกรุณาเสมอเหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ ท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร.” ดังที่พระคัมภีร์ข้อนี้ชี้ให้เห็น คุณจะตอบคำถามแบบนั้นอย่างไรขึ้นอยู่กับสภาพการณ์. คุณอาจไม่จำเป็นต้องอธิบายอย่างยืดยาวโดยใช้พระคัมภีร์. คำตอบง่าย ๆ และหนักแน่นก็อาจเพียงพอแล้ว. ตัวอย่างเช่น เมื่อตอบคำถามที่ว่าคุณยังไม่มีแฟนหรือ คุณอาจเพียงแค่บอกว่า “ใช่” หรือ “นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน.”
13. เหตุใดจึงจำเป็นต้องใช้ความสังเกตเข้าใจเมื่อตอบคำเย้ยหยันจากเพื่อน ๆ?
13 พระเยซูมักตอบสั้น ๆ เมื่อเห็นว่าการตอบยาว ๆ ไม่ทำให้เกิดผลดีนัก. ที่จริง เมื่อเฮโรดถามพระองค์ พระเยซูไม่ทรงตอบเขาเลย. (ลูกา 23:8, 9) การนิ่งเงียบมักเป็นวิธีที่ดีในการตอบคำถามที่ไม่เข้าท่า. (สุภา. 26:4; ผู้ป. 3:1, 7) ในทางตรงกันข้าม คุณอาจเห็นว่าบางคนมีความจริงใจ แม้ว่าเขารู้สึกประหลาดใจเพราะการประพฤติของคุณ เช่นในเรื่องศีลธรรมทางเพศ และทั้ง ๆ ที่เขาอาจเคยพูดไม่ดีต่อคุณในตอนแรก. (1 เป. 4:4) ในกรณีเช่นนี้ คุณน่าจะอธิบายจุดยืนของคุณที่อาศัยพระคัมภีร์เป็นหลักให้ละเอียดขึ้น. ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่ารีรอเพราะความกลัว. จง “พร้อมเสมอที่จะปกป้อง” ความเชื่อของคุณ.—1 เป. 3:15
14. ในบางสถานการณ์คุณอาจพูดอย่างผ่อนหนักผ่อนเบาอย่างไรเพื่อให้คนที่กดดันคุณรู้สึกถูกกดดันเสียเอง?
14 ในบางสถานการณ์ คุณอาจทำให้คนที่กดดันคุณรู้สึกถูกกดดันเสียเอง. แต่คุณต้องพยายามทำเช่นนี้อย่างผ่อนหนักผ่อนเบา. ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนนักเรียนยื่นบุหรี่ให้คุณและท้าให้คุณสูบ คุณอาจพูดว่า “ไม่เอาหรอก” แล้วก็พูดต่อไปว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าคนฉลาดอย่างนายจะสูบบุหรี่!” คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าเขากลับเป็นฝ่ายถูกกดดันอย่างไร? แทนที่คุณจะอธิบายเหตุผลที่คุณไม่สูบบุหรี่ เพื่อนของคุณกลับถูกบีบให้นึกถึงเหตุผลที่เขาสูบ.
15. เมื่อไรที่นับว่าเหมาะจะเดินหนีจากเพื่อน ๆ ที่พยายามกดดันคุณ และเพราะเหตุใด?
15 จะว่าอย่างไรถ้าคุณพยายามแล้วแต่ก็ยังถูกกดดันอยู่? ถ้าอย่างนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็แค่เดินหนี. ยิ่งคุณอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่คุณจะยอมทำตามพวกเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง. ฉะนั้น จงออกไปจากที่นั่น. คุณทำอย่างนั้นได้โดยไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นฝ่ายแพ้. ที่จริง คุณควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้. คุณไม่กลายเป็นหุ่นให้เพื่อน ๆ เชิด และคุณทำให้พระทัยพระยะโฮวายินดี.—สุภา. 27:11
จง ‘วางแผนที่ก่อประโยชน์’
16. แรงกดดันอาจมาจากคนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนอย่างไร?
16 บางครั้ง แรงกดดันให้ร่วมทำกิจกรรมที่ไม่ดีงามอาจมาจากเยาวชนที่อ้างว่าเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา. ตัวอย่างเช่น จะว่าอย่างไรถ้าคุณมาถึงสถานที่ที่มีการสังสรรค์กันแล้วก็พบว่า ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลเลย? หรือจะว่าอย่างไรถ้าเยาวชนคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มายังงานเลี้ยงสังสรรค์ และคุณกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้ดื่ม? อาจมีหลายสถานการณ์ที่คุณจำเป็นต้องทำตามสติรู้สึกผิดชอบที่ได้รับการฝึกจากคัมภีร์ไบเบิล. คริสเตียนวัยรุ่นคนหนึ่งเล่าว่า “เมื่อเห็นว่าหนังที่ดูกับเพื่อน ๆ มีเนื้อหาเต็มไปด้วยคำหยาบคาย ดิฉันกับน้องสาวก็ลุกออกมา. เพื่อนคนอื่น ๆ ตัดสินใจที่จะดูหนังนั้นต่อ. พ่อแม่ชมเชยเราที่ทำอย่างนั้น. แต่คนอื่น ๆ ในกลุ่มโกรธเรา เพราะเราทำให้พวกเขาดูเป็นคนไม่ดี.”
17. เมื่อไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ คุณอาจทำอะไรได้เพื่อจะทำตามมาตรฐานของพระเจ้า?
17 ดังประสบการณ์ก่อนหน้านี้แสดงให้เห็น การทำตามสติรู้สึกผิดชอบที่ได้รับการฝึกจากพระคัมภีร์อาจทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้อึดอัด. แต่จงทำสิ่งที่คุณรู้ว่าถูกต้อง. จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อม. ถ้าคุณกำลังจะไปงานเลี้ยงสังสรรค์ จงวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าคุณจะออกจากงานเลี้ยงนั้นอย่างไรในกรณีที่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคาดหมายไว้. เยาวชนบางคนตกลงไว้กับพ่อแม่ว่าหากจำเป็นต้องกลับบ้านก่อนกำหนดสิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแค่โทรศัพท์มาบอก. (เพลง. 26:4, 5) “แผนการ” เช่นนั้น “ก่อผลประโยชน์.”—สุภา. 21:5, ล.ม.
“จงชื่นชมยินดีในปฐมวัยของเจ้า”
18, 19. (ก) เหตุใดคุณจึงมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาประสงค์ให้คุณมีความสุข? (ข) พระเจ้าทรงรู้สึกอย่างไรต่อคนที่ต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน?
18 พระยะโฮวาทรงสร้างคุณให้มีความสามารถที่จะชื่นชมกับชีวิต และพระองค์ทรงประสงค์ให้คุณมีความสุข. (อ่านท่านผู้ประกาศ 11:9) จำไว้ว่าสิ่งที่หลายคนที่อยู่ในวัยเดียวกันกับคุณทำเป็นเพียงการ “เพลิดเพลินชั่วคราวกับบาป.” (ฮีบรู 11:25) พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ทรงประสงค์ให้คุณได้รับสิ่งที่ดีกว่านั้นมาก. พระองค์ทรงประสงค์ให้คุณมีความสุขตลอดไป. ดังนั้น เมื่อคุณเผชิญการล่อใจให้ทำสิ่งที่คุณรู้ว่าไม่ดีในสายพระเนตรของพระเจ้า ขอให้จำไว้ว่าในระยะยาวสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องให้คุณทำเป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอ.
19 ในฐานะเยาวชน คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าแม้ตอนนี้คุณอาจได้รับการยอมรับจากคนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อหลายปีผ่านไปพวกเขาส่วนใหญ่คงจะจำคุณหรือแม้แต่ชื่อคุณไม่ได้แล้ว. ตรงกันข้าม เมื่อคุณต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน พระยะโฮวาทรงสังเกตเห็นและพระองค์จะไม่มีวันลืมคุณหรือความซื่อสัตย์ของคุณ. พระองค์จะ ‘เปิดบัญชรท้องฟ้าให้คุณและเทพรให้แก่คุณจนเกินความต้องการ.’ (มลคี. 3:10) นอกจากนั้น พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่คุณอย่างไม่อั้นเพื่อเสริมให้คุณมีความตั้งใจแน่วแน่ยิ่งขึ้นเมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกอ่อนแอ. ใช่แล้ว พระยะโฮวาทรงช่วยคุณได้ให้ต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกัน!
คุณจำได้ไหม?
• แรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันอาจมีพลังอย่างไร?
• ความเชื่อมั่นมีส่วนช่วยในการต้านทานแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันอย่างไร?
• คุณจะเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเพื่อรับมือแรงกดดันจากคนรุ่นเดียวกันได้อย่างไร?
• คุณรู้ได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาทรงเห็นค่าความซื่อสัตย์ของคุณ?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 8]
เหตุใดอาโรนจึงยอมทำรูปโคทองคำ?
[ภาพหน้า 10]
จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อม—คิดไว้ก่อนว่าคุณจะพูดอะไร