จงนับถือการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า
จงนับถือการสมรสซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า
“เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อหนังอันเดียวกัน.”—เย. 2:24
1. เหตุใดพระยะโฮวาควรได้รับความนับถือจากเรา?
พระยะโฮวาพระเจ้า ผู้ก่อตั้งการสมรส สมควรได้รับความนับถือจากเราอย่างแน่นอน. ในฐานะพระผู้สร้าง, ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด, และพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ นับว่าเหมาะสมแล้วที่มีการกล่าวถึงพระองค์ว่าเป็นผู้ให้ “ของประทานอันดีและสมบูรณ์ทุกอย่าง.” (ยโก. 1:17; วิ. 4:11) นี่เป็นวิธีหนึ่งที่พระองค์แสดงความรักที่ยิ่งใหญ่. (1 โย. 4:8) ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสอนเรา, ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงขอให้เราทำ, ทุกสิ่งที่พระองค์ประทานแก่เราล้วนแต่เพื่อสวัสดิภาพ และประโยชน์ของเราทั้งสิ้น.—ยซา. 48:17
2. พระยะโฮวาประทานคำแนะนำอะไรแก่คู่สมรสคู่แรก?
2 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงการสมรสว่าเป็นของประทาน “อันดี” จากพระเจ้า. (รูธ. 1:9; 2:12) เมื่อพระยะโฮวาทรงจัดให้มีการสมรสขึ้นเป็นครั้งแรก พระองค์ประทานคำแนะนำบางอย่างแก่อาดามและฮาวาในเรื่องวิธีที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตสมรส. (อ่านมัดธาย 19:4-6) หากพวกเขาทำตามคำแนะนำของพระเจ้า พวกเขาจะมีความสุขตลอดไป. แต่พวกเขาเพิกเฉยพระบัญชาของพระเจ้าอย่างโง่เขลาและต้องประสบผลที่เลวร้าย.—เย. 3:6-13, 16-19, 23
3, 4. (ก) หลายคนในทุกวันนี้ไม่นับถือการสมรสและพระยะโฮวาพระเจ้าอย่างไร? (ข) เราจะพิจารณาตัวอย่างอะไรในบทความนี้?
3 เช่นเดียวกับคู่สมรสคู่แรก ผู้คนมากมายในทุกวันนี้ตัดสินใจในเรื่องการสมรสโดยแทบจะไม่สนใจหรือไม่สนใจคำแนะนำของพระยะโฮวาเลย. บางคนไม่เห็นความสำคัญของการสมรส ส่วนบางคนก็พยายามเปลี่ยนคำจำกัดความของการสมรสเพื่อให้เข้ากับความปรารถนาของตัวเอง. (โรม 1:24-32; 2 ติโม. 3:1-5) พวกเขาเพิกเฉยข้อเท็จจริงที่ว่าการสมรสเป็นของประทานจากพระเจ้า และการทำเช่นนั้นจึงเป็นการไม่นับถือพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ให้ของประทานนี้ด้วย.
4 บางครั้ง แม้แต่ประชาชนของพระเจ้าบางคนก็ไม่ได้มีทัศนะอย่างพระเจ้าในเรื่องการสมรสอีกต่อไป. คู่สมรสคริสเตียนบางคู่ตัดสินใจแยกกันอยู่ หรือหย่าร้างกันอย่างที่ไม่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์. จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? คำแนะนำของพระเจ้าที่เยเนซิศ 2:24 จะช่วยคริสเตียนที่สมรสแล้วเสริมสายสมรสให้เหนียวแน่นได้อย่างไร? และคนที่คิดจะสมรสจะเตรียมตัวให้พร้อมได้อย่างไร? ให้เรามาพิจารณาคู่สมรสสามคู่ที่ประสบความสำเร็จในสมัยคัมภีร์ไบเบิลซึ่งแสดงให้เห็นวิธีที่การนับถือพระยะโฮวาเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้ชีวิตสมรสยั่งยืน.
จงปลูกฝังความภักดี
5, 6. อะไรอาจทดสอบความภักดีของเซคาระยาห์และเอลิซาเบท และพวกเขาได้รับบำเหน็จอย่างไรสำหรับความภักดีของตน?
5 เซคาระยาห์และเอลิซาเบททำทุกสิ่งที่ถูกต้อง. ต่างฝ่ายต่างก็เลือกผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาเป็นคู่ครอง. เซคาระยาห์ทำหน้าที่ปุโรหิตอย่างซื่อสัตย์ และทั้งคู่ทำตามกฎหมายของพระเจ้าสุดความสามารถ. แน่นอน ทั้งสองมีหลายสิ่งที่จะขอบคุณพระเจ้า. แต่ถ้าคุณได้ไปเยี่ยมบ้านเขาในแผ่นดินยูดาห์ ไม่นานคุณก็จะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป. ทั้งสองไม่มีลูก. เอลิซาเบทเป็นหมัน และทั้งคู่อายุมากแล้ว.—ลูกา 1:5-7
6 ในอิสราเอลโบราณ การมีลูกถือว่ามีค่าอย่างยิ่ง และ1 ซามู. 1:2, 6, 10; เพลง. 128:3, 4) ชายชาวอิสราเอลในตอนนั้นอาจไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยาโดยหย่าเธอเพียงเพราะเธอไม่สามารถมีลูกได้. แต่เซคาระยาห์อยู่กินกับเอลิซาเบทอย่างภักดี. เขาไม่หาเรื่องที่จะแยกทางกับเธอ และภรรยาเขาก็ไม่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน. แม้ว่าการไม่มีลูกเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาเศร้า แต่ทั้งสองยังคงรับใช้พระยะโฮวาด้วยกันอย่างซื่อสัตย์. ในเวลาต่อมา พระยะโฮวาประทานบำเหน็จแก่พวกเขาโดยให้พวกเขามีลูกชายอย่างอัศจรรย์ในยามชรา.—ลูกา 1:8-14
ครอบครัวในสมัยนั้นมักจะมีลูกมาก. (7. เอลิซาเบทพิสูจน์ให้เห็นอีกว่าเธอภักดีต่อสามีอย่างไร?
7 เอลิซาเบทแสดงความภักดีอย่างน่าชมเชยในอีกวิธีหนึ่งด้วย. เมื่อโยฮันบุตรชายเธอเกิดมา เซคาระยาห์พูดไม่ได้เนื่องจากถูกทำให้เป็นใบ้เพราะสงสัยคำพูดของทูตสวรรค์ของพระเจ้า. ถึงกระนั้น เซคาระยาห์คงได้ใช้วิธีบางอย่างสื่อสารให้ภรรยารู้ว่าทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกให้ตั้งชื่อบุตรนั้นว่า “โยฮัน.” เพื่อนบ้านและญาติ ๆ ต้องการตั้งชื่อบุตรนั้นตามชื่อบิดา. แต่เอลิซาเบททำตามที่สามีสั่งไว้อย่างภักดี. เธอกล่าวว่า “ไม่ได้! ต้องตั้งชื่อว่าโยฮัน.”—ลูกา 1:59-63
8, 9. (ก) ความภักดีเสริมสายสมรสให้เหนียวแน่นอย่างไร? (ข) มีวิธีใดบ้างที่สามีภรรยาจะแสดงความภักดีได้?
8 เช่นเดียวกับเซคาระยาห์และเอลิซาเบท คู่สมรสในปัจจุบันเผชิญเรื่องที่ทำให้ผิดหวังและปัญหาอื่น ๆ หลายอย่าง. ชีวิตสมรสที่ปราศจากความภักดีจะไม่ยั่งยืน. การเกี้ยวเล่น ๆ, สื่อลามก, การเล่นชู้, และสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นภัยคุกคามชีวิตสมรสอาจทำลายความไว้วางใจในสายสมรสอย่างที่ไม่อาจกลับมาเหมือนเดิมได้. และเมื่อความไว้วางใจในชีวิตสมรสหมดไป ความรักก็เริ่มเหี่ยวเฉา. ในแง่หนึ่ง ความภักดีเป็นเหมือนรั้วล้อมบ้านที่ป้องกันผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญและอันตรายต่าง ๆ ซึ่งให้ความปลอดภัยแก่คนที่อยู่ในบ้านได้ระดับหนึ่ง. ด้วยเหตุนั้น เมื่อสามีและภรรยาภักดีต่อกัน พวกเขาก็จะสามารถอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัยและพูดคุยกันได้อย่างเปิดใจ ทำให้ความรักงอกงาม. ความภักดีสำคัญจริง ๆ.
9 พระยะโฮวาทรงบอกอาดามว่า “ผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา.” (เย. 2:24) นั่นหมายความว่าอย่างไร? ความผูกพันที่แต่ละคนเคยมีกับเพื่อนและญาติต้องไม่เหมือนเดิม. แต่ละฝ่ายต้องให้เวลาและความสนใจแก่คู่ของตนเป็นอันดับแรก. ทั้งสองไม่ควรให้ความสำคัญแก่เพื่อนและญาติเป็นอันดับแรกและละเลยครอบครัวใหม่ของตน อีกทั้งไม่ควรปล่อยให้พ่อแม่เข้ามาก้าวก่ายการตัดสินใจหรือความไม่ลงรอยกันในครอบครัว. ตอนนี้ทั้งคู่ต้องผูกพันใกล้ชิดกัน. นั่นคือพระบัญชาของพระเจ้า.
10. อะไรจะช่วยคู่สมรสให้ปลูกฝังความภักดี?
10 แม้แต่ในครอบครัวที่นับถือศาสนาต่างกัน ความภักดีก่อให้เกิดผลดี. พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่สามีไม่มีความเชื่อกล่าวว่า “ดิฉันขอบคุณพระยะโฮวามากที่สอนให้ดิฉันรู้วิธีที่จะอ่อนน้อมอยู่ใต้อำนาจสามีและนับถือเขาอย่างสุดซึ้ง. การที่ดิฉันภักดีอยู่เสมอทำให้เรารักและนับถือกันตลอด 47 ปีที่เราอยู่ด้วยกัน.” (1 โค. 7:10, 11; 1 เป. 3:1, 2) ดังนั้น จงพยายามทำให้คู่สมรสของคุณรู้สึกมั่นคงปลอดภัย. ทั้งโดยคำพูดและการกระทำ จงมองหาวิธีที่จะทำให้คู่สมรสมั่นใจว่าสำหรับคุณแล้วเขาหรือเธอเป็นคนสำคัญที่สุดในโลก. จงพยายามสุดความสามารถที่จะไม่ให้ใครหรือสิ่งใดเข้ามาแทรกระหว่างคุณกับคู่สมรส. (อ่านสุภาษิต 5:15-20) รอนกับเจนเนตต์ ซึ่งแต่งงานอย่างมีความสุขมานานกว่า 35 ปีแล้ว กล่าวว่า “เพราะเราปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพระเจ้าอย่างภักดี เราจึงมีชีวิตสมรสที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ.”
เอกภาพเสริมสายสมรสให้เหนียวแน่น
11, 12. อะคีลัสกับปริสกิลลาร่วมมือกันอย่างไร (ก) ที่บ้าน (ข) ในงานอาชีพ และ (ค) ในงานรับใช้คริสเตียน?
11 เมื่ออัครสาวกเปาโลกล่าวถึงเพื่อนสนิทคืออะคีลัสและปริสกิลลา ท่านไม่เคยเอ่ยถึงคนหนึ่งโดยไม่ได้เอ่ยถึงอีกคนหนึ่ง. คู่สมรสที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันคู่นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของคู่สมรสตามที่พระเจ้าทรงมุ่งหมายไว้ที่ว่า สามีและภรรยาควรเป็น “เนื้อหนังอันเดียวกัน.” (เย. 2:24) ทั้งสองทำงานด้วยกันเสมอทั้งที่บ้าน, ในงานอาชีพ, และในงานรับใช้คริสเตียน. ตัวอย่างเช่น เมื่อเปาโลมาถึงเมืองโครินท์เป็นครั้งแรก อะคีลัสกับปริสกิลลาเชิญท่านให้พักอยู่ที่บ้านของพวกเขาอย่างกรุณา ซึ่งดูเหมือนว่าหลังจากนั้นท่านได้ใช้บ้านของพวกเขาเป็นฐานปฏิบัติการอยู่ช่วงหนึ่ง. ต่อมา ที่เมืองเอเฟโซส์ พวกเขาใช้บ้านของตนเป็นที่ประชุมและทำงานด้วยกันเพื่อช่วยคนใหม่ ๆ เช่น อะโปลโลส ให้ก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณ. (กิจ. 18:2, 18-26) จากนั้นคู่สมรสที่กระตือรือร้นคู่นี้ก็ไปที่กรุงโรม ซึ่งที่นั่นเขาเปิดบ้านเป็นที่ประชุมของประชาคม. ต่อมา พวกเขากลับไปเอเฟโซส์เพื่อเสริมความเชื่อของพี่น้องให้เข้มแข็ง.—โรม 16:3-5
12 มีอยู่ช่วงหนึ่ง อะคีลัสกับปริสกิลลายังทำงานด้วยกันกับเปาโลเนื่องจากต่างก็มีอาชีพเป็นช่างทำเต็นท์เหมือนกัน. อีกครั้งหนึ่ง เราพบว่าคู่สมรสคู่นี้ร่วมมือกันทำงานโดยไม่แข่งขันหรือขัดแย้งกัน. (กิจ. 18:3) แต่แน่นอน การที่พวกเขาใช้เวลาด้วยกันในงานรับใช้คริสเตียนนั่นแหละที่ช่วยให้สายสมรสของพวกเขาเหนียวแน่นและมีความสุขในชีวิตสมรส. ไม่ว่าจะในเมืองโครินท์, เมืองเอเฟโซส์, หรือกรุงโรม ทั้งสองเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็น “เพื่อนร่วมงานรับใช้พระคริสต์เยซู.” (โรม 16:3) ทั้งสองทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อส่งเสริมงานประกาศราชอาณาจักรที่ไหนก็ตามที่พวกเขารับใช้.
13, 14. (ก) อะไรอาจทำลายเอกภาพของชีวิตสมรส? (ข) คู่สมรสอาจทำอะไรได้บ้างเพื่อเสริมสายสมรสให้เหนียวแน่นในฐานะ “เนื้อหนังอันเดียวกัน”?
13 จริงทีเดียว การมีเป้าหมายอย่างเดียวกันและทำงานอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเสริมสายสมรสให้เหนียวแน่น. (ผู้ป. 4:9, 10) น่าเสียดาย คู่สมรสหลายคู่ในทุกวันนี้ใช้เวลาด้วยกันน้อยมาก. พวกเขาใช้เวลาทำงานหลายชั่วโมงในที่ทำงานคนละแห่ง. บ้างก็ทำงานอาชีพที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ หรือย้ายไปทำงานต่างประเทศคนเดียวแล้วส่งเงินกลับมาบ้าน. แม้แต่เมื่ออยู่บ้าน คู่สมรสบางคู่ก็ต่างคนต่างอยู่เพราะแต่ละคนใช้เวลาไปกับโทรทัศน์, งานอดิเรก, กีฬา, วิดีโอเกม, หรืออินเทอร์เน็ต. ครอบครัวคุณเป็นอย่างนั้นไหม? ถ้าอย่างนั้นคุณจะปรับอะไรบางอย่างเพื่อใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นได้ไหม? จะดีไหมถ้าจะทำงานอะไร ๆ ด้วยกันอย่างเช่น ทำอาหาร, ล้างจาน, หรือทำงานในสวน? คุณจะช่วยกันดูแลลูกหรือช่วยพ่อแม่ที่อายุมากแล้วได้ไหม?
14 ที่สำคัญที่สุด จงใช้เวลาด้วยกันเป็นประจำในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการพระยะโฮวา. การพิจารณาข้อพระคัมภีร์ประจำวันด้วยกันและการนมัสการประจำครอบครัวเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมที่จะรักษาทัศนะและเป้าหมายของครอบครัวให้ตรงกัน. นอกจากนั้น จงทำงานรับใช้ด้วยกัน. ถ้าเป็นไปได้ พยายามเป็นไพโอเนียร์ด้วยกัน แม้แต่เมื่อสภาพการณ์ของคุณอำนวยให้คุณทำได้แค่หนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี. (อ่าน 1 โครินท์ 15:58) พี่น้องหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นไพโอเนียร์ด้วยกันกับสามีกล่าวว่า “งานรับใช้เป็นวิธีหนึ่งที่เราสามารถใช้เวลาด้วยกันและพูดคุยกันจริง ๆ. เพราะเราทั้งคู่มีเป้าหมายร่วมกันในการช่วยคนที่เราพบในงานรับใช้ ดิฉันรู้สึกว่าเราทำงานประสานกันได้ดี. ดิฉันรู้สึกใกล้ชิดกับเขามากขึ้นไม่ใช่แค่ในฐานะสามี แต่ในฐานะเพื่อนที่ดีด้วย.” ขณะที่คุณทำงานด้วยกันในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่มีคุณค่า ความสนใจ, การจัดลำดับความสำคัญ, และนิสัยของคุณก็จะค่อย ๆ ประสานเป็น หนึ่งเดียวกับของคู่สมรสจนกระทั่งคุณจะคิด, รู้สึก, และกระทำอย่างเป็น “เนื้อหนังอันเดียวกัน” มากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนอะคีลัสกับปริสกิลลา.
จงให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกในชีวิตสมรสของคุณ
15. อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตสมรสประสบความสำเร็จ? จงอธิบาย.
15 พระเยซูทรงทราบว่าการให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกในชีวิตสมรสเป็นเรื่องสำคัญ. พระองค์ทรงเห็นพระยะโฮวาจัดให้มีการสมรสขึ้นเป็นครั้งแรก. พระองค์ทรงสังเกตว่าอาดามและฮาวามีความสุขสักเพียงไรตราบเท่าที่พวกเขาปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า และทรงเห็นกับตาพระองค์เองด้วยว่ามีความยุ่งยากอะไรเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาละเลยพระบัญชาของพระเจ้า. ดังนั้น เมื่อพระเยซูสอนคนอื่น พระองค์ทรงกล่าวซ้ำพระบัญชาของพระบิดาดังบันทึกไว้ที่เยเนซิศ 2:24. นอกจากนั้น พระองค์ยังตรัสเสริมด้วยว่า “ที่พระเจ้าทรงผูกมัดไว้ด้วยกันแล้วนั้นอย่าให้มนุษย์ทำให้แยกจากกันเลย.” (มัด. 19:6) ด้วยเหตุนั้น ความนับถืออันลึกซึ้งต่อพระยะโฮวายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตสมรสมีความสุขและประสบความสำเร็จ. ในเรื่องนี้ โยเซฟและมาเรียบิดามารดาของพระเยซูเป็นตัวอย่างที่โดดเด่น.
16. โยเซฟและมาเรียแสดงความเลื่อมใสพระเจ้าในชีวิตครอบครัวอย่างไร?
16 โยเซฟแสดงความกรุณาและให้เกียรติมาเรีย. ตั้งแต่แรกที่เขารู้ว่าเธอตั้งครรภ์ เขาต้องการจะปฏิบัติต่อเธอด้วยความเมตตา แม้แต่ก่อนที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะอธิบายแก่เขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาเรีย. (มัด. 1:18-20) พวกเขาทำตามพระราชกฤษฎีกาของซีซาร์ และปฏิบัติตามพระบัญญัติของโมเซอย่างเคร่งครัดด้วยในฐานะคู่สมรส. (ลูกา 2:1-5, 21, 22) และแม้ว่าพระบัญญัติกำหนดไว้แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องเข้าร่วมเทศกาลต่าง ๆ ที่สำคัญทางศาสนาในกรุงเยรูซาเลม แต่โยเซฟกับมาเรียพร้อมกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวเข้าร่วมเทศกาลนี้ทุกปี. (บัญ. 16:16; ลูกา 2:41) โดยวิธีเหล่านี้และวิธีอื่น ๆ คู่สมรสที่เลื่อมใสพระเจ้าคู่นี้พยายามทำให้พระยะโฮวาพอพระทัยและแสดงความนับถืออย่างลึกซึ้งต่อสิ่งฝ่ายวิญญาณ. ไม่แปลกเลยที่พระยะโฮวาทรงเลือกทั้งสองให้ดูแลพระบุตรของพระองค์ในช่วงแรกของชีวิตพระเยซูบนแผ่นดินโลก.
17, 18. (ก) คู่สมรสจะให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกในชีวิตครอบครัวได้โดยวิธีใดบ้าง? (ข) การทำเช่นนั้นจะทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างไร?
17 ครอบครัวคุณให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกคล้าย ๆ กันนั้นไหม? ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ คุณค้นดูหลักการในคัมภีร์ไบเบิลก่อน, อธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้น, แล้วก็ขอคำแนะนำจากคริสเตียนอาวุโสไหม? หรือคุณมักจะแก้ปัญหาด้วยการทำตามความรู้สึกของตัวเองหรือของครอบครัวและเพื่อน ๆ? คุณพยายามนำข้อเสนอแนะมากมายที่เป็นประโยชน์ในเรื่องชีวิตสมรสและครอบครัวที่ทาสสัตย์ซื่อจัดพิมพ์ไว้มาใช้จริง ๆ ไหม? หรือคุณทำตามธรรมเนียมท้องถิ่นหรือทำตามคำแนะนำที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมกัน? คุณอธิษฐานและศึกษาด้วยกันเป็นประจำ, ตั้งเป้าฝ่ายวิญญาณ, และพูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งสำคัญในอันดับแรกของครอบครัวไหม?
18 เมื่อพูดถึงชีวิตสมรสที่มีความสุขมานานถึง 50 ปี เรย์กล่าวว่า “เราไม่เคยมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ เพราะเราให้พระยะโฮวาเป็นส่วนหนึ่งใน ‘เชือกสามเกลียว’ ของเราเสมอ.” (อ่านท่านผู้ประกาศ 4:12) แดนนีกับทรีนาเห็นด้วย. ทั้งสองกล่าวว่า “เมื่อเรารับใช้พระเจ้าด้วยกัน สายสมรสของเราก็เหนียวแน่นมั่นคงยิ่งขึ้น.” ทั้งสองมีความสุขในชีวิต สมรสมานานกว่า 34 ปี. ถ้าคุณให้พระยะโฮวามาเป็นอันดับแรกในชีวิตสมรส พระองค์จะช่วยคุณให้ประสบความสำเร็จและจะอวยพรคุณอย่างอุดม.—เพลง. 127:1
จงนับถือของประทานจากพระเจ้าต่อ ๆ ไป
19. เหตุใดพระเจ้าจึงจัดเตรียมของประทานแห่งการสมรส?
19 สำหรับหลายคนในทุกวันนี้ สิ่งเดียวที่ถือว่าสำคัญก็คือการทำให้ตัวเองมีความสุข. แต่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวามองต่างออกไป. เขารู้ว่าพระเจ้าทรงให้การสมรสเป็นของประทานเพื่อส่งเสริมพระประสงค์ของพระองค์. (เย. 1:26-28) ถ้าอาดามและฮาวานับถือของประทานนั้น โลกทั้งโลกก็คงกลายเป็นอุทยานที่เต็มไปด้วยผู้รับใช้ที่ชอบธรรมของพระเจ้าที่มีความสุข.
20, 21. (ก) เหตุใดเราควรถือว่าการสมรสเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง? (ข) เราจะพิจารณาเกี่ยวกับของประทานอะไรในสัปดาห์หน้า?
20 ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้รับใช้ของพระเจ้ามองการสมรสว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ. (อ่าน 1 โครินท์ 10:31) ดังที่เราเห็นแล้ว ความภักดี, เอกภาพ, และการให้พระเจ้าเป็นอันดับแรกในชีวิตสมรสเป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวาและทำให้สายสมรสเหนียวแน่น. ดังนั้น ไม่ว่าเราจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสมรส, เสริมสายสมรสให้เหนียวแน่น, หรือพยายามรักษาชีวิตสมรสไว้ ก่อนอื่นเราต้องมองการสมรสตามความเป็นจริง นั่นคือการสมรสเป็นการจัดเตรียมอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า. การคิดถึงความจริงข้อนี้ไว้เสมอจะกระตุ้นเราให้พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อจะตัดสินใจในเรื่องการสมรสโดยอาศัยพระคำของพระเจ้า. โดยทำอย่างนี้ เราแสดงความนับถือไม่เพียงแค่ของประทานแห่งการสมรสแต่นับถือพระยะโฮวาพระเจ้าผู้ให้ของประทานนี้ด้วย.
21 แน่นอน การสมรสไม่ได้เป็นของประทานอย่างเดียวที่พระเจ้าประทานแก่เรา และไม่ได้เป็นเส้นทางเดียวที่นำไปสู่ความสุขในชีวิต. ในบทความถัดไป เราจะพิจารณาของประทานอันล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งจากพระเจ้า นั่นคือของประทานแห่งการเป็นโสด.
คุณจะตอบอย่างไร?
• ความภักดีส่งผลต่อคริสเตียนที่สมรสแล้วอย่างไร?
• เหตุใดการทำงานด้วยกันอย่างมีเอกภาพช่วยเสริมสายสมรสให้เหนียวแน่น?
• มีวิธีใดบ้างที่คู่สมรสจะให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรก?
• เราจะแสดงความนับถือต่อพระยะโฮวาผู้ก่อตั้งการสมรสได้อย่างไร?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 15]
การทำงานด้วยกันทำให้คู่สมรสเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน