พระวิญญาณบริสุทธิ์ดำเนินงานในการทรงสร้าง!
พระวิญญาณบริสุทธิ์ดำเนินงานในการทรงสร้าง!
“พระยะโฮวาได้ทรงสร้างท้องฟ้าด้วยคำตรัส, ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ หมู่ดาวทั้งปวงก็เกิดขึ้น.”—เพลง. 33:6
1, 2. (ก) เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้ที่มนุษย์มีเกี่ยวกับเอกภพและแผ่นดินโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างไร? (ข) คำถามอะไรที่ต้องได้รับคำตอบ?
เมื่ออัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ตีพิมพ์ทฤษฎีพิเศษแห่งสัมพัทธภาพในปี 1905 เขากับนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ จำนวนมากเชื่อว่าเอกภพมีเพียงกาแล็กซีเดียว คือกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา. นั่นเป็นการประเมินขนาดของเอกภพต่ำเกินไปอย่างมาก! ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์คิดว่าเอกภพมีกาแล็กซีมากกว่า 100,000 ล้านกาแล็กซี บางกาแล็กซีมีดาวหลายพันล้านดวง. เมื่อใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายมากยิ่งขึ้นที่ติดตั้งบนโลกหรือที่ส่งไปโคจรอยู่รอบโลก จำนวนกาแล็กซีที่เราค้นพบก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ.
2 เช่นเดียวกับที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเอกภพมีจำกัดในปี 1905 ความรู้เกี่ยวกับแผ่นดินโลกก็มีจำกัดเช่นกัน. จริงอยู่ ทุกคนที่มีชีวิตอยู่เมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้วรู้มากกว่าบรรพบุรุษของพวกเขา. แต่ปัจจุบัน เราเข้าใจความสวยงามและความซับซ้อนของชีวิตและระบบต่าง ๆ ในโลกที่ค้ำจุนชีวิตดีกว่าในสมัยนั้นมาก. และไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตเราจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกและเอกภพมากกว่าสมัยนี้มาก. แต่เป็นเรื่องเหมาะอย่างยิ่งที่จะถามว่า ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในตอนแรก? เรารู้คำตอบสำหรับคำถามนี้ได้ก็เนื่องจากพระผู้สร้างทรงเปิดเผยไว้ในพระคัมภีร์บริสุทธิ์.
ความมหัศจรรย์ของการทรงสร้าง
3, 4. พระเจ้าทรงสร้างเอกภพอย่างไร และพระราชกิจของพระองค์ทำให้พระองค์ได้รับคำสรรเสริญอย่างไร?
3 ข้อความแรกในคัมภีร์ไบเบิลอธิบายวิธีที่เอกภพเกิดขึ้นมาว่า “เมื่อเดิมพระเจ้าได้นฤมิตสร้างฟ้าและดิน.” (เย. 1:1) โดยเริ่มจากที่ไม่มีวัตถุธาตุใด ๆ เลย พระยะโฮวาทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือพลังปฏิบัติการอันทรงพลังของพระองค์ ในการสร้างฟ้าสวรรค์, แผ่นดินโลก, และสิ่งอื่น ๆ ในเอกภพ. มนุษย์ที่เป็นช่างใช้มือและเครื่องมือในการทำสิ่งต่าง ๆ แต่พระเจ้าทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์ในการทำพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้สำเร็จ.
4 พระคัมภีร์ใช้ภาษาโดยนัยกล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่าเป็น “นิ้วพระหัตถ์” ของพระเจ้า. (ลูกา 11:20; มัด. 12:28) และ “พระหัตถกิจ” หรือสิ่งที่พระยะโฮวาทรงสร้างขึ้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้พระองค์ได้รับคำสรรเสริญอย่างยิ่ง. ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “ฟ้าสวรรค์แสดงพระรัศมีของพระเจ้า; และท้องฟ้าประกาศพระหัตถกิจ.” (เพลง. 19:1) จริงทีเดียว สิ่งทรงสร้างทั้งหลายยืนยันอำนาจอันน่าเกรงขามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า. (โรม 1:20) เป็นเช่นนั้นอย่างไร?
ฤทธิ์อำนาจที่ไม่มีขีดจำกัดของพระเจ้า
5. จงยกตัวอย่างให้เห็นชัดเกี่ยวกับพลังของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยะโฮวาที่ใช้ในการสร้าง.
5 เอกภพที่กว้างใหญ่เกินจินตนาการให้หลักฐานว่าฤทธิ์อำนาจและพลังของพระยะโฮวานั้นไม่มีวันหมด. (อ่านยะซายา 40:26) วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันรู้ว่าสสารสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและพลังงานสามารถเปลี่ยนเป็นสสาร. ดวงอาทิตย์ของเรา ซึ่งเป็นดาวดวงหนึ่ง เป็นตัวอย่างของสสารซึ่งกำลังถูกเปลี่ยนเป็นพลังงาน. ทุก ๆ หนึ่งวินาที ดวงอาทิตย์เปลี่ยนสสารประมาณสี่ล้านตันเป็นแสงอาทิตย์และพลังงานการแผ่รังสีในรูปอื่น. เศษเสี้ยวของพลังงานดังกล่าวที่มาถึงโลกเราก็เพียงพอแล้วที่จะค้ำจุนชีวิตบนแผ่นดินโลก. เห็นได้ชัด จำเป็นต้องมีฤทธิ์อำนาจและพลังอันมากมายมหาศาลเพื่อจะสร้างไม่เพียงแค่ดวงอาทิตย์ แต่ดวงดาวอื่น ๆ ทั้งหมดอีกหลายพันล้านดวงด้วย. พระยะโฮวา ทรงมีพลังที่จำเป็นสำหรับการสร้างทั้งหมดนี้ และพระองค์ทรงมีพลังยิ่งกว่านั้นอีกมาก.
6, 7. (ก) ทำไมเราจึงกล่าวได้ว่าพระเจ้าทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์อย่างที่เป็นระเบียบ? (ข) อะไรแสดงว่าเอกภพไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ?
6 มีพยานหลักฐานมากมายรอบตัวเราว่าพระเจ้าทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างที่เป็นระเบียบอย่างยิ่ง. ยกตัวอย่าง สมมุติว่าคุณมีกล่องที่บรรจุลูกบอลหลายสี. คุณเขย่ากล่องให้ลูกบอลสีต่าง ๆ คละปนกัน. แล้วคุณก็เทลูกบอลทั้งหมดลงบนพื้น. คุณคาดหมายว่าลูกบอลจะกลิ้งไปรวมอยู่ด้วยกันตามสี—สีน้ำเงินอยู่ด้วยกัน, สีเหลืองอยู่ด้วยกัน, และสีอื่น ๆ ก็เช่นกันไหม? คุณไม่คาดหมายอย่างนั้นแน่! การกระทำที่ไม่มีการควบคุมทำให้มีความเป็นระเบียบน้อยลงเสมอ ไม่ใช่มากขึ้น. ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นกฎพื้นฐานของธรรมชาติ. *
7 ถึงกระนั้น เมื่อเราเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างพินิจพิจารณา เราเห็นอะไร? เราเห็นระบบของกาแล็กซี, ดาว, และดาวเคราะห์อันมหึมาและมีความเป็นระเบียบอย่างยิ่ง ซึ่งทั้งหมดโคจรด้วยความแม่นยำอย่างมาก. เรื่องนี้ไม่อาจจะเป็นผลที่เกิดจากความบังเอิญหรือการกระทำที่ไม่มีการวางแผนและไม่มีการควบคุม. ดังนั้น เราคงต้องถามว่า ต้องใช้พลังอะไรในตอนเริ่มแรกเพื่อสร้างเอกภพที่เป็นระเบียบ? สำหรับพวกเราที่เป็นมนุษย์ การสังเกตและการทดลองทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวไม่อาจช่วยให้เราระบุพลังที่ใช้ในการสร้างเอกภพได้. อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลระบุพลังงานนี้ว่าเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งเป็นพลังที่ทรงพลังที่สุดในเอกภพ. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “พระยะโฮวาได้ทรงสร้างท้องฟ้าด้วยคำตรัส, ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์หมู่ดาวทั้งปวงก็เกิดขึ้น.” (เพลง. 33:6) และเมื่อเรากวาดตามองท้องฟ้ายามราตรี เราสามารถเห็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของ “หมู่” ดาว!
พระวิญญาณบริสุทธิ์และแผ่นดินโลก
8. เรารู้จริง ๆ มากขนาดไหนเกี่ยวกับราชกิจของพระยะโฮวา?
8 ปัจจุบันความเข้าใจของเราเกี่ยวกับธรรมชาติมีน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่มีให้เราเรียนรู้ได้. โยบผู้ซื่อสัตย์ลงความเห็นไว้ในเรื่องขอบเขตความรู้ของเราเกี่ยวกับพระราชกิจในการสร้างของพระเจ้าว่า “ดูเถิดกิจการเหล่านี้เป็นแต่เพียงผิวนอกแห่งราชกิจของพระองค์. เรารู้ถึงเรื่องของพระองค์จากเสียงกระซิบที่แผ่วเบาเท่านั้น.” (โยบ 26:14) หลายศตวรรษต่อมา กษัตริย์โซโลมอนผู้ฉลาดหลักแหลมซึ่งได้สังเกตดูการทรงสร้างของพระยะโฮวาประกาศว่า “[พระเจ้า] ได้ทรงกระทำสรรพสิ่งให้งดงามตามฤดูกาลของสิ่งนั้น, พระองค์ยังได้ทรงเอาโลกนี้ซ่อนไว้จากตาใจของเขาทั้งหลายเสียด้วย, เพื่อมนุษย์จะมองไม่เห็นว่าการงานนั้น ๆ พระเจ้าได้ทรงกระทำไว้เสียแล้วตั้งแต่ต้นจนปลาย.”—ผู้ป. 3:11; 8:17
9, 10. พระเจ้าทรงใช้พลังอะไรเมื่อพระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก และมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงสามวันแรกแห่งการทรงสร้าง?
9 อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาทรงเปิดเผยรายละเอียดที่จำเป็นเกี่ยวกับพระราชกิจของพระองค์. ตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์บอกเราว่าพระวิญญาณของพระเจ้าดำเนินกิจบนแผ่นดินโลกตั้งแต่โบราณกาลที่นานแสนนานจนไม่อาจระบุได้. (อ่านเยเนซิศ 1:2) ในเวลานั้น ไม่มีที่แห้ง, ไม่มีแสงสว่าง, และดูเหมือนว่าไม่มีอากาศที่จะใช้หายใจได้บนพื้นโลก.
10 คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาต่อไปถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำระหว่างวันต่าง ๆ แห่งการทรงสร้าง. วันเหล่านี้ไม่ใช่วันที่มี 24 ชั่วโมง หากแต่เป็นห้วงเวลาที่ยาวนาน. ในวันแรกแห่งการเย. 1:3, 14) วันที่สองแห่งการทรงสร้าง เกิดชั้นบรรยากาศขึ้น. (เย. 1:6) แล้วแผ่นดินโลกก็มีน้ำ, แสงสว่าง, และอากาศ แต่ยังไม่มีที่แห้ง. ช่วงต้น ๆ ของวันที่สามแห่งการทรงสร้าง พระยะโฮวาทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เกิดที่แห้งขึ้น โดยที่พระองค์อาจใช้พลังธรรมชาติอันทรงพลังที่อยู่ใต้เปลือกโลกเพื่อดันให้พื้นผิวทวีปโผล่ขึ้นมาจากทะเลที่คลุมลูกโลกอยู่. (เย. 1:9) ยังจะมีเหตุการณ์ที่น่าทึ่งอื่น ๆ อีกในวันที่สามและในช่วงแห่งการทรงสร้างต่อจากนั้น.
ทรงสร้าง พระยะโฮวาทรงบันดาลให้แสงสว่างเริ่มปรากฏบนพื้นผิวโลก. กระบวนการดังกล่าวนี้จะครบถ้วนเมื่อสามารถเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจนบนแผ่นดินโลกในเวลาต่อมา. (พระวิญญาณบริสุทธิ์และสิ่งทรงสร้างที่มีชีวิต
11. ความซับซ้อน, ความสมมาตร, และความงดงามของสิ่งมีชีวิตแสดงถึงอะไร?
11 พระวิญญาณของพระเจ้ายังได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่มีการจัดระเบียบไว้อย่างดีเยี่ยม. โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ระหว่างวันที่สามถึงวันที่หกแห่งการทรงสร้าง พระเจ้าทรงสร้างพืชและสัตว์มากมายหลายชนิดอย่างน่าทึ่ง. (เย. 1:11, 20-25) ด้วยเหตุนั้น สิ่งมีชีวิตจึงให้ตัวอย่างมากมายนับไม่ถ้วนของความซับซ้อน, ความสมมาตร (ความได้สัดส่วนกัน), และความงดงามซึ่งเผยให้เห็นการออกแบบในขั้นสูงสุด.
12. (ก) ดีเอ็นเอทำหน้าที่อะไร? (ข) เราน่าจะได้ข้อสรุปอะไรจากการที่ดีเอ็นเอทำหน้าที่อย่างไม่ผิดพลาดตลอดมา?
12 ขอให้พิจารณาดีเอ็นเอ (กรดดีออกซิไรโบนิวคลิอิก) กลไกทางเคมีอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะเฉพาะตัวของสิ่งมีชีวิตจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง. สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนแผ่นดินโลก รวมทั้งจุลินทรีย์, หญ้า, ช้าง, วาฬสีน้ำเงิน, และมนุษย์ ล้วนถ่ายพันธุ์โดยใช้ดีเอ็นเอ. แม้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนแผ่นดินโลกแตกต่างกันมาก แต่รหัสพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะเฉพาะตัวมากมายซึ่งได้รับการถ่ายทอดมามีความคงตัวอย่างยิ่ง ซึ่งช่วยให้รักษาความเพลง. 139:16) การจัดเตรียมที่มีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบอย่างยิ่งนี้ให้หลักฐานเพิ่มเติมว่าการทรงสร้างเป็นพระราชกิจแห่ง “นิ้วพระหัตถ์” ของพระเจ้าหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์.
แตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดพื้นฐานทั้งหลายตลอดมาทุกยุคทุกสมัย. ด้วยเหตุนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนแผ่นดินโลกจึงยังคงทำหน้าที่ของตนเรื่อยมาในข่ายใยของชีวิตที่ซับซ้อนตามพระประสงค์ของพระยะโฮวา. (จุดสุดยอดของการทรงสร้างบนแผ่นดินโลก
13. พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์อย่างไร?
13 หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนสุดจะนับได้และพระเจ้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตขึ้นมามากมาย แผ่นดินโลกก็ไม่ “ว่างเปล่า” อีกต่อไป. กระนั้น พระยะโฮวายังไม่เลิกใช้พระวิญญาณของพระองค์สำหรับจุดประสงค์ในการสร้าง. พระองค์กำลังจะสร้างสิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนแผ่นดินโลก. เมื่อใกล้สิ้นสุดวันที่หกแห่งการทรงสร้าง พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์. พระยะโฮวาทรงทำเช่นนั้นอย่างไร? โดยใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์และธาตุต่าง ๆ จากดิน.—เย. 2:7
14. มนุษย์แตกต่างกับสัตว์ในทางใดที่สำคัญ?
14 เยเนซิศ 1:27 กล่าวว่า “พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบฉายาของพระองค์, และตามแบบฉายาของพระองค์นั้น พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น, และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง.” การที่เราถูกสร้างตามแบบของพระเจ้าหมายความว่าพระยะโฮวาทรงสร้างเราโดยให้มีความสามารถที่จะแสดงความรัก, มีเจตจำนงเสรี, และถึงขนาดที่สร้างสายสัมพันธ์เป็นส่วนตัวกับพระผู้สร้างของเราได้. ด้วยเหตุนี้ สมองของเราจึงต่างกับสมองของสัตว์มาก. พระยะโฮวาทรงออกแบบสมองของมนุษย์เป็นพิเศษเพื่อให้เราสามารถชื่นชมยินดีในการเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์และพระราชกิจของพระองค์ตลอดไป.
15. พระเจ้าประทานความหวังอะไรแก่อาดามและฮาวา?
15 ในตอนเริ่มต้นของมนุษยชาติ พระเจ้าประทานแผ่นดินโลกและสิ่งอันน่ามหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่อยู่ในโลกแก่อาดามและฮาวาภรรยาของเขาเพื่อให้ทั้งสองศึกษาพิจารณาและชื่นชม. (เย. 1:28) พระยะโฮวาประทานอาหารอย่างอุดมบริบูรณ์และบ้านที่เป็นอุทยานแก่พวกเขา. พวกเขามีโอกาสจะมีชีวิตตลอดไปและได้เป็นบิดามารดาอันเป็นที่รักของลูกหลานที่สมบูรณ์หลายพันล้านคน. แต่สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามนั้น.
ยอมรับบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์
16. เรามีความหวังอะไรแม้ว่ามนุษย์คู่แรกขืนอำนาจ?
16 แทนที่จะขอบคุณและเชื่อฟังพระผู้สร้าง อาดามกับฮาวาขืนอำนาจอย่างเห็นแก่ตัว. ผลก็คือ ทั้งสองให้กำเนิดลูกหลานซึ่งทั้งหมดเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์และต้องประสบความทุกข์ยากลำบาก. แต่คัมภีร์ไบเบิลอธิบายวิธีที่พระเจ้าจะขจัดความเสียหายทุกอย่างที่เกิดจากการกระทำที่ผิดบาปของบิดามารดาคู่แรกของเรา. พระคัมภีร์ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าพระยะโฮวาจะทำให้พระประสงค์ดั้งเดิมของพระองค์สำเร็จลุล่วง. แผ่นดินโลกจะกลายเป็นอุทยานที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความสุขและสุขภาพดีซึ่งได้รับพระพรให้มีชีวิตนิรันดร์. (เย. 3:15) เพื่อรักษาความเชื่อในความหวังที่ทำให้อบอุ่นใจนั้น เราต้องได้รับความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า.
17. เราต้องหลีกเลี่ยงความคิดแบบใด?
17 เราควรอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระยะโฮวา. (ลูกา 11:13) การทำอย่างนี้จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของเราว่าสิ่งทรงสร้างทั้งหลายเป็นพระหัตถกิจของพระเจ้า. ทุกวันนี้ กระแสการโฆษณาชวนเชื่อของนักอเทวนิยมและพวกที่เชื่อวิวัฒนาการซึ่งอาศัยการชักเหตุผลที่มีช่องโหว่และไม่มีมูลความจริงเพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวด. เราไม่ควรปล่อยให้ความคิดผิด ๆ ที่มีอยู่แพร่หลายเช่นนี้มาทำให้เราสับสนหรือทำให้เรากลัว. คริสเตียนทุกคนต้องเตรียมพร้อมเพื่อจะต้านทานการโจมตีเช่นนั้นและแรงกดดันจากคนรอบข้างที่มาพร้อมกับการโจมตีนั้น.—อ่านโกโลซาย 2:8
18. เมื่อพิจารณาจุดเริ่มต้นของเอกภพและมนุษยชาติ เหตุใดจึงไม่ฉลาดที่จะปฏิเสธพระผู้สร้างที่มีเชาวน์ปัญญา?
18 ความเชื่อในคัมภีร์ไบเบิลและในพระเจ้าจะได้รับการเสริมให้มั่นคงอย่างแน่นอนโดยการตรวจสอบหลักฐานที่สนับสนุนการทรงสร้างอย่างสุจริตใจ. ในการพิจารณาจุดเริ่มต้นของเอกภพและมนุษยชาติ หลายคนไม่อยากจะยอมรับว่ามีอิทธิพลจากพลังเหนือธรรมชาติเกี่ยวข้องอยู่ด้วย. แต่ถ้าเราพิจารณาจากมุมมองนี้ เราก็จะประเมินพยานหลักฐานอย่างลำเอียง. นอกจากนั้น เราจะละเลยโยบ 9:10; เพลง. 104:25) ในฐานะคริสเตียน เราแน่ใจว่าพลังปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการทรงสร้างได้แก่พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระยะโฮวาทรงใช้อย่างชาญฉลาด.
การดำรงอยู่ที่เห็นได้อย่างชัดเจนของสิ่งทรงสร้าง “นับไม่ถ้วน” ที่เป็นระเบียบและมีจุดประสงค์. (พระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อของเราในพระเจ้า
19. อะไรให้หลักฐานแก่เราเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของพระเจ้าและการดำเนินงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์?
19 เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับการทรงสร้างเพื่อจะมีความเชื่อในพระเจ้ารวมทั้งความรักและความนับถืออย่างสุดซึ้งต่อพระองค์. เช่นเดียวกับมิตรภาพที่มีกับมนุษย์ด้วยกัน ความเชื่อในพระยะโฮวาอาศัยไม่เพียงข้อเท็จจริง. สายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนพัฒนาขึ้นเมื่อพวกเขารู้จักกันดีขึ้นฉันใด ความเชื่อของเราในพระเจ้าก็เพิ่มขึ้นเมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์มากขึ้นฉันนั้น. จริงทีเดียว เราตระหนักว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่เมื่อพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของเราและเมื่อเราสังเกตเห็นผลดีของการปฏิบัติตามหลักการของพระองค์ในชีวิตเรา. เราเข้าใกล้พระยะโฮวายิ่งขึ้นเมื่อเราเห็นหลักฐานเพิ่มขึ้นว่าพระองค์กำลังชี้นำก้าวเดินของเรา, ปกป้องเรา, อวยพรความพยายามของเราในการรับใช้พระองค์, และประทานสิ่งจำเป็นต่าง ๆ แก่เรา. ทั้งหมดนี้เป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของพระเจ้าและการดำเนินงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์.
20. (ก) เหตุใดพระเจ้าทรงสร้างเอกภพและมนุษย์? (ข) ผลจะเป็นเช่นไรถ้าเราให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านำทางเราต่อ ๆ ไป?
20 คัมภีร์ไบเบิลเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการที่พระยะโฮวาทรงใช้พลังปฏิบัติการของพระองค์เพราะผู้เขียนพระคัมภีร์ “พูดตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้พูดโดยได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์.” (2 เป. 1:21) การศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อของเราในพระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่ง. (วิ. 4:11) พระยะโฮวาทรงสร้างสรรพสิ่งเพื่อแสดงคุณลักษณะแห่งความรักที่น่าดึงดูดใจ. (1 โย. 4:8) ด้วยเหตุนั้น ให้เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคนอื่นให้เรียนรู้เกี่ยวกับพระบิดาฝ่ายสวรรค์และมิตรที่รักของเรา. สำหรับตัวเราเอง ถ้าเราให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้านำเราต่อ ๆ ไป เราจะมีสิทธิพิเศษได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ตลอดไป. (กลา. 5:16, 25) ขอให้เราแต่ละคนเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาและราชกิจของพระองค์ต่อ ๆ ไป และดำเนินชีวิตอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักอันไม่มีขีดจำกัดที่พระองค์ทรงแสดงออกเมื่อพระองค์ทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อสร้างฟ้าสวรรค์, แผ่นดินโลก, และมนุษยชาติ.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 6 โปรดดูหนังสือพระผู้สร้างผู้ใฝ่พระทัยในตัวคุณมีไหม? หน้า 24-25.
คุณอธิบายได้ไหม?
• ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกสอนเราอย่างไรเกี่ยวกับการที่พระเจ้าทรงใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์?
• การที่เราถูกสร้างตามแบบของพระเจ้าทำให้เรามีโอกาสอะไร?
• เหตุใดเราจำเป็นต้องตรวจสอบพยานหลักฐานที่สนับสนุนการทรงสร้าง?
• เราจะทำให้สายสัมพันธ์ของเรากับพระยะโฮวาพัฒนาขึ้นได้โดยวิธีใดบ้าง?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 7]
ความเป็นระเบียบที่เห็นได้ในเอกภพสอนเราอย่างไรเกี่ยวกับการทรงสร้าง?
[ที่มาของภาพ]
Stars: Anglo-Australian Observatory/David Malin Images
[ภาพหน้า 8]
ดีเอ็นเอมีบทบาทเหมือน ๆ กันอย่างไรในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด?
[ภาพหน้า 10]
คุณพร้อมจะปกป้องความเชื่อของคุณไหม?