จงตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ
จงตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ
“คนฉลาดย่อมมองดูทางเดินของเขาด้วยความระวัง.”—สุภา. 14:15
1, 2. (ก) ทุกครั้งที่ตัดสินใจเราควรสนใจอะไรเป็นอันดับแรก? (ข) เราจะพิจารณาคำถามอะไรบ้าง?
ในแต่ละวัน มีสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำหลายครั้ง. ส่วนใหญ่แล้วสิ่งนี้มีผลกระทบที่ไม่ยาวนานนัก. อย่างไรก็ตาม บางครั้ง สิ่งนี้อาจส่งผลอย่างมากต่อชีวิตเรา. สิ่งนี้คืออะไร? การตัดสินใจนั่นเอง. ในการตัดสินใจทุกครั้ง ไม่ว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก สิ่งที่เราสนใจเป็นอันดับแรกคือการทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ.—อ่าน 1 โครินท์ 10:31
2 คุณคิดว่าการตัดสินใจเป็นเรื่องง่ายหรือยาก? เพื่อเราจะก้าวหน้าจนเป็นคริสเตียนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ เราต้องเรียนรู้ที่จะแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด แล้วก็ตัดสินใจอย่างที่สอดคล้องกับความเชื่อของเรา ไม่ใช่ตามความเชื่อของคนอื่น. (โรม 12:1, 2; ฮีบรู 5:14) มีเหตุผลหนักแน่นอะไรอีกที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อจะตัดสินใจได้ดี? เหตุใดบางครั้งเป็นเรื่องยากมากที่จะตัดสินใจ? และมีขั้นตอนอะไรบ้างที่จะช่วยให้เราตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ?
ทำไมต้องตัดสินใจ?
3. เราไม่ควรปล่อยให้อะไรเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจของเรา?
3 ถ้าเราไม่แน่ใจว่าควรตัดสินใจอย่างไรตามมาตรฐานในคัมภีร์ไบเบิล เพื่อนนักเรียนหรือเพื่อนร่วมงานอาจลงความเห็นว่าเราไม่มั่นใจอย่างแท้จริงในสิ่งที่เราเชื่อ และด้วยเหตุนั้นเราจึงถูกโน้มน้าวได้ง่าย. พวกเขาอาจโกหก, โกง, หรือขโมยแล้วก็พยายามชักชวนเราให้ทำ “ตามอย่างคนส่วนมากที่เขากระทำกันนั้น” หรืออย่างน้อยก็ช่วยปกปิดสิ่งที่เขาทำ. (เอ็ก. 23:2) อย่างไรก็ตาม คนที่รู้ว่าควร ตัดสินใจอย่างไรจึงจะทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญจะไม่ปล่อยให้ความกลัวหรือความปรารถนาจะให้คนอื่นยอมรับทำให้เขาประพฤติอย่างที่ขัดกับสติรู้สึกผิดชอบที่ได้รับการฝึกโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิล.—โรม 13:5
4. เหตุใดคนอื่น ๆ อาจอยากตัดสินใจแทนเรา?
4 ไม่ใช่ทุกคนที่อยากตัดสินใจแทนเรามีเจตนาร้ายต่อเราเสมอไป. เพื่อน ๆ ที่มีเจตนาดีอาจคะยั้นคะยอให้เราทำตามคำแนะนำของพวกเขา. ถ้าเราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แล้ว ญาติ ๆ ก็คงจะยังเป็นห่วงสวัสดิภาพของเราและอาจรู้สึกว่ายังจำเป็นต้องช่วยเราตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ อยู่. ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณากรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล. คัมภีร์ไบเบิลตำหนิอย่างชัดเจนในเรื่องการใช้เลือดในทางผิด. (กิจ. 15:28, 29) แต่เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอาจไม่ชัดเจนอย่างนั้น และเราแต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธการรักษาแบบใด. * คนที่เรารักอาจแสดงความคิดเห็นของเขาอย่างหนักแน่นในเรื่องดังกล่าว. อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้ คริสเตียนแต่ละคนที่อุทิศตัวและรับบัพติสมาแล้วต้องแบก ‘ภาระหรือหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง.’ (กลา. 6:4, 5) สิ่งที่เราสนใจเป็นอันดับแรกก็คือการรักษาสติรู้สึกผิดชอบที่ดีเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ไม่ใช่การทำให้มนุษย์พอใจ.—1 ติโม. 1:5
5. เราจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียความเชื่อได้อย่างไร?
5 การไม่กล้าตัดสินใจอาจทำให้เราประสบอันตรายร้ายแรง. สาวกยาโกโบเขียนว่าคนสองจิตสองใจ “เป็นคนโลเลในทุกเรื่อง.” (ยโก. 1:8) เช่นเดียวกับผู้ชายที่อยู่ในเรือที่ไม่มีหางเสือซึ่งแล่นในทะเลที่มีคลื่นลมแรง เขาจะถูกซัดไปซัดมาตามความคิดเห็นของมนุษย์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา. เป็นเรื่องง่ายที่คนประเภทนี้จะสูญเสียความเชื่อแล้วก็โทษคนอื่นว่าทำให้เขาต้องเป็นเช่นนี้! (1 ติโม. 1:19) เราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? เราต้อง “มีความเชื่อที่มั่นคง.” (อ่านโกโลซาย 2:6, 7) เพื่อจะมั่นคง เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะตัดสินใจอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าเราเชื่อพระคำซึ่งมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า. (2 ติโม. 3:14-17) แต่อะไรอาจทำให้เราไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง?
ทำไมการตัดสินใจจึงเป็นเรื่องยาก?
6. ความกลัวอาจส่งผลต่อเราอย่างไร?
6 ความกลัวอาจทำให้เราทำอะไรไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นความกลัวว่าจะตัดสินใจผิด, กลัวว่าจะล้มเหลว, หรือกลัวว่าจะดูโง่เขลาในสายตาของคนอื่น. ความกังวลเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา. ไม่มีใครอยากตัดสินใจอย่างไม่สุขุมหรือตัดสินใจอย่างที่ก่อให้เกิดความลำบากและอาจทำให้อับอายขายหน้า. แม้กระนั้น ความรักต่อพระเจ้าและพระคำของพระองค์อาจช่วยให้เรากลัวน้อยลง. โดยวิธีใด? ความรักต่อพระเจ้าจะกระตุ้นเราให้ค้นดูพระคำของพระองค์และหนังสือต่าง ๆ ที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักทุกครั้งก่อนที่เราจะตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ. โดยวิธีนี้ เราจะตัดสินใจผิดพลาดน้อยลง. เพราะเหตุใด? เพราะคัมภีร์ไบเบิลสามารถทำให้ “เกิดความเฉลียวฉลาดแก่คนโง่, เพื่อจะให้เกิดความรู้และสติปัญญาแก่ยุวชน.”—สุภา. 1:4
7. เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของกษัตริย์ดาวิด?
7 เราจะตัดสินใจได้ถูกต้องเสมอไหม? ไม่. เราทุกคนพลาดพลั้ง. (โรม 3:23) ตัวอย่างเช่น กษัตริย์ดาวิดเป็นคนฉลาดสุขุมและซื่อสัตย์. กระนั้น บางครั้งท่านตัดสินใจอย่างไม่สุขุมซึ่งทำให้ตัวท่านเองและคนอื่น ๆ ต้องประสบความทุกข์. (2 ซามู. 12:9-12) อย่างไรก็ตาม ดาวิดไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดของท่านทำให้ท่านไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องที่พระเจ้าพอพระทัย. (1 กษัต. 15:4, 5) แม้ว่าในอดีตเราเคยทำผิดพลาด เราก็ยังกล้าตัดสินใจได้ถ้าเราทำเหมือนดาวิด คือระลึกว่าพระยะโฮวาจะทรงมองข้ามข้อผิดพลาดของเราและให้อภัยบาปของเรา. พระองค์จะทรงค้ำชูคนที่รักและเชื่อฟังพระองค์ต่อ ๆ ไป.—เพลง. 51:1-4, 7-10
8. เราเรียนอะไรได้จากความเห็นของอัครสาวกเปาโลเกี่ยวกับการสมรส?
8 เราสามารถทำให้ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อต้อง1 โค. 7:36-38) เปาโลสนับสนุนการเป็นโสดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว.
ตัดสินใจลดน้อยลงได้. โดยวิธีใด? โดยตระหนักว่าบางครั้งมีหลายแนวทางที่ถูกต้องซึ่งเราจะเลือกได้. ขอให้พิจารณาว่าอัครสาวกเปาโลชักเหตุผลอย่างไรในเรื่องการสมรส. ท่านเขียนโดยได้รับการดลใจว่า “ถ้าคนโสดคนใดคิดว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลยวัยหนุ่มสาวไปแล้ว และคิดว่าแต่งงานก็ดีกว่า ให้เขาทำอย่างที่ต้องการ ถ้าเขาทำเช่นนี้เขาไม่ได้ทำบาป. ให้พวกเขาแต่งงานเถิด. แต่ถ้าคนใดตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นโสด คิดว่าไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่ควบคุมตนเองได้และยึดมั่นกับการตัดสินใจนั้น ก็ทำดีแล้ว. เพราะฉะนั้น คนโสดที่ตัดสินใจแต่งงานก็ทำดี.” (9. เราควรเป็นห่วงไหมว่าคนอื่นมองการตัดสินใจของเราอย่างไร? จงอธิบาย.
9 เราควรเป็นห่วงไหมว่าคนอื่นมองการตัดสินใจของเราอย่างไร? เราควรเป็นห่วงในระดับหนึ่ง. ขอให้สังเกตว่าเปาโลกล่าวไว้อย่างไรในเรื่องการกินอาหารที่ดูเหมือนว่าถูกถวายแก่รูปเคารพมาก่อน. ท่านยอมรับว่าการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งอาจไม่ผิด แต่ก็อาจทำให้เกิดผลเสียต่อบางคนที่สติรู้สึกผิดชอบอ่อนแอ. เปาโลตั้งใจว่าจะทำเช่นไร? ท่านเขียนว่า “ถ้าอาหารทำให้พี่น้องของข้าพเจ้าหลงผิด ข้าพเจ้าจะไม่กินเนื้อสัตว์อีกเลย เพื่อข้าพเจ้าจะไม่ทำให้พี่น้องของข้าพเจ้าหลงผิดไป.” (1 โค. 8:4-13) เราเองอาจต้องพิจารณาว่าการตัดสินใจของเราจะส่งผลต่อสติรู้สึกผิดชอบของคนอื่นอย่างไร. แน่นอน สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดก็คือการเลือกของเราจะส่งผลอย่างไรต่อมิตรภาพที่เรามีกับพระยะโฮวา. (อ่านโรม 14:1-4) หลักการอะไรในคัมภีร์ไบเบิลจะช่วยเราให้ตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ?
หกขั้นตอนในการตัดสินใจอย่างสุขุม
10, 11. (ก) เราจะไม่ทำเกินสิทธิ์ในครอบครัวได้อย่างไร? (ข) ผู้ปกครองควรจำอะไรไว้เสมอเมื่อตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาคม?
10 อย่าทำเกินสิทธิ์. ก่อนตัดสินใจว่าจะทำอะไร เราจำเป็นต้องถามตัวเองว่า ‘ฉันมีอำนาจที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ไหม?’ กษัตริย์โซโลมอนเขียนว่า “เมื่อความจองหองมาถึงความละอายก็มาด้วย; แต่ปัญญาย่อมอาศัยอยู่กับผู้ถ่อมลง.”—สุภา. 11:2
11 บิดามารดาอาจอนุญาตให้ลูกที่อายุยังน้อยมีโอกาสตัดสินใจเองในบางเรื่อง แต่ลูกไม่ควรทึกทักว่าเขามีอำนาจที่จะตัดสินใจอย่างไรก็ได้. (โกโล. 3:20) คนที่เป็นภรรยาและมารดามีอำนาจระดับหนึ่งในครอบครัว แต่เธอควรยอมรับว่าสามีเป็นประมุขของเธอ. (สุภา. 1:8; 31:10-18; เอเฟ. 5:23) ในทำนองเดียวกัน สามีจำเป็นต้องยอมรับว่าอำนาจของตนมีจำกัดและพวกเขาอยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์. (1 โค. 11:3) ผู้ปกครองตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อประชาคม. อย่างไรก็ตาม พวกเขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่ทำ “เลยขอบเขตที่เขียนบอกไว้” ในพระคำของพระเจ้า. (1 โค. 4:6) พวกเขาทำตามการชี้นำที่ได้รับจากทาสสัตย์ซื่ออย่างเคร่งครัดด้วย. (มัด. 24:45-47) เราสามารถหลีกเลี่ยงการทำให้ตัวเองและคนอื่น ๆ กังวลใจหรือเป็นทุกข์ถ้าเราเจียมตัวและตัดสินใจเฉพาะเมื่อเราได้รับมอบอำนาจที่จะตัดสินใจ.
12. (ก) เหตุใดเราควรค้นคว้าหาข้อมูล? (ข) จงอธิบายว่าเราอาจค้นคว้าได้โดยวิธีใด.
12 ค้นคว้าหาข้อมูล. โซโลมอนเขียนว่า “แผนงานของสุภา. 21:5, ฉบับ R73) ตัวอย่างเช่น คุณกำลังพิจารณาข้อเสนอทางธุรกิจอยู่ไหม? อย่าปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ. จงรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง, ขอคำแนะนำจากคนที่คุ้นเคยดีกับธุรกิจนั้น, และค้นดูว่ามีหลักการอะไรในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย. (สุภา. 20:18) เพื่อจะจัดข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้าให้เป็นระเบียบ จงลงรายการไว้สองรายการ—รายการหนึ่งลงรายละเอียดเกี่ยวกับผลประโยชน์ต่าง ๆ ส่วนอีกรายการหนึ่งลงรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเป็นปัญหา. ก่อนจะตัดสินใจ จง “คำนวณค่าใช้จ่ายก่อน.” (ลูกา 14:28) ขอให้พิจารณาว่าการตัดสินใจของคุณอาจก่อผลกระทบอย่างไรต่อสภาพทางการเงินและสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณของคุณ. การค้นคว้าหาข้อมูลต้องใช้เวลาและความพยายาม. แต่เมื่อทำอย่างนั้น คุณจะหลีกเลี่ยงการตัดสินใจอย่างรีบร้อนซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลใจโดยไม่จำเป็น.
คนขยันขันแข็งนำสู่ความอุดมแน่นอน แต่ทุกคนที่เร่งร้อนก็มาสู่ความขัดสนเท่านั้น.” (13. (ก) มีคำรับรองอะไรที่ยาโกโบ 1:5? (ข) การอธิษฐานขอสติปัญญาอาจช่วยเราอย่างไร?
13 อธิษฐานขอสติปัญญา. การตัดสินใจของเราจะทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญเฉพาะแต่เมื่อเราทูลขอให้พระองค์ช่วยเราตัดสินใจ. สาวกยาโกโบเขียนว่า “ถ้าพวกท่านคนใดขาดสติปัญญา ให้เขาทูลขอพระเจ้าต่อ ๆ ไป แล้วเขาจะได้รับจากพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงประทานแก่ทุกคนด้วยพระทัยกว้างและไม่ทรงตำหนิ.” (ยโก. 1:5) ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะยอมรับว่าเราจำเป็นต้องได้รับสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อช่วยเราตัดสินใจ. (สุภา. 3:5, 6) ที่จริง การหมายพึ่งความเข้าใจของตัวเราเองล้วน ๆ อาจนำเราไปผิดทางได้ง่าย. เมื่อเราอธิษฐานขอสติปัญญาและค้นคว้าหลักการในพระคำของพระเจ้า เรายอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเราให้เข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเราที่ต้องการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง.—ฮีบรู 4:12; อ่านยาโกโบ 1:22-25
14. เหตุใดเราควรหลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่ง?
14 ตัดสินใจ. อย่ารีบทำขั้นตอนนี้โดยที่ยังไม่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลและอธิษฐานขอสติปัญญา. บุคคลที่ฉลาดสุขุมใช้เวลา “พิเคราะห์ดูย่างก้าวของตน.” (สุภา. 14:15, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) ในทางตรงกันข้าม อย่าผัดวันประกันพรุ่ง. คนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งอาจมีข้ออ้างสารพัดที่เขายังไม่ตัดสินใจ. (สุภา. 22:13) อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็ต้องตัดสินใจอยู่ดี แต่มักเป็นการตัดสินใจที่คล้อยตามคนอื่น ซึ่งก็เท่ากับว่าเขายอมให้คนอื่นควบคุมชีวิตของเขา.
15, 16. การทำตามการตัดสินใจให้สำเร็จเกี่ยวข้องกับอะไร?
15 ทำตามการตัดสินใจให้สำเร็จ. ความพยายามที่เราใช้ไปเพื่อจะตัดสินใจอย่างสุขุมอาจสูญเปล่าถ้าเราไม่ทำตามการตัดสินใจนั้นอย่างขันแข็งจนบรรลุผลสำเร็จ. โซโลมอนเขียนว่า “เมื่อมือไม้ของเจ้าจับการอันใดทำ, จงกระทำการอันนั้นด้วยกำลังวังชาของเจ้าเถิด.” (ผู้ป. 9:10) เพื่อจะประสบความสำเร็จ เราต้องเต็มใจที่จะจัดสรรสิ่งจำเป็นต่าง ๆ เพื่อให้การตัดสินใจของเราบรรลุผล. ยก ตัวอย่าง ผู้ประกาศคนหนึ่งในประชาคมตัดสินใจเป็นไพโอเนียร์. เขาจะทำได้สำเร็จไหม? เขาคงทำได้สำเร็จถ้าไม่ปล่อยให้งานอาชีพและการพักผ่อนหย่อนใจมากเกินไปทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงและทำให้เขาไม่มีเวลาพอจะเอาใจใส่งานรับใช้.
16 การตัดสินใจที่ดีที่สุดมักจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ทำให้สำเร็จได้ง่ายที่สุด. เพราะเหตุใด? เพราะ “โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจตัวชั่วร้าย.” (1 โย. 5:19) เราต้องต่อสู้กับ “ผู้ปกครองโลกแห่งความมืดนี้ และต่อสู้กับพวกกายวิญญาณชั่วในสวรรค์สถาน.” (เอเฟ. 6:12) ทั้งอัครสาวกเปาโลและสาวกยูดาระบุว่าคนที่ตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญจะต้องต่อสู้อย่างหนัก.—1 ติโม. 6:12; ยูดา 3
17. พระยะโฮวาทรงคาดหมายให้เราทำอย่างไรในเรื่องการตัดสินใจ?
17 ทบทวนการตัดสินใจและปรับเปลี่ยนถ้าจำเป็น. ไม่ใช่การตัดสินใจทุกอย่างจะเป็นไปตามที่วางแผนไว้. “วาระและเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดล่วงหน้า” บังเกิดแก่เราทุกคน. (ผู้ป. 9:11, ล.ม.) ถึงกระนั้น พระยะโฮวาทรงคาดหมายว่าเราจะเพียรพยายามทำให้สำเร็จตามการตัดสินใจของเราแม้ว่าอาจประสบปัญหา. หากเราได้อุทิศชีวิตแด่พระยะโฮวาหรือกล่าวคำปฏิญาณในการสมรสแล้ว การตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจต่อรองได้. พระเจ้าทรงคาดหมายให้เราดำเนินชีวิตตามการตัดสินใจดังกล่าว. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 15:1, 2, 4) อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สำคัญน้อยกว่านั้น. คนที่ฉลาดสุขุมจะทบทวนการตัดสินใจของตนเป็นครั้งคราว. เขาจะไม่ให้ความหยิ่งหรือความดื้อรั้นยับยั้งเขาไว้ไม่ให้ปรับเปลี่ยนหรือแม้แต่ตัดสินใจใหม่. (สุภา. 16:18) การดำเนินชีวิตอย่างที่จะทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญเสมอเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเขา.
ฝึกสอนคนอื่นให้ตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ
18. บิดามารดาอาจฝึกสอนลูกให้ตัดสินใจอย่างสุขุมได้อย่างไร?
18 บิดามารดาสามารถช่วยลูกได้มากให้เรียนรู้วิธีตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ. ตัวอย่างที่ดีเป็นครูที่ดีที่สุด. (ลูกา 6:40) เมื่อเห็นว่าเหมาะ บิดามารดาอาจอธิบายให้ลูกฟังว่าเขาเองทำอย่างไรเมื่อจะตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง. นอกจากนั้น พวกเขาอาจต้องการให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเองในบางเรื่อง แล้วก็ชมเชยลูกเมื่อเขาตัดสินใจได้ดี. แต่จะว่าอย่างไรถ้าลูกตัดสินใจอย่างไม่สุขุม? บิดามารดามักมีแนวโน้มที่จะปกป้องลูกไว้จากผลกระทบที่ตามมา แต่การทำอย่างนี้อาจไม่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับลูกเสมอไป. ตัวอย่างเช่น บิดามารดาอาจอนุญาตให้ลูกสอบใบขับขี่. สมมุติว่าลูกฝ่าฝืนกฎจราจรและถูกปรับ. บิดามารดาอาจจ่ายค่าปรับให้ลูก. แต่ถ้าลูกต้องทำงานเพื่อจะมีเงินจ่ายค่าปรับเอง เขาคงเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบการกระทำของตัวเองได้มากกว่า.—โรม 13:4
19. เราควรสอนอะไรแก่นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล และเราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
19 พระเยซูทรงสั่งเหล่าสาวกให้สอนคนอื่น ๆ. (มัด. 28:20) บทเรียนสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่เราจะสอนนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้ก็คือวิธีที่จะตัดสินใจได้อย่างสุขุม. เพื่อจะทำอย่างนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องพยายามที่จะไม่บอกพวกเขาว่าควรตัดสินใจอย่างไร. นับว่าดีกว่ามากที่เราจะสอนพวกเขาให้หาเหตุผลจากหลักการในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อพวกเขาจะตัดสินใจเองว่าควรทำอย่างไร. ที่จริง “เราแต่ละคนจะต้องให้การเรื่องของตัวเองต่อพระเจ้า.” (โรม 14:12) ด้วยเหตุนั้น เราทุกคนมีเหตุผลหนักแน่นที่จะตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ.
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 4 สำหรับการพิจารณาในเรื่องนี้ โปรดดูใบแทรก “ฉันควรตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับการใช้ส่วนประกอบย่อยของเลือดและการใช้เลือดของตัวเองในการรักษาทางการแพทย์?” ในพระราชกิจของเรา พฤศจิกายน 2006 หน้า 3-6.
คุณจะตอบอย่างไร?
• เหตุใดเราจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีที่จะตัดสินใจ?
• ความกลัวอาจส่งผลต่อเราอย่างไร และเราจะเอาชนะความกลัวได้อย่างไร?
• มีหกขั้นตอนอะไรที่จะช่วยให้เราตัดสินใจอย่างที่ทำให้พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ?
[คำถาม]
[กรอบ/ภาพหน้า 16]
ขั้นตอนในการตัดสินใจอย่างสุขุม
1 อย่าทำเกินสิทธิ์
2 ค้นคว้าหาข้อมูล
3 อธิษฐานขอสติปัญญา
4 ตัดสินใจ
5 ทำตามการตัดสินใจให้สำเร็จ
6 ทบทวนและปรับเปลี่ยน
[ภาพหน้า 15]
คนโลเลเป็นเหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือซึ่งอยู่ในทะเลที่มีคลื่นลมแรง