‘โอ้ สติปัญญาของพระเจ้าล้ำลึกเสียจริง!’
‘โอ้ สติปัญญาของพระเจ้าล้ำลึกเสียจริง!’
“โอ้ความมั่งคั่งและสติปัญญาและความรู้ของพระเจ้าล้ำลึกเสียจริง! คำพิพากษาของพระองค์เหลือกำลังที่จะสืบค้นได้และทางของพระองค์เหลือวิสัยที่จะสืบเสาะได้!”—โรม 11:33
1. สิทธิพิเศษอันใหญ่หลวงที่สุดสำหรับคริสเตียนที่รับบัพติสมาแล้วคืออะไร?
สิทธิพิเศษอันใหญ่หลวงที่สุดที่คุณได้รับคืออะไร? ทีแรก คุณอาจนึกถึงงานมอบหมายบางอย่างหรือเกียรติที่คุณได้รับ. อย่างไรก็ตาม สำหรับคริสเตียนที่รับบัพติสมาแล้ว สิทธิพิเศษอันใหญ่หลวงที่สุดที่เรามีคือการที่พระยะโฮวาทรงยอมให้เรามีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว. สายสัมพันธ์นี้ทำให้ “พระองค์ทรงรู้จัก” เรา.—1 โค. 8:3; กลา. 4:9
2. เหตุใดการรู้จักพระยะโฮวาและการที่พระองค์รู้จักเราจึงเป็นสิทธิพิเศษอันใหญ่หลวง?
2 เหตุใดการรู้จักพระยะโฮวาและการที่พระองค์รู้จักเราจึงเป็นสิทธิพิเศษอันใหญ่หลวง? ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะพระองค์ไม่ได้เป็นเพียงบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอกภพเท่านั้น แต่พระองค์ยังปกป้องผู้ที่พระองค์ทรงรักด้วย. ผู้พยากรณ์นาฮูมได้รับการดลใจให้เขียนว่า “พระยะโฮวาทรงไว้ซึ่งความดี, ทรงเป็นสถานนิรภัยในคราวภัยพิบัติ, และพระองค์ทรงรู้จักพวกที่เข้ามาพึ่งอาศัยในพระองค์.” (นาฮูม 1:7; เพลง. 1:6) ที่จริง ความหวังของเราที่จะมีชีวิตนิรันดร์นั้นขึ้นอยู่กับการที่เรารู้จักพระเจ้าองค์เที่ยงแท้และพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์.—โย. 17:3
3. การรู้จักพระเจ้าเกี่ยวข้องกับอะไร?
3 การรู้จักพระเจ้าไม่ได้หมายความเพียงแค่รู้จักพระนามของพระองค์. เราต้องรู้จักพระองค์ในฐานะมิตร และเข้าใจว่าพระองค์ทรงชอบอะไรและไม่ชอบอะไร. การที่เราดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความรู้นั้นยังเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญด้วยที่แสดงว่าเรารู้จักพระเจ้าอย่างใกล้ชิด. (1 โย. 2:4) แต่มีสิ่งอื่นอีกที่จำเป็นด้วยถ้าเราอยากจะรู้จักพระยะโฮวาจริง ๆ. เราจำเป็นต้องรู้ไม่เพียงแค่พระองค์ทำอะไร แต่ต้องรู้ด้วยว่าพระองค์ทำอย่างไรและทำไมพระองค์ทำเช่นนั้น. ยิ่งเราเข้าใจพระประสงค์ของพระยะโฮวามากเท่าไร เราก็จะยิ่งพิศวง ‘สติปัญญาอันล้ำลึกของพระเจ้า’ มากเท่านั้น.—โรม 11:33
พระเจ้าผู้มีพระประสงค์
4, 5. (ก) คำว่า “พระประสงค์” ตามที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงอะไร? (ข) จงยกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเราอาจบรรลุเป้าหมายอย่างหนึ่งได้มากกว่าหนึ่งวิธี.
4 พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าที่มีพระประสงค์ และคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึง “พระประสงค์ชั่วนิรันดร์” ของพระองค์. (เอเฟ. 3:10, 11) วลีนี้หมายความอย่างไรจริง ๆ? คำว่า “พระประสงค์” ตามที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึงเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจจะบรรลุได้มากกว่าหนึ่งวิธี.
5 เพื่อเป็นตัวอย่าง คนเราอาจอยากเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแห่งหนึ่ง. การไปยังจุดหมายปลายทางนั้นคือเป้าหมายของเขา. เขาอาจมีวิธีเดินทางหลายวิธีและมีหลายเส้นทางให้เลือกได้. เมื่อเดินทางไปตามเส้นทางที่เขาเลือก เขาอาจเผชิญสภาพอากาศที่เลวร้าย การจราจรติดขัด และการปิดถนน ซึ่งทำให้เขาต้องเลือกใช้เส้นทางอื่นแทน. กระนั้น ไม่ว่าเขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร เขาก็จะยังคงทำตามเป้าหมายของเขาให้สำเร็จเมื่อเขาไปถึงจุดหมายปลายทาง.
6. พระยะโฮวาทรงแสดงความยืดหยุ่นในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จอย่างไร?
6 คล้ายกัน พระยะโฮวาทรงยืดหยุ่นอย่างมากในการเย. 1:28) พระประสงค์ดังกล่าวนั้นถูกขัดขวางโดยการขืนอำนาจในสวนเอเดนไหม? ไม่! พระยะโฮวาทรงลงมือเพื่อแก้ไขสถานการณ์ใหม่นั้นทันทีโดยใช้อีก “เส้นทาง” หนึ่งเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ. พระองค์ทรงบอกล่วงหน้าถึงการปรากฏของ “ผู้สืบเชื้อสาย” ที่จะแก้ไขผลเสียหายที่การขืนอำนาจนั้นก่อให้เกิดขึ้น.—เย. 3:15, ล.ม.; ฮีบรู 2:14-17; 1 โย. 3:8
ทำให้พระประสงค์ชั่วนิรันดร์ของพระองค์สำเร็จ. โดยคำนึงถึงเจตจำนงเสรีของสิ่งทรงสร้างที่มีเชาวน์ปัญญาของพระองค์ พระองค์ทรงพร้อมจะปรับเปลี่ยนวิธีที่จะทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ. ตัวอย่างเช่น ขอให้เราพิจารณาวิธีที่พระยะโฮวาทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับผู้สืบเชื้อสายตามคำสัญญาสำเร็จ. แรกทีเดียว พระยะโฮวาทรงบอกมนุษย์คู่แรกว่า “จงบังเกิดทวีมากขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน; จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน.” (7. เราเรียนอะไรได้จากถ้อยคำที่พระยะโฮวาทรงพรรณนาพระองค์เองดังบันทึกที่เอ็กโซโด 3:14?
7 ความสามารถของพระยะโฮวาในการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ขณะที่กำลังทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จครบถ้วนนั้นสอดคล้องกับถ้อยคำที่พระองค์พรรณนาถึงพระองค์เอง. เมื่อโมเซทูลถามพระยะโฮวาเกี่ยวกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในงานที่ท่านได้รับมอบหมาย พระยะโฮวาทรงรับรองกับท่านโดยตรัสว่า “ ‘เราเป็นซึ่งเราเป็น.’ และตรัสอีกว่า, ‘เจ้าจงไปบอกชนชาติยิศราเอลว่า, “พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า เราผู้เป็นอยู่ได้ใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย.”’ ” (เอ็ก. 3:14) ใช่แล้ว พระยะโฮวาทรงสามารถเป็นอะไรก็ตามที่จำเป็นเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จอย่างครบถ้วน! อัครสาวกเปาโลยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่ทำให้เห็นข้อเท็จจริงนี้ได้อย่างชัดเจนในหนังสือโรมบท 11. ที่นั่น ท่านกล่าวถึงต้นมะกอกโดยนัย. การพิจารณาตัวอย่างเปรียบเทียบนี้จะช่วยให้เราเข้าใจพระสติปัญญาอันล้ำลึกของพระยะโฮวามากขึ้น ไม่ว่าเรามีความหวังจะมีชีวิตในสวรรค์หรือมีชีวิตตลอดไปบนแผ่นดินโลกนี้.
พระประสงค์ของพระยะโฮวาเกี่ยวกับผู้สืบเชื้อสายที่บอกไว้ล่วงหน้า
8, 9. (ก) มีข้อเท็จจริงพื้นฐานสี่ประการอะไรที่จะช่วยเราให้เข้าใจตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นมะกอก? (ข) เราจะพิจารณาคำถามอะไร? คำถามนี้เผยให้เห็นอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
8 ก่อนที่เราจะเข้าใจตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นมะกอก เราต้องรู้ข้อเท็จจริงสี่ประการเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระประสงค์ของพระยะโฮวาเรื่องผู้สืบเชื้อสายที่บอกไว้ล่วงหน้า. ประการแรก พระยะโฮวาทรงสัญญากับอับราฮามว่า “ชนทุกชาติทั่วโลกจะได้พร” โดยทางผู้สืบเชื้อสายของท่าน. (เย. 22:17, 18) ประการที่สอง มีการเสนอความหวังแก่ชาติอิสราเอลซึ่งเกิดมาจากอับราฮามว่า ชาตินี้จะก่อให้เกิด “อาณาจักรแห่งปุโรหิต.” (เอ็ก. 19:5, 6) ประการที่สาม เมื่อชาวยิวโดยกำเนิดส่วนใหญ่ไม่ยอมรับพระมาซีฮา พระยะโฮวาทรงดำเนินการโดยใช้อีกวิธีหนึ่งเพื่อก่อให้เกิด “อาณาจักรแห่งปุโรหิต.” (มัด. 21:43; โรม 9:27-29) ประการสุดท้าย แม้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้สืบเชื้อสายอันดับแรกของอับราฮาม คนอื่น ๆ ได้รับสิทธิพิเศษให้มาเป็นส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อสายนี้.—กลา. 3:16, 29
9 โดยอาศัยข้อเท็จจริงพื้นฐานสี่ประการนี้ เราได้เรียนในหนังสือวิวรณ์ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 144,000 คนที่จะร่วมปกครองกับพระเยซูในฐานะกษัตริย์และปุโรหิตในสวรรค์. (วิ. 14:1-4) คนเหล่านี้ยังถูกเรียกด้วยว่าเป็น “เหล่าบุตรของอิสราเอล.” (วิ. 7:4-8) แต่ชน 144,000 คนเป็นชาวอิสราเอลหรือชาวยิวโดยกำเนิดทั้งหมดไหม? คำตอบสำหรับคำถามนี้เผยให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงยืดหยุ่นในการทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ. ตอนนี้ให้เรามาดูว่าจดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรมช่วยเราอย่างไรให้ตอบคำถามดังกล่าว.
“อาณาจักรแห่งปุโรหิต”
10. เฉพาะชาติอิสราเอลชาติเดียวเท่านั้นที่มีความหวังอะไร?
10 ดังที่กล่าวไปแล้ว เฉพาะชาติอิสราเอลเท่านั้นที่คาดหวังได้ว่าจะให้กำเนิดสมาชิกที่ประกอบกันเป็น “อาณาจักรแห่งปุโรหิต, และจะเป็นชนชาติอันบริสุทธิ์.” (อ่านโรม 9:4, 5) แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้สืบเชื้อสายตามคำสัญญามาถึง? ชาติอิสราเอลโดยกำเนิดจะก่อให้เกิดชาวอิสราเอลฝ่ายวิญญาณที่จะเป็นผู้สืบเชื้อสายอันดับรองของอับราฮามครบจำนวน 144,000 คนไหม?
11, 12. (ก) การเลือกคนที่จะประกอบกันเป็นอาณาจักรฝ่ายสวรรค์เริ่มขึ้นเมื่อไร และปฏิกิริยาของชาวยิวส่วนใหญ่ที่มีชีวิตอยู่ในเวลานั้นเป็นเช่นไร? (ข) พระยะโฮวาจะทรงทำให้คนที่จะมาเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม “ครบจำนวน” โดยวิธีใด?
11 อ่านโรม 11:7-10. ในฐานะชาติ ชาวยิวในศตวรรษแรกปฏิเสธพระเยซู. ดังนั้น โอกาสที่จะก่อกำเนิดผู้สืบเชื้อสายของอับราฮามจึงไม่ได้เป็นของพวกเขาชาติเดียวอีกต่อไป. อย่างไรก็ตาม เมื่อการเลือกคนที่จะประกอบกันเป็น “อาณาจักรแห่งปุโรหิต” ในสวรรค์เริ่มขึ้นในสากลศักราช 33 มีชาวยิวที่หัวใจสุจริตบางคนตอบรับการเชิญ. เนื่องจากคนเหล่านี้มีจำนวนไม่กี่พันคน พวกเขาจึงเป็นเพียง “คนที่เหลืออยู่” เมื่อเทียบกับชาวยิวทั้งชาติ.—โรม 11:5
12 แต่พระยะโฮวาจะทรงทำให้คนที่จะมาเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม “ครบจำนวน” โดยวิธีใด? (โรม 11:12, 25) ขอให้สังเกตคำตอบของอัครสาวกเปาโลที่ว่า “ใช่ว่าพระคำของพระเจ้าจะล้มเหลว. เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เกิดจากอิสราเอล [โดยกำเนิด] เป็น ‘อิสราเอล’ จริง ๆ. และไม่ใช่ทุกคนที่เป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮามจะเป็นบุตร [ส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม] . . . นั่นคือ เหล่าบุตรตามสายเลือดไม่ใช่บุตรของพระเจ้าจริง ๆ แต่บุตรตามคำสัญญาต่างหากที่ถูกนับว่าเป็นผู้สืบเชื้อสาย.” (โรม 9:6-8) ดังนั้น ข้อกำหนดของพระยะโฮวาที่ว่าคนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อสายต้องเป็นลูกหลานตามสายเลือดของอับราฮามจึงไม่ใช่ข้อกำหนดที่ตายตัว.
ต้นมะกอกโดยนัย
13. สิ่งต่อไปนี้หมายถึงอะไร (ก) ต้นมะกอก (ข) ราก (ค) ลำต้น และ (ง) กิ่ง?
13 อัครสาวกเปาโลกล่าวต่อไปโดยเปรียบคนที่จะเป็นส่วนของผู้สืบเชื้อสายของอับราฮามว่าเป็นกิ่งของต้นมะกอกโดยนัย. * (โรม 11:21) ต้นมะกอกสวนต้นนี้หมายถึงการทำให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญญาที่ทำกับอับราฮาม. รากของต้นไม้นี้บริสุทธิ์และเป็นภาพเปรียบเทียบที่หมายถึงพระยะโฮวาในฐานะผู้ประทานชีวิตแก่ชาติอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ. (ยซา. 10:20; โรม 11:16) ลำต้นหมายถึงพระเยซูซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายอันดับแรกของอับราฮาม. กิ่งทั้งหมดได้แก่ ‘จำนวนที่ครบถ้วน’ ของคนที่จะมาเป็นผู้สืบเชื้อสายอันดับรองของอับราฮาม.
14, 15. ใครคือกิ่งที่ถูก “หักออก” จากต้นมะกอกสวน และใครถูกนำมาต่อเข้าแทนที่?
โรม 11:17) ด้วยเหตุนั้น พวกเขาสูญเสียโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม. แต่ใครจะมาแทนที่พวกเขา? จากมุมมองของชาวยิวโดยกำเนิด ซึ่งภาคภูมิใจว่าพวกเขาเป็นลูกหลานตามสายเลือดของอับราฮาม ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาจะถูกแทนที่โดยชนต่างชาติเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้. แต่โยฮันผู้ให้บัพติสมาเตือนพวกเขาไว้แล้วว่า ถ้าพระยะโฮวาทรงประสงค์จะทำ พระองค์สามารถทำให้อับราฮามมีบุตรจากก้อนหินได้.—ลูกา 3:8
14 ในตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นมะกอก ชาวยิวโดยกำเนิดที่ปฏิเสธพระเยซูถูกเปรียบเหมือนกิ่งมะกอกที่ถูก “หักออก.” (15 ถ้าอย่างนั้นพระยะโฮวาทรงทำอะไรเพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ? เปาโลอธิบายว่ากิ่งจากต้นมะกอกป่าถูกนำมาต่อเข้ากับต้นมะกอกสวนเพื่อแทนที่กิ่งที่ถูกหักทิ้ง. (อ่านโรม 11:17, 18) ฉะนั้น จึงอาจกล่าวโดยนัยได้ว่าคริสเตียนชาวต่างชาติที่ถูกเจิมด้วยพระวิญญาณ เช่น บางคนในประชาคมที่กรุงโรม ถูกต่อเข้ากับต้นมะกอกโดยนัยนี้. โดยวิธีนี้พวกเขาจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม. แรกทีเดียว พวกเขาเป็นเหมือนกิ่งมะกอกป่า เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสเลยที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาพิเศษนี้. แต่พระยะโฮวาทรงเปิดทางให้พวกเขามาเป็นชาวยิวฝ่ายวิญญาณ.—โรม 2:28, 29
16. อัครสาวกเปโตรอธิบายการก่อกำเนิดของชาติใหม่ฝ่ายวิญญาณอย่างไร?
16 อัครสาวกเปโตรอธิบายเรื่องดังกล่าวอย่างนี้: “ฉะนั้น พระองค์ [พระเยซูคริสต์] ทรงมีค่ามากสำหรับท่านทั้งหลาย [ชาวอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ รวมทั้งคริสเตียนชาวต่างชาติด้วย] เพราะพวกท่านเป็นผู้เชื่อถือ แต่สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ‘หินก้อนเดียวกันที่ช่างก่อสร้างปฏิเสธนั้นได้กลายเป็นหินหัวมุมหลัก’ และเป็น ‘หินที่ทำให้สะดุดกับศิลาที่ทำให้ล้ม.’ . . . แต่ท่านทั้งหลายเป็น ‘เชื้อชาติที่ถูกเลือก เป็นปุโรหิตและเป็นกษัตริย์ เป็นชาติบริสุทธิ์ เป็น1 เป. 2:7-10
ชนชาติที่เป็นสมบัติพิเศษ เพื่อท่านทั้งหลายจะป่าวประกาศคุณความดี’ ของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทั้งหลายออกจากความมืดเข้าสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์. เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายไม่ได้เป็นชนชาติ แต่เดี๋ยวนี้เป็นชนชาติของพระเจ้า ท่านทั้งหลายเคยเป็นคนที่ไม่ได้รับความเมตตา แต่เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายเป็นคนที่ได้รับความเมตตาแล้ว.”—17. สิ่งที่พระยะโฮวาทรงทำนั้น “ขัดกับธรรมชาติ” อย่างไร?
17 พระยะโฮวาทรงทำสิ่งหนึ่งที่หลายคนคงคิดไม่ถึงเลย. เปาโลพรรณนาสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า “ขัดกับธรรมชาติ.” (โรม 11:24) เป็นเช่นนั้นอย่างไร? คงดูเหมือนเป็นเรื่องผิดธรรมดาหรือแม้แต่ผิดธรรมชาติที่จะเอากิ่งของต้นไม้ป่ามาต่อเข้ากับต้นไม้สวน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกษตรกรบางคนในศตวรรษแรกทำกัน. * ในทำนองเดียวกัน พระยะโฮวาทรงทำสิ่งที่ผิดธรรมดา. จากมุมมองของชาวยิว ชนต่างชาติไม่สามารถเกิดผลอันเป็นที่ยอมรับได้. อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาทรงทำให้คนเหล่านี้เป็นส่วนของ “ชนชาติหนึ่ง” ซึ่งเกิดผลที่เหมาะสมกับราชอาณาจักร. (มัด. 21:43) โดยเริ่มตั้งแต่การเจิมคอร์เนลิอุสซึ่งเป็นคนต่างชาติที่ไม่ได้รับสุหนัตคนแรกที่เปลี่ยนมาถือศาสนายิวใน ส.ศ. 36 ได้มีการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ใช่ชาวยิวที่ไม่ได้รับสุหนัตถูกต่อเข้ากับต้นมะกอกโดยนัยนี้.—กิจ. 10:44-48 *
18. ชาวยิวโดยกำเนิดมีโอกาสอะไรหลังจาก ส.ศ. 36?
18 นี่หมายความว่าหลังจาก ส.ศ. 36 ชาวยิวโดยกำเนิดไม่มีโอกาสอีกต่อไปที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อสายของอับราฮามไหม? ไม่ใช่เช่นนั้น. เปาโลอธิบายว่า “พวกเขา [ชาวยิวโดยกำเนิด] ก็เช่นกัน ถ้าพวกเขามีความเชื่อ พวกเขาก็จะถูกต่อเข้าไปใหม่ เพราะพระเจ้าทรงต่อพวกเขากลับเข้าไปอีกได้. เพราะถ้าท่านถูกตัดออกจากต้นมะกอกซึ่งตามธรรมชาติเป็นมะกอกป่าแล้วนำมาต่อเข้ากับต้นมะกอกสวนซึ่งเป็นการขัดกับธรรมชาติ จะง่ายกว่าเพียงไรถ้ากิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นกิ่งเดิมจะถูกต่อเข้ากับต้นเดิมของมันเอง!” *—โรม 11:23, 24
“ชนอิสราเอลทั้งปวงจะได้รับการช่วยให้รอด”
19, 20. พระยะโฮวาทรงทำอะไรให้สำเร็จดังที่แสดงไว้โดยตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นมะกอกโดยนัย?
19 ใช่แล้ว พระประสงค์ของพระยะโฮวาที่เกี่ยวกับ “อิสราเอลของพระเจ้า” กำลังสำเร็จอย่างน่าทึ่ง. (กลา. 6:16) เช่นเดียวกับที่เปาโลได้กล่าวไว้ “ชนอิสราเอลทั้งปวงจะได้รับการช่วยให้รอด.” (โรม 11:26) ตามเวลากำหนดของพระยะโฮวา “ชนอิสราเอลทั้งปวง” ซึ่งได้แก่อิสราเอลฝ่ายวิญญาณที่ครบจำนวน จะรับใช้ในฐานะกษัตริย์และปุโรหิตในสวรรค์. ไม่มีสิ่งใดจะขัดขวางพระประสงค์ของพระยะโฮวาได้!
20 ดังที่บอกไว้ล่วงหน้า ผู้สืบเชื้อสายของอับราฮาม ซึ่งได้แก่พระเยซูคริสต์และชน 144,000 คน จะนำพระพรมาสู่ “ชนต่างชาติ.” (โรม 11:12; เย. 22:18) โดยวิธีนี้ ประชาชนทั้งหมดของพระเจ้าจะได้รับประโยชน์จากการจัดเตรียมนี้. จริงทีเดียว เมื่อเราใคร่ครวญการดำเนินการให้เป็นไปตามพระประสงค์ชั่วนิรันดร์ของพระยะโฮวา เราอดไม่ได้ที่จะพิศวงใน ‘ความล้ำลึกของความมั่งคั่งและสติปัญญาและความรู้ของพระเจ้า.’—โรม 11:33
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 13 ดูเหมือนว่า เปาโลไม่ได้ใช้ต้นมะกอกเป็นภาพเปรียบเทียบที่หมายถึงชาติอิสราเอล. แม้ว่าชาติอิสราเอลมีกษัตริย์และปุโรหิต แต่ชาตินี้ก็ไม่ได้เป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิต. ตามพระบัญญัติของโมเซ กษัตริย์ชาติอิสราเอลไม่อาจเป็นปุโรหิตได้. ด้วยเหตุนั้น ต้นมะกอกจึงไม่อาจหมายถึงชาตินี้ได้. เปาโลใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะก่อให้เกิด “อาณาจักรแห่งปุโรหิต” นั้นจะสำเร็จอย่างไรเกี่ยวเนื่องกับอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ. คำอธิบายนี้เป็นการปรับเปลี่ยนความเข้าใจให้ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้นจากที่เคยอธิบายไว้ในหอสังเกตการณ์ 15 สิงหาคม 1983 หน้า 14-19 (ภาษาอังกฤษ).
^ วรรค 17 โปรดดูกรอบ “ต่อกิ่งมะกอกป่า—ทำไม?”
^ วรรค 17 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนท้าย ๆ ของสามปีครึ่งที่เปิดโอกาสให้ชาวยิวโดยกำเนิดได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชาติใหม่ฝ่ายวิญญาณ. คำพยากรณ์เกี่ยวกับ 70 สัปดาห์แห่งปีบอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์นี้.—ดานิ. 9:27
^ วรรค 18 คำขยายในภาษากรีกที่แปลว่า “สวน” ในโรม 11:24 มาจากคำที่มีความหมายว่า “ดี ยอดเยี่ยม” หรือ “ปรับให้เข้ากับวัตถุประสงค์ได้ดี.” คำนี้ใช้โดยเฉพาะกับสิ่งที่ทำให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่สิ่งนั้นถูกสร้างไว้.
คุณจำได้ไหม?
• คุณเรียนรู้อะไรจากวิธีที่พระยะโฮวาทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ?
• ในโรมบท 11 สิ่งต่อไปนี้หมายถึงอะไร . . .
ต้นมะกอก?
ราก?
ลำต้น?
กิ่ง?
• ทำไมการต่อกิ่งจึง “ขัดกับธรรมชาติ”?
[คำถาม]
[กรอบ/ภาพหน้า 24]
ต่อกิ่งมะกอกป่า—ทำไม?
▪ ลูคิอุส จูเนียส มอเดราตุส คอลูเมลลา เป็นทหารและเกษตรกรชาวโรมันซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช. หลายคนรู้จักเขาจากหนังสือ 12 เล่มที่เขาเขียนเกี่ยวกับชีวิตและการเกษตรในชนบท.
ในหนังสือเล่มที่ห้า เขายกสุภาษิตโบราณขึ้นมากล่าวว่า “คนที่ไถสวนมะกอก ร้องขอผล; คนที่ใส่ปุ๋ยคอกให้สวนมะกอก อ้อนวอนขอผล; คนที่ตัดแต่งต้นมะกอก บังคับมันให้เกิดผล.”
หลังจากพรรณนาถึงต้นไม้ที่เติบโตดีแต่ไม่เกิดผล เขาแนะนำให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้: “วิธีหนึ่งที่ได้ผลดีก็คือใช้บิดหล่าเจาะต้นมะกอกให้เป็นรู แล้วเอากิ่งที่ยังเขียวสดจากต้นมะกอกป่ามาเสียบรูนั้นให้แน่น; ผลที่ได้รับก็คือต้นไม้นั้นจะผลิดอกออกผลมากขึ้น ราวกับว่าต้นไม้นี้ตั้งครรภ์และมีลูกหลานเต็มไปหมด.”
[ภาพหน้า 23]
คุณเข้าใจตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องต้นมะกอกโดยนัยไหม?