มีข่าวดีที่ทุกคนต้องรู้
มีข่าวดีที่ทุกคนต้องรู้
“ที่จริง ข่าวดีเป็นฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อ . . . จะรอด.”—โรม 1:16
1, 2. เหตุใดคุณจึงประกาศ “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร” และคุณเน้นอะไรเกี่ยวกับข่าวนี้?
‘ฉันมีความสุขที่ได้บอกข่าวดีแก่คนอื่นทุกวัน.’ คุณคงรู้สึกแบบนี้หรือเคยพูดทำนองนี้. ในฐานะพยานที่อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา คุณรู้ว่าการประกาศ “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร” เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง. คุณอาจท่องได้ว่าคำพยากรณ์ของพระเยซูเกี่ยวกับการประกาศเรื่องราชอาณาจักรกล่าวไว้อย่างไร.—มัด. 24:14
2 ในการประกาศ “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร” คุณกำลังสานต่อสิ่งที่พระเยซูทรงเริ่มไว้. (อ่านลูกา 4:43) จุดหนึ่งที่คุณคงเน้นแน่ ๆ ก็คือในไม่ช้าพระเจ้าจะเข้าแทรกแซงกิจการของมนุษย์. พระองค์จะทรงทำลายศาสนาเท็จและกำจัดความชั่วให้หมดไปจากโลกในคราว “ความทุกข์ลำบากใหญ่.” (มัด. 24:21) คุณคงเน้นด้วยว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าจะทำให้แผ่นดินโลกเป็นอุทยานอีกครั้งหนึ่งเพื่อสันติสุขและความสุขจะมีทั่วทุกหนแห่ง. ที่จริง “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร” เป็นส่วนหนึ่งของ “ข่าวดี [ที่แจ้ง] แก่อับราฮามไว้ล่วงหน้าว่า ‘ชนทุกชาติจะได้รับพรเพราะเจ้า.’ ”—กลา. 3:8
3. ทำไมเราจึงกล่าวได้ว่าอัครสาวกเปาโลเน้นข่าวดีในหนังสือโรม?
3 แต่เป็นไปได้ไหมว่าเราอาจให้ความสนใจน้อยเกินไปเกี่ยวกับแง่มุมสำคัญอย่างหนึ่งของข่าวดีที่ผู้คนต้องรู้? ในจดหมายที่อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรม ท่านใช้คำ “ราชอาณาจักร” เพียงครั้งเดียว แต่ท่านใช้คำ “ข่าวดี” ถึง 12 ครั้ง. (อ่านโรม 14:17) แง่มุมใดของข่าวดีที่เปาโลอ้างถึงบ่อยมากในหนังสือนี้? ทำไมข่าวดีในแง่มุมดังกล่าวจึงสำคัญอย่างยิ่ง? และทำไมเราควรระลึกถึงแง่มุมดังกล่าวไว้เสมอขณะที่เราประกาศ “ข่าวดีของพระเจ้า” แก่ประชาชนในเขตประกาศ?—มโก. 1:14; โรม 15:16; 1 เทส. 2:2
สิ่งที่คริสเตียนในกรุงโรมต้องรู้
4. ช่วงที่ถูกคุมขังครั้งแรกที่กรุงโรม เปาโลประกาศเรื่องอะไร?
4 นับว่าเป็นประโยชน์ที่จะสังเกตหัวข้อเรื่องที่เปาโลกล่าวถึงเมื่อท่านถูกคุมขังครั้งแรกที่กรุงโรม. เราอ่านว่าเมื่อชาวยิวหลายคนไปเยี่ยมท่าน ท่าน ‘อธิบาย (1) เรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า อย่างถี่ถ้วน และพูดจูงใจพวกเขาด้วยเรื่อง (2) พระเยซู.’ ผลเป็นอย่างไร? “บางคนเชื่อที่เปาโลพูด บางคนก็ไม่เชื่อ.” หลังจากนั้น เปาโล ‘ยินดีต้อนรับทุกคนที่มาหาท่าน ประกาศ (1) ราชอาณาจักรของพระเจ้า และสอนเรื่อง (2) พระเยซูคริสต์เจ้า.’ (กิจ. 28:17, 23-31) เห็นได้ชัด เปาโลสนใจเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. แต่ท่านเน้นเรื่องอะไรอีก? ท่านเน้นสิ่งที่เป็นส่วนสำคัญของราชอาณาจักร ซึ่งก็คือบทบาทของพระเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า.
5. เปาโลกล่าวถึงความจำเป็นอะไรในหนังสือโรม?
* (โรม 1:9, 16; 2:16; 15:19) คุณรู้ไหมว่าทำไมเปาโลจึงเน้นเรื่องพระเยซูคริสต์ในจดหมายที่เขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรม?
5 ประชาชนทั้งสิ้นต้องรู้เกี่ยวกับพระเยซู และแสดงความเชื่อในพระองค์. ในหนังสือโรม เปาโลกล่าวถึงความจำเป็นนี้. ก่อนหน้านั้น ท่านเขียนเกี่ยวกับ “พระเจ้าที่ข้าพเจ้าทำงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ถวายอย่างสุดชีวิตเพื่อข่าวดีเรื่องพระบุตรของพระองค์.” ท่านกล่าวต่อว่า “ข้าพเจ้าไม่อายในเรื่องข่าวดี ที่จริง ข่าวดีเป็นฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อทุกคนที่มีความเชื่อจะรอด.” ต่อมา ท่านกล่าวถึงเวลา “ที่พระเจ้าจะทรงให้พระคริสต์เยซูพิพากษาสิ่งที่มนุษย์ปกปิดไว้ ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศนั้น.” และท่านเล่าว่า “ข้าพเจ้าจึงได้ประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสต์ อย่างทั่วถึงตั้งแต่กรุงเยรูซาเลมไปจนถึงแคว้นอิลลีริคุม.”6, 7. เราอาจกล่าวได้อย่างไรเกี่ยวกับการเริ่มต้นและภูมิหลังของคนที่ประกอบกันเป็นประชาคมในกรุงโรม?
6 เราไม่รู้ว่าประชาคมในกรุงโรมเริ่มขึ้นอย่างไร. มีชาวยิวหรือผู้เปลี่ยนมานับถือศาสนายิวบางคนในวันเพนเทคอสต์สากลศักราช 33 ซึ่งมาจากกรุงโรม. พวกเขาได้กลับไปยังกรุงโรมในฐานะคริสเตียนไหม? (กิจ. 2:10) หรือว่าคริสเตียนที่เป็นพ่อค้าหรือนักเดินทางไปเผยแพร่ความจริงในกรุงโรม? ไม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เมื่อถึงตอนที่เปาโลเขียนหนังสือนี้ ประมาณ ส.ศ. 56 ประชาคมนี้ได้ก่อตั้งมานานแล้ว. (โรม 1:8) ภูมิหลังของคนที่ประกอบกันเป็นประชาคมนี้เป็นเช่นไร?
7 บางคนเป็นชาวยิว. เปาโลฝากความคิดถึงมายังอันโดรนิคุสกับยูนีอัสที่ท่านเรียกว่า “ญาติของข้าพเจ้า” ซึ่งน่าจะหมายถึงญาติที่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวยิว. อะคีลัสกับปริสกิลลาภรรยา ซึ่งเป็นช่างทำเต็นท์ที่อยู่ในกรุงโรม ก็เป็นชาวยิวด้วย. (โรม 4:1; 9:3, 4; 16:3, 7; กิจ. 18:2) แต่พี่น้องหลายคนที่เปาโลฝากความคิดถึงคงเป็นชนต่างชาติ. บางคนอาจอยู่ใน “ราชสำนักของซีซาร์” ซึ่งอาจหมายถึงเป็นทาสและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของซีซาร์.—ฟิลิป. 4:22; โรม 1:6; 11:13
8. คริสเตียนที่อยู่ในกรุงโรมเผชิญสภาพอันน่าสังเวชอะไร?
8 คริสเตียนทุกคนในกรุงโรมตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช และเราทุกคนก็เช่นกัน. เปาโลกล่าวถึงสภาพดังกล่าวอย่างนี้: “ทุกคนได้ทำบาปและไม่ได้แสดงคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมของพระเจ้าอย่างที่ควรจะแสดง.” (โรม 3:23) เห็นได้ชัดว่า ผู้อ่านจดหมายฉบับนี้ของเปาโลทุกคนต้องยอมรับว่าตนเป็นคนบาปและต้องแสดงความเชื่อในผู้ที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อจะหลุดพ้นจากสภาพที่น่าสังเวชนั้นได้.
ยอมรับว่าตนเป็นคนบาป
9. เปาโลชี้ให้สนใจผลอะไรที่ข่าวดีอาจทำให้เกิดขึ้น?
9 ตอนต้นของจดหมายถึงคริสเตียนในกรุงโรม เปาโลชี้ถึงผลอันยอดเยี่ยมที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากข่าวดีที่ท่านกล่าวถึงหลายครั้ง โดยบอกว่า “ข้าพเจ้าไม่อายในเรื่องข่าวดี ที่จริง ข่าวดีเป็นฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อทุกคนที่มีความเชื่อจะรอด คือชาวยิวก่อน แล้วก็ชาวกรีกด้วย.” ใช่แล้ว เป็นไปได้ที่จะรอด. อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสอดคล้องกับความจริงอันลึกซึ้งที่ท่านยกมาจากฮะบาฆูค 2:4 ที่ว่า “ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเนื่องด้วยความเชื่อ.” (โรม 1:16, 17; กลา. 3:11; ฮีบรู 10:38) แต่ข่าวดีนั้นซึ่งนำไปถึงความรอดเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า “ทุกคนได้ทำบาป” อย่างไร?
10, 11. ทำไมแนวคิดที่กล่าวไว้ในโรม 3:23 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบางคน แต่เป็นเรื่องแปลกสำหรับหลายคน?
10 ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะสามารถพัฒนาความเชื่อที่ทำให้เขารอด เขาต้องยอมรับว่าตนเป็นคนบาป. แนวคิดที่ว่าเราเป็นคนบาปไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่เชื่อเรื่องพระเจ้าและคุ้นเคยกับคัมภีร์ไบเบิลพอสมควร. (อ่านท่านผู้ประกาศ 7:20) ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือสงสัย อย่างน้อยพวกเขาก็พอจะเข้าใจว่าเปาโลหมายถึงอะไรเมื่อท่านกล่าวว่า “ทุกคนได้ทำบาป.” (โรม 3:23) กระนั้น ในการทำงานประกาศ เราอาจพบหลายคนที่ไม่เข้าใจคำกล่าวนี้.
11 ในบางดินแดน คนส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูให้คิดว่าเขาเป็นคนบาปมาตั้งแต่เกิด โดยได้รับบาปที่ตกทอดมา. จริงอยู่ เขาอาจยอมรับว่าเขาทำผิดพลาด มีนิสัยที่ไม่น่ารัก และอาจทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดี. และเขาสังเกตว่าคนอื่น ๆ ก็เหมือนกันกับเขา. กระนั้น เพราะภูมิหลังของเขาเขาจึงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมตัวเขาและคนอื่น ๆ จึงเป็นอย่างนั้น. ที่จริง ในบางภาษา ถ้าคุณบอกว่าใครคนหนึ่งเป็นคนบาป คนอื่นอาจคิดว่าคุณกำลังบอกว่าเขาเป็นอาชญากรหรืออย่างน้อยก็ฝ่าฝืนกฎบางอย่าง. เห็นได้ชัดว่า คนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นอาจไม่อยากคิดว่าตัวเองเป็นคนบาปตามความหมายที่เปาโลหมายถึง.
12. ทำไมหลายคนจึงไม่เชื่อว่าทุกคนเป็นคนบาป?
12 แม้แต่ในประเทศที่นับถือศาสนาคริสเตียน หลายคนไม่เชื่อแนวคิดที่ว่าเราเป็นคนบาป. เพราะเหตุใด? แม้ว่าพวกเขาจะไปโบสถ์บ้างเป็นครั้งคราว พวกเขาถือว่าบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับอาดามและฮาวาเป็นเพียงนิทานหรือนิยาย. ส่วนบางคนก็เติบโตขึ้นมาในสังคมที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า. พวกเขาสงสัยว่ามีพระเจ้าจริง ๆ ไหม และด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจในเรื่องที่ว่าพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดเป็นผู้วางมาตรฐานด้านศีลธรรมให้มนุษย์ปฏิบัติตามและการไม่ยึดมั่นตามมาตรฐานนั้นจึงเท่ากับเป็นการทำบาป. ในแง่หนึ่ง พวกเขาเป็นเหมือนผู้คนในศตวรรษแรกที่เปาโลพรรณนาว่า “ไม่มีความหวัง” และ “อยู่ในโลกโดยไม่มีพระเจ้า.”—เอเฟ. 2:12
13, 14. (ก) เพราะเหตุใดคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าและไม่เชื่อว่าตนเป็นคนบาปไม่อาจแก้ตัวได้? (ข) การที่หลายคนไม่เชื่อเช่นนั้นทำให้พวกเขาทำอะไร?
13 ในจดหมายที่เขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรม เปาโลเสนอเหตุผลสองประการที่แสดงว่าภูมิหลังเช่นนั้นไม่อาจใช้เป็นข้อแก้ตัวได้ ไม่ว่าในตอนนั้นหรือในทุกวันนี้. เหตุผลประการแรกก็คือสิ่งทรงสร้างเองเป็นพยานยืนยันว่ามีพระผู้สร้าง. (อ่านโรม 1:19, 20) เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อสังเกตที่เปาโลให้เมื่อท่านเขียนจากกรุงโรมไปถึงคริสเตียนชาวฮีบรู ที่ว่า “ด้วยว่าบ้านทุกหลังย่อมมีผู้สร้าง แต่ผู้ที่สร้างสรรพสิ่งคือพระเจ้า.” (ฮีบรู 3:4) แนวการหาเหตุผลนี้ชี้ให้เห็นว่ามีพระผู้สร้างหรือผู้ก่อกำเนิดเอกภพทั้งสิ้น.
14 ดังนั้น เปาโลจึงมีเหตุผลหนักแน่นที่เขียนถึงคริสเตียนในกรุงโรมว่าใครก็ตาม รวมทั้งชาวอิสราเอลโบราณด้วย ที่เลื่อมใสรูปเคารพที่ปราศจากชีวิตย่อม “ไม่มีข้อแก้ตัว.” อาจกล่าวได้เช่นเดียวกันสำหรับคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นผู้ชายกับผู้ชายหรือผู้หญิงกับผู้หญิง. (โรม 1:22-27) เปาโลกล่าวลงท้ายอย่างเหมาะเจาะว่า “ชาวยิวและชาวกรีกล้วนเป็นคนบาป.”—โรม 3:9
‘พยานที่ยืนยัน’
15. ผู้คนทุกชาติมีอะไร และนั่นทำให้เกิดผลเช่นไร?
15 หนังสือโรมระบุอีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้คนควรยอมรับว่าพวกเขาเป็นคนบาปและจำเป็นต้องหาทางที่จะหลุดพ้นจากสภาพอันน่าสังเวชนั้น. เปาโลเขียนเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่พระเจ้าประทานแก่ชาติอิสราเอลโบราณว่า “ทุกคนที่ทำบาปเมื่ออยู่ใต้บัญญัติจะถูกตัดสินตามบัญญัติ.” (โรม 2:12) ท่านชักเหตุผลต่อไปโดยชี้ว่าประชาชนในชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นเคยกับประมวลกฎหมายของพระเจ้ามัก “ทำตามบัญญัติโดยสัญชาตญาณ.” เหตุใดโดยทั่วไปแล้วคนเหล่านั้นจึงห้ามการแต่งงานกับญาติใกล้ชิด การฆ่าคน และการขโมย? เปาโลบอกเหตุ ผลว่า เพราะพวกเขามีสติรู้สึกผิดชอบ.—อ่านโรม 2:14, 15
16. เหตุใดการที่คนเรามีสติรู้สึกผิดชอบไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำบาป?
16 อย่างไรก็ตาม คุณคงเห็นแล้วว่าการมีสติรู้สึกผิดชอบซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับเป็นพยานที่ยืนยันอยู่ภายในไม่ได้หมายความว่าคนเราจะทำตามการชี้นำของสติรู้สึกผิดชอบนั้น. สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาติอิสราเอลโบราณแสดงให้เห็นอย่างนั้น. แม้ว่าชาวอิสราเอลมีทั้งสติรู้สึกผิดชอบและพระบัญญัติที่ระบุเจาะจงซึ่งพระเจ้าประทานแก่พวกเขาที่ห้ามการขโมยและการผิดประเวณี แต่พวกเขามักฝ่าฝืนทั้งสติรู้สึกผิดชอบของตัวเองและพระบัญญัติของพระยะโฮวา. (โรม 2:21-23) พวกเขาสมควรถูกตำหนิเป็นสองเท่าและด้วยเหตุนั้นจึงเป็นเรื่องแน่นอนว่าพวกเขาเป็นคนบาป ไม่บรรลุมาตรฐานและพระประสงค์ของพระเจ้า. นั่นทำลายสายสัมพันธ์ที่พวกเขามีกับพระผู้สร้าง.—เลวี. 19:11; 20:10; โรม 3:20
17. หนังสือโรมมีอะไรที่ให้กำลังใจเรา?
17 สิ่งที่เราได้พิจารณากันจากหนังสือโรมอาจดูเหมือนจะให้ภาพที่ชวนหดหู่เกี่ยวกับสภาพของมนุษย์ ซึ่งก็รวมถึงตัวเราเองด้วย ในสายพระเนตรผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง. อย่างไรก็ตาม เปาโลไม่ได้ทิ้งเรื่องไว้แค่นี้. ท่านอัครสาวกยกข้อความจากคำพูดของดาวิดที่บทเพลงสรรเสริญ 32:1, 2 ขึ้นมาเขียนว่า “ผู้ที่การชั่วของพวกเขาได้รับการยกโทษและบาปของพวกเขาได้รับการปิดคลุมแล้วก็มีความสุข ผู้ที่พระยะโฮวาไม่ทรงถือโทษบาปของเขาก็มีความสุข.” (โรม 4:7, 8) ใช่แล้ว พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้มีวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อจะให้อภัยบาป.
ข่าวดีที่เน้นบทบาทของพระเยซู
18, 19. (ก) เปาโลเน้นแง่มุมใดของข่าวดีในหนังสือโรม? (ข) เพื่อจะได้รับพระพรที่ราชอาณาจักรจะก่อให้เกิดขึ้น เราต้องยอมรับอะไร?
18 คุณอาจบอกว่า “นั่นเป็นข่าวที่ดีจริง ๆ!” แน่นอนว่าเป็นอย่างนั้น ซึ่งนั่นทำให้เรานึกถึงแง่มุมของข่าวดีที่เปาโลเน้นในหนังสือโรม. ดังที่กล่าวไปแล้ว เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าไม่อายในเรื่องข่าวดี ที่จริง ข่าวดีเป็นฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อทุกคนที่มีความเชื่อจะรอด.”—โรม 1:15, 16
19 ข่าวดีนั้นเน้นบทบาทของพระเยซูในการทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ. เปาโลสามารถมองไปยัง “วันที่พระเจ้าจะทรงให้พระคริสต์เยซูพิพากษาสิ่งที่มนุษย์ปกปิดไว้ ตามข่าวดี.” (โรม 2:16) โดยพูดอย่างนั้น ท่านไม่ได้ลดความสำคัญของ “ราชอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า” หรือสิ่งที่พระเจ้าจะทำโดยทางราชอาณาจักร. (เอเฟ. 5:5) แต่ท่านแสดงให้เห็นว่าเพื่อที่เราจะมีชีวิตและได้รับพระพรที่ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะก่อให้เกิดขึ้น เราต้องยอมรับ (1) สภาพของเราที่เป็นคนบาปในสายพระเนตรของพระเจ้า และ (2) เหตุผลที่เราต้องแสดงความเชื่อในพระเยซูคริสต์เพื่อเราจะได้รับการอภัยบาป. เมื่อคนเราเข้าใจและยอมรับเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้าและมองเห็นว่าเรื่องนี้ทำให้เขามีความหวังอย่างไรในอนาคต เขาก็จะกล่าวได้ว่า “นั่นเป็นข่าวที่ดีจริง ๆ!”
20, 21. ในการรับใช้ เหตุใดเราควรระลึกอยู่เสมอถึงข่าวดีที่หนังสือโรมเน้น และนั่นน่าจะทำให้เกิดผลเช่นไร?
20 แน่นอน เราควรระลึกอยู่เสมอถึงแง่มุมนี้ของข่าวดีขณะที่เราทำงานรับใช้ในฐานะคริสเตียน. เปาโลยกคำพูดของยะซายาห์ที่อ้างถึงพระเยซูว่า “ทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระองค์จะไม่ผิดหวังเลย.” (โรม 10:11; ยซา. 28:16) ข่าวสารพื้นฐานเกี่ยวกับพระเยซูอาจไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่คุ้นเคยกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับบาป. แต่สำหรับคนอื่น ๆ ข่าวสารนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ เพราะไม่เป็นที่รู้จักหรือไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวัฒนธรรมของพวกเขา. เมื่อคนเหล่านั้นเปลี่ยนมามี ความเชื่อในพระเจ้าและไว้วางใจพระคัมภีร์ เราต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจบทบาทของพระเยซู. บทความถัดไปจะพิจารณาวิธีที่โรมบท 5 ขยายแง่มุมนี้ของข่าวดี. คุณจะเห็นว่าการศึกษาบทความนั้นเป็นประโยชน์ต่อคุณในการรับใช้.
21 นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ที่จะช่วยผู้มีหัวใจสุจริตให้เข้าใจข่าวดีที่เปาโลกล่าวถึงหลายครั้งในหนังสือโรม ซึ่งเป็นข่าวดีที่ “เป็นฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อทุกคนที่มีความเชื่อจะรอด.” (โรม 1:16) นอกเหนือจากที่เราเองจะได้รับบำเหน็จเช่นนั้นแล้ว เราจะเห็นว่าคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับคำพูดที่เปาโลยกขึ้นมากล่าวที่โรม 10:15 ที่ว่า “เท้าของผู้ที่ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริง ๆ!”—ยซา. 52:7
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 5 วลีคล้าย ๆ กันจะพบได้ในหนังสือที่มีขึ้นโดยการดลใจเล่มอื่น ๆ.—มโก. 1:1; กิจ. 5:42; 1 โค. 9:12; ฟิลิป. 1:27
คุณจำได้ไหม?
• หนังสือโรมเน้นแง่มุมใดของข่าวดี?
• เราจำเป็นต้องช่วยคนอื่นให้เข้าใจข้อเท็จจริงอะไร?
• “ข่าวดีเรื่องพระคริสต์” จะเป็นพระพรสำหรับเราและคนอื่น ๆ ได้อย่างไร?
[คำถาม]
[คำโปรยหน้า 8]
ข่าวดีที่หนังสือโรมเน้นเกี่ยวข้องกับบทบาทสำคัญของพระเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า
[ภาพหน้า 9]
เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับบาปซึ่งเป็นข้อบกพร่องที่ทำให้ถึงตาย!