พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ทรงประทานสันติสุข”
พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ทรงประทานสันติสุข”
“ขอให้พระเจ้าผู้ทรงประทานสันติสุขสถิตกับพวกท่านทุกคน.”—โรม 15:33
1, 2. เยเนซิศบท 32 และ 33 พรรณนาสถานการณ์ที่ตึงเครียดอะไร และในที่สุดผลเป็นเช่นไร?
สถานที่แห่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากพะนูเอล ใกล้หุบเขายาโบคด้านฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน. เอซาวได้ยินว่ายาโคบน้องชายฝาแฝดกำลังเดินทางกลับบ้าน. แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไป 20 ปีแล้วตั้งแต่เอซาวขายสิทธิบุตรหัวปีให้แก่น้องชาย แต่ยาโคบก็ยังกลัวว่าพี่ชายอาจยังขุ่นเคืองและคิดฆ่าเขา. เอซาวยกขบวนพาพรรคพวก 400 คนไปหาน้องชายที่บาดหมางกัน. เนื่องจากคาดว่าจะถูกมุ่งร้าย ยาโคบจึงส่งของกำนัลไปให้เอซาวครั้งแล้วครั้งเล่า รวมแล้วเป็นปศุสัตว์มากกว่า 550 ตัว. ยาโคบให้คนรับใช้ที่คุมสัตว์แต่ละฝูงไปบอกเอซาวว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นของกำนัลจากน้องชาย.
2 ในที่สุด นาทีนั้นก็มาถึง! ขณะที่ยาโคบเดินเข้าไปหาเอซาวอย่างกล้าหาญ เขาหมอบลง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่เจ็ดครั้ง. ยาโคบได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วเท่าที่จะทำได้เพื่อให้พี่ชายใจอ่อน. ยาโคบได้อธิษฐานขอพระยะโฮวาช่วยท่านให้รอดพ้นเงื้อมมือของเอซาว. พระยะโฮวาทรงตอบคำอธิษฐานนี้ไหม? ใช่แล้ว. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “เอซาววิ่งไปต้อนรับกอดคอจุบยาโคบ.”—เย. 32:11-20; 33:1-4
3. เราเรียนอะไรได้จากเรื่องราวเกี่ยวกับยาโคบและเอซาว?
3 เรื่องราวเกี่ยวกับยาโคบและเอซาวแสดงให้เห็นว่าเราควรพยายามอย่างจริงจังและทำสิ่งที่ทำได้เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งอาจคุกคามสันติสุขที่เรามีในประชาคมคริสเตียน. ยาโคบพยายามสร้างสันติกับเอซาว แต่นั่นเย. 25:31-34; ฮีบรู 12:16) อย่างไรก็ดี วิธีที่ยาโคบเข้าหาเอซาวแสดงให้เห็นว่าเราควรเต็มใจพยายามถึงขนาดไหนเพื่อรักษาสันติสุขกับพี่น้องคริสเตียนของเรา. เรื่องนี้ยังแสดงด้วยว่าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ทรงอวยพรความพยายามอย่างจริงจังของเราในการสร้างสันติ. คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างอื่น ๆ อีกมากมายที่สอนเราให้เป็นผู้สร้างสันติ.
ไม่ใช่เพราะยาโคบได้ทำผิดต่อพี่ชายและควรขออภัยจากพี่ชาย. เปล่าเลย เอซาวต่างหากที่ดูถูกสิทธิบุตรหัวปีและขายสิทธินั้นให้แก่ยาโคบเพื่อแลกกับต้มถั่วหนึ่งชาม. (ตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่กระตุ้นใจเรา
4. พระเจ้าทรงจัดเตรียมอะไรเพื่อช่วยมนุษยชาติให้พ้นจากบาปและความตาย?
4 ผู้สร้างสันติที่เป็นแบบอย่างที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ พระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ทรงประทานสันติสุข.” (โรม 15:33) ขอให้คิดดูว่าพระยะโฮวาทรงพยายามขนาดไหนเพื่อจะช่วยให้เรามีสายสัมพันธ์อันสงบสุขกับพระองค์ได้. ในฐานะลูกหลานที่ผิดบาปของอาดามและฮาวา เราสมควรได้รับ “ค่าจ้างที่บาปจ่าย.” (โรม 6:23) ถึงกระนั้น ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา พระองค์ทรงจัดให้เราได้รับความรอดโดยส่งพระบุตรที่รักของพระองค์จากสวรรค์มาประสูติเป็นมนุษย์สมบูรณ์. และพระบุตรก็ยอมทำตามด้วยความเต็มพระทัย. พระองค์ทรงยอมให้ศัตรูของพระเจ้าฆ่าพระองค์. (โย. 10:17, 18) พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ทรงปลุกพระบุตรที่รักให้เป็นขึ้นจากตาย ซึ่งในเวลาต่อมาพระบุตรได้เสนอคุณค่าแห่งพระโลหิตที่หลั่งออกแด่พระบิดา ซึ่งจะเป็นค่าไถ่ที่ช่วยคนบาปที่กลับใจให้หลุดพ้นจากความตายตลอดไป.—อ่านฮีบรู 9:14, 24
5, 6. พระโลหิตที่พระเยซูทรงหลั่งมีผลกระทบต่อสายสัมพันธ์ที่สูญเสียไประหว่างพระเจ้ากับมนุษยชาติที่ผิดบาปอย่างไร?
5 การที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้พระบุตรเป็นเครื่องบูชาไถ่มีผลกระทบต่อสายสัมพันธ์ที่สูญเสียไประหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ที่ผิดบาปอย่างไร? ยะซายา 53:5 กล่าวว่า “การลงโทษเพื่อให้เกิดความสุขแก่พวกเราไปตกอยู่กับเขาผู้นั้น, และที่พวกเราหายเป็นปกติได้ก็เพราะรอยแผลเฆี่ยนของเขาผู้นั้น.” แทนที่จะถูกมองว่าเป็นศัตรูของพระเจ้า บัดนี้มนุษย์ที่เชื่อฟังสามารถมีสายสัมพันธ์อันสงบสุขกับพระองค์. “โดย [พระเยซู] นั้นเราได้รับการปลดเปลื้องด้วยค่าไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ นั่นคือ เราได้รับการอภัยการล่วงละเมิด.”—เอเฟ. 1:7
6 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงเห็นชอบให้ [พระคริสต์] เป็นผู้ที่ครบถ้วนในทุกด้าน.” ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระคริสต์ทรงเป็นบุคคลสำคัญในการทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริง. และพระประสงค์ของพระยะโฮวาคืออะไร? พระยะโฮวาทรงมีพระประสงค์ที่จะ “ทำให้สิ่งอื่นทั้งหมดคืนดีกับพระเจ้า . . . โดยใช้พระโลหิตที่ [พระเยซูคริสต์] ทรงหลั่ง.” “สิ่งอื่นทั้งหมด” ที่พระเจ้าทรงทำให้กลับคืนดีกับพระองค์ได้แก่ ‘สิ่งที่อยู่ในสวรรค์’ และ ‘สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก.’ สิ่งเหล่านี้คืออะไร?—อ่านโกโลซาย 1:19, 20
7. ‘สิ่งที่อยู่ในสวรรค์’ และ ‘สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก’ ที่ได้รับการช่วยเหลือให้กลับคืนดีกับพระเจ้าคืออะไร?
7 การจัดเตรียมเกี่ยวกับค่าไถ่ทำให้เป็นไปได้ที่คริสเตียนผู้ถูกเจิม ซึ่ง ‘พระเจ้าทรงถือว่าเป็นผู้ชอบธรรม’ ในฐานะบุตรของพระองค์ จะมี “สันติสุขกับพระเจ้า.” (อ่านโรม 5:1) พวกเขาถูกเรียกว่า ‘สิ่งที่อยู่ในสวรรค์’ เพราะพวกเขามีความหวังที่จะอยู่ในสวรรค์และ “เป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินโลก” และรับใช้เป็นปุโรหิตของพระเจ้า. (วิ. 5:10) ส่วน ‘สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก’ หมายถึงมนุษย์ที่กลับใจ ซึ่งในที่สุดจะได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก.—เพลง. 37:29
8. คุณได้รับผลกระทบอย่างไรจากการใคร่ครวญว่าพระยะโฮวาทรงทำถึงขนาดไหนเพื่อทำให้มนุษยชาติมีสันติสุขกับพระองค์ได้?
8 เปาโลแสดงความรู้สึกขอบคุณจากใจสำหรับการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเมื่อเขียนถึงคริสเตียนผู้ถูกเจิมในเมืองเอเฟโซส์ว่า “พระเจ้าผู้ทรงมีพระเมตตาอันอุดม . . . พระองค์จึงทรงทำให้เรามีชีวิตร่วมกับพระคริสต์แม้ว่าเราตายแล้วเนื่องด้วยการล่วงละเมิด แต่ด้วยพระกรุณาอันใหญ่หลวง ท่านทั้งหลายจึงได้รับการช่วยให้รอด.” (เอเฟ. ) ไม่ว่าเรามีความหวังจะมีชีวิตในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก เราเป็นหนี้พระเจ้าอย่างมากสำหรับความเมตตาและพระกรุณาอันใหญ่หลวงของพระองค์. หัวใจเราเปี่ยมด้วยความขอบคุณเมื่อเราพิจารณาว่าพระยะโฮวาทรงทำถึงขนาดไหนเพื่อมนุษยชาติจะมีสันติสุขกับพระองค์ได้. เมื่อเราเผชิญสถานการณ์ที่คุกคามเอกภาพอันสงบสุขของประชาคม การใคร่ครวญตัวอย่างของพระเจ้าด้วยความขอบคุณน่าจะกระตุ้นเราให้เป็นผู้สร้างสันติมิใช่หรือ? 2:4, 5
เรียนรู้จากตัวอย่างของอับราฮามและยิศฮาค
9, 10. อับราฮามแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้สร้างสันติอย่างไรเมื่อจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของโลตกับคนเลี้ยงสัตว์ของท่าน?
9 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับปฐมบรรพบุรุษอับราฮามว่า “ ‘อับราฮามแสดงความเชื่อในพระยะโฮวา ท่านจึงถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรม’ และท่านถูกเรียกว่า ‘มิตรของพระยะโฮวา.’ ” (ยโก. 2:23) ความเชื่อของอับราฮามเห็นได้ชัดจากวิธีปฏิบัติของท่านที่รักสันติ. ตัวอย่างเช่น เมื่อฝูงสัตว์เลี้ยงของอับราฮามเพิ่มมากขึ้น คนเลี้ยงสัตว์ของท่านกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลตผู้เป็นหลานชายทะเลาะกัน. (เย. 12:5; 13:7) เห็นได้ชัดว่าทางแก้ก็คืออับราฮามกับโลตควรแยกกันอยู่. อับราฮามจะจัดการสถานการณ์ที่เปราะบางนี้อย่างไร? แทนที่จะถือว่าท่านอาวุโสกว่าและอ้างมิตรภาพพิเศษที่ท่านมีกับพระเจ้าแล้วสั่งหลานชายให้ทำตาม อับราฮามแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้สร้างสันติอย่างแท้จริง.
10 อับราฮามบอกหลานชายว่า “ขออย่าให้เราทุ่มเถียงกันเลย; อย่าให้คนเลี้ยงสัตว์ของเรากับคนเลี้ยงสัตว์ของเจ้าทะเลาะวุ่นวายกันเลย เพราะเราเป็นญาติสนิทกัน.” อับราฮามกล่าวต่อไปอีกว่า “พื้นแผ่นดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเจ้ามิใช่หรือ? เจ้าจงแยกออกไปตั้งให้ห่างเราเถิด: ถ้าเจ้าไปข้างซ้ายมือแล้ว, เราจะไปข้างขวามือ: หรือเจ้าจะไปข้างขวามือแล้ว, เราจะไปข้างซ้ายมือ.” โลตเลือกแผ่นดินส่วนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่อับราฮามก็ไม่ขุ่นเคืองเขา. (เย. 13:8-11) ในเวลาต่อมา เมื่อโลตถูกกองทัพศัตรูจับตัวไปเป็นเชลย อับราฮามรีบไปช่วยหลานชายอย่างไม่ลังเล.—เย. 14:14-16
11. อับราฮามรักษาสันติสุขกับเพื่อนบ้านชาวฟิลิสตินอย่างไร?
11 นอกจากนั้น ขอให้นึกถึงวิธีที่อับราฮามรักษาสันติสุขกับชาวฟิลิสตินซึ่งเป็นเพื่อนบ้านในแผ่นดินคะนาอัน. ชาวฟิลิสตินใช้กำลัง “แย่งเอา” บ่อน้ำที่คนรับใช้ของอับราฮามขุดไว้ที่บะเอระซาบา. ชายผู้ได้ช่วยหลานชายด้วยการเอาชนะกษัตริย์สี่องค์ที่จับตัวเขาไปจะแสดงปฏิกิริยาต่อการกระทำดังกล่าวอย่างไร? แทนที่จะโต้กลับและยึดบ่อน้ำของท่านคืน อับราฮามไม่พูดหรือทำอะไรในเรื่องนี้. ต่อมา กษัตริย์ฟิลิสตินมาหาอับราฮามเพื่อทำสัญญาเป็นมิตรไมตรีกัน. อับราฮามรอจนกษัตริย์ฟิลิสตินขอให้ท่านสาบานว่าจะแสดงความกรุณาต่อลูกหลานของเขาเสียก่อน แล้วท่านจึงนำเรื่องบ่อน้ำที่ถูกยึดไปขึ้นมาพูด. กษัตริย์ตกใจเมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น และคืนบ่อน้ำให้อับราฮาม. ส่วนอับราฮามก็อยู่อย่างสงบสุขต่อไปในฐานะคนต่างด้าวในแผ่นดินนั้น.—เย. 21:22-31, 34
12, 13. (ก) ยิศฮาคทำตามแบบอย่างของบิดาอย่างไร? (ข) พระยะโฮวาทรงอวยพรแนวทางที่รักสันติของยิศฮาคอย่างไร?
12 ยิศฮาคบุตรชายของอับราฮามเลียนแบบบิดาโดยดำเนินชีวิตอย่างรักสันติ. เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากวิธีที่ยิศฮาคจัดการปัญหากับชาวฟิลิสติน. เนื่องจากมีการกันดารอาหารในแผ่นดิน ยิศฮาคจึงย้ายครอบครัวไปทางเหนือ จากบ่อน้ำลาฮายรอยในภูมิภาคอันแห้งแล้งของเนเกบไปอยู่ในเขตที่อุดมสมบูรณ์กว่าของชาวฟิลิสตินที่ฆะราร. ที่นั่น พระยะโฮวาทรงอวยพรยิศฮาคให้ได้พืชผลอุดมสมบูรณ์และฝูงปศุสัตว์ของท่านก็เพิ่มทวี. พวกฟิลิสตินเริ่มอิจฉาท่าน. เพราะไม่อยากให้ยิศฮาคเจริญรุ่งเรืองเหมือนบิดาท่าน พวกฟิลิสตินจึงถมบ่อน้ำที่คนรับใช้ของอับราฮามได้ขุดไว้ในเขตนั้น. ในที่สุด กษัตริย์ฟิลิสตินก็บอกยิศฮาคให้ ‘ไปเสียจากพวกเขา.’ ยิศฮาคผู้รักสันติยอมทำตาม.—เย. 24:62; 26:1, 12-17, ฉบับ R73
13 หลังจากที่ยิศฮาคย้ายค่ายพักไกลออกไป คนเลี้ยงแกะของท่านก็ขุดบ่อน้ำอีกบ่อหนึ่ง. คนเลี้ยงแกะชาวฟิลิสตินอ้างว่าน้ำในบ่อนั้นเป็นของพวกเขา. เช่นเดียวกับอับราฮามบิดาของท่าน ยิศฮาคไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงบ่อน้ำกับพวกเขา. แทนที่จะทำอย่างนั้น ยิศฮาคบอกให้คนของท่านขุดบ่อน้ำอีกบ่อหนึ่ง. ชาวฟิลิสตินอ้างอีกว่าบ่อน้ำนี้เป็นของพวกเขา. เพื่อรักษาสันติสุข ยิศฮาคย้ายค่ายพักขนาดใหญ่ของท่านไปอีกที่หนึ่ง. คนรับใช้ของท่านขุดบ่อน้ำอีกบ่อหนึ่งที่นั่น ซึ่งยิศฮาคเรียกบ่อน้ำนี้ว่าระโฮโบธ. ต่อมา ท่านย้ายไปอยู่ที่เขตบะเอระซาบาซึ่งอุดมสมบูรณ์กว่า และพระยะโฮวาทรงอวยพรท่านและบอกท่านว่า “เจ้าอย่ากลัวเลย, ด้วยเราจะอยู่กับเจ้า; เราจะอวยพรให้เจ้า, จะบันดาลให้พงศ์พันธุ์ของเจ้าทวีมากขึ้น เพราะเห็นแก่อับราฮามทาสของเรา.”—14. ยิศฮาคแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเป็นผู้สร้างสันติเมื่อกษัตริย์ฟิลิสตินขอทำสัญญาเป็นมิตรไมตรีกับท่าน?
14 แน่นอน ยิศฮาคมีความสามารถที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของท่านในการใช้บ่อน้ำทั้งหมดที่คนรับใช้ท่านขุดไว้. ที่จริง พระยะโฮวาทรงหนุนหลังท่านอยู่. แม้แต่กษัตริย์ฟิลิสตินก็ยอมรับในเรื่องนี้. กษัตริย์กับขุนนางมาหาท่านที่บะเอระซาบาและขอทำสัญญาเป็นมิตรไมตรีกับท่าน. ในโอกาสนั้น กษัตริย์กล่าวกับยิศฮาคว่า “เราเห็นเป็นแน่ว่าพระยะโฮวาทรงสถิตอยู่กับท่าน.” ถึงกระนั้น เพื่อเห็นแก่สันติสุข มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่ยิศฮาคเลือกจะย้ายไปแทนที่จะสู้รบ. ในครั้งนี้ก็เช่นกันที่ยิศฮาคแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้สร้างสันติ. บันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า “ยิศฮาคก็ทำการเลี้ยง [ผู้มาเยือน], และเขาทั้งหลายก็พากันรับประทานและดื่ม. ครั้นรุ่งเช้าแล้วเขาทั้งสองฝ่ายก็ลุกขึ้นตั้งสัญญาสาบานไว้ต่อกัน, แล้วยิศฮาคก็ส่งคนเหล่านั้นไปด้วยความสุข.”—เย. 26:26-31
เรียนรู้จากตัวอย่างของบุตรชายที่ยาโคบรักมากที่สุด
15. ทำไมพวกพี่ชายไม่ยอมพูดดีกับโยเซฟ?
15 ยาโคบบุตรชายของยิศฮาคเติบโตขึ้นเป็น “คนชอบความสงบ.” (เย. 25:27, ล.ม.) ดังที่พิจารณาไปแล้วตอนต้น ยาโคบพยายามสร้างสันติกับเอซาวพี่ชาย. ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยาโคบได้รับประโยชน์จากแบบอย่างในเรื่องการเป็นคนรักสันติของยิศฮาคผู้เป็นบิดา. อาจกล่าวอะไรได้เกี่ยวกับเหล่าบุตรของยาโคบ? ในบรรดาบุตรชายทั้งหมด 12 คน โยเซฟเป็นคนที่ยาโคบรักที่สุด. โยเซฟเป็นบุตรที่เชื่อฟังและมีความนับถือซึ่งสนใจอย่างแท้จริงในผลประโยชน์ของบิดา. (เย. 37:2, 14) อย่างไรก็ตาม พวกพี่ชายของโยเซฟเริ่มอิจฉาท่านมากจนไม่ยอมพูดดีด้วย. พวกเขาปฏิบัติอย่างโหดร้ายโดยขายโยเซฟไปเป็นทาสและหลอกบิดาให้เชื่อว่าโยเซฟถูกสัตว์ร้ายฆ่าตาย.—เย. 37:4, 28, 31-33
16, 17. โยเซฟแสดงให้เห็นอย่างไรว่าท่านเป็นคนรักสันติในการปฏิบัติต่อพวกพี่ชาย?
16 พระยะโฮวาทรงอยู่กับโยเซฟ. ต่อมา โยเซฟได้เป็นมหาเสนาบดี ซึ่งมีอำนาจเป็นที่สองรองจากฟาโรห์เท่านั้น. เมื่อเกิดการกันดารอาหารอย่างรุนแรงซึ่งทำให้พวกพี่ชายโยเซฟต้องเดินทางมาอียิปต์ พวกเขาจำโยเซฟที่อยู่ในชุดขุนนางอียิปต์ไม่ได้ด้วยซ้ำ. (เย. 42:5-7) เป็นเรื่องง่ายสักเพียงไรที่โยเซฟจะแก้แค้นพวกพี่ชายที่ปฏิบัติต่อท่านและบิดาอย่างโหดร้าย! แต่แทนที่จะแก้แค้น โยเซฟพยายามสร้างสันติกับพวกพี่ชาย. เมื่อเห็นได้ชัดแล้วว่าพวกพี่ชายกลับใจ ท่านก็แสดงตัวต่อพวกเขาและกล่าวว่า “อย่าขึ้งโกรธแก่ตัวเอง เพราะการที่ขายเรามาที่นี่เป็นด้วยพระเจ้าได้ทรงใช้เราให้มาข้างหน้าพวกท่าน, เพื่อจะได้ช่วยชนทั้งหลายให้รอดชีวิต.” แล้วโยเซฟก็จูบพี่ชายทุกคนและกอดกันร้องไห้.—เย. 45:1, 5, 15
17 หลังจากยาโคบผู้เป็นบิดาสิ้นชีวิต พวกพี่ชายของโยเซฟคิดว่าท่านอาจแก้แค้นพวกเขา. เมื่อโยเซฟรู้ว่าพวกพี่ชายกลัวท่าน ท่านก็ “ร้องไห้” และบอกว่า “อย่ากลัวไปเลย เราจะเลี้ยงดูพวกท่านและลูก ๆ ของท่าน.” โยเซฟผู้รักสันติ “ให้ความมั่นใจและพูดให้พวกเขาใจชื้น.”—เย. 50:15-21, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
“เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา”
18, 19. (ก) คุณได้รับประโยชน์อย่างไรจากการพิจารณาตัวอย่างต่าง ๆ ของผู้สร้างสันติในบทความนี้? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความถัดไป?
18 เปาโลเขียนว่า “ทุกสิ่งที่เขียนไว้ก่อนแล้วก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังโดยความเพียรอดทนของเราและโดยการชูใจจากพระคัมภีร์.” (โรม 15:4) เราได้รับประโยชน์อย่างไรจากการพิจารณาไม่เพียงแค่จากตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของพระยะโฮวา แต่จากเรื่องราวของอับราฮาม ยิศฮาค ยาโคบ และโยเซฟด้วย?
19 การใคร่ครวญด้วยความขอบคุณในสิ่งที่พระยะโฮวาได้ทำเพื่อฟื้นฟูสายสัมพันธ์ที่สูญเสียไประหว่างพระองค์กับมนุษยชาติที่ผิดบาปกระตุ้นเราให้ทำทุกสิ่งที่เราทำได้เพื่อจะมีสันติสุขกับคนอื่น ๆ ไหม? ตัวอย่างของอับราฮาม ยิศฮาค ยาโคบ และโยเซฟแสดงให้เห็นว่าบิดามารดาอาจเป็นอิทธิพลที่ดีต่อลูก ๆ ของเขา. นอกจากนั้น เรื่องราวเหล่านี้ยังแสดงด้วยว่าพระยะโฮวาทรงอวยพรคนที่พยายามสร้างสันติ. ไม่แปลกที่เปาโลกล่าวถึงพระยะโฮวาว่าเป็น “พระเจ้าผู้ทรงประทานสันติสุข”! (อ่านโรม 15:33; 16:20) บทความถัดไปจะพิจารณาว่าทำไมเปาโลจึงเน้นว่าเราจำเป็นต้องสร้างสันติ และเราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร.
คุณได้เรียนรู้อะไร?
• ยาโคบพยายามสร้างสันติอย่างไรเมื่อท่านกำลังจะพบกับเอซาว?
• คุณได้รับการกระตุ้นอย่างไรจากสิ่งที่พระยะโฮวาได้ทำเพื่อมนุษยชาติจะคืนดีกับพระองค์ได้?
• คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากตัวอย่างของอับราฮาม ยิศฮาค ยาโคบ และโยเซฟซึ่งเป็นผู้สร้างสันติ?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 23]
อะไรสำคัญที่สุดในบรรดาสิ่งที่ยาโคบพยายามทำเพื่อสร้างสันติกับเอซาว?